ครั้งแรก…ที่ผมได้เจอยูจิน น่ะเหรอครับ
ก็คงเป็นตอนที่ผมเรียนในโรงเรียนนั้นมาได้ราวครึ่งปีได้มั้ง นั่นก็หมายความว่า ยูจินไม่ใช่เพื่อนร่วมชั้นของผมนั่นเอง
ผมเห็นเจ้านั่นมันตั้งแต่แว๊ปแรกที่หน้าโรงเรียนครับ มันกำลังเดินมาเรียนจากหอพักของมันซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนนัก
วันนั้นมันใส่เสื้อสีขาวแขนสั้นเข้ารูปแนบไปกับหุ่นที่ออกแนวนักกล้ามของมัน ก็ถือว่า ค่อนข้างสะดุดตาทีเดียวครับกับสาวๆ
ชาวต่างชาติคนอื่นๆที่ผมคิดว่ามีไม่น้อยเลยที่คงสนใจในตัวมันอยู่…ไม่น้อยไปกว่า…555อย่าดีกว่า
ยูจินเรียนห้องเดียวกับฌอนครับ ยูจินเป็นเด็กที่มีพื้นฐานเรื่องการเรียนในสาขานั้นมาก่อนอยู่แล้วจึงสามารถย้ายเข้ามาเรียนกลางคันได้
ก็คล้ายๆกับฌอนแหละ ที่มีพื้นมาก่อนหน้านั้นแล้ว ก็เลยได้เรียนห้องเดียวกัน
วันนั้น..ผมทำได้แค่มองเจ้านั่นแบบผ่านๆ ที่ผมเองก็คิดแค่ว่า ก็คงมองผ่านแล้วก็จะผ่านเลยไป…เพราะแม้แต่หน้าผม มันยังไม่มองกลับมาด้วยซ้ำนี่ครับ ผมก็ไม่รู้ว่าไอ้นี่มันหยิ่งหรือว่าอะไรนะแต่ว่ามันไม่ค่อยพูดคุยกับใครมากนักในโรงเรียนของเรา..ไม่ค่อยยิ้ม..ดูเก๊กๆ คือบอกได้คำเดียวว่านาทีแรกที่ใครก็ตามเห็นหน้าไอ้นี่นะ จะต้องชอบครึ่งไม่ชอบครึ่งนั่นแหละ…ช่วยไม่ได้นี่นา..อยากดูหยิ่งเกินไปก็ต้องเจอแบบนั้นแหละ
วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆเกือบๆเดือนมั้งครับ ทีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใกล้ๆโรงเรียนเราจัดงานประจำฤดูขึ้นมา อ่อ ลืมบอกไปว่า คนจัดงานน่ะเป็นนักเรียนที่กำลังเรียนด้านการต่างประเทศและกลุ่มคลับชมรมที่สนใจในภาษาอังกฤษ…และเนื่องจากว่าโรงเรียนเรามีนักเรียนต่างชาติเยอะมากก็เลยเป็นธรรมดาที่พวกเรามักจะได้รับเชิญไปในงานแบบนี้น่ะครับ ไม่เว้นแม้กระทั่งนักเรียนไทย เกาหลี จีน หรือญี่ปุ่นเองก็ตามที่มีความสนใจในกิจกรรมแบบนี้ แรกๆผมก็ไม่ได้สนใจจะไปหรอกนะครับ เพราะว่า ในห้องผมมันไม่มีใครสนใจที่จะไปด้วยเลยแม้แต่คนเดียว..
บังเอิญว่า วันนั้นผมลงมาซื้อนน้ำด้านล่างและเจอกับฌอน..ฌอนทักผมเป็นภาษาญี่ปุ่นทันทีว่า เอ็มซี เป็นไงมั่ง สบายดีไหม???? และ
บลาๆๆ ถึงจะใช้ภาษาญี่ปุ่นแต่ฌอนพูดด้วยลักษณะภาษาของตัวเองก็คือ อังกฤษ นั่นเองครับ ผมก็เลยตอบไปห้วนๆว่า ก็เรื่อยๆ อ่ะ ไม่มีไรน่าสนใจหรอกช่วงนี้ น่าเบื่อออก พอฌอนได้ยินแบบนั้น จุดเริ่มต้นของผมกับเจ้ายูจินจึงได้เริ่มขึ้น
ฌอน – อ้าว ถ้านายเบื่องั้นไปงานเทศกาลประจำฤดูกับห้องเราไหมล่ะ ? เพื่อนๆห้องเราไปกันไม่กี่คน นายไปอีกคนคงสนุกดี มันมีกิจกรรมหลายอย่างเลยนะ
ผม – อืม…คิดก่อนล่ะกัน ห้องเราไม่มีใครไปเลยว่ะ ไว้ว่ากันอีกทีนะ แล้วจะส่งข้อความไปบอก ไว้เจอกัน
ฌอน – โอเค ตามนั้น เทคแคร์
วันต่อมา
ผมส่งข้อความไปบอกมันว่า ผมไปด้วยก็ได้ เพราะว่าไม่มีไรทำ ลองไปดูก็ดี เจอกันหน้าโรงเรียนนะ แล้วค่อยเดินไปด้วยกัน จอดจักรยานไว้โรงเรียนหาที่จอดง่ายดี ถ้าเอาไปที่ม.นั้นเดี๋ยวต้องหาที่จอดดีๆอีก ดีไม่ดีได้เดินอีกไกล สู้เดินไปแต่แรกเลยจะดีกว่า
ฌอน เซย์ โอเค เดน ซี ยะ เลเตอร์…
ตอนนั้นผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันที่ผมจะไปเที่ยวงานกับฌอนน่ะจะเป็นวันที่ผมได้รู้จักกับยูจิน คนที่ผมไม่เคยคิดว่ามันจะสนใจไปงานแบบนี้
ขอบใจนะฌอน
Thank you so much for invited me and I have to say thanks to myself that I decided to join the event that day.
ภูริ
อยากให้ลองอ่านดู
ก็คงเป็นตอนที่ผมเรียนในโรงเรียนนั้นมาได้ราวครึ่งปีได้มั้ง นั่นก็หมายความว่า ยูจินไม่ใช่เพื่อนร่วมชั้นของผมนั่นเอง
ผมเห็นเจ้านั่นมันตั้งแต่แว๊ปแรกที่หน้าโรงเรียนครับ มันกำลังเดินมาเรียนจากหอพักของมันซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนนัก
วันนั้นมันใส่เสื้อสีขาวแขนสั้นเข้ารูปแนบไปกับหุ่นที่ออกแนวนักกล้ามของมัน ก็ถือว่า ค่อนข้างสะดุดตาทีเดียวครับกับสาวๆ
ชาวต่างชาติคนอื่นๆที่ผมคิดว่ามีไม่น้อยเลยที่คงสนใจในตัวมันอยู่…ไม่น้อยไปกว่า…555อย่าดีกว่า
ยูจินเรียนห้องเดียวกับฌอนครับ ยูจินเป็นเด็กที่มีพื้นฐานเรื่องการเรียนในสาขานั้นมาก่อนอยู่แล้วจึงสามารถย้ายเข้ามาเรียนกลางคันได้
ก็คล้ายๆกับฌอนแหละ ที่มีพื้นมาก่อนหน้านั้นแล้ว ก็เลยได้เรียนห้องเดียวกัน
วันนั้น..ผมทำได้แค่มองเจ้านั่นแบบผ่านๆ ที่ผมเองก็คิดแค่ว่า ก็คงมองผ่านแล้วก็จะผ่านเลยไป…เพราะแม้แต่หน้าผม มันยังไม่มองกลับมาด้วยซ้ำนี่ครับ ผมก็ไม่รู้ว่าไอ้นี่มันหยิ่งหรือว่าอะไรนะแต่ว่ามันไม่ค่อยพูดคุยกับใครมากนักในโรงเรียนของเรา..ไม่ค่อยยิ้ม..ดูเก๊กๆ คือบอกได้คำเดียวว่านาทีแรกที่ใครก็ตามเห็นหน้าไอ้นี่นะ จะต้องชอบครึ่งไม่ชอบครึ่งนั่นแหละ…ช่วยไม่ได้นี่นา..อยากดูหยิ่งเกินไปก็ต้องเจอแบบนั้นแหละ
วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆเกือบๆเดือนมั้งครับ ทีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใกล้ๆโรงเรียนเราจัดงานประจำฤดูขึ้นมา อ่อ ลืมบอกไปว่า คนจัดงานน่ะเป็นนักเรียนที่กำลังเรียนด้านการต่างประเทศและกลุ่มคลับชมรมที่สนใจในภาษาอังกฤษ…และเนื่องจากว่าโรงเรียนเรามีนักเรียนต่างชาติเยอะมากก็เลยเป็นธรรมดาที่พวกเรามักจะได้รับเชิญไปในงานแบบนี้น่ะครับ ไม่เว้นแม้กระทั่งนักเรียนไทย เกาหลี จีน หรือญี่ปุ่นเองก็ตามที่มีความสนใจในกิจกรรมแบบนี้ แรกๆผมก็ไม่ได้สนใจจะไปหรอกนะครับ เพราะว่า ในห้องผมมันไม่มีใครสนใจที่จะไปด้วยเลยแม้แต่คนเดียว..
บังเอิญว่า วันนั้นผมลงมาซื้อนน้ำด้านล่างและเจอกับฌอน..ฌอนทักผมเป็นภาษาญี่ปุ่นทันทีว่า เอ็มซี เป็นไงมั่ง สบายดีไหม???? และ
บลาๆๆ ถึงจะใช้ภาษาญี่ปุ่นแต่ฌอนพูดด้วยลักษณะภาษาของตัวเองก็คือ อังกฤษ นั่นเองครับ ผมก็เลยตอบไปห้วนๆว่า ก็เรื่อยๆ อ่ะ ไม่มีไรน่าสนใจหรอกช่วงนี้ น่าเบื่อออก พอฌอนได้ยินแบบนั้น จุดเริ่มต้นของผมกับเจ้ายูจินจึงได้เริ่มขึ้น
ฌอน – อ้าว ถ้านายเบื่องั้นไปงานเทศกาลประจำฤดูกับห้องเราไหมล่ะ ? เพื่อนๆห้องเราไปกันไม่กี่คน นายไปอีกคนคงสนุกดี มันมีกิจกรรมหลายอย่างเลยนะ
ผม – อืม…คิดก่อนล่ะกัน ห้องเราไม่มีใครไปเลยว่ะ ไว้ว่ากันอีกทีนะ แล้วจะส่งข้อความไปบอก ไว้เจอกัน
ฌอน – โอเค ตามนั้น เทคแคร์
วันต่อมา
ผมส่งข้อความไปบอกมันว่า ผมไปด้วยก็ได้ เพราะว่าไม่มีไรทำ ลองไปดูก็ดี เจอกันหน้าโรงเรียนนะ แล้วค่อยเดินไปด้วยกัน จอดจักรยานไว้โรงเรียนหาที่จอดง่ายดี ถ้าเอาไปที่ม.นั้นเดี๋ยวต้องหาที่จอดดีๆอีก ดีไม่ดีได้เดินอีกไกล สู้เดินไปแต่แรกเลยจะดีกว่า
ฌอน เซย์ โอเค เดน ซี ยะ เลเตอร์…
ตอนนั้นผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันที่ผมจะไปเที่ยวงานกับฌอนน่ะจะเป็นวันที่ผมได้รู้จักกับยูจิน คนที่ผมไม่เคยคิดว่ามันจะสนใจไปงานแบบนี้
ขอบใจนะฌอน
Thank you so much for invited me and I have to say thanks to myself that I decided to join the event that day.
ภูริ