
..................................................
หากพูดถึงญี่ปุ่น นึกถึงอะไรกันคะ
สำหรับเรานะ แว๊บแรก คือ Fuji ต่อมาก็ Sushi แล้วก็ One Piece
ญี่ปุ่นครั้งแรกของเรา ได้เวลาแล้ว
..................................................
การเดินทางครั้งนี้เราเลือกบินกับ Thai Air Asia X เพราะขึ้นที่ดอนเมือง ใกล้บ้าน
ออกจากสนามบินดอนเมืองคืนวันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม 2558 เวลาประมาณ 23.45 น.
หลับๆ ตื่นๆ ประมาณ 6 ชั่วโมงก็แลนดิ้งโดยสวัสดิภาพปลอดภัย
ได้แผนที่แล้วก็เริ่มเที่ยวกันเล้ยยยยยย
..............................................
Day 1 : 29 พฤษภาคม 2558
เราออกจากสนามบินด้วย keisei ธรรมดา ค่ะ ซึ่งใช้เวลานานมากกกก ใจจริงเราอยากนั่ง Keisei Skyliner
แต่สามีบอกว่า เราไม่ได้รีบนิ่ นั่งแบบธรรมดาดูวิวก็ได้นิ่ ก็โอเค ตามใจนาง
นั่งไปได้ครึ่งทาง นางบอกว่า ขากลับเรานั่ง Skyliner ละกันเนอะ หันไปมองด้วยหางตา เหอะๆ ก็บอกแล้วไม่ฟัง
จำไม่ได้แล้วว่าไปถึงโรงแรมได้ยังไง รู้แต่ว่าเหนื๊อยยย เหนื่อย กว่าจะถึงก็เกือบสิบเอ็ดโมงละมั้ง
เราพักที่ Ueno First City Hotel ค่ะ ทำเลก็โอเคนะ ใกล้เมโทร ราคาไม่แพงมาก เราพักที่นี่ตลอดสี่คืนค่ะ
แต่เนื่องด้วยเช็คอินได้บ่ายสาม เราเลยเอากระเป๋าฝากไว้ที่โรงแรม ลองถามพนักงงานโรงแรมว่าแถวนี้อะไรอร่อย
เค้าก็แนะนำร้านราเมง Ippudo ค่ะ
เดินไม่ไกลก็มาถึงแล้ว แต่เป็นช่วงเที่ยง คนเต็มร้านเลย รอคิวสักนิดก็ได้กินแล้ว
ถามว่าอร่อยมั้ย คือเราเป็นคนไม่ชอบกินราเมงไง เลยคิดว่ารสชาติมันก็เหมือนๆ กัน แต่สามีบอกว่าอร่อย นางชอบ นางถูกใจ
กินอิ่ม อารมณ์ดี ตั้งใจจะเดินเที่ยวรอบๆนี้ แต่กรรม ฝนดันตก เซ็งเลย ตกตั้งแต่วันแรก ในใจนี่คิดละว่าชั้นจะเห็นมั้ยฟูจิเนี่ย
เดินกลับไปตั้งหลักที่โรงแรม รอฝนหยุดซึ่งกินเวลาเกือบชั่วโมง พอเริ่มซาๆ ก็ขอยืมร่มโรงแรมออกมาเดินเล่น
ตั้งใจไปไหว้พระที่วัด Sensoji ค่ะ จะขอพรให้ฝนไม่ตกในวันพรุ่งนี้และวันต่อๆ ไป (ซึ่งก็ไม่ตกจริงๆ นะ ^^)
ถึงวัดคนเยอะมากกกกกก มีเด็กมาทัศนศึกษาจ้า สบายเลย ถ่ายรูปมามีแต่คน เลยตั้งใจว่าไว้ค่อยมาใหม่ดีกว่า
เราเลยเดินเล่นอยู่แถวๆนั้นแหละค่ะ เรื่อยเปื่อยไร้จุดหมายมาก
เดินจนรู้สึกหิว เจอร้านซุชิจานเวียนท่าทางน่าสน เลยเข้าไปฝากท้องสักหน่อย
มันดีอ่ะเทอออออออ อร่อยมากกกกกกก
กินเสร็จก็กลับโรงแรม นอน เพราะเหนื่อยมาก อาจจะเหนื่อยมาจากการเดินทาง
แถมรู้สึกว่าวันนี้เกิดเหตุภูเขาไฟระเบิดที่เกาะอะไรสักอย่าง หวั่นใจเล็กๆ แหม่ มาวันแรกก็โดนซะละ
ก่อนนอนลองดูพยากรณ์อากาศว่าพรุ่งนี้ฝนจะตกมั้ย แต่พยากรณ์เค้าว่าอากาศจะดี เลยตั้งใจว่าพรุ่งนี้ไปดูฟูจิที่คาวากูชิโกะกันดีกว่า
.................................
Day 2 : 30 พฤษภาคม 2558
ตื่นสายค่ะ ...
หลับสนิท หลับเป็นตาย ตื่นอีกทีเกือบเจ็ดโมงแล้ว ตั้งใจว่าจะนั่งรถบัสรอบแรก คงไม่ทัน
รีบอาบน้ำด้วยความเร็วแสง แล้วไปขึ้นรถบัสที่สถานีชินจุกุ
ไปถึงปรากฎว่าไม่ทันรอบแรกจริง ๆ แต่โชคดี มีคนคืนตั๋วรอบ 07.40 น. เราเลยได้ตั๋ว โชคดี แดดดี แฮปปี้สุดๆ ค่ะ
ใช้เวลาเดินทางประมาณสองชั่วโมง รถบัสก็นำเราถึงสถานีคาวากูชิโกะค่ะ อากาศดีมาก เห็นละยิ้มเลย
ซื้อตั๋ว retro bus เพื่อไปจุดชมวิวที่ 22 ค่ะ
เห็นวิวแล้วหายเหนื่อยเลย
ชมฟูจิซังจนอิ่มหนำแล้ว ก็ได้เวลาเคลื่อนย้ายไปจุดต่อไปค่ะ Chureito Pagoda
ขึ้นรถไฟจากสถานีคาวากูชิโกะ ไปสถานี Shimoyoshida ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็ถึงสถานีเล็กๆ แห่งนี้
ได้อารมณ์แบบการ์ตูนญี่ปุ่นมากอ่ะ แบบมีทุ่งนา บ้านเล็ก เหมือนในการ์ตูนเลย
เดินออกจากสถานี มีป้ายบอกทางตลอด ไม่มีหลง แต่หมดแรง
ใช้กำลังเฮือกสุดท้าย ปีนบันได้ขึ้นมาถึงจนได้
แต่เห็นวิวละหายเหนื่อยจริงๆค่ะคู๊ณณณณณ สวยงามมาก ชอบที่สุด
เรานั่งอยู่นานเหมือนกันนะ ลมเย็นดี ชอบ
กลับมาถึงสถานีคาวากูชิโกะ ก็ซื้อตั๋วรสบัสนั่งมาลงที่ชิบูยา หลับๆตื่นๆตลอดทางเพราะเหนื่อยมาก
เกือบสามชั่วโมงกว่าจะถึง รถติดมาก
พอลงจากรถอย่างแรกที่หาคือร้านอาหารค่ะ หิวมาก เจอร้านเนื้อย่างนี่ปรี่เข้าไปเลย
ณ จุดนี้กินร้านไหนก็อร่อยค่ะ หิวมากจริงๆ ไม่ได้ถ่ายรูปเลย
จุดที่พีคที่สุด มันอยู่ตรงนี้ค่ะ
ไม่เคยนึกฝันว่าจะได้สัมผัสกับแผ่นดินไหว
นั่งกินเนื้อย่างอยู่ รู้สึกหัวโคลงๆ นึกว่ามึนหัว หันไปมองหน้าสามี เลยรู้ว่า อืม ไม่ใช่เวียนหัวละ
นั่งมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แต่ชาวญี่ปุ่นข้างๆ ไม่สนใจเลย กินเหล้าเฮฮาปาจิงโกะมาก สงสัยเค้าชิน
แต่ในใจเรานี่คิดละ ถ้ามันไหวแรงให้หลบใต้โต๊ะ 5555
สักหนึ่งนาทีก็หยุดไหว เราก็เลยรีบกิน เพราะร้านอยู่ชั้นสอง เรากลัว
กินเสร็จเดินไปทักทายเจ้าฮาจิโกะสักเล็กน้อย
กลับโรงแรม นอนหลับสนิทเป็นคืนที่สอง
[CR] ความทรงจำในดินแดนอาทิตย์อุทัย : ภูเขาไฟระเบิด,แผ่นดินไหว,Flight Cancelled
..................................................
สำหรับเรานะ แว๊บแรก คือ Fuji ต่อมาก็ Sushi แล้วก็ One Piece
ญี่ปุ่นครั้งแรกของเรา ได้เวลาแล้ว
..................................................
การเดินทางครั้งนี้เราเลือกบินกับ Thai Air Asia X เพราะขึ้นที่ดอนเมือง ใกล้บ้าน
ออกจากสนามบินดอนเมืองคืนวันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม 2558 เวลาประมาณ 23.45 น.
Day 1 : 29 พฤษภาคม 2558
เราออกจากสนามบินด้วย keisei ธรรมดา ค่ะ ซึ่งใช้เวลานานมากกกก ใจจริงเราอยากนั่ง Keisei Skyliner
แต่สามีบอกว่า เราไม่ได้รีบนิ่ นั่งแบบธรรมดาดูวิวก็ได้นิ่ ก็โอเค ตามใจนาง
นั่งไปได้ครึ่งทาง นางบอกว่า ขากลับเรานั่ง Skyliner ละกันเนอะ หันไปมองด้วยหางตา เหอะๆ ก็บอกแล้วไม่ฟัง
จำไม่ได้แล้วว่าไปถึงโรงแรมได้ยังไง รู้แต่ว่าเหนื๊อยยย เหนื่อย กว่าจะถึงก็เกือบสิบเอ็ดโมงละมั้ง
เราพักที่ Ueno First City Hotel ค่ะ ทำเลก็โอเคนะ ใกล้เมโทร ราคาไม่แพงมาก เราพักที่นี่ตลอดสี่คืนค่ะ
เค้าก็แนะนำร้านราเมง Ippudo ค่ะ
เดินไม่ไกลก็มาถึงแล้ว แต่เป็นช่วงเที่ยง คนเต็มร้านเลย รอคิวสักนิดก็ได้กินแล้ว
กินอิ่ม อารมณ์ดี ตั้งใจจะเดินเที่ยวรอบๆนี้ แต่กรรม ฝนดันตก เซ็งเลย ตกตั้งแต่วันแรก ในใจนี่คิดละว่าชั้นจะเห็นมั้ยฟูจิเนี่ย
ตั้งใจไปไหว้พระที่วัด Sensoji ค่ะ จะขอพรให้ฝนไม่ตกในวันพรุ่งนี้และวันต่อๆ ไป (ซึ่งก็ไม่ตกจริงๆ นะ ^^)
ถึงวัดคนเยอะมากกกกกก มีเด็กมาทัศนศึกษาจ้า สบายเลย ถ่ายรูปมามีแต่คน เลยตั้งใจว่าไว้ค่อยมาใหม่ดีกว่า
เราเลยเดินเล่นอยู่แถวๆนั้นแหละค่ะ เรื่อยเปื่อยไร้จุดหมายมาก
เดินจนรู้สึกหิว เจอร้านซุชิจานเวียนท่าทางน่าสน เลยเข้าไปฝากท้องสักหน่อย
กินเสร็จก็กลับโรงแรม นอน เพราะเหนื่อยมาก อาจจะเหนื่อยมาจากการเดินทาง
แถมรู้สึกว่าวันนี้เกิดเหตุภูเขาไฟระเบิดที่เกาะอะไรสักอย่าง หวั่นใจเล็กๆ แหม่ มาวันแรกก็โดนซะละ
ก่อนนอนลองดูพยากรณ์อากาศว่าพรุ่งนี้ฝนจะตกมั้ย แต่พยากรณ์เค้าว่าอากาศจะดี เลยตั้งใจว่าพรุ่งนี้ไปดูฟูจิที่คาวากูชิโกะกันดีกว่า
.................................
ตื่นสายค่ะ ...
หลับสนิท หลับเป็นตาย ตื่นอีกทีเกือบเจ็ดโมงแล้ว ตั้งใจว่าจะนั่งรถบัสรอบแรก คงไม่ทัน
รีบอาบน้ำด้วยความเร็วแสง แล้วไปขึ้นรถบัสที่สถานีชินจุกุ
ซื้อตั๋ว retro bus เพื่อไปจุดชมวิวที่ 22 ค่ะ
ขึ้นรถไฟจากสถานีคาวากูชิโกะ ไปสถานี Shimoyoshida ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็ถึงสถานีเล็กๆ แห่งนี้
เดินออกจากสถานี มีป้ายบอกทางตลอด ไม่มีหลง แต่หมดแรง
ใช้กำลังเฮือกสุดท้าย ปีนบันได้ขึ้นมาถึงจนได้
แต่เห็นวิวละหายเหนื่อยจริงๆค่ะคู๊ณณณณณ สวยงามมาก ชอบที่สุด
เกือบสามชั่วโมงกว่าจะถึง รถติดมาก
พอลงจากรถอย่างแรกที่หาคือร้านอาหารค่ะ หิวมาก เจอร้านเนื้อย่างนี่ปรี่เข้าไปเลย
ณ จุดนี้กินร้านไหนก็อร่อยค่ะ หิวมากจริงๆ ไม่ได้ถ่ายรูปเลย
จุดที่พีคที่สุด มันอยู่ตรงนี้ค่ะ
ไม่เคยนึกฝันว่าจะได้สัมผัสกับแผ่นดินไหว
นั่งกินเนื้อย่างอยู่ รู้สึกหัวโคลงๆ นึกว่ามึนหัว หันไปมองหน้าสามี เลยรู้ว่า อืม ไม่ใช่เวียนหัวละ
นั่งมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แต่ชาวญี่ปุ่นข้างๆ ไม่สนใจเลย กินเหล้าเฮฮาปาจิงโกะมาก สงสัยเค้าชิน
แต่ในใจเรานี่คิดละ ถ้ามันไหวแรงให้หลบใต้โต๊ะ 5555
สักหนึ่งนาทีก็หยุดไหว เราก็เลยรีบกิน เพราะร้านอยู่ชั้นสอง เรากลัว
กินเสร็จเดินไปทักทายเจ้าฮาจิโกะสักเล็กน้อย