[Food] - Maguro 『まぐろ』 : Black Diamond of the Sea

Just Love Good Food - Maguro 『まぐろ』 : Black Diamond of the Sea
 
ในปี 2013 ณ ตลาดปลา Tsukiji แห่ง Tokyo
Maguro 「まぐろ」 ถูกประมูลด้วยราคา 155.4 ล้านเยน หรือ ตีเป็นเงินไทยสมัยนี้ก็ 42 ล้านบาท (ต่อ 1 ตัว)
ราคานี้เป็น ราคาประมูลปลา Maguro ที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นเลยทีเดียว

  



"มันแพงไปหรือป่าว 42 ล้านบาท ต่อ ปลา Maguro 1ตัวเนี่ยนะ!?"

งั้นเรามาดู Chart การประมูลปลา Maguro ที่ตลาดปลา Tsukiji แต่ละปีกันครับ
 
 

 
 
จะเห็นได้ว่ามัน พุ่ง ปรี๊ดดดดดดดดที่ปี 2013 นี่แหละ เหตุผลก็เพราะ
คุณ Kiyoshi Kimura เจ้าของ Chain ร้านซูชิชื่อ "Sushi zanmai" มองการไกล
ประมูลราคา Maguro ราคา 42 ล้านบาทเพื่อโปรโมทร้านในระยะยาว
แต่พอปี 2015 ล่าสุด ราคาประมูลปลาก็กลับมาเท่าเดิมที่ประมาณ 5 ล้านเยน ก็ประมาณ 1.35 ล้านบาท ต่อตัว
ในความรู้สึกผม ปลา 1 ตัว ราคา 1.35ล้านบาท !!  อู้ววว
จับได้ในทะเลตัวเดียว ก็รวยแล้วววครับ

เพราะมันแพงแบบนี้แหละครับชาวประมงเลยเรียก Maguro ว่า
"Black Diamond of the Sea"  
ทำไมต้อง Black Diamond ด้วย?
Maguro ของญี่ปุ่นเรียกว่า Hon-Maguro 「本まぐろ」 
หรืออีกชื่อนึงก็คือ Kuro-Maguro 「黒まぐろ」 
ซึ่ง คุโระ แปลว่า สีดำนั่นเอง
 
 
มาพูดถึงเรื่อง รสชาติ ของปลา Maguro กันบ้างว่าจะเป็นยังไง
เนื้อ Maguro แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆครับ





1.Akami 「赤身」 (ซ้ายสุด)
Akami เป็นเนื้อที่ไม่มีไขมัน มีความแน่น
ความเหนียว ความหอมของเนื้อปลา Maguro อยู่เต็มๆ
เนื้อปลามีสีแดง และกลิ่นเอกลักษณ์นั่นเพราะว่า Myoglobin ซึ่งตัวเดียวกับที่ทำให้เนื้อหมู หรือ วัวสีแดง
กลิ่นจะออกไปทางเหล็ก ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ และแสดงถึงกลิ่นของปลา Maguro ได้อย่างชัดเจน
เนื้อส่วน Akami นี้แหละครับ จะมีมากที่สุดในตัวปลาและถูกที่สุด


2.Chutoro 「中とろ」  (อันกลาง)
เนื้อส่วน Chutoto จะผสมผสานระหว่าง Akami ซึ่งมีความเหนียว และ ความแน่น
ผสมผสานกับชั้นไขมันอันหอมหวานอย่างลงตัว
เนื้อ Maguro ซึ่งสีแดงเข้มสด จะจางลงเพราะมีไขมันไปแทรก
กินปุ๊ปจะละลายในปากระดับนึงครับ
Chutoro จะมีน้อยกว่าส่วน Akami และ ราคาก็แพงกว่าครับ


3. Otoro 「大とろ」  (อันขวา)
Maguro ขั้น Premium ที่นักกินปลาดิบต่างต้องยกนิ้วให้
เนื้อจะเป็นลายหินอ่อน ซึ่งกินเข้าไปปุ๊ป จะหวานหอม ละลายเข้าไปในปากทันที
เนื้อ Otoro จะอยู่ด้านล่างสุดของท้อง และมีไขมันแทรกอยู่ในเนื้อมากที่สุด
Otoro จะมีน้อยและราคาแพงที่สุดในบรรดา 3 ชนิด
 
  
ผมลอง Track ดูครับว่า ปลา Maguro ที่ถูกประมูลด้วยราคา 155.4 ล้านเยนเนี่ยมันมาจากที่ไหนของญี่ปุ่น
ผลปรากฏว่ามาจากเมือง "Oma" ในจังหวัด Aomori ซึงอยู่ด้านบนสุดของเกาะญี่ปุ่น (ก่อนข้ามไป Hokkaido)





Maguro ที่จับได้ที่เมือง Oma จะมี Quality สูงสุดๆๆๆครับเพราะจับได้ช่วงฤดูหนาวครับ
พอถึงช่วงฤดูหนาว Maguro จะสะสมไขมันไว้ที่ท้อง และประจวบเหมาะเป๊ะๆๆที่ Maguro จะว่ายจากทางซ้ายของเกาะญี่ปุ่นขึ้นมาเรื่อยๆๆ
ผ่านเข้าช่องแคบ Tsugaru (ช่องแคบระหว่างเกาะทาง Aomori และ Hokkaido)
แล้วสุดท้ายก็โดนชาวประมงที่ Oma จับ ช่วงหน้าหนาวพอดี  





Maguro ที่ Oma นี่แหละครับ คนญี่ปุ่นยกย่องให้เป็น
"Best of the Best Maguro in Japan"
ขอให้ผู้อ่านทุกท่าน ทาน Maguro ให้อร่อยยิ่งขึ้นไปอีกนะครับ
ติดตามเรื่องอาหารดีๆที่ Facebook ผมได้ครับ : [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ



Ref.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่