--[บุญรอด แมวที่มีชื่อเป็นของตัวเอง ในวันสุดท้ายของชีวิตมัน]--

กระทู้สนทนา
ชีวิตคนเราจะพบกับเรื่องสะเทือนใจซักกี่ครั้ง  มากหรือน้อยแตกต่างกันไป
เรื่องสะเทือนใจ บางทีมันก็มาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว

สำหรับผม  "บุญรอด"  เป็นอีก 1 ในเรื่องสะเทือนใจที่เข้าจู่โจมผมแบบที่ไม่คิดว่ามันจะเกิด

วันนี้ก็เป็นเหมือนวันทั่ว ๆ ไป ตื่นเช้า ล้างหน้า แปรงฟัน แต่งตัวออกจากบ้านเพื่อไปทำงาน
ไม่มีอะไรผิดปกติ ทุกอย่างดำเนินไปตามครรลองของชีวิตผม

อาจผิดปกติไปบ้าง เพราะอยู่ดี ๆ ฝนก็ตกลงมาตอนก่อนถึงที่ทำงาน  ผมขี่มอเตอร์ไซค์มา ก็เปียกกันไปเพราะหาที่หลบไม่ทัน
มาถึงที่ทำงานประมาณ 10 โมง จอดรถเสร็จก็รีบเดินเข้าไปเซนต์ชื่อเข้างาน ปกติผมจะเซนต์แล้วก็เดินขึ้นไปบนห้องเลย
แต่วันนี้ ไม่รู้อะไรดลใจให้ผม เดินออกมาสูบบุหรี่ (การสูบบุหรี่เป็นอันตรายต่อสุขภาพทั้งของตัวเองและผู้อื่นนะครับ)

ฝนยังพรำ ๆ ระหว่างที่กำลังมองโน่นมองนี่อยู่ ก็เหลือบไปเห็นสิ่งที่ผิดปกติ
จากรูปพรรณสันฐาน มันคือแมวสีน้ำตาลเข้มตัวหนึ่ง นอนอยู่ใต้กระถางน้ำพุขนาดประมาณกะละมังซักผ้าที่วางซ้อน ๆ กัน
มันนอนโดยเอาหัวเข้าหากำแพง และ หันหางออกมาข้างนอก ด้านข้างเป็นปั๊มน้ำ

ผมเห็นอย่างนั้น เลยเดินฝ่าฝนออกไปก้มดู มันนอนนิ่งมาก ไม่ขยับเขยื้อนเลย ในใจคิดว่า "มันตายแล้วมั้งน่ะ"

แถวที่ทำงานไม่มีแมว มีแต่หมาจรที่มีคนเอามาปล่อย ซึ่งมันก็เข้ามานอนเกะก่ะในที่จอดรถของออฟฟิต (ออฟฟิตเป็นทาวน์โฮมครับเล็กๆ)
ด้วยความแน่ใจว่ามันตายหรือยัง เลยลองส่งเสียงเรียกมันดู

"เมี๊ยว ๆ ๆ "  ผมส่งเสียงออกไป

ยังไม่ทันสิ้นเสียงผม ก็ได้ยินเสียงตอบกลับมาทันที

"เมี๊ยว ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ"  มันร้องตอบมาไม่หยุด

มันได้แต่ร้อง โดยไม่สามารถหันหัวมาได้ คือมันนอนอยู่ท่าไหน มันก็อยู่ท่านั้นแหล่ะ
ผมไม่กล้าจับขยับเขยื้อนตัวมัน เพราะไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรกันแน่ ได้แต่เอามือแตะ ๆ ตัวมันซึ่งมันก็ไม่ตอบสนองอะไรนอกจากร้องตอบมา

"ไม่น่ารอด"  ผมคิด

ผมพยายามชะโงกหัวเข้าไปในช่องแคบ ๆ เพื่อดูหน้ามัน ก็เห็นมันนอนร้องแง๊ว ๆ  และ พยายามผงกหัวมาดูผม

จะหาว่าผมใจร้ายก็ยอมครับ ผมบอกมันไปว่า "ให้เวลาถึงเที่ยงนะ จะลงมาดูอีกที ถ้ายังอยู่ค่อยว่ากัน"
หลังจากนั้นผมก็หาอะไรมาบังละอองฝนที่กระเด็นมาโดนตัวมัน แล้วก็เดินขึ้นไปทำงาน ระหว่างทำงานก็พะวงคิดถึงมันอยู่ตลอดเวลา

ไม่ต้องถึงเที่ยงหรอกครับ แค่ 11 โมง ผมก็ทนไม่ไหว ต้องลงมาดูมัน พอออกมาดูที่มันนอนอยู่ตอนแรก
ปรากฎว่ามันไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว ผมก็สบายใจ คิดว่ามันคงเดินไปที่อื่นแล้วล่ะ  (จะบอกว่าผมโล่งใจที่ไม่ต้องดูแลมันก็ได้นะครับ)

แต่ไม่ใช่แบบนั้น เพราะพอมันได้ยินเสียงผม  มันก็ส่งเสียงออกมาทันที "เมี๊ยว ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ"

มันหลบไปนอนอยู่ใต้ท้องรถที่มาจอดครับ ผมเดินไปก้มดูทันที มันนอนอยู่ใต้ท้องรถจริง ๆ ด้วย
ผมคิดในใจ "เฮ้ย เอ็งขยับตัวมาตรงนี้ได้ยังไง สภาพไม่น่าจะขยับไปไหนได้เลย"

ถึงนาทีนั้น ผมดึงมันออกมาจากใต้ท้องรถ มันก็ยังไม่หือไม่อือ นอกจากส่งเสียงร้องใส่ผม



คนเราจะใจแข็งได้ขนาดไหนกันเชียว แม้หน้าผมจะออกแนวมหาโจร 500 แต่ใจผมก็ไม่ได้โหดเหี้ยมขนาดนั้น

ผมขี่มอไซค์มา ไม่สะดวกพามันขึ้นมอไซค์ไปหาหมอแน่ ๆ ถึงเวลานั้นไม่รู้จะทำยังไง เลยเดินไปขอความช่วยเหลือ
จากน้องที่ออฟฟิตที่มีรถ ให้ช่วยพามันไปหาหมอหน่อย น้องก็ยินดีช่วยครับ ทุกคนในออฟฟิตพอรู้ข่าว ไม่มีใครรู้เลยว่ามีแมวมานอนเจ็บอยู่หน้าออฟฟิต
มีผมคนเดียวที่เห็นมัน  




ผมหากล่องมา แล้วอุ้มมันใส่กล่อง มันเจ็บหรือเปล่าไม่รู้ล่ะครับ รู้แต่ต้องอุ้มมันเพื่อเคลื่อนย้าย





มันร้องอยู่ตลอดเวลา ลมหายใจ เหมือนจะหยุดเสียให้ได้ บางจังหวะเหมือนมันจะไม่หายใจต่อแล้วด้วยซ้ำ

ผมพามันไปหาหมอที่โรงพยาบาลสัตว์แถวที่ทำงาน

คุณหมอก็สอบถามว่าแมวใคร ไปโดนอะไรมา ผมก็ตอบไปว่าไม่รู้ครับ โดนอะไรมาก็ไม่รู้ แมวจร เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
คุณหมอก็แสนดี ตรวจร่างกายมัน จับหนังดึงดู คุณหมอบอกว่า อาการหนักมาก หนังไม่ติดเนื้อเลย ขาดสารอาหารอย่างแรง
แมวไม่มีแรง (หรืออาจจะเป็นสาเหตุอื่น อันนี้ไม่ทราบนะครับ)  





ขั้นต้นคุณหมอบอกว่า ต้องเจาะเลือดไปตรวจดูก่อน และต้องให้น้ำเกลือเพื่อให้มันมีแรง และ มีสภาพมากกว่านี้ ก่อนจะทำอะไร
ระหว่างนั้น คุณหมอก็เหลือบไปเห็นแผลที่คอมันครับ ตอนแรกผมนึกว่า เป็นคราบน้ำมันที่เกาะบนขน แต่คุณหมอสังเกตุเห็นเลือดที่ไหลออกมา
เลยดึงขนที่เป็นสังกะตังตรงบริเวณแผลออก  ปรากฎว่า มันมีแผลที่คอ จำนวน 2 จุด จุดแรกข้างคอ เป็นแผลใหญ่มาก ๆ และ ลึกมาก
ส่วนอีกแผลอยู่ใต้คอ เป็นรูเล็กกว่าบริเวณแรก  ซึ่งมันทำให้พอจะเดาได้ว่า มันไปโดนอะไรมา





"น่าจะโดนกัดมานะคะ"  คุณหมอบอก

หลังจากนั้นคุณหมอก็พยายามเจาะเลือด  ปรากฎว่า เลือดที่น่าจะไหลออกมา มันกลายเป็นเหมือนนมข้นสีแดงหนืด ๆ
จะเรียกว่า เยลลี่ก็ได้ จนคุณหมอต้องเอาหลอดเก็บเลือดควักออกมาจากแท่นเข็มที่เจาะเพื่อให้น้ำเกลือ
ผมถามคุณหมอว่า เลือดมันเป็นแบบนี้เหรอครับ  คุณหมอบอกว่า ไม่ใช่ค่ะ คืออาการมันหนักมากแล้ว และ เลือดจับตัวเหนียว

ระหว่างนั้นผมก็ยืนดูทั้งคุณหมอ และ ผู้ช่วยจัดการกับแผล และ ใส่ท่อน้ำเกลือ มันร้องตลอด ดูมีแรงจนผมแซวมัน

"แหม แรงยังดีอยู่นี่หว่า แบบนี้รอดแล้วมั้ง"




คุณหมอได้แต่ยิ้ม ๆ ไม่พูดอะไร  ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ใช้เวลาทั้งสิ้นเกือบชั่วโมง มันนอนอยู่ท่าไหนในตอนแรก  
ตอนเสร็จมันก็นอนอยู่ท่านั้น ผมสังเกตุว่า ตามันไม่กระพริบเลยตั้งแต่เจอมันครั้งแรก ผมไม่เห็นมันกระพริบตา
ตามันค้างอยู่ตลอดเวลา  





คุณหมอบอกว่า ผลเลือดต้องรอ อย่างช้าพรุ่งนี้ และ เร็วที่สุดเย็นนี้ ผมจึงฝากมันไว้กับหมอที่โรงพยาบาล


ระหว่างที่ผมก้มลงไปลูบหัวและพูดกับมันว่าให้อดทนนะ ถึงมือหมอแล้ว คุณหมอก็บอกมาว่า

"ถ้าน้องมีอาการแย่ลงและวูบ จะให้หมอปั๊มขึ้นมาไหมคะ"


ผมมองหน้าหมอ และ มองหน้าแมว จากสภาพมันนั้นผมก็สงสารพอสมควรแล้ว มันทรมานมานานขนาดไหนแล้ว
ผมตัดสินใจ บอกคุณหมอไปว่า "ปล่อยเลยครับ ไม่ต้องปั๊ม มันทรมานมามากแล้วอย่าไปดึงมันไว้เลยถ้ามันจะไป"

แล้วก็ก้มลงไปลูบหัวมันแล้วบอกกับมันว่า "อย่าโกรธกันนะที่ตัดสินใจแบบนี้ ไม่อยากให้ทรมานต่อถ้าเราจะไป"

คุณหมอรับทราบ  และ นำมันไปไว้ในกรง ผมเริ่มเห็นมันขยับตัวดิ้นได้แล้ว ก็รู้สึกดีขึ้น 20 เปอเซนต์เริ่มมีความหวังว่ามันจะรอด





ระหว่างที่จ่ายเงินค่ารักษา น้องที่มาด้วยกันก็บอกว่า ถ้ามันรอดพี่ตุ้มต้องเอาไปเลี้ยงนะ ผมก็บอก มันก็แน่อยู่แล้ว จะเอาไปปล่อยให้รถทับหรือไง
น้องบอกมาอีกว่า ถ้ามันรอด พี่ต้องตั้งชื่อมันว่า "บุญรอด"  



มาถึงออฟฟิต เรื่องนี้ขจรขจายไปทั่ว ผมอัพลงเฟส เพื่อนในเฟสรู้อีก และได้เห็นถึงน้ำใจคนครับ
ตอนที่พามันไปหาหมอ ผมคิดแล้วว่า ถ้ารักษายืดเยื้อ ผมจะเอาเงินที่ไหนมารักษามัน ตอนนั้นยังคิดไม่ได้หรอก
แต่ขอพามันไปก่อนล่ะ ครั้งแรกคงไม่ทำให้เงินเดือนผมหมดหรอก หลังจากนี้ค่อยว่ากัน

ชื่อของ บุญรอด รู้กันไปทั้งออฟฟิต และมีแต่คนพร้อมจะช่วยเหลือค่าใช้จ่าย รวมถึงเพื่อน ๆ ในเฟสที่ส่งหลังไมค์มาขอบัญชีเพื่อจะโอนเงินมาช่วย
ซึ่งผมก็ได้แต่ขอบคุณไป และบอกว่า ขอดูเองก่อน ไว้ไม่ไหวจริง ๆ จะขอนะ  (ขอบคุณมากครับ)

ทุกคนบอกว่ามันต้องรอด ทำให้ใจผมชื้นขึ้นเยอะ

บุญรอดดังแล้วที่ออฟฟิต

ผมคิดโดยลืมไปซะสนิท ถึงสารร่างของมันตอนผมเจอและจากมา ว่ามันจวนเจียนใกล้สิ้นลมขนาดไหน
บางจังหวะผมต้องยืนดูให้แน่ใจว่ามันยังหายใจอยู่ หรือบางครั้ง ผมนึกว่ามันตายไประหว่างที่พาไปโรงบาลด้วยซ้ำ


เวลาผ่านไป คุณหมอบอกว่า ถ้ามีอะไรจะโทรมาบอกทันที   จน 5 โมงเย็นก็ยังไม่มีสายเข้ามา
ผมเริ่มใจดีขึ้น เริ่มคิดแล้วว่าจะเอาไปเลี้ยงยังไง

จนถึงเวลาเลิกงาน ผมออกจากออฟฟิตเร็วกว่าปกติ 10 นาที ก่ะว่าจะแวะดูบุญรอดซะหน่อย เพราะเป็นทางผ่านกลับบ้าน

เดินลงมายังไม่พ้นบันไดขั้นสุดท้าย โทรศํพท์ก็ดังขึ้น


"สวัสดีครับ"
"สวัสดีค่ะ คุณ ....... เจ้าของแมวที่เอามาไว้ใช่ไหมคะ"

"ใช่ครับ"

ในใจผมตอนนั้น ภาวนาให้คุณหมอบอกเรื่องอื่น เช่นผลเลือด หรือ อะไรก็ตามแต่ที่ไม่ใช่คำว่า "มันตายแล้ว"

"น้องแมวเสียแล้วค่ะ"
"ครับ เดี๋ยวผมเข้าไป"

ทุกคนในออฟฟิตรู้พร้อมกันหมด เพราะผมยืนคุยโทรศัพท์อยู่กลางออฟฟิตชั้นล่างพอดี

10 นาทีหลังจากนั้นผมก็ถึงโรงพยาบาล

ร่างของบุญรอด ถูกนำมาใส่ไว้ในกล่องที่ใส่มันไปในตอนแรก
มันนอนนิ่ง สงบ และ ดูมันสบายที่สุดนับจากที่เห็นมันในครั้งแรก




มันไปสบายแล้ว

แต่ผมกลับเป็นฝ่ายทรมานแทนมัน  
ไม่น่าเชื่อว่า ระยะเวลาเพียงแค่ครึ่งวัน มันทำให้ผมกับ บุญรอด มีความผูกพันธ์กันขนาดนี้
ผมไม่ร้องไห้บ่อยนักหรอกครับ แต่นี่เป็นอีกครั้งที่น้ำตาผมไหล

ผมนั่งลงเอามือไปลูบหัวมัน บอกกับร่างของมันว่า

"ไปสบายแล้วนะ เอาเปรียบกันนี่ แต่ก็ดีแล้วล่ะ ต่อไปนี้เอ็งจะได้ไม่ต้องทรมาน ไม่ต้องดิ้นรน ไม่ต้องทนเจ็บปวด และ ไม่ต้องส่งเสียงเรียกใครเพื่อขอความช่วยเหลืออีกต่อไปแล้ว"


ผมกลืนก้อนอะไรซักอย่างที่มันขึ้นมาจุกอยู่ที่คอลงไป
หลังจากที่จัดการเรื่องจัดการศพบุญรอดเสร็จแล้ว ผมก็ขี่มอไซค์ออกมาจากโรงพยาบาล
สารภาพว่า ใจผมไม่อยู่กับตัวเลย ภาพของบุญรอดมันวนเวียนอยู่ในหัวผมตลอดเวลา

"มันต้องใช้ความพยายามขนาดไหนกันนะ ที่จะพาเอาตัวเองที่มีสารรูปแบบนั้น มาจากไหนก็ไม่รู้ เดินเข้าซอยผ่านดงหมาจร มาจนถึงบ้านหลังสุดท้ายในซอยแบบนี้ได้  มันต้องทนเจ็บขนาดไหนกันนะกับแผลที่คอแบบนั้น  มันต้องเจ็บแบบนี้มานานขนาดไหนแล้ว  มันส่งเสียงร้องเรียกให้คนที่ผ่านไปผ่านมาช่วยมันมามากแค่ไหน  และ มันต้องทนนอนกับพื้นร้อน ๆ จนแทบเผาแบบนี้มาได้อย่างไร"

มันพาร่างของมันมาเจอผม ซึ่งผมก็เลือกจะใจดำกับมันในตอนแรก ผมไม่รู้หรอกครับว่า ถ้าผมพามันไปหาหมอตั้งแต่แรกที่เจอ
มันจะหายและไม่ตายหรือเปล่า แต่ผมก็รู้สึกไม่ดีจริง ๆ ที่ละเลยมัน  มันพาร่างของมันเปลี่ยนที่นอนให้ผมรู้ว่ามันยังไหวนะ ช่วยมันด้วย


แต่ผมช้าไป  ผมช่วยมันไม่ได้
ได้แต่คิดเข้าข้างตัวเองว่า  มันไปสบายแล้ว เราทำเต็มที่แล้ว
ผมเสียใจทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้  เพราะจากเหตุการณ์ข้างต้น
คุณคิดดูเถอะ มันเจ็บขนาดนั้น แต่มันก็ยังพยายามที่จะพาร่างที่บาดเจ็บขนาดนั้นมาเจอผม


มันเก่งมาก และเข้มแข็งมาก  มันเข้มแข็งกว่าผมซะอีก



"บุญรอด แมวตัวเมียสีน้ำตาลเข้มที่เพิ่งมีชื่อเป็นของตัวเอง ในวันสุดท้ายของชีวิต"


ไปสู่สุขคตินะ บุญรอด

ปล.คุณหมอบอกว่าสาเหตุการตายน่าจะมาจากการติดเชื้อในกระแสเลือด เนื่องจากมีแผลมาเป็นเวลานานมาก ตอนผมพามาอาการก็หนักที่สุดแล้ว  มีอาการเกร็งและชักในระยะสั้น ๆ ก่อนบุญรอดจะหยุดหายใจ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่