**********เรื่องราวการแบกเป้ โบกรถ เที่ยวกับคนไม่รู้จัก พักกับคนไม่รู้ใจ (ครั้งแรกในชีวิต)**********
คำเตือน อาจมีถ้อยคำไม่สุภาพ และอาจสับสนในการอ่านเนื่องจากข้าพเจ้าไม่ใช่เป็นนักเขียน (รูปเยอะมากขออภัยครับ)
....เรื่องมันเริ่มขึ้นจากคอมเม้นท์เล็กๆในกลุ่มเฟชบุ๊คท่องเที่ยวที่พวกเราเป็นสมาชิก ทีแรกคิดว่าคงจะชวนกันเล่นๆ
ไปๆมาๆ ตั่งกลุ่มในไลน์เป็นจริงเป็นจัง สรุปได้สมาชิกมา 5 คน ตกลงสถานที่ วัน เวลา อย่างเอาเป็นเอาตาย
มติที่ได้มาคือ น้ำตกทีลอซู วันที่ 6-8 มิถุนายน แต่ถึงวันกำหนดจริงก็มีเหตุจำเป็นให้เพื่อนในกลุ่มอีก 2 คนมากับเราด้วยไม่ได้
แต่ยังไงก็ไม่ทิ้งความตั่งใจครับ ตกลงกันแล้ว ยังไงก็ต่อไป
และแล้วพวกเราก็เหลืออยู่ 3 คน ดังนี้
เจ้จุ ตัวตั่งตัวตีทริปนี้ครับ ผู้ที่ลางานล่วงหน้ามาหลายสัปดาห์ และมีเหตุให้เจ้ต้องลางานต่อเนื่อง 555+5
น้องแก้ม นักศึกษาการจัดการการกีฬา ดีกรีนักกีฬาคาราเต้โด ผู้ที่มีความสามารถพิเศษคือ ร้องเพลงไม่เคยจบสักเพลง
และผม
แม็กซ์ ผู้ชายหน้าโจร ที่เผือกผิวหนังบอบบาง เป็นภูมิแพ้ ฝุ่น น้ำ อากาศ ,ไมเกรน ,ไซนัส ,และอื่นๆอีกมากมาย
จากนั้นนัดกันที่หมอชิต กำหนดเวลา 2ทุ่มครึ่งจ๊ะ (คนนัดมาถึง3ทุ่มกว่าจ๊ะ) เข้าใจเจ้นะ เจ้ทำงานหนัก^^
ถึงปั๊บนัดกันหน้าเสาธง ซื้อตั๋วรถยิงตรง อำเภอแม่สอด ด้วยค่ารถทัวร์ 410 บาท รถออก 23:00
พวกเราไม่เคยรู้จักกันเป็นการส่วนตัว คุยกันแค่ผ่านไลน์กลุ่ม เจอกันก็แค่ชั่วโมงกว่าก่อนขึ้นรถ แต่พวกเราสนิทกันเร็วมาก ๆ
ได้เวลารถออก แต่ก็งงๆทำไมถึงไม่ออกสะที มีความวุ่นวายนิดหน่อยครับ มีชาวต่างชาติสองคน นอนถอดเสื้อทำให้ไม่มีใครกล้าไปนั่งใกล้
กว่ารถจะออกได้ก็เกือบเที่ยงคืน พอรถออกได้เท่านั้นละ หลับเลยครับผม
นั่งๆนอนๆ หลับๆตื่นๆ พวกเราก็มาถึง บขส.แม่สอด ด้วยการเดินทางราวๆ 7 ชัวโมง
จากนั้นพวกเราก็เริ่มการโบกรถกันเลย อ้าววววววววววว...ลุย.....!!!!!
และแล้วโบกรถคนแรก ครั้งแรก(ในชีวิต)ก็สำเร็จ
ดีใจมากวิ่งตัวปลิวโดดขึ้นรถแบบไม่ต้องถามเลยจ๊ะ คันแรกไปส่งพวกเราถึงวงเวียนทางแยกไปอุ้มผาง
พวกเราก็แวะกินไก่จ้อที่ท่ารถ แล้วก็เดินต่อไป โบกไปเรื่อยๆ จนได้คันที่ 2 เป็นรถพ่อค้าไม้ยูคา
ลงรถเสร็จก็เดินต่อ โบกต่อ ก็ได้รถคันที่ 3 (หล่อเวอร์ มาดเซอร์ยังกับ บอม ธนา ) พี่เขาส่งพวกเราถึงด่านตรวจครับ
ถึงด่านตรวจแวะเข้าห้องน้ำที่ด่าน พี่ตำรวจใจดีโบกรถคันที่ 4 ให้พวกเราไปลงที่อำเภอพบพระ ขอบคุณคุณตำรวจ
และรถ”น้องพี” ที่ให้พวกเราติดรถมาด้วยครับผม
ถึงอำเภอพบพระ ก็ลาน้าๆหลังรถแล้วก็เดินโบกรถต่อครับ ตรงนี้โบกนานนิดถึง ไม่มีใครจอดเลย แล้วก็เจอคนใจดีครับ
เป็นเจ้าหน้าที่ด่านตรวจเชิงดอย” BRAVO 26” เป็นคันที่ 5 ของพวกเรา
พักอยู่ด่านตรวจนี้สักพักใหญ่ครับ เล่นกับลิงของเข้าหน้าที่ด้วย ดื้อมากๆ แถมฉี่ใส่ผมอีก จะบ้าตาย
เจ้าหน้าที่เอาชมพู่มาให้กินด้วยครับหวาน กรอบ อร่อย ผมแอบจิ๊กใส่กระเป๋ามาด้วย 555+5
แล้วเจ้าหน้าที่ด่านตรวจก็โบกรถให้เราอีกคันครับเป็นคันที่ 6 คันนี้ นั่งยาวจากจุดตรวจเชิงดอย มุ่งตรงสู่อำเภออุ้มผางเลยครับ
เป็นรถเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ครับ(หน่วยฟื้นฟู)พี่เขาลงมาเอาต้นกล้าไม้ไปปลูกครับ หลังรถมีแต่กล้าไม้พวกเราเลยต้องนั่งหน้าตากแอร์
เย็นสบาย สองนางหลับเลยจ๊ะ พูดคุยกับพี่หมึก(เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้) ได้ฟังเรื่องใหม่ๆเยอะเลยครับ ทั้งต้นไม้ การล่าสัตว์ ชนเผ่าต่างๆ
และที่ผมถึงกับอึ้งคือ ต้นสนที่อยู่ข้างถนน ส่วนมากจะเป็นต้นสนที่เจ้าหน้าที่ปลุก ต้นสนสูงไม่ถึง 20 เมตร ผมถามพี่หมึกว่าต้นสนพวกนี้อายุกี่ปี
พี่แกตอบ 25 ปีเป็นอย่างต่ำ ผมนี้พูดไม่ออกเลย กว่าต้นไม้จะโต กว่าจะได้ร่มเงาหรือวิวสวยๆข้างถนนมันต้องใช้เวลามากแค่ไหน
และที่อึ้งกว่านั้น คือการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ที่เสียชีวิตไปกับการรักษาป่า รักษาสัตว์ป่า ปีๆนึงเสียชีวิตไม่น้อยเลยครับ

นั่งรถมาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆทางพวกเราก็มาถึงอุ้มเปี่ยม(ศูนย์อพยพผู้ลี้ภัยบ้านอุ้มเปี่ยม) ครึ่งทางแล้ว
ตรงนี้วิวสวยมากๆครับ พี่หมึกขอพักรถ แล้วก็แวะดูพันธุ์กล้าไม้ แวะเข้าห้องน้ำด้วยครับ



ออกจากอุ้มเปี่ยมมา รถความร้อนขึ้นครับ อาจเพราะบรรทุกของหนัก (หนักพวกเรามั้ง) เลยต้องจอดพักรถ เติมน้ำหมอน้ำ
รอให้เครื่องเย็นแล้วก็ไปกันต่อ พี่หมึกบอกอีกว่า มีทางลัด แม่สอด-อุ้มผาง แต่เป็นทางที่ต้องผ่านเขตพม่า ใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมง
แต่รถที่มีตราราชการ แต่งชุดทหาร หรือเครื่องแบบราชการ ไม่สามารถเข้าไปได้
และแล้วพวกเราก็ถึงแลนด์มาร์คอุ้มผางครับ เย้..เย้..เย้.. (หน้าเซเว่นนั่นเอง) ล่ำลาพี่หมึก และหัวหน้ากรมป่าไม้
จบการโบรถเราใช้รถทั้งหมด 6 คัน ระยะทาง ประมาณ 200 กิโลเมตร กับ 1219 โค้ง ข้ามเขากี่ลูกอันนี้ลืมนับ^^
ไม่มีคำว่าอ้วกแม้แต่น้อย
นั่งรอเจ้าของรีสอร์ทมารับครับ นั่งรถอีกประมาณกิโลนึงก็ถึงที่พักแล้วครับ “อุ้มผางแค้มป์ปิ้งทัวร์” แล้วสองนางก็สลบอีกรอบ
รีสอร์ทนี้อยู่ใกล้ๆท่าเรือล่องแพครับ ท่าเรืออยู่หน้ารีสอร์ทเลย สะดวกดี บรรยากาศนอนฟังเสียงน้ำไหล นกร้อง ฟินมากครับผม
เป็นเวลาพักผ่อนของสาวๆครับ ผมก็เดินถ่ายรูปเล่นไปเรื่อย
พอตกเย็นก็แว้นมอไซค์คุณแม่เจ้าของรีสอร์ทหาของกินแล้วก็ซื้อของตุนไว้เตรียมเข้าป่าพรุ่งนี้เช้าครับ จากนั้นก็พักผ่อนกันครับ
และแล้วจบไป 1 วันกับการเดินทางครับ
ความโหดในการเดินทาง 7/10 ผมชอบลุยๆครับ
ความสวยงามระหว่าทาง 10/10 เลยครับ ทิวเขาสวยมาก
ความเหนื่อยล้า 6/10 ทำนาที่บ้านเหนือยกว่านี้เยอะ อิอิ
[CR] เรา ... ส อ ง ส า ม ค น ... ฝ่าฤดูฝน..สู่ “ ที ลอ ซู ” [6-9 มิ.ย.58]
....เรื่องมันเริ่มขึ้นจากคอมเม้นท์เล็กๆในกลุ่มเฟชบุ๊คท่องเที่ยวที่พวกเราเป็นสมาชิก ทีแรกคิดว่าคงจะชวนกันเล่นๆ
ไปๆมาๆ ตั่งกลุ่มในไลน์เป็นจริงเป็นจัง สรุปได้สมาชิกมา 5 คน ตกลงสถานที่ วัน เวลา อย่างเอาเป็นเอาตาย
มติที่ได้มาคือ น้ำตกทีลอซู วันที่ 6-8 มิถุนายน แต่ถึงวันกำหนดจริงก็มีเหตุจำเป็นให้เพื่อนในกลุ่มอีก 2 คนมากับเราด้วยไม่ได้
แต่ยังไงก็ไม่ทิ้งความตั่งใจครับ ตกลงกันแล้ว ยังไงก็ต่อไป
และแล้วพวกเราก็เหลืออยู่ 3 คน ดังนี้
เจ้จุ ตัวตั่งตัวตีทริปนี้ครับ ผู้ที่ลางานล่วงหน้ามาหลายสัปดาห์ และมีเหตุให้เจ้ต้องลางานต่อเนื่อง 555+5
น้องแก้ม นักศึกษาการจัดการการกีฬา ดีกรีนักกีฬาคาราเต้โด ผู้ที่มีความสามารถพิเศษคือ ร้องเพลงไม่เคยจบสักเพลง
และผม แม็กซ์ ผู้ชายหน้าโจร ที่เผือกผิวหนังบอบบาง เป็นภูมิแพ้ ฝุ่น น้ำ อากาศ ,ไมเกรน ,ไซนัส ,และอื่นๆอีกมากมาย
จากนั้นนัดกันที่หมอชิต กำหนดเวลา 2ทุ่มครึ่งจ๊ะ (คนนัดมาถึง3ทุ่มกว่าจ๊ะ) เข้าใจเจ้นะ เจ้ทำงานหนัก^^
ถึงปั๊บนัดกันหน้าเสาธง ซื้อตั๋วรถยิงตรง อำเภอแม่สอด ด้วยค่ารถทัวร์ 410 บาท รถออก 23:00
พวกเราไม่เคยรู้จักกันเป็นการส่วนตัว คุยกันแค่ผ่านไลน์กลุ่ม เจอกันก็แค่ชั่วโมงกว่าก่อนขึ้นรถ แต่พวกเราสนิทกันเร็วมาก ๆ
ได้เวลารถออก แต่ก็งงๆทำไมถึงไม่ออกสะที มีความวุ่นวายนิดหน่อยครับ มีชาวต่างชาติสองคน นอนถอดเสื้อทำให้ไม่มีใครกล้าไปนั่งใกล้
กว่ารถจะออกได้ก็เกือบเที่ยงคืน พอรถออกได้เท่านั้นละ หลับเลยครับผม
นั่งๆนอนๆ หลับๆตื่นๆ พวกเราก็มาถึง บขส.แม่สอด ด้วยการเดินทางราวๆ 7 ชัวโมง
จากนั้นพวกเราก็เริ่มการโบกรถกันเลย อ้าววววววววววว...ลุย.....!!!!!
และแล้วโบกรถคนแรก ครั้งแรก(ในชีวิต)ก็สำเร็จ
ดีใจมากวิ่งตัวปลิวโดดขึ้นรถแบบไม่ต้องถามเลยจ๊ะ คันแรกไปส่งพวกเราถึงวงเวียนทางแยกไปอุ้มผาง
พวกเราก็แวะกินไก่จ้อที่ท่ารถ แล้วก็เดินต่อไป โบกไปเรื่อยๆ จนได้คันที่ 2 เป็นรถพ่อค้าไม้ยูคา
ลงรถเสร็จก็เดินต่อ โบกต่อ ก็ได้รถคันที่ 3 (หล่อเวอร์ มาดเซอร์ยังกับ บอม ธนา ) พี่เขาส่งพวกเราถึงด่านตรวจครับ
ถึงด่านตรวจแวะเข้าห้องน้ำที่ด่าน พี่ตำรวจใจดีโบกรถคันที่ 4 ให้พวกเราไปลงที่อำเภอพบพระ ขอบคุณคุณตำรวจ
และรถ”น้องพี” ที่ให้พวกเราติดรถมาด้วยครับผม
ถึงอำเภอพบพระ ก็ลาน้าๆหลังรถแล้วก็เดินโบกรถต่อครับ ตรงนี้โบกนานนิดถึง ไม่มีใครจอดเลย แล้วก็เจอคนใจดีครับ
เป็นเจ้าหน้าที่ด่านตรวจเชิงดอย” BRAVO 26” เป็นคันที่ 5 ของพวกเรา
พักอยู่ด่านตรวจนี้สักพักใหญ่ครับ เล่นกับลิงของเข้าหน้าที่ด้วย ดื้อมากๆ แถมฉี่ใส่ผมอีก จะบ้าตาย
เจ้าหน้าที่เอาชมพู่มาให้กินด้วยครับหวาน กรอบ อร่อย ผมแอบจิ๊กใส่กระเป๋ามาด้วย 555+5
แล้วเจ้าหน้าที่ด่านตรวจก็โบกรถให้เราอีกคันครับเป็นคันที่ 6 คันนี้ นั่งยาวจากจุดตรวจเชิงดอย มุ่งตรงสู่อำเภออุ้มผางเลยครับ
เป็นรถเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ครับ(หน่วยฟื้นฟู)พี่เขาลงมาเอาต้นกล้าไม้ไปปลูกครับ หลังรถมีแต่กล้าไม้พวกเราเลยต้องนั่งหน้าตากแอร์
เย็นสบาย สองนางหลับเลยจ๊ะ พูดคุยกับพี่หมึก(เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้) ได้ฟังเรื่องใหม่ๆเยอะเลยครับ ทั้งต้นไม้ การล่าสัตว์ ชนเผ่าต่างๆ
และที่ผมถึงกับอึ้งคือ ต้นสนที่อยู่ข้างถนน ส่วนมากจะเป็นต้นสนที่เจ้าหน้าที่ปลุก ต้นสนสูงไม่ถึง 20 เมตร ผมถามพี่หมึกว่าต้นสนพวกนี้อายุกี่ปี
พี่แกตอบ 25 ปีเป็นอย่างต่ำ ผมนี้พูดไม่ออกเลย กว่าต้นไม้จะโต กว่าจะได้ร่มเงาหรือวิวสวยๆข้างถนนมันต้องใช้เวลามากแค่ไหน
และที่อึ้งกว่านั้น คือการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ที่เสียชีวิตไปกับการรักษาป่า รักษาสัตว์ป่า ปีๆนึงเสียชีวิตไม่น้อยเลยครับ
นั่งรถมาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆทางพวกเราก็มาถึงอุ้มเปี่ยม(ศูนย์อพยพผู้ลี้ภัยบ้านอุ้มเปี่ยม) ครึ่งทางแล้ว
ตรงนี้วิวสวยมากๆครับ พี่หมึกขอพักรถ แล้วก็แวะดูพันธุ์กล้าไม้ แวะเข้าห้องน้ำด้วยครับ
ออกจากอุ้มเปี่ยมมา รถความร้อนขึ้นครับ อาจเพราะบรรทุกของหนัก (หนักพวกเรามั้ง) เลยต้องจอดพักรถ เติมน้ำหมอน้ำ
รอให้เครื่องเย็นแล้วก็ไปกันต่อ พี่หมึกบอกอีกว่า มีทางลัด แม่สอด-อุ้มผาง แต่เป็นทางที่ต้องผ่านเขตพม่า ใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมง
แต่รถที่มีตราราชการ แต่งชุดทหาร หรือเครื่องแบบราชการ ไม่สามารถเข้าไปได้
และแล้วพวกเราก็ถึงแลนด์มาร์คอุ้มผางครับ เย้..เย้..เย้.. (หน้าเซเว่นนั่นเอง) ล่ำลาพี่หมึก และหัวหน้ากรมป่าไม้
จบการโบรถเราใช้รถทั้งหมด 6 คัน ระยะทาง ประมาณ 200 กิโลเมตร กับ 1219 โค้ง ข้ามเขากี่ลูกอันนี้ลืมนับ^^
ไม่มีคำว่าอ้วกแม้แต่น้อย
นั่งรอเจ้าของรีสอร์ทมารับครับ นั่งรถอีกประมาณกิโลนึงก็ถึงที่พักแล้วครับ “อุ้มผางแค้มป์ปิ้งทัวร์” แล้วสองนางก็สลบอีกรอบ
รีสอร์ทนี้อยู่ใกล้ๆท่าเรือล่องแพครับ ท่าเรืออยู่หน้ารีสอร์ทเลย สะดวกดี บรรยากาศนอนฟังเสียงน้ำไหล นกร้อง ฟินมากครับผม
เป็นเวลาพักผ่อนของสาวๆครับ ผมก็เดินถ่ายรูปเล่นไปเรื่อย
พอตกเย็นก็แว้นมอไซค์คุณแม่เจ้าของรีสอร์ทหาของกินแล้วก็ซื้อของตุนไว้เตรียมเข้าป่าพรุ่งนี้เช้าครับ จากนั้นก็พักผ่อนกันครับ
และแล้วจบไป 1 วันกับการเดินทางครับ
ความโหดในการเดินทาง 7/10 ผมชอบลุยๆครับ
ความสวยงามระหว่าทาง 10/10 เลยครับ ทิวเขาสวยมาก
ความเหนื่อยล้า 6/10 ทำนาที่บ้านเหนือยกว่านี้เยอะ อิอิ