โยคีมะกัน ตอน ๑: วัณโรค กับ บรรณโลก

เรื่อง: วัณโรค กับ บรรณโลก

***ติดตามบล็อกของ โยคีมะกันได้ที่ บล็อกไกล.แดนhttp://glidedance.blogspot.com***

นึกย้อนกลับไปตอนนี้ก็เป็นเวลามากโข หลังจากห่างหายจากวัณโรค...อุ้ย บรรณโลก! อูย...น้อ ไม่ได้ใช้ภาษาไทยนาน อย่าว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลย พูดแล้วจะหาว่าดัดจริต ใช้ภาษาไม่ค่อยถนัดปาก
เกริ่นเมื่อต้นหน้า คนอ่านงงกันว่าอีนี่ จะเล่าอะไร พล่ามน้ำลายท่วมทุ่ง มา...ซะเป็นโรคร้าย กันเลยเชียว  มาฟังเรื่องสาธยายชีวิตแสนรันทด  ใช้ชีวิตต่างแดน ตัวคนเดียว หัวฟีบกระเทียมฝ่อ ขอเล่าเรื่องการตรวจหาวัณโรคแล้วกัน ภาษาอังกฤษวันละคำ วันนี้ ขอนำเสนอคำว่า TB อ่านว่า “ทีบี” ชื่อเต็ม ๆ ของมันคือ Tuberculosis
อย่าถามรายละเอียดว่าเกิดจากเชื้อไวรัส หรือแบคเตรี ชนิดไหน สายพันธุ์ใด ฉันไม่ได้เรียนหมอมา เข้าใจ๊! เอาหล่ะ ทำไมสำคัญนักสำคัญหนา ก็เนื่องจากว่าเมื่อเดือนที่ผ่านมาไปสัมภาษณ์ กรีนการ์ด (Initial Interview for Permanent Residence Application) สำหรับผู้พำนักถาวรในเมกา การสัมภาษณ์เป็นอย่างไร เดี๋ยวมารีวิวให้ฟัง เป็นความรู้ (ทำหน้าตาซีเรียส)
แหม...โหมดมีสาระ ก็เป็นเหมือนกันนะ
แต่ขั้นตอนนี้มันข้ามขั้นมาหลายขุม สำหรับใครที่กำลังหาข้อมูลการเตรียมตัว จะบอกว่ากว่าจะถึงขั้นนี้ น้ำตาเล็ดเช็ดหัวเข่ากันเลยทีเดียว จำเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่กรุงเทพฯ  เมื่อไม่กี่ปีมานี้ กันได้ใช่ไหม? ปริมาตรน้ำเท่ากันเลย ความอดทน การรอคอยเหมือนเฝ้าให้น้ำลด ฝากความหวังกับดินฟ้าอากาศ รุกขเทวดา สถานที่ไหนศักดิ์สิทธิ์ ตะเวนซิจ๊ะ ไหว้ประหลก ๆ มิหนำซ้ำเจ้าน้องสาว ยังมีหน้าลากไปไหว้พระวัดโน้นวัดนี้ทั่วกรุง
รู้แต่เพียงว่า เจ้าวัณโรคนี้ มันจะจู่โจมเข้าทำร้ายปอด เนื้อเยื่อบาง ๆ กรองอากาศ ของคนเรา  บอกได้คำเดียวว่า “เสียว” ระเบียบการที่นี่เคร่งครัดมาก ทางการ (เมกา) ระบุให้เจ้าโรคนี้เป็นโรคติดต่อร้ายแรง คิดว่าน่าจะมีทางรักษานะ ต้องหาข้อมูลกันอีกที นอกจากนั้นยังมีโรคติดต่อทางเพศด้วย
อันนี้ยังไม่เคยเล่าให้ฟัง แต่เดี๋ยวบล็อกต่อ ๆ ไปจะนำเสนอ จากชื่อบล็อกก็บอกอยู่แล้วว่า ไกลแดน เรื่องราวชีวิตบทใหม่ ได้เริ่มขึ้น หลังจากก้าวเท้าออกจากประเทศไทย บินลัดฟ้า ลงจอดที่อินเดีย บอกก่อนว่าไม่ใช่ทริปแรกของการเยือนเมืองภารตะ
แต่การลงจอดที่อินเดียครั้งนี้ คือการก้าวออกไปไกลแดนอย่างเป็นทางการ ไปอยู่อินเดีย เรียนคอร์สครูโยคะหนึ่งเดือน จากนั้นก็บินต่อ เน็กซ์สเตชั่น อเมริกา ไม่วกกลับไปตั้งหลักที่ไทย นี่เองคือที่มา
ไม่ได้ติดใจกล้วยแขกอะไรหรอกนะ ไม่รู้ทำไม ตอนโพสต์รูปตั๋วเดินทาง จองไว้ไปอินเดีย พวกชะนีเพื่อนสาวเรียกร้อง “อย่าลืม เอากล้วยแขกมาฝากนะ” ย่ะ นังหอยหลอด คงอยากลองของแปลก ที่ไปเพราะมีแก่นสารหรอกย่ะ ฉันไปประชุมโยคะโลก ที่รัฐพิหาร เป็นช่วงเดือนวันเกิดพอดี เลยแวะไปนั่งสมาธิใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ก่อนจับรถไฟวิปโยค อันนี้ก็อีกเรื่องอยากจะเล่าสู่กันฟัง (อย่าลืมทวง)
แต่ละที่ที่ไปต้องเข้าไปปะปนกับฝูงชน ดีนะติดผ้าพันคอไปด้วย ถ้าเป็นสำนวนฝรั่งก็เปรียบเสมือนมีดพกประจำกาย (Swiss Knife) นะแจ๊ะ เอาผืนบางหน่อยแต่เน้นหน้ากว้าง จะหนาวก็หยิบมาห่มให้มิดคอเข้าไว้ จะร้อนก็กางออกมาบังแดด ไม่เว้นแม้แต่ปะปนหมู่มหาชน เอามาพันหน้าคลุมจมูกเลยจ้า อย่าได้แคร์ ไม่มีใครรู้จักเรา เพราะเราเป็นนักท่องเที่ยว ไม่ได้หนักหัวกะบาลใคร ถ้าติดอีวัณโรคขึ้นมา เป็นของฝากหล่ะก็ อันนี้ก็ตัวใครตัวมันเน้อ
ย้อนกลับไป (หยุดคิดแป็บ) จำไม่ได้ว่าช่วงไหน รู้แต่ว่าไปตรวจเอ็กซเรย์ปอดที่โรงพยาบาลแมคคอร์มิค เชียงใหม่นี่แหล่ะ ก่อนทำเรื่องขอวีซ่าถาวร ต้องตรวจร่างกายขนานใหญ่ ยังกะตั้งศูนย์ถ่วง ยกเครื่องใหม่ ฉีดวัคซีนกันหลายเข็ม ต้นแขนบวมขับรถกลับบ้าน
รู้นะว่าทุกคนก็เป็นกัน เวลาที่ไปตรวจโรคแล้วต้องใช้เวลาในการรอนาน ๆ จะลุ้นในใจ ทั้งที่ตัวเองไม่ได้มีทีท่าว่าจะเป็นโรคนั้นมาก่อน พอลุ้นไปก็แอบไอกระแห่มในคอ อุปมาไปว่าตัวเองต้องเป็นวัณโรคแน่ ๆ นี่แหล่ะนา เขาเรียกพลังจิต ที่เมกา การตรวจร่างกาย สามารถทำได้ที่คลินิกทางการแพทย์ที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานด้านพลเมือง วันสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ ยื่นกระดาษพร้อมรายละเอียดให้ไปดำเนินการ
ฉายเดี่ยวซิจ๊ะ สามีไม่ว่าง วันนั้นเข้างานด้วย ที่ทำงานต้องขับรถเกือบ 46  ไมล์ แปลงเป็นไทยก็ร่วม ๆ 70 กิโลเมตร ไกล ไม่อยากจะลากแฟนไปด้วย เป็นเรื่องที่จัดการเองได้ ขอหัวหน้าแว่บไปตรวจร่างกายก่อนกลับบ้าน คิวไม่ยาว ไม่มีการซักประวัติ ก่อนหน้าไม่กี่วัน โทรไปนัด
พยาบาลฝ่ายระเบียน “สวัสดีตอนบ่ายค๊า ดิฉันลิซ่า (ชื่อสมมติ) รับสาย มีอะไรให้รับใช้ค่ะ”
โยคี เมียมะกัน “สวัสดีตอนบ่ายจ้า ฉันจะนัดหมอ ตรวจร่างกาย ทำฟอร์ม I-693”
ลิซ่า “ค่ะ…หกเก้าสาม (นางทวน) ไม่ต้องนัดค๊า เข้ามาเลย”
โยคี เมียมะกัน “แล้วราคาเท่าไหร่”
ลิซ่า “เริ่มต้นที่ 280 ถึง 700 ดอลล่าร์ค๊า”
โยคี เมียมะกัน “ว้าย... (พร้อมทำทีตกใจ) ค่าอะไรบ้าง? แล้วถ้าฉีดวัคซีนมาครบแล้ว บลาร์ ๆ ต้องเสียเท่าไหร่” ปลายสายให้ข้อมูลมา ฉันก็ฟัง ๆ ทำหน้างึกงัก รับทราบ  “งั้น พรุ่งนี้ ตอนบ่ายสองครึ่งเข้าไปพบแพทย์นะจ๊ะ”
ลิซ่า “อีกครั้งนะค๊า ที่นี่ไม่ต้องจองคิว เข้ามาได้เลยค๊า”
โยคี เมียมะกัน “เออ ลืม ขอโทษด้วยจ้า” วางสาย คิดด่าในใจ “ยิ้ม
พอไปถึงที่คลินิก จอดรถด้านหน้า เป็นคลินิกเล็ก ๆ อยู่ห่างจากตัวดาวน์ทาวน์ แต่ติดถนนหลัก เดินทางง่าย มาตามกูเกิ้ลแมปได้สบาย ลงจากรถ เปิดประตูเข้าไป เจอพยาบาลสองคน นั่งเคาเตอร์เวชระเบียน ฉันแอบปล่อยไก่ บอกว่าโทรมานัดไว้ตอนบ่ายสองครึ่ง เหล่านางบาลทำหน้าแหนง ๆ เหมือนเจอมาหลายเคส ขอชื่อจริง นามสกุลจริง เบอร์โทร ขอตรวจใบขับขี่ด้วย เรียกเอกสารรับรองวัคซีนที่ฉีดมาจากไทย จากนั้นผายมือให้ไปนั่งรอที่โซนรับแขก ใช้เวลาไม่นาน นางพยาบาลเรียกอีกที เตรียมเอกสารให้กรอก และเซ็นต์ชื่อ จากนั้นก็จ่ายตังค์ นั่งรอตรงหน้าเคาเตอร์นั่นเลย ไม่นานนัก พยาบาลอีกคน
รายนี้ผิวคล้ำหน่อย ตัดผมสั้น หน้าตาคมเล็ก ค่อน ๆ ไปทางรีฮันน่า ฉายาอีห่าน นักร้องสาวผิวสี นางคล่องแคล่วมาก เปิดห้องตรวจเข้ามา พร้อมเข็มสองกระบอก เริ่มใจคอไม่ดีแล้ว อันนี้เป็นครั้งแรกของการฉีดยาที่เมกา ได้ยินมาหลายหู ว่าการแพทย์ที่นี่ไม่ค่อยเบามือ พอเอาเข้าจริง “ว้าว มันวิเศษมาก” หลุดปากอุทานด้วยความทึ่ง นางแทงเข็มเข้าฉึก แล้วดึงออก  แอบตกใจเล็กน้อย ช่างรวดเร็วไรปานนี้ ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ เข็มถัดไปฉีดที่ท้องแขน เข็มนี้ที่ว่าสำคัญ หลังจากฉีดเสร็จ นางทำหน้าเครียดขึ้นมาทันที กำชับห้ามขูด แคะ แกะ เกา เป็นอันขาด หยิบปากกา เบี่ยงตัวกรอกข้อมูลลงเอกสาร ระบุวัน เวลา ปริมาตรที่ฉีด หมายเลขล็อต แขนข้างที่ฉีด เห็นนางอ่านทวนสองรอบ ฉันใจคอไม่ดี เริ่มหวั่น ๆ ขึ้นมาอีกครั้ง
กรอกข้อมูลเสร็จนางกัดฟัน ทำหน้าขรึม ย้ำห้ามขูด แคะ แกะ เกา เป็นอันขาด  อีก 2 วัน เข้ามาที่คลินิก เพื่ออ่านผลอีกที ตัวยาที่ฉีดไปเขาเรียก “Tuberculin Skin Test” ย่อ ๆ ว่า TST ตรวจหาเชื้อวัณโรคโดยไม่ต้องฉายแสงเอกซเรย์ปอด นางยื่นเอกสารให้ ในนั้นระบุชัดเจน ห้ามมาก่อน หรือหลังจากเวลานี้ๆ
ฉันพะยักหน้าตอบไปด้วยเสียงสั่นเครือ “โอเค งั้นก่อนเข้ามา จะโทรมานัดคุณหมออีกที”
นางพยาบาลขบฟันหนักกว่าเดิม จินตนาการชะนีผิวดำ พับหน้าเหมือนตอนคลอดลูก คำรามเสียงขรม
“ไม่ต้องนัด เข้ามาได้เลย”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่