หลังกระทรวงการต่างประเทศยกเลิกหนังสือเดินทางสองเล่ม รวมถึงถอดยศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเกิดการตั้งคำถามว่า เส้นทางปรองดอง ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญของการรัฐประหาร 22 พฤษภาฯ 2557 และโรดแมปปฏิรูปของ คสช.นั้นขาดสะบั้นลงหรือไม่
แต่คนการเมืองที่เชื่อมได้ทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ และทหาร วิเคราะห์ว่า คำว่าปรองดองระหว่าง คสช.กับ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นขาดสะบั้นก่อนยึดพาสปอร์ต-ปมถอดยศ และขาดมาตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ส่งสัญญาณถึง ป.ป.ช. และอัยการสูงสุด ให้เอาจริงเอาจังกับการสั่งฟ้องคดีทุจริตจำนำข้าว ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้เป็นน้องสาวเข้าไปเกี่ยวโยงในฐานะที่เป็นนายกฯ แต่ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต
รวมทั้งเตรียมฟ้องเรียกค่าเสียหายจากโครงการจำนำข้าว
ไม่แปลกหากในคลิปการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่เกาหลีใต้ พ.ต.ท.ทักษิณเปรยว่า "ผมก็เลยคุยกับนายกฯปูว่า เหตุการณ์เหมือนที่พี่โดนมา"
นับตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกประหารชีวิตการเมืองเมื่อปี 49 เคยมีการเจรจาลับระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับคู่ขัดแย้ง-คู่เกาเหลา ผู้มีอำนาจการเมืองหลายขั้ว หลายกลุ่ม หลายช่วงเวลา นับสิบครั้ง แต่บรรทัดสุดท้ายขีดเส้นใต้ด้วยคำว่า "ล้มเหลว"
หนึ่งในนั้นคือความพยายามของ พิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
หลังจาก "พิชัย" ถูกทาบทามให้เข้าร่วมสภาปฏิรูปการเมืองในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่แกนนำพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลเดินสายเรื่องการปฏิรูปการเมือง
"พิชัย" เล่าว่า หลังจากวันนั้นได้พบกับ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกฯในขณะนั้น เพื่อหาทางขอคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ นายพงศ์เทพตอบกลับว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะมาสิงคโปร์ พิชัยจึงให้นายพงศ์เทพช่วยติดต่อให้ พอติดต่อตัวแทนของ พ.ต.ท.ทักษิณได้ เขาก็บินไปสิงคโปร์ทันที
"โอกาสในความเห็นผม บุคคลที่เป็น "คีย์" ที่จะทำให้เหตุการณ์สงบได้นั้น มีคนเดียวคือ คุณทักษิณ ตราบใดปัญหาคุณทักษิณไม่สามารถตกลงกันได้ หมายถึงยอมรับในกระบวนการยุติธรรม ตราบใดที่ยังไม่ยอมรับไม่มีทาง ถ้าคุณทักษิณยอมรับกระบวนการยุติธรรมที่ศาลตัดสินแล้ว จะมาอยู่กี่วัน กี่ปี ก็แล้วแต่ ไม่ได้หมายความว่าติดตะราง 2 ปีนะ อาจจะเป็น 10 วันก็ได้ 7 วันก็ได้ และดำเนินการไปอย่างที่ถูกที่ควร แล้วเริ่มต้นกันใหม่ อันนั้นผมคิดว่าจะมีโอกาสที่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายคือ กปปส.โอเค"
"ผมไม่เคยรู้จักคุณทักษิณมาก่อนเลย แต่ผมไปคุยกับคุณทักษิณมาในเรื่องนี้ ก่อนปฏิวัติ 6 เดือน และคุณทักษิณก็ยอม พรรคเพื่อไทยยอมในแนวทางของผม ผมไปคนเดียว บินคนเดียว เป็นเงินของตัวเอง คุยกันครึ่งวันที่สิงคโปร์"
"เรื่องที่น่าดีใจคือ เขายอมรับ เห็นด้วย คุณทักษิณถามผมว่า อะไรจะเป็นการันตี ว่าทำอย่างนี้แล้ว เขาจะปลอดภัย เขากลัวถูกโดนยิงมาก ซึ่งผมเห็นใจมาก คนรักก็แยะ คนเกลียดก็มาก ผมบอกการันตีได้อย่างเดียวว่า เมื่อคุณมาถึงแล้วไม่ต้องกลัว เพราะผมจะเดินทางมาพร้อมกับคุณ ไป ร.พ.ศิริราช ไปกราบพระบรมรูปของในหลวง และคุณก็เดินเข้าตะราง ผมพร้อมเข้าไปกับคุณ ผมไปนอนกับคุณในคุก ผมอาสาถึงขนาดนั้นเลยนะ ผมจะถือกระเป๋าเจมส์ บอนด์ มีเสื้อผ้าเล็กน้อย ไปนอน แต่จัดที่นอนให้ผมดีหน่อยนะ ผมพูดจริงนะ คุณทักษิณเป็นพยานได้ และเขายอมผม ยอมในหลักการ"
"พิชัย" เล่าต่อว่า หลังจากฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นชอบในหลักการ เขากลับมาเมืองไทย เพื่อคุยกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส.
"พูดกับคุณอภิสิทธิ์ 3 ครั้ง ไม่ยอมฟังผมเลย คุณอภิสิทธิ์บอกเป็นไปไม่ได้ ไม่เชื่อคุณทักษิณ อยากพูดกับคุณสุเทพ ไม่ยอมรับสายโทรศัพท์ผมเลย เพราะถ้าคุณทักษิณยอม อีกฝ่ายหนึ่งไม่ยอม มันทำอะไรไม่ได้"
เมื่อ "พิชัย" พยายามแล้วแต่ไม่สำเร็จ เกิดการรัฐประหารขึ้นเสียก่อน ในฐานะที่อาบน้ำร้อนมาก่อน และอยากเห็นบ้านเมืองสงบ จึงฝากไปถึง "พล.อ.ประยุทธ์"
"ถ้าคุณประยุทธ์ไม่ทำ ไม่มีทางปรองดองได้ เพราะคนที่ทำปรองดอง คือคุณประยุทธ์ คุณประยุทธ์จะสามารถดึงสองฝ่ายมาพูดกันให้รู้เรื่องได้ เอาแล้วนะ ผมปฏิวัติครั้งนี้ ผมจะให้โอกาส คราวหน้าต่อไปต้องเลิกแล้วต่อกันนะ ความเข้าใจกันด้วยความเป็นนักเลงกันเนี่ย มันจะดีกว่าเป็นตัวอักษร"
"หากคุณประยุทธ์เป็นคนกลาง การเจรจาต่อไปไม่สำคัญ ผมยินดีไปเจรจาให้ แต่ผมไม่เจรจากับฝ่ายประชาธิปัตย์ คุณประยุทธ์เจรจาเอง ตราบใดที่พรรคประชาธิปัตย์มีคุณอภิสิทธิ์อยู่ ส่วนการเจรจากับคุณสุเทพ คุณประยุทธ์ก็ไปจัดการเอง หรือถ้าหากเป็นไปได้ คุณประยุทธ์อาจจะไปคุยกับคุณทักษิณก็ได้ แต่มันจะน่าเกลียด คุณประยุทธ์คงทำไม่ได้ ในฐานะเป็นนายกฯ แต่ผมไปได้ ในฐานะที่ไม่มีตำแหน่งอะไร"
เป็น "เบื้องหลัง" การเจรจาลับ-ข้อเสนอปรองดอง สูตรหนึ่งที่มาจาก พิชัย รัตตกุล-ตำนานประชาธิปัตย์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1433583801
เจรจาลับ ปรองดอง ฉบับประชาธิปัตย์ กับ "ทักษิณ"
แต่คนการเมืองที่เชื่อมได้ทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ และทหาร วิเคราะห์ว่า คำว่าปรองดองระหว่าง คสช.กับ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นขาดสะบั้นก่อนยึดพาสปอร์ต-ปมถอดยศ และขาดมาตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ส่งสัญญาณถึง ป.ป.ช. และอัยการสูงสุด ให้เอาจริงเอาจังกับการสั่งฟ้องคดีทุจริตจำนำข้าว ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้เป็นน้องสาวเข้าไปเกี่ยวโยงในฐานะที่เป็นนายกฯ แต่ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต
รวมทั้งเตรียมฟ้องเรียกค่าเสียหายจากโครงการจำนำข้าว
ไม่แปลกหากในคลิปการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่เกาหลีใต้ พ.ต.ท.ทักษิณเปรยว่า "ผมก็เลยคุยกับนายกฯปูว่า เหตุการณ์เหมือนที่พี่โดนมา"
นับตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกประหารชีวิตการเมืองเมื่อปี 49 เคยมีการเจรจาลับระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับคู่ขัดแย้ง-คู่เกาเหลา ผู้มีอำนาจการเมืองหลายขั้ว หลายกลุ่ม หลายช่วงเวลา นับสิบครั้ง แต่บรรทัดสุดท้ายขีดเส้นใต้ด้วยคำว่า "ล้มเหลว"
หนึ่งในนั้นคือความพยายามของ พิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
หลังจาก "พิชัย" ถูกทาบทามให้เข้าร่วมสภาปฏิรูปการเมืองในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่แกนนำพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลเดินสายเรื่องการปฏิรูปการเมือง
"พิชัย" เล่าว่า หลังจากวันนั้นได้พบกับ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกฯในขณะนั้น เพื่อหาทางขอคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ นายพงศ์เทพตอบกลับว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะมาสิงคโปร์ พิชัยจึงให้นายพงศ์เทพช่วยติดต่อให้ พอติดต่อตัวแทนของ พ.ต.ท.ทักษิณได้ เขาก็บินไปสิงคโปร์ทันที
"โอกาสในความเห็นผม บุคคลที่เป็น "คีย์" ที่จะทำให้เหตุการณ์สงบได้นั้น มีคนเดียวคือ คุณทักษิณ ตราบใดปัญหาคุณทักษิณไม่สามารถตกลงกันได้ หมายถึงยอมรับในกระบวนการยุติธรรม ตราบใดที่ยังไม่ยอมรับไม่มีทาง ถ้าคุณทักษิณยอมรับกระบวนการยุติธรรมที่ศาลตัดสินแล้ว จะมาอยู่กี่วัน กี่ปี ก็แล้วแต่ ไม่ได้หมายความว่าติดตะราง 2 ปีนะ อาจจะเป็น 10 วันก็ได้ 7 วันก็ได้ และดำเนินการไปอย่างที่ถูกที่ควร แล้วเริ่มต้นกันใหม่ อันนั้นผมคิดว่าจะมีโอกาสที่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายคือ กปปส.โอเค"
"ผมไม่เคยรู้จักคุณทักษิณมาก่อนเลย แต่ผมไปคุยกับคุณทักษิณมาในเรื่องนี้ ก่อนปฏิวัติ 6 เดือน และคุณทักษิณก็ยอม พรรคเพื่อไทยยอมในแนวทางของผม ผมไปคนเดียว บินคนเดียว เป็นเงินของตัวเอง คุยกันครึ่งวันที่สิงคโปร์"
"เรื่องที่น่าดีใจคือ เขายอมรับ เห็นด้วย คุณทักษิณถามผมว่า อะไรจะเป็นการันตี ว่าทำอย่างนี้แล้ว เขาจะปลอดภัย เขากลัวถูกโดนยิงมาก ซึ่งผมเห็นใจมาก คนรักก็แยะ คนเกลียดก็มาก ผมบอกการันตีได้อย่างเดียวว่า เมื่อคุณมาถึงแล้วไม่ต้องกลัว เพราะผมจะเดินทางมาพร้อมกับคุณ ไป ร.พ.ศิริราช ไปกราบพระบรมรูปของในหลวง และคุณก็เดินเข้าตะราง ผมพร้อมเข้าไปกับคุณ ผมไปนอนกับคุณในคุก ผมอาสาถึงขนาดนั้นเลยนะ ผมจะถือกระเป๋าเจมส์ บอนด์ มีเสื้อผ้าเล็กน้อย ไปนอน แต่จัดที่นอนให้ผมดีหน่อยนะ ผมพูดจริงนะ คุณทักษิณเป็นพยานได้ และเขายอมผม ยอมในหลักการ"
"พิชัย" เล่าต่อว่า หลังจากฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นชอบในหลักการ เขากลับมาเมืองไทย เพื่อคุยกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส.
"พูดกับคุณอภิสิทธิ์ 3 ครั้ง ไม่ยอมฟังผมเลย คุณอภิสิทธิ์บอกเป็นไปไม่ได้ ไม่เชื่อคุณทักษิณ อยากพูดกับคุณสุเทพ ไม่ยอมรับสายโทรศัพท์ผมเลย เพราะถ้าคุณทักษิณยอม อีกฝ่ายหนึ่งไม่ยอม มันทำอะไรไม่ได้"
เมื่อ "พิชัย" พยายามแล้วแต่ไม่สำเร็จ เกิดการรัฐประหารขึ้นเสียก่อน ในฐานะที่อาบน้ำร้อนมาก่อน และอยากเห็นบ้านเมืองสงบ จึงฝากไปถึง "พล.อ.ประยุทธ์"
"ถ้าคุณประยุทธ์ไม่ทำ ไม่มีทางปรองดองได้ เพราะคนที่ทำปรองดอง คือคุณประยุทธ์ คุณประยุทธ์จะสามารถดึงสองฝ่ายมาพูดกันให้รู้เรื่องได้ เอาแล้วนะ ผมปฏิวัติครั้งนี้ ผมจะให้โอกาส คราวหน้าต่อไปต้องเลิกแล้วต่อกันนะ ความเข้าใจกันด้วยความเป็นนักเลงกันเนี่ย มันจะดีกว่าเป็นตัวอักษร"
"หากคุณประยุทธ์เป็นคนกลาง การเจรจาต่อไปไม่สำคัญ ผมยินดีไปเจรจาให้ แต่ผมไม่เจรจากับฝ่ายประชาธิปัตย์ คุณประยุทธ์เจรจาเอง ตราบใดที่พรรคประชาธิปัตย์มีคุณอภิสิทธิ์อยู่ ส่วนการเจรจากับคุณสุเทพ คุณประยุทธ์ก็ไปจัดการเอง หรือถ้าหากเป็นไปได้ คุณประยุทธ์อาจจะไปคุยกับคุณทักษิณก็ได้ แต่มันจะน่าเกลียด คุณประยุทธ์คงทำไม่ได้ ในฐานะเป็นนายกฯ แต่ผมไปได้ ในฐานะที่ไม่มีตำแหน่งอะไร"
เป็น "เบื้องหลัง" การเจรจาลับ-ข้อเสนอปรองดอง สูตรหนึ่งที่มาจาก พิชัย รัตตกุล-ตำนานประชาธิปัตย์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1433583801