อันนี้เป็นความสงสัยน่ะครับก็เลยคิดว่าน่าจะชวนคุยกัน
สังคมมนุษย์ที่เราเห็นกันอยู่นี้นี่ ที่มีระบบสังคมซับซ้อนอยู่กันเป็นชุมชน อารยธรรมมนุษย์เกิดขึ้นมาได้ก็เพราะว่า ณ จุดหนึ่งเมื่อประมาณ 10,000 ปีก่อน เรารู้จักการเพาะปลูก การปศุสัตว์ เริ่มมีการเก็บเสบียงอาหาร ก็เลยเริ่มมีการอยู่กันเป็นหลักแหล่งเป็นชุมชน เพราะว่ามีเสบียงอาหารเหลือเฟือแล้วก็เลยเริ่มมีการแบ่งหน้าที่ไปทำอย่างอื่นกันบ้าง เกิดเป็นสังคมที่ซับซ้อนขึ้นมาได้ มีเครื่องปั้นดินเผา แล้วก็พัฒนามาด้วยความเร็วที่มากขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นอย่างที่เราเห็นกันในทุกวันนี้ ก่อนหน้าที่มนุษย์จะรู้จักการเพาะปลูก เราไม่มีการพัฒนาอะไรมากนักมานานมากนับแสนปี อยู่กันเป็นกลุ่มเล็กๆเหมือนฝูงสิงโต ดังนั้นถ้าจะนับว่าการเพาะปลูกเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดอารยธรรมก็คงได้นะครับ
อารมณ์เหมือนกับเล่นเกมพวก Civilization แล้วจิ้ม Settler ตัวแรกที่เกมให้มา แล้วกด b สร้างเมืองแรก...
ทีนี้ มันน่าสงสัยนะครับว่า การพัฒนาเปลี่ยนผ่านที่ว่านี้นี่ เกิดขึ้นพร้อมๆ/ในเวลาที่ไล่เลี่ยกันทั่วทั้งโลกโดยไม่ได้นัดหมายแต่ได้ผลสุดท้ายเหมือนกันหรือเปล่า หรือว่าเกิดขึ้น ณ จุดๆหนึ่งของโลก แล้วมันค่อยๆแพร่กระจายออกไปน่ะครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นความแตกต่างของเทคโนโลยีความก้าวหน้า ณ จุดต่างๆของโลกก็น่าจะมีมากกว่านี้มากพอสมควรก่อนที่จะเข้าสู่ยุคล่าอาณานิคม แต่จากที่ดูในประวัติศาสตร์มา ตั้งแต่ยุคบาลิโลนเนีย ยุคอียิปต์ โรมัน ยุคกลาง เรเนอซองค์ ความก้าวหน้าทางวิทยาการบนส่วนต่างๆของโลกก็ต่างกันไม่มาก อย่างมากก็หลักร้อยสองร้อยปี เผลอๆไม่กี่สิบปี ไม่ได้ต่างกันขนาดเป็นหมื่นปีแบบนั้น
ถ้าเป็นแบบแรกคือ มนุษย์หินทั่วโลกที่อยุ่เป็นฝูงล่าสัตว์เก็บพืชผักกิน เกิดการพัฒนารู้จักเกษตรกรรม พร้อมๆกัน ไล่เลี่ยกันโดยมิได้นัดหมายนี่ คิดว่ามีปัจจัยอะไรในช่วงนั้นที่ทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นหรือครับ เป็นความเคยชินจากยุคน้ำแข็งที่สามารถเก็บอาหารใต้แผ่นน้ำแข็งได้นาน เมื่อยุคน้ำแข็งสิ้นสุดลงก็พยายามหาวิธีเก็บรักษาอาหารใหม่ หรือว่าอะไรยังไง
มาคุยกันแสดงความคิดเห็นกัน ขอความชี้แนะหน่อยนะครับ
เราพัฒนาจากสังคม Hunter Gatherer มาเป็นสังคมที่มีการเพาะปลูก สังคมเมือง ได้อย่างไรครับ
สังคมมนุษย์ที่เราเห็นกันอยู่นี้นี่ ที่มีระบบสังคมซับซ้อนอยู่กันเป็นชุมชน อารยธรรมมนุษย์เกิดขึ้นมาได้ก็เพราะว่า ณ จุดหนึ่งเมื่อประมาณ 10,000 ปีก่อน เรารู้จักการเพาะปลูก การปศุสัตว์ เริ่มมีการเก็บเสบียงอาหาร ก็เลยเริ่มมีการอยู่กันเป็นหลักแหล่งเป็นชุมชน เพราะว่ามีเสบียงอาหารเหลือเฟือแล้วก็เลยเริ่มมีการแบ่งหน้าที่ไปทำอย่างอื่นกันบ้าง เกิดเป็นสังคมที่ซับซ้อนขึ้นมาได้ มีเครื่องปั้นดินเผา แล้วก็พัฒนามาด้วยความเร็วที่มากขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นอย่างที่เราเห็นกันในทุกวันนี้ ก่อนหน้าที่มนุษย์จะรู้จักการเพาะปลูก เราไม่มีการพัฒนาอะไรมากนักมานานมากนับแสนปี อยู่กันเป็นกลุ่มเล็กๆเหมือนฝูงสิงโต ดังนั้นถ้าจะนับว่าการเพาะปลูกเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดอารยธรรมก็คงได้นะครับ
อารมณ์เหมือนกับเล่นเกมพวก Civilization แล้วจิ้ม Settler ตัวแรกที่เกมให้มา แล้วกด b สร้างเมืองแรก...
ทีนี้ มันน่าสงสัยนะครับว่า การพัฒนาเปลี่ยนผ่านที่ว่านี้นี่ เกิดขึ้นพร้อมๆ/ในเวลาที่ไล่เลี่ยกันทั่วทั้งโลกโดยไม่ได้นัดหมายแต่ได้ผลสุดท้ายเหมือนกันหรือเปล่า หรือว่าเกิดขึ้น ณ จุดๆหนึ่งของโลก แล้วมันค่อยๆแพร่กระจายออกไปน่ะครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นความแตกต่างของเทคโนโลยีความก้าวหน้า ณ จุดต่างๆของโลกก็น่าจะมีมากกว่านี้มากพอสมควรก่อนที่จะเข้าสู่ยุคล่าอาณานิคม แต่จากที่ดูในประวัติศาสตร์มา ตั้งแต่ยุคบาลิโลนเนีย ยุคอียิปต์ โรมัน ยุคกลาง เรเนอซองค์ ความก้าวหน้าทางวิทยาการบนส่วนต่างๆของโลกก็ต่างกันไม่มาก อย่างมากก็หลักร้อยสองร้อยปี เผลอๆไม่กี่สิบปี ไม่ได้ต่างกันขนาดเป็นหมื่นปีแบบนั้น
ถ้าเป็นแบบแรกคือ มนุษย์หินทั่วโลกที่อยุ่เป็นฝูงล่าสัตว์เก็บพืชผักกิน เกิดการพัฒนารู้จักเกษตรกรรม พร้อมๆกัน ไล่เลี่ยกันโดยมิได้นัดหมายนี่ คิดว่ามีปัจจัยอะไรในช่วงนั้นที่ทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นหรือครับ เป็นความเคยชินจากยุคน้ำแข็งที่สามารถเก็บอาหารใต้แผ่นน้ำแข็งได้นาน เมื่อยุคน้ำแข็งสิ้นสุดลงก็พยายามหาวิธีเก็บรักษาอาหารใหม่ หรือว่าอะไรยังไง
มาคุยกันแสดงความคิดเห็นกัน ขอความชี้แนะหน่อยนะครับ