(กระทู้นี้ต่อจากกระทู้
http://pantip.com/topic/33778435 เราไปหาดใหญ่กับหลีเป๊ะมาก่อน3วันก่อนที่จะเดินทางมาปีนัง ใครสนใจเส้นทางการเดินทางนี้ก็สามารถคลิ๊กไปดูได้เลยค่ะ)
หลังจากการเดินทางอันแสนยาวไกล และแล้วเราก็มาถึง…ปีนัง กันซะที
นี่เป็นครั้งแรกที่มาเที่ยวปีนัง เราจองโรงแรม muntri mews มาจาก agoda โดยอ่านreviewของโรงแรมจาก tripadvisor
เราให้รถมาส่งถึงที่โรงแรมเลย โรงแรม Muntri Mews อยู่บนถนน Mutri Street ซึ่งเป็น area ที่ค่อนข้างดี สามารถเดินไปไหนมาไหนได้สะดวก แถวๆนั้นก็มีโรงแรมและโฮสเทลอยู่ติดๆกัน ฝรั่งที่มาbackpackก็จะมาอยู่พวกโฮสเทลมีทั้งแบบห้องรวมกับคนอื่น หรือก็เหมาทั้งห้องไป
โรงแรมที่เราอยู่ถือว่าอยู่ในระดับค่อยข้างดี เป็นตึกเก่าแล้วเอามาทำโรงแรมในสไตล์ boutique
เข้ามาก็จะเจอร้านอาหาร Mews Café และ front desk ซึ่งเป็นโต๊ะเล็กๆ ส่วนของโรงแรมจะมีประตูรั้วกั้นเอาไว้เพื่อความเป็นส่วนตัวของแขกที่มาพัก
แขกที่มาทานอาหารจะไม่สามารถเข้าไปในส่วนด้านในได้

เราจองห้องมาเป็นแบบ Mew’s Suite/Premium Double Room เข้าไปในห้องก็จะเจอโซฟายาวหนึ่งตัว

มีผลไม้กับชาตั้งไว้ให้ที่โต๊ะกลาง

ส่วนที่นอนก็จะมี2เตียงติดกัน และมีมุ้งปิดตรงปลายเตียง

ห้องน้ำจะไม่ใหญ่มาก และไม่มีอ่างอาบน้ำ

ด้านนอกของห้องพัก เปิดออกมาก็จะเป็นเหมือนส่วนกลางของโรงแรม จะมีที่นั่งชิวอยู่ตรงข้าม

ทางโรงแรมจะมีแผนที่เที่ยวบริเวณโรงแรมเอาไว้ให้ ซึ่งมีข้อมูลบอกไว้ค่อนข้างดีเลย

…พอเราเก็บของเสร็จก็เริ่มออกมาเดินเล่นข้างนอก ออกมาตรงข้ามโรงแรมก็เจอstreet artอันแรกเลย

เดินไปเรื่อยๆก็จะเห็นว่าตึกแถวนี้จะเป็นแนวเก่าๆสีๆ

มีสามล้อถีบเอาไว้(หลอก)ให้นักท่องเที่ยวนั่งชมเมือง

ตอนนั้นเรามาถึงก็เย็นแล้วเลยเดินไปแถวโรงแรมหาของกินกัน เดินไปเรื่อยๆก็เจอ chulia street มีขายอาหารข้างทาง อารมณ์เหมือนแถวยศเสบ้านเรา คนคึกคักมาก ที่นั่งก็เต็ม แต่ก็มีคนลุกเรื่อยๆ เราก็เลยตัดสินใจลองที่นี่แหละ
เจอร้านแรกก็เป็นบะหมี่เกี๊ยวหมูแดง บะหมี่แห้งของที่นี่ไม่เหมือนของบ้านเราตรงที่เค้าจะมีน้ำดำคล้ายๆซีอิ๊วดำใส่มาแบบคลุกคลิ รสชาติกลมกล่อมเข้ากันได้ดีเลย

ส่วนอีกร้านถัดมาก็เป็นก๋วยเตี๋ยวคล้ายๆlaksa ใส่เครื่องมาหลายอย่างทั้งปลาหมึกกรอบ ลูกชิ้น หอย เต้าหู้ อันนี้เราเฉยๆไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ มันแอบจืดนิดๆ

พอกินเสร็จ 2 ร้านก็เริ่มอื่มแต่ก็รู้สึกยังไม่ซะใจ เลยเดินกลับไปหาคาเฟ่นั่งพัก ดูแผนที่ หาข้อมูลการเดินทางเพิ่มอีกหน่อย

สุดท้ายก็เจอว่ามีที่ขายอาหารอีกที่หนึ่งอยู่ถนน Lorong Baru ตรงหน้าโรงแรม sunway เดินจากโรงแรมไปก็ประมาณ 15 นาทีได้
พอใกล้ๆถึงก็จะสังเกตเห็นได้ง่ายเพราะคนเยอะ

แต่ร้านที่คนเยอะสุดก็ต้องเป็นร้านที่ขาย Char Koay Teow ซึ่งมองผ่านๆแล้วก็เหมือนผัดไทบ้านเรานี่แหละ เราเห็นคนเยอะก็เลยเดินไปต่อคิวบ้าง คนผัดเขาก็ดูผัดเรื่อยๆทีละจาน2จาน ไม่ได้ผัดทีเดียวกระทะใหญ่ๆแล้วมาแบ่งนะ

เวลามากินร้านอาหารข้างทางที่ปีนัง เราสามารถซื้ออาหารร้านไหนก็ได้แล้วมานั่งโต๊ะไหนก็ได้ แต่ทุกโต๊ะที่เราไปนั่งก็จะมีร้านขายน้ำเข้ามาถามว่าจะเอาน้ำอะไร ประมาณว่าแต่ละร้านขายน้ำจะเป็นเข้าของโต๊ะแต่ละโซน
แต่ไม่ว่าจะร้านไหน เราแนะนำให้ลองสั่งน้ำส้ม ติดใจมาก สั่ง3แก้วติดเลย
โต๊ะที่เรานั่งมันอยู่ข้างๆร้านขายไก่ย่าง เห็นแล้วมันน่าโดนเลยสั่งมาลอง ก็โอเค น้ำจิ้มจะออกหวานๆหน่อย กินได้เรื่อยๆ

อีกอย่างที่เห็นแล้วรู้สึกแปลกก็คือจานนี้
เขาเอาผลไม้หลายๆอย่างเช่นชมพู่ มันแกว แตงกวา สัปปะรดมารวมๆกันแล้วราดซอสหวานๆเผ็ดๆแล้วก็โรยด้วยถั่ว คำแรกกินเข้าไปรู้สึกแปลกๆมันมีกลิ่นนิดๆ

แต่กินไปกินมามันก็เพลินเหมือนกันนะ เกือบหมดแน่ะ -_-‘ ไม่ไหวล่ะ เดินย่อยกลับไปโรงแรมดีกว่า
วันแรกของปีนังก็จบลงด้วยความสมบูรณ์ ☺
** มาถึงวันที่ 5 ของการเดินทาง (***วันที่2ในปีนัง)…
ตื่นเช้ามากินbreakfastที่โรงแรม ที่นี่เค้าเสริฟถึง11โมงเลย
breakfastก็จะมีให้เลือกจากเมนูว่าจะสั่งอะไร และก็มีกาแฟกับน้ำส้มให้ด้วย

วันนี้เราลองเลือก scrambled eggs with smoked salmonดู หน้าตาดูธรรมดา แต่รสชาติไม่ธรรมดานะ

พออิ่มล่ะ ก็ถึงเวลาออกไปตะลุยปีนังกันแล้ว
เดินออกจากโรงแรมก็เจอสามล้อถีบมาเป็นขบวนเลย แต่ก็ไม่ขึ้นนะ เดินเอาดีกว่า

จากโรงแรมเราถัดไปประมาณ 3-4 ห้องก็เป็น camera museum ค่าเข้าผู้ใหญ่ RM 20 เด็กนักเรียนและคนชรา RM10

พอเข้ามาก็จะมีห้องแบ่งเป็นส่วนต่างๆ
• exhibition hall
• unique collection
• dark room
• pinhole room
• obscura room
เริ่มจากห้องแรกจะเป็น exhibition hall ห้องนี้จะมีการโชว์กล้องถ่ายรูปตั้งแต่สมัยยุค 80’s จนถึงยุคปัจจุบัยให้ดูว่ามีการพัฒนายังไงบ้าง
จะมีเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับกล้องถ่ายรูปตั้งแต่ยุคเริ่มต้น มีกล้องที่เป็น unique collection โชว์เอาไว้ให้ดูด้วย

ระหว่างแต่ละห้องก็จะมีสิ่งอื่นๆไว้ให้ดูเล่นอีก ต้องมาดูเอาเอง :p

นอกจากนี้ก็ยังมีห้องมึด (dark room) ให้เห็นว่าในห้องนั้นต้องมีอุปกรณอะไรบ้าง และต้องใช้แสงแบบไหน

พอเดินครบรอบก็ออกมาเจอแผนที่ street art พอดี เลยใช้แผนที่นี้แหละนำเราไปจุดต่างๆ
street art ของที่ปีนังก็จะมีผลงานของศิลปินหลายๆคน แต่ที่เราชอบก็จะเป็นของ Ernest Zacharevic ซึ่งเป็นศิลปินโด่งดังที่ทำให้ปีนังมีชื่อเสียงในด้านจิตรกรรมฝาผนัง ในแผนที่จะบอกเอาไว้ให้แล้วว่าแต่ละรูปนั้นอยู่จุดไหนบ้าง
เดินไประหว่างทางก็จะมีผลงานของคนอื่นๆอีก เรียกว่าเมืองนี้เต็มไปด้วยศิลปะจริงๆ

พอมาถึงรูปนี้ มันอยู่หน้าทางเดินเข้าไป chew jetty พอดี เลยเดินเข้าไปดูว่ามีอะไร ระหว่างทางเดินเข้าไปก็จะมีร้านขายของที่ระลึกต่างๆ ก็เหมือนสถานที่ท่องเที่ยวทั่วๆไป

เดินไปในสุดก็จะเจอทะเล ก็ไม่มีอะไร คนก็ไปถ่ายรูปกันแค่นั้นแหละ

เดินๆๆๆต่อไปเรื่อยๆตามแผนที่ก็จะไปแถวๆ armenian street ละแวกนี้จะมีstreet artเกาะกลุ่มกัน มีร้านขายของ มีให้เช่าจักรยาน
แต่…..สะดุดตาคือร้านขนม :p ตอนที่เจอรูปนี้แหละ

ขนมเค้าทำสดใหม่ตลอด อันที่เป็นข้าวเหนียวอร่อยดี

น้ำอันนี้ชอบมากก เป็นน้ำชาเก๊กฮวยกับgoji ดื่มแล้วดับร้อน พร้อมเดินต่อ

เดินไปเดินมาเห็นร้านมีให้เช่าจักรยานแบบคู่ น่ารักดี เลยเข้าไปเช่ามาเป็นตัวช่วยในการตามล่าstreet artซะหน่อย

เช่าจักรยานมาชั่วโมงนึง ก็พอจะช่วยได้เยอะเหมือนกัน เพราะมันมีหลังคา!!
พอปั่นครบชั่วโมงนึง เอาจักรยานมาคืน เหลือบไปเห็นตรงข้ามมีร้านกาแฟ chillnaidee เลยต้องไปสำรวจหน่อย เดี๋ยวหาว่าทำไมทริปนี้ไม่ไปร้านกาแฟเลย :p

ร้านนี้เค้าเพิ่งเปิดไม่นาน เป็นร้านกาแฟและมีห้องพักอยู่ 2 ห้อง เห็นบอกว่ากำลังทำครัว อีกไม่นานจะมีขายอาหารด้วย

เราดูเมนูแล้วลองสั่งแก้วนี้ มันป็น coffee cherry ใส่กับโซดา ดื่มแล้วสดชื่นดี
(อ่านต่อในคอมเม้นท์....)
[CR] ชิวไหนดี ตะลุยปีนัง (ทริปต่อจาก หาดใหญ่-หลีเป๊ะ)
หลังจากการเดินทางอันแสนยาวไกล และแล้วเราก็มาถึง…ปีนัง กันซะที
นี่เป็นครั้งแรกที่มาเที่ยวปีนัง เราจองโรงแรม muntri mews มาจาก agoda โดยอ่านreviewของโรงแรมจาก tripadvisor
เราให้รถมาส่งถึงที่โรงแรมเลย โรงแรม Muntri Mews อยู่บนถนน Mutri Street ซึ่งเป็น area ที่ค่อนข้างดี สามารถเดินไปไหนมาไหนได้สะดวก แถวๆนั้นก็มีโรงแรมและโฮสเทลอยู่ติดๆกัน ฝรั่งที่มาbackpackก็จะมาอยู่พวกโฮสเทลมีทั้งแบบห้องรวมกับคนอื่น หรือก็เหมาทั้งห้องไป
โรงแรมที่เราอยู่ถือว่าอยู่ในระดับค่อยข้างดี เป็นตึกเก่าแล้วเอามาทำโรงแรมในสไตล์ boutique
เข้ามาก็จะเจอร้านอาหาร Mews Café และ front desk ซึ่งเป็นโต๊ะเล็กๆ ส่วนของโรงแรมจะมีประตูรั้วกั้นเอาไว้เพื่อความเป็นส่วนตัวของแขกที่มาพัก
แขกที่มาทานอาหารจะไม่สามารถเข้าไปในส่วนด้านในได้
เราจองห้องมาเป็นแบบ Mew’s Suite/Premium Double Room เข้าไปในห้องก็จะเจอโซฟายาวหนึ่งตัว
มีผลไม้กับชาตั้งไว้ให้ที่โต๊ะกลาง
ส่วนที่นอนก็จะมี2เตียงติดกัน และมีมุ้งปิดตรงปลายเตียง
ห้องน้ำจะไม่ใหญ่มาก และไม่มีอ่างอาบน้ำ
ด้านนอกของห้องพัก เปิดออกมาก็จะเป็นเหมือนส่วนกลางของโรงแรม จะมีที่นั่งชิวอยู่ตรงข้าม
ทางโรงแรมจะมีแผนที่เที่ยวบริเวณโรงแรมเอาไว้ให้ ซึ่งมีข้อมูลบอกไว้ค่อนข้างดีเลย
…พอเราเก็บของเสร็จก็เริ่มออกมาเดินเล่นข้างนอก ออกมาตรงข้ามโรงแรมก็เจอstreet artอันแรกเลย
เดินไปเรื่อยๆก็จะเห็นว่าตึกแถวนี้จะเป็นแนวเก่าๆสีๆ
มีสามล้อถีบเอาไว้(หลอก)ให้นักท่องเที่ยวนั่งชมเมือง
ตอนนั้นเรามาถึงก็เย็นแล้วเลยเดินไปแถวโรงแรมหาของกินกัน เดินไปเรื่อยๆก็เจอ chulia street มีขายอาหารข้างทาง อารมณ์เหมือนแถวยศเสบ้านเรา คนคึกคักมาก ที่นั่งก็เต็ม แต่ก็มีคนลุกเรื่อยๆ เราก็เลยตัดสินใจลองที่นี่แหละ
เจอร้านแรกก็เป็นบะหมี่เกี๊ยวหมูแดง บะหมี่แห้งของที่นี่ไม่เหมือนของบ้านเราตรงที่เค้าจะมีน้ำดำคล้ายๆซีอิ๊วดำใส่มาแบบคลุกคลิ รสชาติกลมกล่อมเข้ากันได้ดีเลย
ส่วนอีกร้านถัดมาก็เป็นก๋วยเตี๋ยวคล้ายๆlaksa ใส่เครื่องมาหลายอย่างทั้งปลาหมึกกรอบ ลูกชิ้น หอย เต้าหู้ อันนี้เราเฉยๆไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ มันแอบจืดนิดๆ
พอกินเสร็จ 2 ร้านก็เริ่มอื่มแต่ก็รู้สึกยังไม่ซะใจ เลยเดินกลับไปหาคาเฟ่นั่งพัก ดูแผนที่ หาข้อมูลการเดินทางเพิ่มอีกหน่อย
สุดท้ายก็เจอว่ามีที่ขายอาหารอีกที่หนึ่งอยู่ถนน Lorong Baru ตรงหน้าโรงแรม sunway เดินจากโรงแรมไปก็ประมาณ 15 นาทีได้
พอใกล้ๆถึงก็จะสังเกตเห็นได้ง่ายเพราะคนเยอะ
แต่ร้านที่คนเยอะสุดก็ต้องเป็นร้านที่ขาย Char Koay Teow ซึ่งมองผ่านๆแล้วก็เหมือนผัดไทบ้านเรานี่แหละ เราเห็นคนเยอะก็เลยเดินไปต่อคิวบ้าง คนผัดเขาก็ดูผัดเรื่อยๆทีละจาน2จาน ไม่ได้ผัดทีเดียวกระทะใหญ่ๆแล้วมาแบ่งนะ
เวลามากินร้านอาหารข้างทางที่ปีนัง เราสามารถซื้ออาหารร้านไหนก็ได้แล้วมานั่งโต๊ะไหนก็ได้ แต่ทุกโต๊ะที่เราไปนั่งก็จะมีร้านขายน้ำเข้ามาถามว่าจะเอาน้ำอะไร ประมาณว่าแต่ละร้านขายน้ำจะเป็นเข้าของโต๊ะแต่ละโซน
แต่ไม่ว่าจะร้านไหน เราแนะนำให้ลองสั่งน้ำส้ม ติดใจมาก สั่ง3แก้วติดเลย
โต๊ะที่เรานั่งมันอยู่ข้างๆร้านขายไก่ย่าง เห็นแล้วมันน่าโดนเลยสั่งมาลอง ก็โอเค น้ำจิ้มจะออกหวานๆหน่อย กินได้เรื่อยๆ
อีกอย่างที่เห็นแล้วรู้สึกแปลกก็คือจานนี้
เขาเอาผลไม้หลายๆอย่างเช่นชมพู่ มันแกว แตงกวา สัปปะรดมารวมๆกันแล้วราดซอสหวานๆเผ็ดๆแล้วก็โรยด้วยถั่ว คำแรกกินเข้าไปรู้สึกแปลกๆมันมีกลิ่นนิดๆ
แต่กินไปกินมามันก็เพลินเหมือนกันนะ เกือบหมดแน่ะ -_-‘ ไม่ไหวล่ะ เดินย่อยกลับไปโรงแรมดีกว่า
วันแรกของปีนังก็จบลงด้วยความสมบูรณ์ ☺
** มาถึงวันที่ 5 ของการเดินทาง (***วันที่2ในปีนัง)…
ตื่นเช้ามากินbreakfastที่โรงแรม ที่นี่เค้าเสริฟถึง11โมงเลย
breakfastก็จะมีให้เลือกจากเมนูว่าจะสั่งอะไร และก็มีกาแฟกับน้ำส้มให้ด้วย
วันนี้เราลองเลือก scrambled eggs with smoked salmonดู หน้าตาดูธรรมดา แต่รสชาติไม่ธรรมดานะ
พออิ่มล่ะ ก็ถึงเวลาออกไปตะลุยปีนังกันแล้ว
เดินออกจากโรงแรมก็เจอสามล้อถีบมาเป็นขบวนเลย แต่ก็ไม่ขึ้นนะ เดินเอาดีกว่า
จากโรงแรมเราถัดไปประมาณ 3-4 ห้องก็เป็น camera museum ค่าเข้าผู้ใหญ่ RM 20 เด็กนักเรียนและคนชรา RM10
พอเข้ามาก็จะมีห้องแบ่งเป็นส่วนต่างๆ
• exhibition hall
• unique collection
• dark room
• pinhole room
• obscura room
เริ่มจากห้องแรกจะเป็น exhibition hall ห้องนี้จะมีการโชว์กล้องถ่ายรูปตั้งแต่สมัยยุค 80’s จนถึงยุคปัจจุบัยให้ดูว่ามีการพัฒนายังไงบ้าง
จะมีเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับกล้องถ่ายรูปตั้งแต่ยุคเริ่มต้น มีกล้องที่เป็น unique collection โชว์เอาไว้ให้ดูด้วย
ระหว่างแต่ละห้องก็จะมีสิ่งอื่นๆไว้ให้ดูเล่นอีก ต้องมาดูเอาเอง :p
นอกจากนี้ก็ยังมีห้องมึด (dark room) ให้เห็นว่าในห้องนั้นต้องมีอุปกรณอะไรบ้าง และต้องใช้แสงแบบไหน
พอเดินครบรอบก็ออกมาเจอแผนที่ street art พอดี เลยใช้แผนที่นี้แหละนำเราไปจุดต่างๆ
street art ของที่ปีนังก็จะมีผลงานของศิลปินหลายๆคน แต่ที่เราชอบก็จะเป็นของ Ernest Zacharevic ซึ่งเป็นศิลปินโด่งดังที่ทำให้ปีนังมีชื่อเสียงในด้านจิตรกรรมฝาผนัง ในแผนที่จะบอกเอาไว้ให้แล้วว่าแต่ละรูปนั้นอยู่จุดไหนบ้าง
เดินไประหว่างทางก็จะมีผลงานของคนอื่นๆอีก เรียกว่าเมืองนี้เต็มไปด้วยศิลปะจริงๆ
พอมาถึงรูปนี้ มันอยู่หน้าทางเดินเข้าไป chew jetty พอดี เลยเดินเข้าไปดูว่ามีอะไร ระหว่างทางเดินเข้าไปก็จะมีร้านขายของที่ระลึกต่างๆ ก็เหมือนสถานที่ท่องเที่ยวทั่วๆไป
เดินไปในสุดก็จะเจอทะเล ก็ไม่มีอะไร คนก็ไปถ่ายรูปกันแค่นั้นแหละ
เดินๆๆๆต่อไปเรื่อยๆตามแผนที่ก็จะไปแถวๆ armenian street ละแวกนี้จะมีstreet artเกาะกลุ่มกัน มีร้านขายของ มีให้เช่าจักรยาน
แต่…..สะดุดตาคือร้านขนม :p ตอนที่เจอรูปนี้แหละ
ขนมเค้าทำสดใหม่ตลอด อันที่เป็นข้าวเหนียวอร่อยดี
น้ำอันนี้ชอบมากก เป็นน้ำชาเก๊กฮวยกับgoji ดื่มแล้วดับร้อน พร้อมเดินต่อ
เดินไปเดินมาเห็นร้านมีให้เช่าจักรยานแบบคู่ น่ารักดี เลยเข้าไปเช่ามาเป็นตัวช่วยในการตามล่าstreet artซะหน่อย
เช่าจักรยานมาชั่วโมงนึง ก็พอจะช่วยได้เยอะเหมือนกัน เพราะมันมีหลังคา!!
พอปั่นครบชั่วโมงนึง เอาจักรยานมาคืน เหลือบไปเห็นตรงข้ามมีร้านกาแฟ chillnaidee เลยต้องไปสำรวจหน่อย เดี๋ยวหาว่าทำไมทริปนี้ไม่ไปร้านกาแฟเลย :p
ร้านนี้เค้าเพิ่งเปิดไม่นาน เป็นร้านกาแฟและมีห้องพักอยู่ 2 ห้อง เห็นบอกว่ากำลังทำครัว อีกไม่นานจะมีขายอาหารด้วย
เราดูเมนูแล้วลองสั่งแก้วนี้ มันป็น coffee cherry ใส่กับโซดา ดื่มแล้วสดชื่นดี
(อ่านต่อในคอมเม้นท์....)