หนุ่มโพสต์ภาพตำรวจจราจรนอกเครื่องแบบล็อคล้อรถยนต์รุดขอโทษแล้ว โดนข้อหาหมิ่นประมาท-พ.ร.บ.คอมพ์
จากกรณีหนุ่มที่ใช้ชื่อ Pongthon Conrung โพสต์ภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.สำราญราษฎร์ แต่งกายนอกเครื่องแบบล็อคล้อรถยนต์โตโยต้า วีออส สีข่าว ทะเบียน 1กฐ 7904 กทม. ที่บริเวณหลังวัดราชนัดดารามวรวิหาร แขงบวรนิเวศ เขตพระนคร ลงในเฟซบุ๊ก เมื่อช่วงค่ำวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา จนกลายเป็นที่ถกเถียงกันอย่างหนักบนโลกออนไลน์ พร้อมตั้งข้อสงสัยว่า การล็อคล้อรถที่ทำผิด ในขณะที่เจ้าหน้าที่ไม่สวมเครื่องแบบ สามารถทำได้หรือไม่ จากนั้นผู้บังคับบบัญชาของตำรวจจราจร สน.สำราญราษฎร์ รหัสหมวก 6604 ได้ออกมาชี้แจงกรณีดังกล่าว บอกว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 31 พ.ค. ตำรวจจราจรคนนี้ได้แต่งกายสวมเครื่องแบบครบถ้วน ทำการล็อคล้อแล้วออกใบสั่งรถที่จอดผิดกฎหมาย เวลาผ่านไปนานจนถึงช่วงเย็นเจ้าของรถซึ่งเป็นคนโพสต์เฟซบุ๊กได้เสียค่าปรับ จึงตามตำรวจจราจรคนนี้ไปปลดล็อคให้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ออกเวรไปแล้วจึงมาในชุดนอกเครื่องแบบแต่สวมหมวกจราจร เจ้าของรถจึงถ่ายรูปแล้วมาโพสต์บิดเบือนข้อมูล ทำให้ตำรวจได้รับความเสื่อมเสีย เกิดความเกลียดชังจากคนในสังคม จึงให้ตำรวจจราจรคนนี้แจ้งความเอาผิดผู้โพสต์ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 มิ.ย.58 นายพงษ์ธร ค่อนรุ่ง อายุ 46 ปี ผู้โพสต์ภาพพร้อมข้อความกล่าวหาเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรดังกล่าว ได้เดินทางมายัง สน.สำราญราษฎร์ โดยมี พ.ต.ท.สมเกษม จารักษ์ รองผกก.จร.สน.สำราญราษฎร์ พร้อมด้วย ด.ต.สมเกียรติ สุทธินันท์ ผบ.หมู่งานจราจร รหัสหมวก 6640 ซึ่งเป็นตำรวจจราจรที่ถูกโพสต์ภาพกล่าวหา รอพบก่อนร่วมกันนั่งแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชน
พ.ต.ท.เกษม กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวความจริงแล้วคือ จุดเกิดเหตุนั้นห้ามจอดตลอดเวลา วันนั้นมีรถโดนใบสั่งที่จุดดังกล่าวรวม7คัน โดยรถโตโยต้า วีออส ถูกใบสั่งในเวลา 15.43 น. และทางเจ้าของรถคือ นายพงษ์ธร ได้ไปเสียค่าปรับที่ สน. แล้ว จากนั้นในเวลา 18.15 น. ด.ต.สมเกียรติ ได้เดินทางมาปลดล็อคล้อ ไม่ใช่มาล็อคล้อตามที่ปรากฏในโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะที่มีการแชร์ในเฟซบุ๊ก ซึ่งในคดีนี้ถือว่าผู้โพสต์ภาพและข้อความ มีความผิดในข้อหาหมิ่นประมาท ด.ต.สมเกียรติ และ ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในข้อหาหมิ่นประมาทนำเข้าข้อมูลอันเท็จ ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท ซึ่งยอมความในความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ไม่ได้ ทั้งนี้ได้เน้นย้ำการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ต่อไปนี้ให้แต่งเครื่องแบบตลอดเวลา และถ่ายรูปตอนปฏิบัติหน้าที่ไว้เพื่อรายงานผู้บังคับบัญชา
อนาคตเจ้าหน้าที่อาจต้องซื้อไม้เซลฟี่มาถ่ายรูปตอนทำงานไว้ก็เป็นได้
พ.ต.ท.เกษม กล่าวอีกว่า วันเกิดเหตุ ด.ต.สมเกียรติ ออกเวรพ้นหน้าที่ไปแล้ว ตามปกติจะต้องประสานเวรจราจรผลัดใหม่ แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่จราจรผลัดใหม่ติดภารกิจ ด.ต.สมเกียรติ จึงเดินทางมาปลดล็อคเอง ทั้งนี้ระเบียบของตำรวจ ไม่ได้ระบุเรื่องการปลดล็อคล้อว่า ต้องแต่งเครื่องแบบ แต่เนื่องจาก ด.ต.สมเกียรติ เป็นห่วงประชาชนว่าจะรอนาน หลังจากเสียค่าปรับแล้ว จึงเดินทางมาปลดล็อคให้ ซึ่งก็เข้าใจว่านายพงษ์ธรคงจะมีอารมณ์โมโหทำให้เกิดความเข้าใจผิด จึงโพสต์ภาพกับข้อความดังกล่าวลงไป ก่อนมีการแชร์ต่อสร้างความเสียหายและเสื่อมเสียชื่อเสียง ทำให้สังคมอาจเกิดความเกลียดชังตำรวจ
ด้านนายพงษ์ธร กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนพาครอบครัวมาดูงานนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ โดยไปจอดที่จุดดังกล่าว เห็นป้ายห้ามจอดไม่ชัด เมื่อกลับมาก็เห็นถูกใบสั่ง ไปเสียค่าปรับแล้วก็มีตำรวจนอกเครื่องแบบมาปลดล็อคล้อให้ จึงเข้าใจผิดเลยถ่ายรูปแล้วโพสต์ข้อความไป หลังจากได้คุยกับรองผกก.จร. ก็ทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ที่ออกเวรมาปลดล็อคให้ วันนี้ (5 มิ.ย.)จึงแสดงความบริสุทธิ์ใจเข้ามาขอโทษ ต่อทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทางสน.สำราญราษฎร์ ทางรองผกก.จร.และด.ต.สมเกียรติ การโพสท์ข้อความมีทั้งผลดีและผลลบ ขอให้ประชาชนที่ชอบโพสท์ทราบว่า หากโพสต์ข้อความไปแล้วเกิดข้อผิดพลาด ก็จะมีผลตามมา
ด.ต.สมเกียรติ กล่าวว่า ตนปฏิบัติหน้าที่ด้วยความถูกต้อง วันเกิดเหตุไปปลดล็อกล้อจริง ไม่ได้ไปล็อกล้อ ตนเป็นตำรวจมา 22 ปี ปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายจราจรมาโดนตลอด ผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควร ไม่ขอตอบโต้ แต่ขอชี้แจงในสิ่งที่ถูกต้อง วันนี้ตนให้อภัย แต่ในส่วนของคดีก็ต้องว่ากันไป สำหรับความผิดทางหมิ่นประมาท ตนไม่ติดใจ แต่ถือว่าทำให้ภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียหาย จึงต้องว่ากันไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ต่อมานายพงษ์ธรได้มอบดอกไม้ขอโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทางร.ต.ท.ณัฏฐ์พล มีสายมงคล พงส.รับตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ข่าว :
http://www.komchadluek.net/detail/20150605/207503.html
ท่านพี่คนนี้ก็ทายไว้ไม่ผิด
v
v
ตามฟอร์ม โพสภาพ > ขอโทษ่+ช่อดอกไม้
จากกรณีหนุ่มที่ใช้ชื่อ Pongthon Conrung โพสต์ภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.สำราญราษฎร์ แต่งกายนอกเครื่องแบบล็อคล้อรถยนต์โตโยต้า วีออส สีข่าว ทะเบียน 1กฐ 7904 กทม. ที่บริเวณหลังวัดราชนัดดารามวรวิหาร แขงบวรนิเวศ เขตพระนคร ลงในเฟซบุ๊ก เมื่อช่วงค่ำวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา จนกลายเป็นที่ถกเถียงกันอย่างหนักบนโลกออนไลน์ พร้อมตั้งข้อสงสัยว่า การล็อคล้อรถที่ทำผิด ในขณะที่เจ้าหน้าที่ไม่สวมเครื่องแบบ สามารถทำได้หรือไม่ จากนั้นผู้บังคับบบัญชาของตำรวจจราจร สน.สำราญราษฎร์ รหัสหมวก 6604 ได้ออกมาชี้แจงกรณีดังกล่าว บอกว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 31 พ.ค. ตำรวจจราจรคนนี้ได้แต่งกายสวมเครื่องแบบครบถ้วน ทำการล็อคล้อแล้วออกใบสั่งรถที่จอดผิดกฎหมาย เวลาผ่านไปนานจนถึงช่วงเย็นเจ้าของรถซึ่งเป็นคนโพสต์เฟซบุ๊กได้เสียค่าปรับ จึงตามตำรวจจราจรคนนี้ไปปลดล็อคให้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ออกเวรไปแล้วจึงมาในชุดนอกเครื่องแบบแต่สวมหมวกจราจร เจ้าของรถจึงถ่ายรูปแล้วมาโพสต์บิดเบือนข้อมูล ทำให้ตำรวจได้รับความเสื่อมเสีย เกิดความเกลียดชังจากคนในสังคม จึงให้ตำรวจจราจรคนนี้แจ้งความเอาผิดผู้โพสต์ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 มิ.ย.58 นายพงษ์ธร ค่อนรุ่ง อายุ 46 ปี ผู้โพสต์ภาพพร้อมข้อความกล่าวหาเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรดังกล่าว ได้เดินทางมายัง สน.สำราญราษฎร์ โดยมี พ.ต.ท.สมเกษม จารักษ์ รองผกก.จร.สน.สำราญราษฎร์ พร้อมด้วย ด.ต.สมเกียรติ สุทธินันท์ ผบ.หมู่งานจราจร รหัสหมวก 6640 ซึ่งเป็นตำรวจจราจรที่ถูกโพสต์ภาพกล่าวหา รอพบก่อนร่วมกันนั่งแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชน
พ.ต.ท.เกษม กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวความจริงแล้วคือ จุดเกิดเหตุนั้นห้ามจอดตลอดเวลา วันนั้นมีรถโดนใบสั่งที่จุดดังกล่าวรวม7คัน โดยรถโตโยต้า วีออส ถูกใบสั่งในเวลา 15.43 น. และทางเจ้าของรถคือ นายพงษ์ธร ได้ไปเสียค่าปรับที่ สน. แล้ว จากนั้นในเวลา 18.15 น. ด.ต.สมเกียรติ ได้เดินทางมาปลดล็อคล้อ ไม่ใช่มาล็อคล้อตามที่ปรากฏในโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะที่มีการแชร์ในเฟซบุ๊ก ซึ่งในคดีนี้ถือว่าผู้โพสต์ภาพและข้อความ มีความผิดในข้อหาหมิ่นประมาท ด.ต.สมเกียรติ และ ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในข้อหาหมิ่นประมาทนำเข้าข้อมูลอันเท็จ ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท ซึ่งยอมความในความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ไม่ได้ ทั้งนี้ได้เน้นย้ำการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ต่อไปนี้ให้แต่งเครื่องแบบตลอดเวลา และถ่ายรูปตอนปฏิบัติหน้าที่ไว้เพื่อรายงานผู้บังคับบัญชา อนาคตเจ้าหน้าที่อาจต้องซื้อไม้เซลฟี่มาถ่ายรูปตอนทำงานไว้ก็เป็นได้
พ.ต.ท.เกษม กล่าวอีกว่า วันเกิดเหตุ ด.ต.สมเกียรติ ออกเวรพ้นหน้าที่ไปแล้ว ตามปกติจะต้องประสานเวรจราจรผลัดใหม่ แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่จราจรผลัดใหม่ติดภารกิจ ด.ต.สมเกียรติ จึงเดินทางมาปลดล็อคเอง ทั้งนี้ระเบียบของตำรวจ ไม่ได้ระบุเรื่องการปลดล็อคล้อว่า ต้องแต่งเครื่องแบบ แต่เนื่องจาก ด.ต.สมเกียรติ เป็นห่วงประชาชนว่าจะรอนาน หลังจากเสียค่าปรับแล้ว จึงเดินทางมาปลดล็อคให้ ซึ่งก็เข้าใจว่านายพงษ์ธรคงจะมีอารมณ์โมโหทำให้เกิดความเข้าใจผิด จึงโพสต์ภาพกับข้อความดังกล่าวลงไป ก่อนมีการแชร์ต่อสร้างความเสียหายและเสื่อมเสียชื่อเสียง ทำให้สังคมอาจเกิดความเกลียดชังตำรวจ
ด้านนายพงษ์ธร กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนพาครอบครัวมาดูงานนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ โดยไปจอดที่จุดดังกล่าว เห็นป้ายห้ามจอดไม่ชัด เมื่อกลับมาก็เห็นถูกใบสั่ง ไปเสียค่าปรับแล้วก็มีตำรวจนอกเครื่องแบบมาปลดล็อคล้อให้ จึงเข้าใจผิดเลยถ่ายรูปแล้วโพสต์ข้อความไป หลังจากได้คุยกับรองผกก.จร. ก็ทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ที่ออกเวรมาปลดล็อคให้ วันนี้ (5 มิ.ย.)จึงแสดงความบริสุทธิ์ใจเข้ามาขอโทษ ต่อทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทางสน.สำราญราษฎร์ ทางรองผกก.จร.และด.ต.สมเกียรติ การโพสท์ข้อความมีทั้งผลดีและผลลบ ขอให้ประชาชนที่ชอบโพสท์ทราบว่า หากโพสต์ข้อความไปแล้วเกิดข้อผิดพลาด ก็จะมีผลตามมา
ด.ต.สมเกียรติ กล่าวว่า ตนปฏิบัติหน้าที่ด้วยความถูกต้อง วันเกิดเหตุไปปลดล็อกล้อจริง ไม่ได้ไปล็อกล้อ ตนเป็นตำรวจมา 22 ปี ปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายจราจรมาโดนตลอด ผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควร ไม่ขอตอบโต้ แต่ขอชี้แจงในสิ่งที่ถูกต้อง วันนี้ตนให้อภัย แต่ในส่วนของคดีก็ต้องว่ากันไป สำหรับความผิดทางหมิ่นประมาท ตนไม่ติดใจ แต่ถือว่าทำให้ภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียหาย จึงต้องว่ากันไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ต่อมานายพงษ์ธรได้มอบดอกไม้ขอโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทางร.ต.ท.ณัฏฐ์พล มีสายมงคล พงส.รับตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ข่าว : http://www.komchadluek.net/detail/20150605/207503.html
ท่านพี่คนนี้ก็ทายไว้ไม่ผิด
v
v