สวัสดีครับ /\ ก่อนอื่น ต้องบอกเลยว่า นี่คือกระทู้แรกของผม (สมัครไว้นานละนะ แต่เอาไว้อ่านอย่างเดียว ไม่เคยได้ตั้งสักที

)
เห็นช่วงนี้ กระทู้เรื่องผีๆ กำลังฟีเวอร์ เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์ ที่เคยเจอ ผี มาให้ได้อ่านกันครับ
ผมเชื่อว่าหลายคน ตั้งแต่เกิดมาคงจะเคยเจอ สิ่งแปลกๆ ,สิ่งลี้ลับต่างๆนานา แต่อยู่ที่ว่าสิ่งทีพบเจอนั้น คืออะไรกันแน่ บางทีก็เป็นสิ่งที่เราคิดไปเอง
มโนไปเอง ว่าสิ่งที่ได้ยิน สิ่งที่พบเห็น(แบบแว๊บๆ) นั่นคือ ผี หรือสิ่งลี้ลับแน่นอนตามความเชื่อ แต่ทุกอย่างก็ต้องมาดูว่า เหตุและผล เกิดจากอะไรกันแน่
เข้าเรื่องนะ! ประสบการณ์ที่ผมเคยเห็น สิ่งลี้ลับ เกิดขึ้นเมื่อตอนผมยังเด็กอายุก็ประมาณ 8-9 ขวบได้ (ปัจจุบันผมก็ 20 แล้วครับ) ตอนนั้นเป็นช่วงปิดเทอม แม่ได้พาผมไปเยี่ยมยายที่อยู่ต่างจังหวัด ทางภาคอีสาน ที่มีชื่อย่อว่า ขก. ( ฮ่าๆๆ ไม่ค่อยอยากจะบอกเลย ) ผมได้ไปอยู่กับยายประมาณหนึ่งเดือน และแม่ก็กลับมากรุงเทพตั้งแต่ 2-3 วันแรกที่ไป โดยให้ผมอยู่พักอาศัยที่บ้านยาย ซึ่งก็มี ยาย,ป้า,น้าชาย ,และก็ลูกสาวของป้า ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับผม
โดยทุกวันผมจะนอนข้างนอกห้องกันกับยาย แล้วป้ากับลูกสาวก็จะนอนกันในห้อง และน้าชายก็จะนอนอีกห้องนึง ( เมื่อตอนนั้นที่บ้านยาย เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ชั้นล่างปล่อยโล่ง ไม่มีอะไร ) มีอยู่คืนหนึ่ง ผมก็นอนอยู่กับยายปกติ หลับกันตั้งแต่หัวค่ำทุกคืน เพราะที่ต่างจังหวัด 2-3 ทุ่ม บ้านแทบทุกหลัง ก็จะปิดไฟเข้านอนกันหมดแล้ว คืนนั้น น้าชายไม่อยู่บ้าน (ไปบ้านแม่ยายที่ต่างจังหวัด) เหลือแค่ ผม,ยาย,ป้า และก็ลูกสาวป้า
ในคืนนั้น เป็นคืนที่พระจันทร์เต็มดวง แสงสว่างจากพระจันทร์ส่องมาในบ้าน พอที่จะมองเห็นสิ่งของที่อยู่ในบ้านได้ และในขณะนั้นเอง ผมสะดุ้งตื่นมากลางดึก ประมาณตี 2 ตี 3 ผมได้เห็นเงาดำๆของ ผู้หญิงคนนึง อยู่ที่ประตูในบ้าน ยืนนิ่งและเดินผ่านอย่างช้าๆ ในความคิดผมตอนนั้น คิดอยู่ 2 อย่างคือ
อย่างแรก น่าจะเป็นเงาของป้า ที่ลุกมาเข้าห้องน้ำ ,อย่างสองที่คิดคือ ขโมยขึ้นบ้านเราแน่ๆ ผมเลยนอนดูต่อไปสักพัก เงานั้นก็หายไป ผมเลยหลับต่อ
แต่ในขณะที่กำลังเคลิ้มหลับ กึ่งหลับกึ่งตื่น ผมได้เห็นเงาดำๆที่ประตูอีกครั้ง คราวนี้เป็นเงาของผู้หญิงและผู้ชาย 2 คน ยืนจับมือกัน แล้วก็ค่อยๆเดินผ่านประตูอย่างช้าๆเหมือนเดิม ความคิดผมตอนนั้น ตัดอย่างแรกออกไปเลย ที่ว่าจะเป็นเงาป้า เลยมามั่นใจแล้วว่าเป็นเงาของขโมยแน่ๆ โดนขึ้นบ้านแน่ๆ (บอกตรงๆเลย ตอนนั้นผมไม่ได้คิดถึงเรื่องผีสางแม้แต่นิดเดียว ทั้งที่เป็นเด็กก็เถอะ เพราะไม่เคยเจอมาก่อนด้วย ) ผมเลยตัดสินใจปลุกยายที่นอนอยู่ข้างๆ "บอกว่า ยายๆๆ มีขโมยมาขึ้นบ้านเรายาย ยืนอยู่ตรงประตูน่ะ" ยายเลยหันมาดูที่ประตู แล้วยายก็บอกผมว่าไม่เห็นมีอะไรเลย นอนๆๆ แล้วยายก็นอนกอดผม แล้วผมก็นอนต่อ แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันไปดูที่บานประตูอีก แบบว่าแอบมองน่ะ
บอกเลยว่าตอนนั้นมันนอนไม่หลับจริงๆ กลัวขโมยมาก ( ถึงตอนนั้นก็ยังไม่คิดถึงเรื่องผีสางนะ ) หลังจากนั้นไม่นาน ผมก็มองไปที่ประตูอีก เห็นเงาดำๆอีก เป็นผู้หญิงผู้ชาย 2 คนเหมือนเดิม คราวนี้ไม่ไหวละ ปลุกยายอีกครั้ง บอกยายว่า "ยายๆๆ เปิดไฟเร็วยาย ขโมยมาอีกแล้ว " ยายเลยลุกเปิดไฟทันที แต่ก็ไม่เจออะไรเลย ( คิดในใจ อ้าว!!! เมื่อกี้ยังเห็นยืนอยู่ตรงนี้อยู่เลย หายไปได้ไงวะ )
ผมเลยเล่าเรื่องทั้งหมดให้ยายฟัง แต่ยายก็ได้แต่บอกว่า "ไม่มีอะไรหรอก นอนๆๆ ดึกดื่นป่านนี้ใครจะมาขึ้นบ้านเราล่ะ" ผมก็นอนต่อกับยาย และยายก็ได้บอกให้ผมท่อง นโมตัสสะ 3 รอบ แล้วก็ตามด้วย บทอะไรสักอย่าง ยายบอกให้ผมท่องตาม แล้วเดี๋ยวก็ไม่เห็นแล้ว
บทที่ว่านี้ ว่า """ พระพุทธอยู่หลัง พระธรรมอยู่หน้า ตัวข้าอยู่กลาง พระบาทอยู่เกล้าพระเจ้าอยู่หัว """
ผมก็ท่อง นโม 3 รอบ แล้วก็ตามด้วย บทที่ว่านี้อีก 3 รอบ แล้วผมก็เผลอหลับไป มารู้สึกตัวอีกทีก็เช้าแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเงาดำนั้นยังอยู่หรือป่าวนะ เพราะคราวนี้ผมไม่กล้ามองแล้ว ( เรื่องผีสางเริ่มเข้ามาในความคิดผมตั้งแต่ตอนที่ยายเปิดไฟแล้วไม่เจออะไรนี่แหละ )
พอถึงตอนสายๆ ผมสงสัยในเรื่องที่ผมเห็นเมื่อคืนมาก เลยไปถามยาย ว่าสิ่งที่ผมเห็นเมื่อคืนคืออะไรกันแน่ ยายก็ได้บอกผมว่า สิ่งที่ผมเห็นเมื่อคืน เป็น " ผีตายโหง " ยายรู้แล้วแหละว่าเป็นผี แต่ยายก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก เมื่อเช้ายายเลยไปถามไอ้หนามมันมา มันบอกว่าเป็น "ผีตายโหง"
(คนที่ชื่อ หนาม นี่คือ สัปเหร่อ ประจำหมู่บ้าน ซึ่งบ้านเขาก็อยู่ติดกับบ้านยาย) ผมนี่สตั้น 3 วิเลย คือแบบตกใจมาก ผมก็เลยถามยายกลับว่า " จริงหรอยาย แล้วทำไมผมถึงเห็นล่ะ? " ยายบอกว่าผมเป็นเด็ก เรื่องเห็นผีสางนั้นเป็นเรื่องธรรมดา หลังจากนั้นมาผมก็ไม่กล้าไปนอนกับยายอีกเลย ไปนอนในห้องกับป้าทุกวัน จนถึงวันที่แม่มารับกลับกรุงเทพเลยแหละ
นี่ดีนะที่ยายไม่บอกผมตั้งแต่ตอนเมื่อคืน ว่าสิ่งที่ผมเห็นคือ "ผี" ไม่งั้นผมคงจะร้องไห้ทั้งคืนแน่ๆ
นับจากวันนั้นมาจนถึงวันนี้ ผมก็ไม่เคยเจอสิ่งลี้ลับที่เป็นตัวเป็นตนชัดเจนแบบนี้อีกเลย ปัจจุบันยายผมได้เสียไปแล้ว ท่านเสียตอนผมอายุประมาณ 11-12 ปีได้
เวลาที่ผมคิดถึงท่านทีไร ผมก็จะนึกถึง บทความที่ท่านเคยสอนผมตลอดเลย
ว่า " พระพุทธอยู่หลัง พระธรรมอยู่หน้า ตัวข้าอยู่กลาง พระบาทอยู่เกล้าพระเจ้าอยู่หัว"
ผมก็ไม่มั่นใจหรอกนะว่า บทที่ท่องนี้มันช่วยกัน ผีสาง ได้มั้ย? แต่ที่ผมชอบท่องเวลาที่ผมกลัว หรือเจออะไรแปลกๆ ที่ทำให้ผมคิดว่า น่าจะเป็นสิ่งลี้ลับ ก็เพราะว่า เวลาที่ท่องบทนี้ทีไร ทำให้ผมนึกถึงยาย และท่องแล้วทำให้ผมสบายใจขึ้นมากกว่า บางทีมันทำให้ลืมเรื่อง ผีสาง ไปเลยแหละ
และนี่ ก็เป็นเหตุการณ์ที่ผมได้พบเจอ สิ่งลี้ลับ ที่เรียกว่า ผี (ผีตางโหงเลยล่ะ) แบบชัดเจน แบบเน้นๆ ที่สุดในชีวิตผมละ (ถึงแม้จะเห็นแค่เงา ไม่เห็นเป็นหน้าตาก็เถอะ แต่แค่นี้ผมก็จำขึ้นใจจนถึงวันนี้แล้ว) และนอกจากนี้ก็มีอีกครั้งหนึ่งที่ผมคิดว่าใช่แน่ๆ แต่เดียวจะมาเล่าให้ฟังในคราวหน้านะ
แต่นี่ถือเป็นครั้งแรกและครั้งเดียว ที่ผมได้เจอ ผี แบบที่พยายามหาเหตุและผลแล้ว แต่ก็ชัดเจนว่า ใช่แน่ๆ ผมเองก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าทำไม สัปเหร่อ ถึงบอกว่า เป็นผีตายโหง นอกนั้นก็มีเจอบ้าง แต่จะเป็นเสียง หรือ ความคิด ที่ผมคิดไปเองมากกว่า
***ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ /\ ผิดพลาดประการใดก็กราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้ครับ
ตั้งแต่เกิดมา เคยเจอ'ผี ครั้งแรก และครั้งเดียว
เห็นช่วงนี้ กระทู้เรื่องผีๆ กำลังฟีเวอร์ เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์ ที่เคยเจอ ผี มาให้ได้อ่านกันครับ
ผมเชื่อว่าหลายคน ตั้งแต่เกิดมาคงจะเคยเจอ สิ่งแปลกๆ ,สิ่งลี้ลับต่างๆนานา แต่อยู่ที่ว่าสิ่งทีพบเจอนั้น คืออะไรกันแน่ บางทีก็เป็นสิ่งที่เราคิดไปเอง
มโนไปเอง ว่าสิ่งที่ได้ยิน สิ่งที่พบเห็น(แบบแว๊บๆ) นั่นคือ ผี หรือสิ่งลี้ลับแน่นอนตามความเชื่อ แต่ทุกอย่างก็ต้องมาดูว่า เหตุและผล เกิดจากอะไรกันแน่
เข้าเรื่องนะ! ประสบการณ์ที่ผมเคยเห็น สิ่งลี้ลับ เกิดขึ้นเมื่อตอนผมยังเด็กอายุก็ประมาณ 8-9 ขวบได้ (ปัจจุบันผมก็ 20 แล้วครับ) ตอนนั้นเป็นช่วงปิดเทอม แม่ได้พาผมไปเยี่ยมยายที่อยู่ต่างจังหวัด ทางภาคอีสาน ที่มีชื่อย่อว่า ขก. ( ฮ่าๆๆ ไม่ค่อยอยากจะบอกเลย ) ผมได้ไปอยู่กับยายประมาณหนึ่งเดือน และแม่ก็กลับมากรุงเทพตั้งแต่ 2-3 วันแรกที่ไป โดยให้ผมอยู่พักอาศัยที่บ้านยาย ซึ่งก็มี ยาย,ป้า,น้าชาย ,และก็ลูกสาวของป้า ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับผม
โดยทุกวันผมจะนอนข้างนอกห้องกันกับยาย แล้วป้ากับลูกสาวก็จะนอนกันในห้อง และน้าชายก็จะนอนอีกห้องนึง ( เมื่อตอนนั้นที่บ้านยาย เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ชั้นล่างปล่อยโล่ง ไม่มีอะไร ) มีอยู่คืนหนึ่ง ผมก็นอนอยู่กับยายปกติ หลับกันตั้งแต่หัวค่ำทุกคืน เพราะที่ต่างจังหวัด 2-3 ทุ่ม บ้านแทบทุกหลัง ก็จะปิดไฟเข้านอนกันหมดแล้ว คืนนั้น น้าชายไม่อยู่บ้าน (ไปบ้านแม่ยายที่ต่างจังหวัด) เหลือแค่ ผม,ยาย,ป้า และก็ลูกสาวป้า
ในคืนนั้น เป็นคืนที่พระจันทร์เต็มดวง แสงสว่างจากพระจันทร์ส่องมาในบ้าน พอที่จะมองเห็นสิ่งของที่อยู่ในบ้านได้ และในขณะนั้นเอง ผมสะดุ้งตื่นมากลางดึก ประมาณตี 2 ตี 3 ผมได้เห็นเงาดำๆของ ผู้หญิงคนนึง อยู่ที่ประตูในบ้าน ยืนนิ่งและเดินผ่านอย่างช้าๆ ในความคิดผมตอนนั้น คิดอยู่ 2 อย่างคือ
อย่างแรก น่าจะเป็นเงาของป้า ที่ลุกมาเข้าห้องน้ำ ,อย่างสองที่คิดคือ ขโมยขึ้นบ้านเราแน่ๆ ผมเลยนอนดูต่อไปสักพัก เงานั้นก็หายไป ผมเลยหลับต่อ
แต่ในขณะที่กำลังเคลิ้มหลับ กึ่งหลับกึ่งตื่น ผมได้เห็นเงาดำๆที่ประตูอีกครั้ง คราวนี้เป็นเงาของผู้หญิงและผู้ชาย 2 คน ยืนจับมือกัน แล้วก็ค่อยๆเดินผ่านประตูอย่างช้าๆเหมือนเดิม ความคิดผมตอนนั้น ตัดอย่างแรกออกไปเลย ที่ว่าจะเป็นเงาป้า เลยมามั่นใจแล้วว่าเป็นเงาของขโมยแน่ๆ โดนขึ้นบ้านแน่ๆ (บอกตรงๆเลย ตอนนั้นผมไม่ได้คิดถึงเรื่องผีสางแม้แต่นิดเดียว ทั้งที่เป็นเด็กก็เถอะ เพราะไม่เคยเจอมาก่อนด้วย ) ผมเลยตัดสินใจปลุกยายที่นอนอยู่ข้างๆ "บอกว่า ยายๆๆ มีขโมยมาขึ้นบ้านเรายาย ยืนอยู่ตรงประตูน่ะ" ยายเลยหันมาดูที่ประตู แล้วยายก็บอกผมว่าไม่เห็นมีอะไรเลย นอนๆๆ แล้วยายก็นอนกอดผม แล้วผมก็นอนต่อ แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันไปดูที่บานประตูอีก แบบว่าแอบมองน่ะ
บอกเลยว่าตอนนั้นมันนอนไม่หลับจริงๆ กลัวขโมยมาก ( ถึงตอนนั้นก็ยังไม่คิดถึงเรื่องผีสางนะ ) หลังจากนั้นไม่นาน ผมก็มองไปที่ประตูอีก เห็นเงาดำๆอีก เป็นผู้หญิงผู้ชาย 2 คนเหมือนเดิม คราวนี้ไม่ไหวละ ปลุกยายอีกครั้ง บอกยายว่า "ยายๆๆ เปิดไฟเร็วยาย ขโมยมาอีกแล้ว " ยายเลยลุกเปิดไฟทันที แต่ก็ไม่เจออะไรเลย ( คิดในใจ อ้าว!!! เมื่อกี้ยังเห็นยืนอยู่ตรงนี้อยู่เลย หายไปได้ไงวะ )
ผมเลยเล่าเรื่องทั้งหมดให้ยายฟัง แต่ยายก็ได้แต่บอกว่า "ไม่มีอะไรหรอก นอนๆๆ ดึกดื่นป่านนี้ใครจะมาขึ้นบ้านเราล่ะ" ผมก็นอนต่อกับยาย และยายก็ได้บอกให้ผมท่อง นโมตัสสะ 3 รอบ แล้วก็ตามด้วย บทอะไรสักอย่าง ยายบอกให้ผมท่องตาม แล้วเดี๋ยวก็ไม่เห็นแล้ว
บทที่ว่านี้ ว่า """ พระพุทธอยู่หลัง พระธรรมอยู่หน้า ตัวข้าอยู่กลาง พระบาทอยู่เกล้าพระเจ้าอยู่หัว """
ผมก็ท่อง นโม 3 รอบ แล้วก็ตามด้วย บทที่ว่านี้อีก 3 รอบ แล้วผมก็เผลอหลับไป มารู้สึกตัวอีกทีก็เช้าแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเงาดำนั้นยังอยู่หรือป่าวนะ เพราะคราวนี้ผมไม่กล้ามองแล้ว ( เรื่องผีสางเริ่มเข้ามาในความคิดผมตั้งแต่ตอนที่ยายเปิดไฟแล้วไม่เจออะไรนี่แหละ )
พอถึงตอนสายๆ ผมสงสัยในเรื่องที่ผมเห็นเมื่อคืนมาก เลยไปถามยาย ว่าสิ่งที่ผมเห็นเมื่อคืนคืออะไรกันแน่ ยายก็ได้บอกผมว่า สิ่งที่ผมเห็นเมื่อคืน เป็น " ผีตายโหง " ยายรู้แล้วแหละว่าเป็นผี แต่ยายก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก เมื่อเช้ายายเลยไปถามไอ้หนามมันมา มันบอกว่าเป็น "ผีตายโหง"
(คนที่ชื่อ หนาม นี่คือ สัปเหร่อ ประจำหมู่บ้าน ซึ่งบ้านเขาก็อยู่ติดกับบ้านยาย) ผมนี่สตั้น 3 วิเลย คือแบบตกใจมาก ผมก็เลยถามยายกลับว่า " จริงหรอยาย แล้วทำไมผมถึงเห็นล่ะ? " ยายบอกว่าผมเป็นเด็ก เรื่องเห็นผีสางนั้นเป็นเรื่องธรรมดา หลังจากนั้นมาผมก็ไม่กล้าไปนอนกับยายอีกเลย ไปนอนในห้องกับป้าทุกวัน จนถึงวันที่แม่มารับกลับกรุงเทพเลยแหละ
นี่ดีนะที่ยายไม่บอกผมตั้งแต่ตอนเมื่อคืน ว่าสิ่งที่ผมเห็นคือ "ผี" ไม่งั้นผมคงจะร้องไห้ทั้งคืนแน่ๆ
นับจากวันนั้นมาจนถึงวันนี้ ผมก็ไม่เคยเจอสิ่งลี้ลับที่เป็นตัวเป็นตนชัดเจนแบบนี้อีกเลย ปัจจุบันยายผมได้เสียไปแล้ว ท่านเสียตอนผมอายุประมาณ 11-12 ปีได้
เวลาที่ผมคิดถึงท่านทีไร ผมก็จะนึกถึง บทความที่ท่านเคยสอนผมตลอดเลย
ว่า " พระพุทธอยู่หลัง พระธรรมอยู่หน้า ตัวข้าอยู่กลาง พระบาทอยู่เกล้าพระเจ้าอยู่หัว"
ผมก็ไม่มั่นใจหรอกนะว่า บทที่ท่องนี้มันช่วยกัน ผีสาง ได้มั้ย? แต่ที่ผมชอบท่องเวลาที่ผมกลัว หรือเจออะไรแปลกๆ ที่ทำให้ผมคิดว่า น่าจะเป็นสิ่งลี้ลับ ก็เพราะว่า เวลาที่ท่องบทนี้ทีไร ทำให้ผมนึกถึงยาย และท่องแล้วทำให้ผมสบายใจขึ้นมากกว่า บางทีมันทำให้ลืมเรื่อง ผีสาง ไปเลยแหละ
และนี่ ก็เป็นเหตุการณ์ที่ผมได้พบเจอ สิ่งลี้ลับ ที่เรียกว่า ผี (ผีตางโหงเลยล่ะ) แบบชัดเจน แบบเน้นๆ ที่สุดในชีวิตผมละ (ถึงแม้จะเห็นแค่เงา ไม่เห็นเป็นหน้าตาก็เถอะ แต่แค่นี้ผมก็จำขึ้นใจจนถึงวันนี้แล้ว) และนอกจากนี้ก็มีอีกครั้งหนึ่งที่ผมคิดว่าใช่แน่ๆ แต่เดียวจะมาเล่าให้ฟังในคราวหน้านะ
แต่นี่ถือเป็นครั้งแรกและครั้งเดียว ที่ผมได้เจอ ผี แบบที่พยายามหาเหตุและผลแล้ว แต่ก็ชัดเจนว่า ใช่แน่ๆ ผมเองก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าทำไม สัปเหร่อ ถึงบอกว่า เป็นผีตายโหง นอกนั้นก็มีเจอบ้าง แต่จะเป็นเสียง หรือ ความคิด ที่ผมคิดไปเองมากกว่า
***ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ /\ ผิดพลาดประการใดก็กราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้ครับ