เมื่อมรสุมลูกใหม่…พัดมาซ้ำ!!

เมื่อมรสุมลูกใหม่…พัดมาซ้ำ!!

    สวัสดีค่ะชาวพัน ต่อเนื่องจากกระทู้ที่แล้ว (ย้อนไปอ่านได้ที่ http://pantip.com/topic/33739760 )  หลังจากที่มรสุมลูกแรกพัดผ่านไปแล้ว ชีวิตก็ดูจะราบรื่นดี ทุกคนดูมีความสุข ลงตัวหมดทุกอย่าง เราหยุดงานมา 4 เดือน ก็เริ่มกลับไปทำงานอีกครั้ง แม่เป็นคนเลี้ยงหลาน พ่อทำงานเป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน กลับมาบ้านเจอหน้าลูก ก็หายเหนื่อย เราทำงานได้เดือนนึง ลูกชายเกิดอาการงอแง แม่เอาไม่อยู่เราจึงต้องออกจากงาน เพื่อเลี้ยงลูกเอง พี่สาวจึงให้เราไปฝึกเย็บจักร เพื่อรับงานมาทำที่บ้าน

    ผ่านไปหนึ่งเดือนเราก็รับงานมาทำ เดือนนึงทำได้ก็พอจ่ายค่านม ค่าของต่างๆ แบ่งเบาที่บ้าน เราไม่อยากเป็นภาระ เวลาน้องงอแง เราก้ลุกมาอยู่กับเค้า พอเค้าอารมณ์ดี เราก็จะไปทำงานต่อ ปล่อยเค้าให้อยู่กับยาย ช่วงนั้นมีความสุขมาก ทุกอย่างโอเคหมดเลย พ่อกลับมาก็มีหลานคอยเป็นกำลังใจ เรื่องราวที่เกิดขึ้น เหมือนทำให้ครอบครัวของเรา กล้าที่จะเปิดใจคุยกันมากขึ้น เข้าใจกันมากขึ้น ดูอบอุ่นมากเลยล่ะ
    เราแพลนไว้ว่า เราจะทำงานเลี้ยงลูก แบ่งเงินเก็บไว้ส่วนนึง จนลูกเราเข้าโรงเรียนได้ เราก็จะกลับไปเรียน ทำงานไปเรียนไป ภาคพิเศษ มีเวลาทำงาน มีเวลาอยู่กับลูก เวลาเราไปเรียน แม่เราก็จะเป็นคนเลี้ยงลูกให้  ในขณะเดียวกันก็กลับมาทำหน้าที่ลูกให้พ่อกับแม่ด้วย แต่แล้วทุกอย่างมันก็ดับไป เกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิด…

3 February 2015
    เป็นวันธรรมดาเหมือนทุกๆวัน แต่กลับมีบางอย่างแปลกไป … แม่เราคุยโทรศัพท์กับยาย แต่กลับคุยไม่รู้เรื่อง ยายพูดอะไรมา แม่กลับตอบไม่ได้ หรือบางทีก็ตอบเป็นอย่างอื่นไปเลย เราเอะใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร คิดว่าแม่คงลืม ตามอาการที่เคยเป็น แต่ก็คอยสังเกตเค้าทั้งวัน ตกเย็น เราเป็นคนทำกับข้าว มีแม่คอยช่วย เราก็ทำตามปกติ มีพี่สะใภ้เข้ามาคุยด้วย แปลกตรงที่แม่เราพูดน้อยมาก ได้แต่ยิ้มและหัวเราะ ถามอย่างก็ตอบอีกอย่าง เราจึงให้เค้าออกมานอนพัก

    6 โมงเย็นทำกับข้าวเสร็จ ออกมานั่งดูโทรทัศน์กันที่กลางบ้าน พ่อพาน้องไปเล่นข้างนอก เราเห็นแม่นั่งหลับอยู่ที่เก้าอี้  เรามองหน้าเค้า เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ? เรามีความรู้สึกว่าปากแม่แปลกไป แทบไม่พูดเลยสักคำ เราเริ่มเอะใจ คิดว่าแม่จะบอกอะไรเรา แต่เปล่าแม่กลับเฉย(โดยส่วนตัวแม่เราเป็นคนที่ถ้าไม่หนักจะไม่บอก) เราจึงรีบถามพี่กูอย่างด่วน โดยมี 2 ปัจจัยหลัก คือ กล้ามเนื้อใบหน้ายึด จะหายเองในไม่ช้า และ เส้นเลือดสมองตีบ ต้องรับการรักษาด่วนที่สุด ด้วยความที่ตัวเค้าไม่พูด เราเองไม่รู้จะทำยังไง จึงได้แต่เฝ้าดูอาการ และภาวนาว่า อย่าให้แม่เป็นอะไรเลย  พอพ่อเราเข้าบ้าน จึงนั่งทานข้าวกัน แม่เราเป็นคนป้อนหลาน โดยหารู้ไม่ว่า นี่เป็นมื้อสุดท้ายที่นั่งทานข้าวพร้อมกัน โดยมีแม่เป็นคนป้อนข้าวหลาน….

4 February 2015
    เราตื่นเช้ามา ได้ยินเสียงโครมครามในครัว แต่ไม่เอะใจอะไร ลุกออกมาทำทุกอย่างเหมือนปกติ จน 8 โมง พ่อเราออกไปทำงาน ตัวเล็กตื่นออกมาจากห้อง เราเดินเข้าไปในครัว เห็นแม่เรากำลังยืนพันผ้าถุง โดยที่มือข้างขวา ไม่มีแรง!! แม่หันมาเห็นเรา จึงหลบแล้วเดินออกมาหาหลาน สังเกตเห็นแม่ปากเบี้ยวอย่างชัดเจน มีน้ำลายที่มุมปาก เราเริ่มใจไม่ดี จึงให้น้องอยู่กับแม่แล้วรีบโทหาพี่สาวทันที
    พี่สาวคนโตบอกให้เรารีบพาแม่ไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด เราจึงโทหาพี่สาวอีกคน(พี่เราทำงานใกล้บ้าน) เค้าบอกว่ากำลังมาถึงมีอะไร เราจึงบอกให้เค้ามาดูเอง พี่สาวมาถึงเห็นเราสีหน้าไม่ดี เค้ารีบเข้าไปดูแม่ สักพักเค้าเดินออกมาหาเรา เค้าบอกว่ารู้แร้ว เข้าใจแล้ว จึงรีบโทหาพ่อให้พาแม่ไป พี่เดินเข้าไปบอกแม่ว่าจะพาไปหาหมอ คำเดียวที่แม่พูดคือ ไม่ไป!! เราได้แต่ยกมือไหว้แม่ บอกว่าแม่ไปเถอะนะ เดี๋ยวก็ได้กลับแล้ว แม่ไม่ยอม จนพ่อเรามา แม่จึงยอมไป เราได้แต่ภาวนาว่าขออย่าให้เกิดอะไรไม่ดีเลย ..
    ตัวเราอยู่บ้านคอยโทถามเป็นระยะ พี่สะใภ้เห็นสีหน้าเราไม่ค่อยดี จึงเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนเรา สักพักพี่โทมาบอกเราว่า แม่ต้องไปโรงพยาบาลในจังหวัด เราเริ่มใจไม่ดีแล้ว เราเริ่มรู้แล้วว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น เราได้แต่นั่งคอยโทรศัพท์ โทหาพี่ทุก 5 นาที รู้สึกเวลามันเดินช้า พ่อเราหยุดงาน ตามไปที่โรงพยาบาลพร้อมกับพี่สาวคนโต รอจนเกือบเที่ยงจึงรู้ผล

“ แม่เราเป็นเส้นเลือดในสมองตีบ ร่างกายซีกขวาชา ที่แขนขวามีรอยของร้อนลวก
(เกิดจากแม่ฝืนทำกับข้าวแล้วแขนตกไปโดนหม้อ) ”
อมยิ้ม14อมยิ้ม14

    พอเรารู้ข่าวจากพี่ บอกเลยว่าช็อค ทำอะไรไม่ถูก เหมือนสติไม่อยู่กับตัวแล้ว เหมือนโลกหยุดหมุน เราเคว้งมาก ได้แต่คิดว่าทำไม? ทำไมต้องมาเจอเรื่องร้ายๆแบบนี้ เราพึ่งผ่านวิกฤตมา ทำไมโชคไม่เข้าข้างเราบ้าง เรานั่งร้องไห้ พี่สะใภ้ก้ได้แต่คอยปลอบเรา พอบ่ายๆ พ่อกับพี่สาวกลับมา เรารีบคุยกับพ่อว่าเกิดอะไรขึ้น เราไม่เคยเห็นพ่อเครียดขนาดนี้ พ่อบอกกับเราว่าคงยากถ้าจะให้เหมือนเดิม จะเดินได้หรือป่าวก็ยังไม่รู้ เราได้แต่ก้มหน้าร้องไห้ บอกพ่อว่า จะเป็นยังไงก็ช่าง ขอแค่ให้แม่กลับมาอยู่กับหนู จะให้ทำอะไรเหนื่อยแค่ไหนหนูก้ยอม บอกเลยว่าช๊อค เรานิ่ง ร้องไห้ เอาแต่ร้องไห้ๆๆ

    แม่เราต้องนอน รพ อยู่อาทิตย์นึง 3 วันแรกไม่ได้ทานอะไรเรย แม้แต่น้ำ เพราะหมอต้องเตรียมความพร้อมเสมอเผื่อต้องมีการผ่าตัด แต่แม่เราอดทนมากนะ ไม่พูด ไม่บ่น ไม่ร้องไห้ให้เราเห็นเลย ผิดกับเรา ที่เอาแต่ร้องไห้ เฝ้าแม่ก้ต้องแอบเดินมาร้องไห้ ไม่รู้ทำไมเราถึงไม่เข้มแข็งเหมือนแม่ ทุกวันเราจะคอยบอกแม่ ว่าต้องสู้นะ แม่ต้องกลับไปเลี้ยงหลาน มันรอแม่ทุกวันเลย แม่ก็จะยิ้มให้เราทุกที 3 วันนั้น เราไม่ได้นอน กินก็กินไม่ได้ ไม่รู้ทำไม พี่สาวก็บ่นตลอด ว่าถ้าเราไม่กินจะเอาแรงที่ไหน ไหนจะต้องเฝ้าแม่ ไหนจะต้องเลี้ยงลูก

    ผ่านมา 3 เดือน แม่เราโอเคขึ้นเยอะมาก พูดเริ่มชัด แต่ช้า เดินได้แต่ต้องค่อยๆเดินค่อยๆก้าว แม่เราสู้มาก ในเมื่อแม่สู้ เราก็ต้องสู้ เพื่อแม่ เพื่อครอบครัวของเรา เพื่ออนาคตของตัวเล็ก ที่จะต้องเติบโตขึ้น เราจะเลี้ยงเค้าให้ดีที่สุด ให้เค้าได้รับรู้ว่าทุกคนรักเค้าเพียงใด…

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่