♦ ซัวซไดยพนมเปญ!! บังเอิญได้เที่ยวกัมพูชา. ♦


     นี่อาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญก็ได้ คือที่จริงแล้ว..การเดินทางไปพนมเปญครั้งนี้ เราไปเพื่อทำงานพบลูกค้าและดูไซท์ที่จะทำโปรเจคท์ แต่ด้วยความใจดีของเจ้านาย เขาให้พวกเราล่วงหน้าไปก่อน 1 วัน เพื่อที่จะไปเที่ยวกันก่อน (จะไปไหนก็ได้แล้วแต่พวกแก)
พวกเราก็เลยจัดการหารีวิวกันเสร็จสรรพ

     ตอนหารีวิวเราก็ได้พบกับเรื่องราวเกี่ยวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในยุคเขมรแดง น่าสนใจมาก บวกกับเจ้านายแนะนำให้ไปลองหาหนังเรื่อง The Killing Fields (1984) หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ ‘ทุ่งสังหาร’ มาดู หลังจากดูจบรู้สึกว่าเป็นภาพยนตร์ที่ดูแล้วทำให้รู้สึกหดหู่มาก แต่เราชอบอะ หนังดีนะ และภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลออสการ์ด้วย เราเลยชวนเพื่อนที่ไปด้วยให้ไปตามรอยเรื่องราวเหล่านี้ (ซึ่งจริงๆแล้ว route การเที่ยวที่พนมเปญก็จะรวมสถานที่ท่องเที่ยวที่เกี่ยวกับเรื่องนี้รวมด้วยอยู่แล้ว)

     !!ที่สำคัญ!! เรื่องค่าใช้จ่ายพวกตั๋วเครื่องบิน ค่ารถ ค่าโรงแรม ค่ากิน ค่าเที่ยว พวกเราไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายเลย (เจ้านายมีงบให้ 20,000 บาท)
โดยทริปนี้เราไปกะเพื่อนที่ออฟฟิส(เป็นเพื่อนที่เรียนมหาลัยด้วย)อีก 2 คน รวมเป็น 3 คน กับงบ 20,000 บาท
พวกเราก็เลยบริหารงบอย่างดิบดี เพื่อให้พอกับค่าใช้จ่ายทุกอย่าง และสามารถดำรงชีวิตอยู่กับเมืองนี้ให้รอด(ที่จริงแล้วงบประมาณนี้อยู่ได้สบายๆเลยค่ะสำหรับพวกเรา..รอดแน่นอน555) แต่เราก็พกเงินส่วนตัวไปกันด้วยนะเผื่อผิดพลาด
     แล้วก็ไปจัดการแลกเงินดอลลาร์มา 200$ เรท 1$ ประมาณ 34บาท หรือประมาณ 4,000เรียล
คนกัมพูชาจะใช้เงินดอลลาร์กับเงินเรียล(เงินกัมพูชา)เป็นหลัก จ่ายเงินดอลทอนเงินเรียลประมาณนี้

     ส่วนระยะเวลาที่พวกเราไปก็เป็นช่วงวันที่ 29-31.05.2015
ตอนไปช่วงนี้อากาศยังร้อนมากในตอนกลางวัน และแอบมีฝนตกประปรายในตอนเย็นด้วย บางวันก็ท้องฟ้าครึ้มๆ(ไม่ได้เป็นนักพยากรณ์อากาศนะคะ55)

ขอออกตัวก่อนนะ..
- นี่เป็นกระทู้บันทึกการเดินทางแรก ผิดพลาดตรงไหนชี้แนะชี้นำได้ค่ะ
- บันทึกการเดินทางนี้อาจมีภาพและข้อมูลที่ไม่ค่อยละเอียดเท่าไหร่ ขออภัยล่วงหน้าด้วย
- อยากให้เพื่อนๆได้เห็นว่าตอนนี้พนมเปญเป็นยังไง มีอะไรให้เที่ยวบ้าง มันไม่โหดร้ายอย่างที่หลายๆคนคิดไว้หรอกนะ
- ใช้กล้อง Nex 5r Lens 16-50 /F3.5-5.6 แต่งรูป Photoshop + Lightroom4.3 + PhotoScape

...ว่าแล้วก็เริ่มเดินทางกันเล้ย!...


:: วันที่ 29.05.2015 ::
     ไปสายการบินของแอร์เอเชีย ไฟล์ท 6.30 น. จองแบบตั๋วราคาประหยัดค่ะ จองไป-กลับ 3 คน ราคาน่าจะประมาณ 13,000 บาท (ถ้าจำไม่ผิดนะคะ) ขาไปสนามบินดอนเมืองนี่ วิ่งหน้าตั้งกันทุกคนเลยค่ะ ด้วยความชั่งใจว่าทันชัวร์เวลาเหลือแหล่ทำให้เกือบตกเครื่อง แต่สุดท้ายพวกเราก็ทันนะ (กรุณาอย่าชั่งใจเป็นเยี่ยงอย่างนะคะ มันต้องต่อคิวตรวจนู่นนี่ก่อนออกนอกประเทศ ใช้เวลาพอสมควร)

เวลาประมาณ 7.40 น. ถึงสนามบินพนมเปญ เรา 3 คนก็ได้เหยียบแผ่นดินเขมรแล้ว..เย่!

จากนั้นซื้อซิมก่อน เดี๋ยวจะติดต่อเจ้านายที่จะตามมาในวันรุ่งขึ้นไม่ได้ ซิมที่ซื้อก็ราคาอยู่ที่ 3$ ใช้ 3 วัน

     หลังจากนั้นเราก็หารถหน้าสนามบินจะมีแท็กซี่กับตุ๊กๆ พวกเราก็คิดกันอยู่นานว่าจะเลือกอะไรดี สรุปแล้วเราเลือกนั่งตุ๊กๆเพื่อไปต่อ
     ส่วนนี่ก็เป็นภาพบรรยากาศเมืองพนมเปญ ที่เราได้มาสัมผัสกับเมืองนี้ครั้งแรก
     (เรื่องการจราจรของที่นี่สมคำร่ำลือจริงๆ ค่อนข้างจะไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวใช้ฝีมือล้วนๆ บีบแตรให้สัญญาณเป็นอันรู้กันว่าขอทางหน่อย เราว่าคนที่นี่ขับรถเก่งมาก กลับรถทีนี่ก็เล่นเสียวๆอยู่เหมือนกันห่างไม่กี่เซนคนที่นี่ก็ถือว่าห่างแล้ว สามารถกลับรถถอยเข้า-ออกได้สบ๊าย นับถือเขาจริงๆ)

     พวกเราต่อรองราคาเหมาตุ๊กๆอยู่ที่ 30$ (แต่ที่จริงเราว่ามันไม่น่าเกิน 25$ นะแต่หลวมตัวไปแล้ว) โดยตอนแรกเราจะให้เขาไปส่งที่โรงแรมก่อนเพื่อไปฝากสัมภาระ โรงแรมจะอยู่แถวพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ แต่ความเข้าใจและการสื่อสารที่ผิดพลาดของเราเอง ที่แรกก็เลยไปลงเอยที่ ทุ่งสังหาร (Killing Fields) หรือ Choeung Ek Genocidal Center (อ่านว่า เจืองแอ็ก) พร้อมกับสัมภาระที่ค่อนข้างเป็นภาระทีเดียว
(สีเขียว=สนามบิน สีชมพู=ทุ่งสังหาร สีน้ำเงิน=โรงแรม ) cr.www.google.co.th/maps

     นี่เป็นคนขับตุ๊กๆที่พาพวกเราทัวร์ในครั้งนี้ เขาชื่อว่า Lim Mab (ถ่ายรูปป้ายที่ติดบนรถตุ๊กๆเก็บไว้ด้วยเผื่อฉุกเฉิน)
     ตอนแรกที่คิดว่าราคาเหมาเที่ยวน่าจะถูกกว่านี้ แต่ด้วยการบริการที่ดีและเป็นมิตร บังเอิญว่าพี่คนนี้เขานิสัยดีและดูซื่อๆไว้ใจได้ ดูแลสัมภาระให้เราอย่างดีและคอยเตือนตลอดว่าให้ระวังโดนฉกของมีค่าให้หนีบคล้องไว้กับตัวให้ดีๆ และต้องเสียเวลาพาพวกเราเที่ยวทั้งวัน ก็เลยมองในแง่บวกไปว่าเป็นค่า service mind และกระจายรายได้ให้ท้องถิ่นแล้วกัน

     ส่วนนี่เป็นระหว่างทางที่ไปทุ่งสังหารเส้นทางจะออกไปนอกเมือง จะพบว่ามีแต่ฝุ่นและฝุ่น เพราะเมืองนี้กำลังจะพัฒนากำลังสร้างถนนไปทั่วเมือง (บรรยากาศระหว่างทางราวกับเมืองไทยเมื่อสิบยี่สิบปีที่แล้ว)


     ฝุ่นเยอะขนาดนี้พี่ตุ๊กๆก็เลยแวะซื้อผ้าปิดปากให้..น่าประทับใจแท้

     ก่อนอื่นกองทัพต้องเดินด้วยท้อง!! มื้อแรกของวันและมื้อแรกที่เขมร ก็ขอฝากท้องไว้กับร้าน Sna Dai Café ซึ่งอยู่ด้านหน้าของเจืองแอ็กหรือทุ่งสังหารนั่นเอง

     เราสั่ง lok lak มากินเป็นหมูผัดซอส+ไข่ดาว (แต่ในเมนูรูปมันเหมือนผัดกะเพราชัดๆไหงออกมาเป็นงี้ได้) ส่วนเพื่อนอีกสองคนสั่งเป็นหมี่น้ำ ทั้งสองอย่างรสชาติโอเค แต่ไม่กลมกล่อมรสเข้มเหมือนอาหารไทย (ซึ่งคิดว่าอาหารเขมรมีเลเวลความกลมกล่อมดร็อปลงจากอาหารไทยไป 1-2 สเต็ป)
มื้อนี้ข้าวหมูผัดซอสราคา 4.5$ + หมี่น้ำ 3.5$x2 + น้ำเปล่าขวดใหญ่ 1.5$ = 13$ ราคาค่อนข้างแพงซึ่งคิดว่าเป็นราคาใกล้สถานที่ท่องเที่ยว

     หลังจากหนังท้องตึงแล้ว ก็ไปชม ศูนย์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เจืองแอ็ก กันโลดดด!

     ซื้อตั๋วเข้าก่อน คนละ 6$x3 = 18$ และไม่ต้องห่วงว่าจะไม่อินฟังไม่รู้เรื่อง ที่นี่เขามีหูฟังตั้งเป็นภาษาไทยพร้อมกับโบชัวร์ภาษาไทยให้เราเสร็จสรรพ ทีนี้ล่ะคุณจะอินและได้รับความหดหู่ไปกับเรื่องราวในยุคเขมรแดงได้อย่างแน่นอน! (จะไม่ขอเล่าเรื่องราวความเป็นมาหรือประวัติศาสตร์ต่างๆนะ ลองเซิร์จหาข้อมูลและต้องไปสัมผัสกันเอง)

   

     นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นฝรั่ง จะไม่ค่อยเจอคนเอเชียอย่าง จีน เกาหลี ญี่ปุ่น อาจเป็นเพราะการท่องเที่ยวยังไม่ใช่สไตล์นี้


     ที่นี่จะมีจุดหยุดชมตามหมายเลขในโบชัวร์ เราจะได้ไม่เดินมั่วซั่วพร้อมกับเดินฟังเรื่องราวจากหูฟังไปได้เรื่อยๆเลย





     นี่เป็นหัวกะโหลกผู้เสียชีวิตจากสาเหตุการตายหลายๆแบบที่เอามาเก็บรวบรวมไว้ในสถูปที่รำลึกเหตุการณ์

     จบจาก Killing Fields แล้ว เพื่อให้เรื่องราวในยุคเขมรแดงเป็นไปอย่างต่อเนื่องเราก็จะไปที่ Tuol Sleng Genocide Museum หรือ S-21 (Security Office 21) กันต่อ แต่ระหว่างทางพวกเราขอให้พี่ตุ๊กๆแวะที่ Russian Market ก่อน ซึ่งมันเป็นทางผ่านและอยู่ไม่ไกลจาก Tuol Sleng

     อากาศร้อนมากกระหายน้ำอย่างแรง พวกเราเลยแวะที่ร้าน Coffee Corner อยู่เยื้องๆกับ Russian Market นั่นแหละ


     กาแฟและน้ำมะม่วงปั่นที่สั่งออกรสชาติหวานๆแม้สั่งหวานน้อยก็ยังหวานอยู่(ทำให้ยังกระหายน้ำอีกละ) ราคาน่าจะแก้วละ 2.5$ (ถ้าจำไม่ผิด) 2.5$x3 = 7.5$ เกือบเท่าราคาข้าวแน่ะ
     (ขอบอกว่า..พอออกจากร้านนี้พวกเราได้เข้าไปมินิมาร์ท(ซึ่งที่นี่จะไม่มี 7-11 เหมือนบ้านเรา) ซื้อโค้ก(จำราคาไม่ได้)และน้ำเปล่า0.5$ มาดับกระหายอีก..ชื่นใจอย่างแรง)



     จากนั้นเราก็เข้าไปเดินด้านในตลาด Russian ดูๆแล้วก็จะคล้ายกับตลาดบ้านเรานั่นเอง มีของสดของแห้งคละเคล้ากันไป
     เดินไปเดินมาเจอร้านขายหวานเย็นเลยสบตาเพื่อนและปักหลักกันตรงนี้ซักแป๊บ คนที่นี่น่ารักอัธยาศัยดีแถมสอนภาษาเขมรให้ด้วย เราก็พูดไปว่า ออกุนๆ(ขอบคุณ) เขาไป ส่วนหวานเย็นก็ราคาถ้วยละ 2,000เรียลx3 = 6,000เรียล

     เดินถ่ายรูปเรื่อยๆเจอร้านนี้แสงลงพอดี เป็นสเปซที่สวยมากๆในความคิดเราและเพื่อนๆ

     เจอร้านนี้ขายขนมปังยัดไส้เนื้อย่างและก็มีเนื้อปิ้ง(เห็นมีขายอย่างนี้ได้ทั่วไปในเขมร) ซึ่งเราทั้งสามคนไม่ได้ลองซื้อกินเพราะไม่มีใครกินเนื้อ เลยได้แต่มองและบ่นอยากกิน จนคนเขมรที่นั่งรอแม่ค้าปิ้งอยู่ได้ยินเราบ่นๆว่าน่าจะเป็นเนื้อหมู เขาก็รู้เลยว่าเราเป็นคนไทย(คนเขมรบางคนจะฟังภาษาไทยออก) เราก็ยิ้มๆให้เขาและยอมเดินจากไปแต่โดยดี





     จากนี้เราก็จะไปต่อกันที่ Tuol Sleng Genocide Museum (S-21) ...
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่