แพลนไว้ตั้งแต่เมื่อคืนว่าจะตื่นสักหกโมงออกจากที่พักเจ็ดโมง
ไปอนุต่อรถตู้ไปแหลมบายลีฮายข้ามเรือไปเกาะล้านรวมแล้วไม่น่าจะเกินเที่ยง
ผ่าง! ตื่นมาอีกทีเก้าโมงสิบแปด เมื่อคืนกลับมาดึกแล้วยังเผลอนอนเล่นมือถือยันตีหนึ่งอีก
จะตื่นหกโมงได้ยังไงล่ะ #แหมข้ออ้าง ออกมาจากที่พักประมาณสิบโมงขึ้นBTSไปลงอนุสาวรีย์
ในส่วนนี้คือความโง่ของจขกท.ล้วนล้วน
กรุณาจำแล้วอย่าไปลอกเลียนแบบ
คือในกระทูpantipหลายอันจากที่ศึกษามาเขาบอกให้ขึ้นรถตู้ข้างเซนจูรี่เราก็ลงมาจากBTS
หาตึกเซนจูรี่เจอปุ๋บมองข้างตึกเจอรถตู้เลยบึ่งไปเลย สรุปได้ตั๋วมาในราคา 120 บาท
เราก็งง อ่าวทำไมกระทู้อื่นเขาไปกัน 97 บาทเองวะ? สรุปขึ้นต้องเดินไปขึ้นรถตู้ข้างโชว์รูมซูซูกิ ไม่ใช่ข้างเซนจูรี่นี่เลย
อย่าเสียค่าโง่ 23 บาทนะคะ เดินต่ออีกนิดเพื่อประหยัดเงินเก็บไว้ซื้อน้ำเปล่ากินบนเกาะดีกว่าค่ะ
นี่คือตั๋วที่ซื้อมาในราคา 120 บาท
(ปล.ตอนรอรถตู้คือร้อนมาก กรุณาหาที่รอรถดีดีไม่งั้นจะเป็นลมได้)
จากนั้นก็ขึ้นรถตู้ไปถึงแหลมบาลีฮาย ปกติเขาบอกว่าสองชั่วโมงก็ถึง แต่ที่ไปนี่รู้สึกว่าจะเกิน
รถออกสิบเอ็ดโมงกว่าไปถึงก็เกือบจะบ่ายสองแล้ว จากนั้นก็ไปที่ท่าเรือ
จริงจริงไม่จำเป็นต้องซื้อตั๋วหรอก คือเดินไปสุดท่าเรือแล้วไปจ่ายตังค์ได้เลย

แต่นี่ก็มึนเดินตามคนอื่นมา เห็นเขาซื้อกันก็เลยซื้อตาม ตั๋วราคา 30 บาท จากนั้นเดินไปสุดท่าเรือ
ตรงท่าA ก็จะมีเรือจอดรออยู่ ก่อนลงเรือก็จะมีคนเก็บตั๋ว(สำหรับคนซื้อตั๋ว)เก็บเงิน(สำหรับคนไม่ได้ซื้อตั๋ว)
แล้วก็มีน้ำเปล่าโค้กชาเขียวนู่นนั่นนี่ขายก่อนลงเรือ โค้กนี่ขวด 20 บาท
ราคาฝืนใจมาก แต่สำหรับแดดในตอนนั้นยอม ร้อนมาก ไม่ไหวเลย ให้ตายเหอะ

มุมมหาชนไม่ถ่ายไม่ได้ไม่งั้นคงรู้สึกผิด.
จากนั้นประมาณบ่ายสองกว่ากว่าก็ถึงเกาะล้าน เรือออก 13:49 ถึงเกาะประมาณ 14:15
จากนั้นก็ไลน์หาเจ้าของรีสอรท์ให้เขาเอารถกระป๊อ(พี่เจ้าของรีสอรท์เขาไลน์มาบอกแบบนี้)มารับ
รอสักพักก็รู้สึกร้อน โค้กฝืนใจขวดนั้นก็หมดตั้งแต่บนเรือ เลยเดินไปเซเว่นที่อยู่ไม่ไกล
ราคาของในเซเว่นจะชารจ์เพิ่มจากราคาบนฝั่งประมาณ 4-5 บาท จะมีไม่กี่อย่างที่ราคาเท่าเดิม
(ตอนแรกก็ราคาขัดใจอยู่แต่พอไปสนามบินดอนเมืองเจอเซเว่นที่นั่นแล้วที่นี่เบาเบาไปเลย)
ความช้ำใจอย่างแรกที่เกิดขึ้นคือ พอรถมาถึงพี่คนขับก็มาถามว่าน้องมาคนเดียวเหรอ?
คือคนอื่นเขามาเป็นคู่ไง มีอีนี่มาคนเดียว เราก็แบบ ค่ะ มาคนเดียวค่ะ..
จากนั้นพี่เขาก็ขับพามาที่รีสอรท์ ที่นี่พักคือที่ Check-in Resort เป็นรีสอร์ทแนวLoft แนวปูนเปลือย
คือเราชอบอะไรแนวแนวนี้พอเห็นแล้วก็โอเคเลยรีบจองเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ที่พักจะอยู่ห่างจากท่าหน้าบ้านประมาณหนึ่งกิโล อยู่ห่างจากหาดตายายประมาณห้าร้อยเมตร
ราคาที่พักที่นี่ วันธรรมดาจะราคา 1000 แต่ถ้าเป็นweekendจะราคา 1200
ราคานี้รวมอาหารเช้า ถ้าจะเช่ามอไซจะบวกราคาเพิ่ม 300 บาท
มาถึงรีสอรท์ก็เกือบบ่ายสาม อากาศโคตรร้อน ชะนีไม่สู้แดดอย่างเราซะอย่างจะทำอะไรล่ะคะ
นอนตากแอร์เอาแอร์จ่อหัวอยู่ในห้องค่ะ หลับยาวยันห้าโมงเย็น ตอนนั้นไม่ได้จองมอไซด้วยคิดว่าเดินเอาเก๋เก๋ก็ได้

ตอนแรกเดินขึ้นไปทางหาดตายาย ตอนนั้นมึนจำทางไม่ได้ เดินมาสักพักก็เจอวิวสวย เลยแวะถ่ายรูป
แต่เดินไปเดินมารู้สึกว่าทางไม่คุ้น เลยเดินย้อนกลับไป เดินมั่วมั่วเจอครัวเฉลียงลม หิวอยู่ด้วยเลยแวะกินซะหน่อย
เดินมาถึงครัวเฉลียงลมเดินเข้ามาในร้านถามคนในร้านว่ามีที่ว่างไหมคะ? เพราะเห็นมีคนบอกว่าคนเยอะมาก
จะมากินต้องจองไรงี้ พี่เขาก็บอกมาว่า “ทีที่ว่างริมหาดอยู่ครับ” เราก็ “โอเคค่ะ” เดินไปตรงริมหาดมันจะมีที่นั่งสองแถว
แถวแรกก็จะเห็นทะเลชัด แถวสองก็จะเห็นโต๊ะแถวแรกพร้อมกับเห็นวิวทะเลนั่นแหละ ได้นั่งตรงแถวที่สอง
เราเลือกนั่งริมริมแถว เพราะไม่ค่อยมีคนดี ก็นั่งประมาณ10นาที ไม่มีพนักงานคนไหนสนใจเลย ความรู้สึกเหมือนเป็นวิญญาณ
แบบนี่มีกายหยาบนะคะ สนใจด้วยค่ะ คือพนักงานเดินผ่านเราไปแบบ โต๊ะข้างข้างนู้นมาหลังเรา แต่ได้สั่งข้าว ได้น้ำกินแล้ว
นี่ก็เลยตะโกนไปว่า พี่คะขอเมนูค่ะ สักพักใหญ่ใหญ่พี่เขาถึงจะมา วันนี้ที่กินไปมีสองอย่าง
หมึกผัดไข่เค็ม 150 บาท

ยำปูม้าสด 250 บาท

โค้กไซส์S(โค้กขวด15บาทบนฝั่งที่ร้านอัพราคาไปเป็น 25 บาท) น้ำแข็งถังละ 10 บาท
เข้าใจค่ะว่าของที่ทะเลก็แพง แต่แบบพอได้กินแล้วก็ รสชาติไม่อื้อหืออ้าหาอะไรเลย เอาปลาหมึกมาจากทะเลไหน
เอาไข่เค็มเกรดไหนมาผัดเหรอคะ? ยำปูม้าสดก็เฉยเฉย ไม่มีอะไร เอาตรงตรงคือเฟล ร้านนี้มีดีอย่างเดียวคือบรรยากาศ
จากนั้นก็รู้สึกว่าไม่น่าจะเดินไหว เลยไลน์ไปถามพี่เจ้าของรีสอรท์ว่ามีมอไซว่างอยู่ไหม? พี่เจ้าของบอกว่ามีเลือกซูมเมอร์Xอีกคัน
ราคาเต็ม400ลดให้เหลือ300บาท(น้ำมันใกล้หมด) เราก็โอเคค่ะ เอาค่ะ จากนั้นก็เดินกลับไปรีสอรท์ ไปนอนแช่แอร์สักพัก
สักสองทุ่มก็ไปเอารถแล้วออกขับเที่ยวแถวท่าหน้าบ้านและแอบเลยมาหน่อยเจอวัดแล้วตรงข้ามวัดมีตลาด(ไม่ค่อยมีอะไร)
จากนั้นก็ขับมั่วมั่วไปทั่วเกาะ ไปหยุดอยู่ที่ร้าน Old Fashion Bar คือป้ายหน้าร้านมีเขียนว่า cocktail
แล้วเป็นร้านเดียวที่หาเจอตอนนั้นด้วย เลยโอเค เอาร้านนี้แหละ ขี้เกียจไปหาร้านอื่นแล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(ร้านจะอยู่ตรงท่าหน้าบ้านขับมาทางหาดตายายแล้วมันจะมีสามแยก ขายพวกอาหารทะเลสด
ตรงไปเป็นหาดอะไรไม่รู้ แต่ถ้าเลี้ยวขวาจะไปหาดตายาย ร้านอยู่ก่อนถึงทางแยกนี่แหละค่ะ)
เดินเข้าไปในร้านเหลือที่อยู่หนึ่งที่ เลยไปนั่ง สั่ง Blue Hawai ไป พี่เขาเดินมาบอกว่า ถ้า cocktail เป็นแก้วจะแก้วละ120บาทนะ
แต่ถ้าเป็นเหล้าปั่นจะเป็นเหยือกละ150บาท เราเลยสั่งเหล้าปั่นไป พี่เขาก็เน้นมาอีกทีว่า มันเยอะนะ เราก็บอกว่าไม่เป็นไรค่ะจะกิน

ก็ยาวยาวไปนั่งฟังเพลงไปมีดราม่าบ้างนิดนิดตามเพลงร้านเหล้า สักพักพี่เจ้าของร้านมาดีดกีต้าร์ร้องเพลงให้ฟัง เกือบเคลิ้มแล้ว
สายกีต้าขาดเฉย หมดฟินไปเลย พอกินเหล้าปั่นหมดเยือก ก็ไปเซเว่น ไปซื้อน้ำ+ขนมปัง+นม เผื่อไว้รองท้องพรุ่งนี้เช้า.
นี่ก็เป็นอีกวันที่แพลนไว้ว่าจะตื่นสักตีห้าครึ่งอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปดูพระอาทิตย์ขึ้น
ผ่าง! ตื่นอีกทีหกโมงครึ่ง พลาดเลย สรุปสุดท้ายได้ออกจากรีสอร์ทประมาณ 7 โมงกว่า
เริ่มที่การขับรถมั่วมั่วไปท่าหน้าบ้าน แล้วขับไปทางไหนไม่รู้
ขับมาอยู่ดีดีก็เจอป้ายหาดเทียน เลยโอเคแวะที่นี่ก่อนละกัน
หาดเทียนเอกลักษณ์คือมีหินเยอะมากและกลิ่นขยะแรงมากเช่นกัน

หาดเทียนตรงนี้จะมีสะพานไม้ข้ามไปหาดตาแหวนด้วย

จะรออะไรล่ะ ข้ามไปสิ..
จากนั้นเราก็มาที่หาดตาแหวน จุดสังเกตของหาดนี้คือ นักท่องเที่ยวต่างชาติโคตรเยอะ
ตอนนั้นไปถึงประมาณเจ็ดแปดโมง ตอนแรกหาดยังว่างว่างอยู่ พอผ่านไปสักพัก ทัวร์จีนลง
อากงอาม่าก๋วยเตี๋ยวติ่มซำมากันเต็มเป็นขบวนเลย
(จริงจริงแล้วก็มีฝรั่งมังคุคอะไรด้วยแหละ แต่แค่คนจีนมาเยอะมากจนเป็นที่สังเกตุได้ง่ายกว่า)
งานครึ่งบกครึ่งน้ำเหนือน้ำใต้น้ำก็มา
หาดเทียนน้ำใส มีพวกที่นั่งชายหาดอะไรเยอะกว่าที่อื่นเลย แต่แน่นอนว่าเราไม่ได้นั่ง
เพราะจำได้ว่าต้องเสียเงินก็เดินเล่นถ่ายไปรูปไปสักพักก็เดินกลับไปหาดเทียนแล้วขับรถไปที่อื่นต่อ
เนื่องจากตอนแรกเราแพลนไว้ว่าอยากไปถ่ายตรงกังหันลม จริงจริงตอนขับรถรอบเกาะก็เห็นแล้วนะ
แต่เนื่องจากแดดมาแล้วเริ่มร้อนเลยขับกลับรีสอรท์ดีกว่า ซึ่งในขณะที่กำลังขับกลับ แดดเบาลงเฉยเลย
[CR] ★★★ ทริปเที่ยวเกาะล้านแบบขี้เกียจสองวันหนึ่งคืนของชะนีไม่สู้แดด.
คำเตือน.
กระทู้นี้มีภาษาลู
กระทู้นี้มีคำหยาบ(พอสมควร)
กระทู้นี้จขกท.บ่นเยอะ
กระทู้นี้มีคำว่าร้อนเกิน20คำ
กระทู้นี้ภาพโทนสว่าง
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
เอาเพลงไปฟังเพลินเพลิน.
อุปกรณ์ร่วมทริป: Canon G12 / SAMSUNG NOTE3 / ขาตั้งกล้อง / ซองกันน้ำกล้อง
โปรแกรมแต่งรูป: Lightroom
★★ twitter+instagram: ipedd_ ★★
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขั้นแรก.
นั่งเครื่องบินไปกรุงเทพให้ได้ก่อน ได้ตั๋วโปรจาก thai lion air เชียงราย-ดอนเมือง 340 บาท (ราคาน่าจะประมาณนี้)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ไปอนุต่อรถตู้ไปแหลมบายลีฮายข้ามเรือไปเกาะล้านรวมแล้วไม่น่าจะเกินเที่ยง
ผ่าง! ตื่นมาอีกทีเก้าโมงสิบแปด เมื่อคืนกลับมาดึกแล้วยังเผลอนอนเล่นมือถือยันตีหนึ่งอีก
จะตื่นหกโมงได้ยังไงล่ะ #แหมข้ออ้าง ออกมาจากที่พักประมาณสิบโมงขึ้นBTSไปลงอนุสาวรีย์
ในส่วนนี้คือความโง่ของจขกท.ล้วนล้วนกรุณาจำแล้วอย่าไปลอกเลียนแบบ
คือในกระทูpantipหลายอันจากที่ศึกษามาเขาบอกให้ขึ้นรถตู้ข้างเซนจูรี่เราก็ลงมาจากBTS
หาตึกเซนจูรี่เจอปุ๋บมองข้างตึกเจอรถตู้เลยบึ่งไปเลย สรุปได้ตั๋วมาในราคา 120 บาท
เราก็งง อ่าวทำไมกระทู้อื่นเขาไปกัน 97 บาทเองวะ? สรุปขึ้นต้องเดินไปขึ้นรถตู้ข้างโชว์รูมซูซูกิ ไม่ใช่ข้างเซนจูรี่นี่เลย
อย่าเสียค่าโง่ 23 บาทนะคะ เดินต่ออีกนิดเพื่อประหยัดเงินเก็บไว้ซื้อน้ำเปล่ากินบนเกาะดีกว่าค่ะ
นี่คือตั๋วที่ซื้อมาในราคา 120 บาท(ปล.ตอนรอรถตู้คือร้อนมาก กรุณาหาที่รอรถดีดีไม่งั้นจะเป็นลมได้)
จากนั้นก็ขึ้นรถตู้ไปถึงแหลมบาลีฮาย ปกติเขาบอกว่าสองชั่วโมงก็ถึง แต่ที่ไปนี่รู้สึกว่าจะเกิน
รถออกสิบเอ็ดโมงกว่าไปถึงก็เกือบจะบ่ายสองแล้ว จากนั้นก็ไปที่ท่าเรือ
จริงจริงไม่จำเป็นต้องซื้อตั๋วหรอก คือเดินไปสุดท่าเรือแล้วไปจ่ายตังค์ได้เลย
แต่นี่ก็มึนเดินตามคนอื่นมา เห็นเขาซื้อกันก็เลยซื้อตาม ตั๋วราคา 30 บาท จากนั้นเดินไปสุดท่าเรือ
ตรงท่าA ก็จะมีเรือจอดรออยู่ ก่อนลงเรือก็จะมีคนเก็บตั๋ว(สำหรับคนซื้อตั๋ว)เก็บเงิน(สำหรับคนไม่ได้ซื้อตั๋ว)
แล้วก็มีน้ำเปล่าโค้กชาเขียวนู่นนั่นนี่ขายก่อนลงเรือ โค้กนี่ขวด 20 บาท
ราคาฝืนใจมาก แต่สำหรับแดดในตอนนั้นยอม ร้อนมาก ไม่ไหวเลย ให้ตายเหอะ
มุมมหาชนไม่ถ่ายไม่ได้ไม่งั้นคงรู้สึกผิด.
จากนั้นประมาณบ่ายสองกว่ากว่าก็ถึงเกาะล้าน เรือออก 13:49 ถึงเกาะประมาณ 14:15
จากนั้นก็ไลน์หาเจ้าของรีสอรท์ให้เขาเอารถกระป๊อ(พี่เจ้าของรีสอรท์เขาไลน์มาบอกแบบนี้)มารับ
รอสักพักก็รู้สึกร้อน โค้กฝืนใจขวดนั้นก็หมดตั้งแต่บนเรือ เลยเดินไปเซเว่นที่อยู่ไม่ไกล
ราคาของในเซเว่นจะชารจ์เพิ่มจากราคาบนฝั่งประมาณ 4-5 บาท จะมีไม่กี่อย่างที่ราคาเท่าเดิม
(ตอนแรกก็ราคาขัดใจอยู่แต่พอไปสนามบินดอนเมืองเจอเซเว่นที่นั่นแล้วที่นี่เบาเบาไปเลย)
ความช้ำใจอย่างแรกที่เกิดขึ้นคือ พอรถมาถึงพี่คนขับก็มาถามว่าน้องมาคนเดียวเหรอ?
คือคนอื่นเขามาเป็นคู่ไง มีอีนี่มาคนเดียว เราก็แบบ ค่ะ มาคนเดียวค่ะ..
จากนั้นพี่เขาก็ขับพามาที่รีสอรท์ ที่นี่พักคือที่ Check-in Resort เป็นรีสอร์ทแนวLoft แนวปูนเปลือย
คือเราชอบอะไรแนวแนวนี้พอเห็นแล้วก็โอเคเลยรีบจองเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มาถึงรีสอรท์ก็เกือบบ่ายสาม อากาศโคตรร้อน ชะนีไม่สู้แดดอย่างเราซะอย่างจะทำอะไรล่ะคะ
นอนตากแอร์เอาแอร์จ่อหัวอยู่ในห้องค่ะ หลับยาวยันห้าโมงเย็น ตอนนั้นไม่ได้จองมอไซด้วยคิดว่าเดินเอาเก๋เก๋ก็ได้
ตอนแรกเดินขึ้นไปทางหาดตายาย ตอนนั้นมึนจำทางไม่ได้ เดินมาสักพักก็เจอวิวสวย เลยแวะถ่ายรูป
แต่เดินไปเดินมารู้สึกว่าทางไม่คุ้น เลยเดินย้อนกลับไป เดินมั่วมั่วเจอครัวเฉลียงลม หิวอยู่ด้วยเลยแวะกินซะหน่อย
เดินมาถึงครัวเฉลียงลมเดินเข้ามาในร้านถามคนในร้านว่ามีที่ว่างไหมคะ? เพราะเห็นมีคนบอกว่าคนเยอะมาก
จะมากินต้องจองไรงี้ พี่เขาก็บอกมาว่า “ทีที่ว่างริมหาดอยู่ครับ” เราก็ “โอเคค่ะ” เดินไปตรงริมหาดมันจะมีที่นั่งสองแถว
แถวแรกก็จะเห็นทะเลชัด แถวสองก็จะเห็นโต๊ะแถวแรกพร้อมกับเห็นวิวทะเลนั่นแหละ ได้นั่งตรงแถวที่สอง
เราเลือกนั่งริมริมแถว เพราะไม่ค่อยมีคนดี ก็นั่งประมาณ10นาที ไม่มีพนักงานคนไหนสนใจเลย ความรู้สึกเหมือนเป็นวิญญาณ
แบบนี่มีกายหยาบนะคะ สนใจด้วยค่ะ คือพนักงานเดินผ่านเราไปแบบ โต๊ะข้างข้างนู้นมาหลังเรา แต่ได้สั่งข้าว ได้น้ำกินแล้ว
นี่ก็เลยตะโกนไปว่า พี่คะขอเมนูค่ะ สักพักใหญ่ใหญ่พี่เขาถึงจะมา วันนี้ที่กินไปมีสองอย่าง
หมึกผัดไข่เค็ม 150 บาท
ยำปูม้าสด 250 บาท
โค้กไซส์S(โค้กขวด15บาทบนฝั่งที่ร้านอัพราคาไปเป็น 25 บาท) น้ำแข็งถังละ 10 บาท
เข้าใจค่ะว่าของที่ทะเลก็แพง แต่แบบพอได้กินแล้วก็ รสชาติไม่อื้อหืออ้าหาอะไรเลย เอาปลาหมึกมาจากทะเลไหน
เอาไข่เค็มเกรดไหนมาผัดเหรอคะ? ยำปูม้าสดก็เฉยเฉย ไม่มีอะไร เอาตรงตรงคือเฟล ร้านนี้มีดีอย่างเดียวคือบรรยากาศ
จากนั้นก็รู้สึกว่าไม่น่าจะเดินไหว เลยไลน์ไปถามพี่เจ้าของรีสอรท์ว่ามีมอไซว่างอยู่ไหม? พี่เจ้าของบอกว่ามีเลือกซูมเมอร์Xอีกคัน
ราคาเต็ม400ลดให้เหลือ300บาท(น้ำมันใกล้หมด) เราก็โอเคค่ะ เอาค่ะ จากนั้นก็เดินกลับไปรีสอรท์ ไปนอนแช่แอร์สักพัก
สักสองทุ่มก็ไปเอารถแล้วออกขับเที่ยวแถวท่าหน้าบ้านและแอบเลยมาหน่อยเจอวัดแล้วตรงข้ามวัดมีตลาด(ไม่ค่อยมีอะไร)
จากนั้นก็ขับมั่วมั่วไปทั่วเกาะ ไปหยุดอยู่ที่ร้าน Old Fashion Bar คือป้ายหน้าร้านมีเขียนว่า cocktail
แล้วเป็นร้านเดียวที่หาเจอตอนนั้นด้วย เลยโอเค เอาร้านนี้แหละ ขี้เกียจไปหาร้านอื่นแล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เดินเข้าไปในร้านเหลือที่อยู่หนึ่งที่ เลยไปนั่ง สั่ง Blue Hawai ไป พี่เขาเดินมาบอกว่า ถ้า cocktail เป็นแก้วจะแก้วละ120บาทนะ
แต่ถ้าเป็นเหล้าปั่นจะเป็นเหยือกละ150บาท เราเลยสั่งเหล้าปั่นไป พี่เขาก็เน้นมาอีกทีว่า มันเยอะนะ เราก็บอกว่าไม่เป็นไรค่ะจะกิน
ก็ยาวยาวไปนั่งฟังเพลงไปมีดราม่าบ้างนิดนิดตามเพลงร้านเหล้า สักพักพี่เจ้าของร้านมาดีดกีต้าร์ร้องเพลงให้ฟัง เกือบเคลิ้มแล้ว
สายกีต้าขาดเฉย หมดฟินไปเลย พอกินเหล้าปั่นหมดเยือก ก็ไปเซเว่น ไปซื้อน้ำ+ขนมปัง+นม เผื่อไว้รองท้องพรุ่งนี้เช้า.
ผ่าง! ตื่นอีกทีหกโมงครึ่ง พลาดเลย สรุปสุดท้ายได้ออกจากรีสอร์ทประมาณ 7 โมงกว่า
เริ่มที่การขับรถมั่วมั่วไปท่าหน้าบ้าน แล้วขับไปทางไหนไม่รู้
ขับมาอยู่ดีดีก็เจอป้ายหาดเทียน เลยโอเคแวะที่นี่ก่อนละกัน
หาดเทียนเอกลักษณ์คือมีหินเยอะมากและกลิ่นขยะแรงมากเช่นกัน
หาดเทียนตรงนี้จะมีสะพานไม้ข้ามไปหาดตาแหวนด้วย
จะรออะไรล่ะ ข้ามไปสิ..
จากนั้นเราก็มาที่หาดตาแหวน จุดสังเกตของหาดนี้คือ นักท่องเที่ยวต่างชาติโคตรเยอะ
ตอนนั้นไปถึงประมาณเจ็ดแปดโมง ตอนแรกหาดยังว่างว่างอยู่ พอผ่านไปสักพัก ทัวร์จีนลง
อากงอาม่าก๋วยเตี๋ยวติ่มซำมากันเต็มเป็นขบวนเลย
(จริงจริงแล้วก็มีฝรั่งมังคุคอะไรด้วยแหละ แต่แค่คนจีนมาเยอะมากจนเป็นที่สังเกตุได้ง่ายกว่า)
งานครึ่งบกครึ่งน้ำเหนือน้ำใต้น้ำก็มาหาดเทียนน้ำใส มีพวกที่นั่งชายหาดอะไรเยอะกว่าที่อื่นเลย แต่แน่นอนว่าเราไม่ได้นั่ง
เพราะจำได้ว่าต้องเสียเงินก็เดินเล่นถ่ายไปรูปไปสักพักก็เดินกลับไปหาดเทียนแล้วขับรถไปที่อื่นต่อ
เนื่องจากตอนแรกเราแพลนไว้ว่าอยากไปถ่ายตรงกังหันลม จริงจริงตอนขับรถรอบเกาะก็เห็นแล้วนะ
แต่เนื่องจากแดดมาแล้วเริ่มร้อนเลยขับกลับรีสอรท์ดีกว่า ซึ่งในขณะที่กำลังขับกลับ แดดเบาลงเฉยเลย
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น