ในฐานะแฟนหนังอินเดียที่ดูมาหลายภาษามาก เวลาเห็นกระทู้ในพันทิป ยังมีคนเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับหนังอินเดีย เลยขอนำเอาข้อมูลมาบอกให้รู้กัน แล้วก็ขอแนะนำหนังที่น่าสนใจไปในตัว
ข้อมูลในเรื่องประวัติความเป็นมาก็เอามาจากวิกิพีเดีย แหล่งข้อมูลที่หาง่ายที่สุดนะคะ ส่วนหนังแนะนำ จะเป็นหนังที่เราเคยดูแล้วชอบทั้งสิ้น
***ก่อนอื่นวงการหนังอินเดียมีหลายวู้ดนะคะ บอลลีวู้ดจะเป็นอุตสาหกรรมหนังที่ฐานการผลิตอยู่เมืองมุมไบ ภาษาที่ตัวละครในหนังพูดจะเป็นภาษาฮินดี ในด้านรายได้และความกว้างของตลาด บอลลีวู้ดจัดว่ามากกว่าใครๆ แต่ในด้านปริมาณการผลิตหนังนั้นก็สลับๆกันระหว่างวู้ดอื่นๆที่เราจะเล่าให้ฟังค่ะ
ดังนั้นหากใครบอกว่า วงการบอลลีวู้ดผลิตหนังได้มากที่สุดในโลก หรือ บอลลีวู้ดผลิตหนังได้เป็นพันเรื่องต่อปี เป็นคำพูดที่ผิดนะคะ แสดงว่าคนพูดไม่รู้จักอุตสาหกรรมหนังอินเดียเลย แต่ถ้าบอกว่า
"วงการหนังอินเดียผลิตหนังได้เป็นพันเรื่องต่อปี" อันนี้จริง! เพราะเมื่อรวมทุกวู้ดทั่วทั้งอินเดียแล้วเกินพันเรื่องในบางปีด้วยซ้ำค่ะ
ตอนที่ 1: Kollywood
http://pantip.com/topic/33715718
ตอนที่ 2: Mollywood
http://pantip.com/topic/33719082
ตอนที่ 3: Marathi Cinema
http://pantip.com/topic/33724208
ตอนที่ 4: Pollywood
http://pantip.com/topic/33729794
ตอนที่ 5: Sandalwood
http://pantip.com/topic/33732959
อุตสาหกรรมภาพยนต์ภาษาเบงกาลี [Tollywood]
***คำว่าวู้ดต่างๆที่ต่อท้ายชื่อเล่นวงการหนังของอินเดียเริ่มที่นี่***
อุตสาหกรรมหนังภาษาเบงกาลี มีฐานการผลิตอยู่ที่เมืองโกลกาตา รัฐเวสต์ เบงกอล ผลิตภาพยนต์ประมาณ 70 - 100 เรื่อง/ปี หนังจากเวสต์ เบงกอล ได้รับรางวัลระดับนานาชาติบ่อยครั้ง รวมถึงรางวัลที่ทรงเกียรติที่สุดของอินเดียคือ national film awards โดยหนังภาษาเบงกาลีได้รับรางวัลประเภท Best Feature Film มากที่สุดถึง 22 ครั้ง (รองลงไปคือหนังฮินดี 13 ครั้ง และ หนังมะละยาลัม 11 ครั้ง ตามลำดับ) เรียกได้ว่า สำหรับหนังคุณภาพของอินเดียหนังภาษาเบงกาลีคือที่สุดแล้ว
ผู้กำกับที่ได้รับรางวัลระดับนานาชาติที่มีชื่อเสียงคือ Satyajit Ray, Ritwik Ghatak, Mrinal Sen, Tapan Sinha และ Buddhadeb Dasgupta แต่ทุกท่านเหล่านี้ ถ้าไม่เสียชีวิตไปแล้วก็ชรามากแล้วรุ่นคุณปู่คุณตาโน่นแหละค่ะ
ประวัติของหนังเบงกาลีสืบย้อนไปได้ถึงช่วงยุค 1890s เป็นการฉายที่โรงหนังในกัลกัตตา เรียกการแสดงแบบนี้ว่า bioscopes show โดยส่วนตัวไม่เคยเห็นนะคะว่าเป็นยังไง แต่จากคำบรรยายในวิกิพีเดียบอกว่า เป็นโชว์ที่มีการฉายหนังและมีการร้องรำทำเพลงหน้าม่านโชว์ด้วยสลับกัน หลังจากนั้นก็ทิ้งช่วงไปนาน จนกระทั่งปี 1919 ถึงได้มีหนังเรื่องแรกออกฉาย ก็ยังคงเป็นหนังเงียบอยู่ ยุคของหนังเงียบยาวไปจนถึงช่วงปี 1930
หนังชื่อดังอย่าง Devdas ที่สร้างจากนิยายดังภาษาเบงกาลี ก็ถูกสร้างเป็นครั้งแรกในยุคหนังเงียบนี้เอง คือปี 1927 แต่เดฟดาสที่คนไทยเรารู้จักกันดีคือเวอร์ชั่นปี 2002 ที่ Sharukh Khan นำแสดง
Devdas เท่าที่รู้คือที่สุดของการรีเมคของหนังอินเดียเลยค่ะ โดยมีการสร้างบ่อยครั้งตั้งแต่ปี 1927 - 2013 รวมแล้วกว่า 16 ครั้งในเกือบทุกภาษาของอินเดีย ทั้งเบงกาลี ฮินดี เตลูกู ทมิฬ อูรดู อัสสัมเมส และ มะละยาลัม
ในวันที่ 11 เมษายน 1931 หนังพูดเรื่องแรกที่เป็นภาษาเบงกาลีก็ออกฉาย ชื่อเรื่อง Jamai Shashthi แต่เรื่องนี้ก็เป็นแค่หนังสั้นเท่านั้น ส่วนหนังพูดเรื่องยาวที่ออกฉายเป็นเรื่องแรกคือเรื่อง Dena Paona ในวันที่ 30 ธันวาคม 1931
พอมาในยุคหนังพูดนี้เองที่
การใช้ชื่อเล่นวงการหนังของอินเดียเลียนแบบฮอลลีวู้ดได้ถูกสร้างขึ้นในปี 1932 โดยซาวน์เอ็นจิเนียร์ชาวอเมริกันชื่อ Wilford E. Deming ได้เขียนบทความลงใน American Cinematographer ได้เรวมเอาคำว่า Hollywood กับคำว่า Tollygunge เข้าด้วยกัน เนื่องจากในตอนนั้นกัลกัตตาเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมหนังของอินเดีย และย่าน Tollygunge ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองกัลกัตตาเป็นที่ตั้งของสตูโอหนังสำคัญๆหลายบริษัท
ครั้งแรกเลยเค้ารวมออกมาเป็นคำว่า "Hollygunge" แต่ต่อมาเปลี่ยนใจไปใช้คำว่า "Tollywood" แทน และคำนี้ถูกทำให้แพร่หลายโดยนิตยสาร Junior Statesman youth ซึ่งต่อมา
ชื่อ Tollywood นี้ก็ได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับวงการหนังภาษาฮินดีที่ฐานการผลิตอยู่ที่เมืองบอมเบย์ นำไปเรียกชื่ออุตสาหกรรมหนังภาษาฮินดีด้วยชื่อเล่นๆที่เราทุกคนรู้จักกันดีว่า Bollywood
*แต่ในปัจจุบันหากพูดถึง Tollywood แล้วทุกคนจะหมายถึงวงการหนังภาษาเตลูกู ซึ่งจะเป็นตอนจบที่จะเล่าให้ฟังค่ะ
ยุคทองของหนังภาษาเบงกาลีคือช่วงปี 1952-1975 ซึ่งเป็นยุคที่ผู้กำกับรุ่นเก๋าๆที่เอ่ยชื่อไปตอนต้น กำลังอยู่ในวัยหนุ่มไฟแรง และทำหนังออกมาได้รับรางวัลระดับนานาชาติหลายต่อหลายเรื่อง แต่พอมาถึงยุค 80s วงการหนังภาษาเบงกาลีก็เข้าสู่ยุคตกต่ำ เพราะในช่วงเวลานี้เป็นยุครุ่งเรืองของหนังภาษาฮินดีนั่นเอง แต่ก็เป็นการลดลงเรื่องความนิยมนะคะ ไม่เกี่ยวกับคุณภาพของหนัง หนังภาษาเบงกาลียังอัดแน่นด้วยงานคุณภาพและได้รับรางวัลอยู่เรื่อยๆทั้งในอินเดียเองและระดับนานาชาติ
พอเข้าสู่สหัสวรรษใหม่หนังเบงกาลีก็กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง โดยหนังเบงกาลีได้รับความนิยมทั้งในรัฐเวสต์ เบงกอลเอง และรัฐเพื่อนบ้านอย่าง รัฐอัสสัม รัฐตริปุระ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่างบังคลาเทศ ที่ใช้ภาษาเบงกาลีเป็นภาษาราชการด้วย และในระยะหลังตั้งแต่ช่วงหลังปี 2010 เป็นต้นมา ความนิยมรีเมคหนังจากอินเดียใต้ก็มีมากขึ้นในอุตสาหกรรมหนังภาษาเบงกาลี เนื่องจากมีความเป็นหนังตลาดมากกว่า ดูง่ายกว่า และทำรายได้ได้มากกว่านั่นเอง ... คนสร้างหนังก็ต้องกินต้องใช้นะคะ บางทีหนังอาร์ตไปขายไม่ได้ก็ไม่มีกิน 555+
หนังภาษาเบงกาลีสามารถหาชมได้จากยูทูป โดยพิมพ์คำค้นว่า "Bengali full movies with English subtitles" จะเจออยู่พอสมควร แต่จะหายากก็ตรงที่ว่า พอพิมพ์แล้วก็จะมีหนังจากบังคลาเทศปะปนมาด้วย ต้องลองสังเกตคำว่า West Bengal movie หรือ Kolkata movies ถึงจะเจอหนังภาษาเบงกาลีจากโกลกาตาค่ะ โดยส่วนตัวยังดูไม่เยอะ เพราะต้องใช้การสแกนแยกจากหนังบังคลาเทศด้วยนี่แหละค่ะ ... หนังภาษานี้เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยชอบเพลงร้องเต้นแบบอินเดียนะคะ มีบ้างบางเรื่อง แต่ไม่เยอะ หลายเรื่องก็ไม่มีเลย
ลำดับที่ + ชื่อเรื่อง + ปีที่ออกฉายที่อินเดีย
1. Ramdhanu: 2014
***เรื่องนี้แนะนำมากๆ***

หนังแนว family drama ที่ไม่ค่อยจะดราม่าเท่าไหร่ ออกแนวน่ารักมากกว่า เรื่องราวของครอบครัว Dutta ที่พยายามจะหาทางให้ลูกชายคนเดียว Gogol ได้เข้าเรียนในโรงเรียนชั้นหนึ่งของโกลกาตา ความคาดหวังมีมากโดยเฉพาะกับคุณแม่ แล้วก็ไปกดดันคุณพ่อที่เปิดร้านขายยาเล็กๆ ให้ทำทุกอย่างให้ลูกชายได้เข้าเรียนโรงเรียนอันดับต้นๆ แม้แต่การหาเงินหลักแสนไปจ่ายค่าแป๊ะเจี๊ยะให้โรงเรียน กดดันไปถึงโกกอลลูกชาย ทั้งเรียนพิเศษ เรียนภาษาอังกฤษ แต่เรื่องราวกลับทำออกมาได้น่ารักมากๆค่ะ ไม่เครียดเลย ดูไปยิ้มไปตลอดทั้งเรื่อง
ประโยคเด็ดจากหนังเรื่องนี้ที่เราชอบคือ "English is the Language for our work, a language to connect to the world. And Bengali - our mother tongue, a language to connect to our mothers, our roots." นอกจากประโยคนี้แล้วก็ยังมีข้อคิดอื่นๆตลอดทั้งเรื่องค่ะ แนะนำคนเป็นพ่อเป็นแม่ให้ดูมากๆ
2. Faltu: 2006
หนัง drama ที่ได้รับรางวัล National Award ปี 2007 ประเภท Best Film on Family Welfare Best เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงปี 1950 เมื่อคนของทางการมาทำสำมะโนครัวประชากร ในหมู่บ้านเล็กๆริมแม่น้ำที่ Faltu อาศัยอยู่ คนของทางการก็ถามรายละเอียดเบื้องต้นกับฟัลตู พอมาถึงคำถามเกี่ยวกับพ่อแม่ ฟัลตูรู้แต่เพียงว่า แม่ของเค้าเป็นผู้หญิงเสียสติที่หลงมาอาศัยอยู่ในศาลาของหมู่บ้าน แต่เค้าไม่รู้ว่าพ่อของเค้าเป็นใคร แล้วฟัลตูก็เริ่มถามคนในหมู่บ้านถึงพ่อของเค้า แล้วก็ได้รับคำตอบที่ทำให้เค้าเจ็บปวดขึ้นเรื่อยๆ
3. Bhooter Bhabishyat: 2012

หนังผีที่ไม่เหมือนหนังผี ตลกแบบอมยิ้มเบาๆ เมื่อเหล่าบรรดาผีๆที่ตายต่างยุคต่างสมัยมาอาศัยในบ้านพักผีที่เป็นวังเก่าของผีขุนนางที่ตายลง แล้วเปิดบ้านให้ผีเร่ร่อนมาพัก มีตั้งแต่ผีอังกฤษในยุคอาณานิคม ผีดารายุคหนังขาว-ดำ ยันผีขี้ยาขาร็อคสมัยเฟซบุ๊คครองโลก บรรดาผีๆก็อยู่กันอย่างมีความสุขดีมาเรื่อยๆ จนกองถ่ายหนังมารบกวนความสงบ บรรดาแก๊งผีเลยต้องออกมาไล่หลอกคนในกองถ่าย และบรรดาผีๆถูกรบกวนมากขึ้น เมื่อนักธุรกิจจะมาซื้อบ้านเพื่อเอาไปทำเป็นห้างสรรพสินค้า ผีๆเลยต้องวางแผนจัดการคน
4. The Japanese Wife: 2010
***เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่มีขายที่พาหุรัดค่ะ***

หนังแนว epistolary romantic เรื่องของครูประชาบาลในรัฐเวสต์ เบงกอล ที่แต่งงานกับสาวญี่ปุ่นโดยที่ทั้งคู่ไม่เคยเจอตัวจริงของกันและกันเลย มีเพียงการติดต่อกันทางจดหมาย และโทรศัพท์ทางไกลเพียง 3 ครั้งเท่านั้น แต่ทั้งคู่มีความรักที่มั่นคงต่อกันมากๆ ใครชอบกล่องข้าวน้อยผิดขบวน (The lunch box) จะรักเรื่องนี้มากกว่าเยอะเลยค่ะ ส่วนเราที่ไม่ชอบ The lunch box กลับรักเรื่องนี้มากๆ แนะนำแล้วแนะนำอีกในพันทิปหลายครั้งแล้วล่ะค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ที่ย๊าวยาวแบบนี้นะคะ

ยังเหลืออีกตอนค่ะ
เพจคนรักหนังอินเดีย
https://www.facebook.com/IndianfilmsloverTh/
เพจรีวิวหนัง+ร้านอาหารอินเดีย
https://www.facebook.com/IndianFilmsandFoodsReview/
หนังอินเดียไม่ได้มีแต่บอลลีวู้ด ตอนที่ 6: Tollywood [เบงกาลี]
ข้อมูลในเรื่องประวัติความเป็นมาก็เอามาจากวิกิพีเดีย แหล่งข้อมูลที่หาง่ายที่สุดนะคะ ส่วนหนังแนะนำ จะเป็นหนังที่เราเคยดูแล้วชอบทั้งสิ้น
***ก่อนอื่นวงการหนังอินเดียมีหลายวู้ดนะคะ บอลลีวู้ดจะเป็นอุตสาหกรรมหนังที่ฐานการผลิตอยู่เมืองมุมไบ ภาษาที่ตัวละครในหนังพูดจะเป็นภาษาฮินดี ในด้านรายได้และความกว้างของตลาด บอลลีวู้ดจัดว่ามากกว่าใครๆ แต่ในด้านปริมาณการผลิตหนังนั้นก็สลับๆกันระหว่างวู้ดอื่นๆที่เราจะเล่าให้ฟังค่ะ
ดังนั้นหากใครบอกว่า วงการบอลลีวู้ดผลิตหนังได้มากที่สุดในโลก หรือ บอลลีวู้ดผลิตหนังได้เป็นพันเรื่องต่อปี เป็นคำพูดที่ผิดนะคะ แสดงว่าคนพูดไม่รู้จักอุตสาหกรรมหนังอินเดียเลย แต่ถ้าบอกว่า "วงการหนังอินเดียผลิตหนังได้เป็นพันเรื่องต่อปี" อันนี้จริง! เพราะเมื่อรวมทุกวู้ดทั่วทั้งอินเดียแล้วเกินพันเรื่องในบางปีด้วยซ้ำค่ะ
ตอนที่ 1: Kollywood
http://pantip.com/topic/33715718
ตอนที่ 2: Mollywood
http://pantip.com/topic/33719082
ตอนที่ 3: Marathi Cinema
http://pantip.com/topic/33724208
ตอนที่ 4: Pollywood
http://pantip.com/topic/33729794
ตอนที่ 5: Sandalwood
http://pantip.com/topic/33732959
อุตสาหกรรมภาพยนต์ภาษาเบงกาลี [Tollywood]
***คำว่าวู้ดต่างๆที่ต่อท้ายชื่อเล่นวงการหนังของอินเดียเริ่มที่นี่***
อุตสาหกรรมหนังภาษาเบงกาลี มีฐานการผลิตอยู่ที่เมืองโกลกาตา รัฐเวสต์ เบงกอล ผลิตภาพยนต์ประมาณ 70 - 100 เรื่อง/ปี หนังจากเวสต์ เบงกอล ได้รับรางวัลระดับนานาชาติบ่อยครั้ง รวมถึงรางวัลที่ทรงเกียรติที่สุดของอินเดียคือ national film awards โดยหนังภาษาเบงกาลีได้รับรางวัลประเภท Best Feature Film มากที่สุดถึง 22 ครั้ง (รองลงไปคือหนังฮินดี 13 ครั้ง และ หนังมะละยาลัม 11 ครั้ง ตามลำดับ) เรียกได้ว่า สำหรับหนังคุณภาพของอินเดียหนังภาษาเบงกาลีคือที่สุดแล้ว
ผู้กำกับที่ได้รับรางวัลระดับนานาชาติที่มีชื่อเสียงคือ Satyajit Ray, Ritwik Ghatak, Mrinal Sen, Tapan Sinha และ Buddhadeb Dasgupta แต่ทุกท่านเหล่านี้ ถ้าไม่เสียชีวิตไปแล้วก็ชรามากแล้วรุ่นคุณปู่คุณตาโน่นแหละค่ะ
ประวัติของหนังเบงกาลีสืบย้อนไปได้ถึงช่วงยุค 1890s เป็นการฉายที่โรงหนังในกัลกัตตา เรียกการแสดงแบบนี้ว่า bioscopes show โดยส่วนตัวไม่เคยเห็นนะคะว่าเป็นยังไง แต่จากคำบรรยายในวิกิพีเดียบอกว่า เป็นโชว์ที่มีการฉายหนังและมีการร้องรำทำเพลงหน้าม่านโชว์ด้วยสลับกัน หลังจากนั้นก็ทิ้งช่วงไปนาน จนกระทั่งปี 1919 ถึงได้มีหนังเรื่องแรกออกฉาย ก็ยังคงเป็นหนังเงียบอยู่ ยุคของหนังเงียบยาวไปจนถึงช่วงปี 1930
หนังชื่อดังอย่าง Devdas ที่สร้างจากนิยายดังภาษาเบงกาลี ก็ถูกสร้างเป็นครั้งแรกในยุคหนังเงียบนี้เอง คือปี 1927 แต่เดฟดาสที่คนไทยเรารู้จักกันดีคือเวอร์ชั่นปี 2002 ที่ Sharukh Khan นำแสดง
Devdas เท่าที่รู้คือที่สุดของการรีเมคของหนังอินเดียเลยค่ะ โดยมีการสร้างบ่อยครั้งตั้งแต่ปี 1927 - 2013 รวมแล้วกว่า 16 ครั้งในเกือบทุกภาษาของอินเดีย ทั้งเบงกาลี ฮินดี เตลูกู ทมิฬ อูรดู อัสสัมเมส และ มะละยาลัม
ในวันที่ 11 เมษายน 1931 หนังพูดเรื่องแรกที่เป็นภาษาเบงกาลีก็ออกฉาย ชื่อเรื่อง Jamai Shashthi แต่เรื่องนี้ก็เป็นแค่หนังสั้นเท่านั้น ส่วนหนังพูดเรื่องยาวที่ออกฉายเป็นเรื่องแรกคือเรื่อง Dena Paona ในวันที่ 30 ธันวาคม 1931
พอมาในยุคหนังพูดนี้เองที่ การใช้ชื่อเล่นวงการหนังของอินเดียเลียนแบบฮอลลีวู้ดได้ถูกสร้างขึ้นในปี 1932 โดยซาวน์เอ็นจิเนียร์ชาวอเมริกันชื่อ Wilford E. Deming ได้เขียนบทความลงใน American Cinematographer ได้เรวมเอาคำว่า Hollywood กับคำว่า Tollygunge เข้าด้วยกัน เนื่องจากในตอนนั้นกัลกัตตาเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมหนังของอินเดีย และย่าน Tollygunge ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองกัลกัตตาเป็นที่ตั้งของสตูโอหนังสำคัญๆหลายบริษัท
ครั้งแรกเลยเค้ารวมออกมาเป็นคำว่า "Hollygunge" แต่ต่อมาเปลี่ยนใจไปใช้คำว่า "Tollywood" แทน และคำนี้ถูกทำให้แพร่หลายโดยนิตยสาร Junior Statesman youth ซึ่งต่อมาชื่อ Tollywood นี้ก็ได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับวงการหนังภาษาฮินดีที่ฐานการผลิตอยู่ที่เมืองบอมเบย์ นำไปเรียกชื่ออุตสาหกรรมหนังภาษาฮินดีด้วยชื่อเล่นๆที่เราทุกคนรู้จักกันดีว่า Bollywood
*แต่ในปัจจุบันหากพูดถึง Tollywood แล้วทุกคนจะหมายถึงวงการหนังภาษาเตลูกู ซึ่งจะเป็นตอนจบที่จะเล่าให้ฟังค่ะ
ยุคทองของหนังภาษาเบงกาลีคือช่วงปี 1952-1975 ซึ่งเป็นยุคที่ผู้กำกับรุ่นเก๋าๆที่เอ่ยชื่อไปตอนต้น กำลังอยู่ในวัยหนุ่มไฟแรง และทำหนังออกมาได้รับรางวัลระดับนานาชาติหลายต่อหลายเรื่อง แต่พอมาถึงยุค 80s วงการหนังภาษาเบงกาลีก็เข้าสู่ยุคตกต่ำ เพราะในช่วงเวลานี้เป็นยุครุ่งเรืองของหนังภาษาฮินดีนั่นเอง แต่ก็เป็นการลดลงเรื่องความนิยมนะคะ ไม่เกี่ยวกับคุณภาพของหนัง หนังภาษาเบงกาลียังอัดแน่นด้วยงานคุณภาพและได้รับรางวัลอยู่เรื่อยๆทั้งในอินเดียเองและระดับนานาชาติ
พอเข้าสู่สหัสวรรษใหม่หนังเบงกาลีก็กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง โดยหนังเบงกาลีได้รับความนิยมทั้งในรัฐเวสต์ เบงกอลเอง และรัฐเพื่อนบ้านอย่าง รัฐอัสสัม รัฐตริปุระ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่างบังคลาเทศ ที่ใช้ภาษาเบงกาลีเป็นภาษาราชการด้วย และในระยะหลังตั้งแต่ช่วงหลังปี 2010 เป็นต้นมา ความนิยมรีเมคหนังจากอินเดียใต้ก็มีมากขึ้นในอุตสาหกรรมหนังภาษาเบงกาลี เนื่องจากมีความเป็นหนังตลาดมากกว่า ดูง่ายกว่า และทำรายได้ได้มากกว่านั่นเอง ... คนสร้างหนังก็ต้องกินต้องใช้นะคะ บางทีหนังอาร์ตไปขายไม่ได้ก็ไม่มีกิน 555+
หนังภาษาเบงกาลีสามารถหาชมได้จากยูทูป โดยพิมพ์คำค้นว่า "Bengali full movies with English subtitles" จะเจออยู่พอสมควร แต่จะหายากก็ตรงที่ว่า พอพิมพ์แล้วก็จะมีหนังจากบังคลาเทศปะปนมาด้วย ต้องลองสังเกตคำว่า West Bengal movie หรือ Kolkata movies ถึงจะเจอหนังภาษาเบงกาลีจากโกลกาตาค่ะ โดยส่วนตัวยังดูไม่เยอะ เพราะต้องใช้การสแกนแยกจากหนังบังคลาเทศด้วยนี่แหละค่ะ ... หนังภาษานี้เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยชอบเพลงร้องเต้นแบบอินเดียนะคะ มีบ้างบางเรื่อง แต่ไม่เยอะ หลายเรื่องก็ไม่มีเลย
ลำดับที่ + ชื่อเรื่อง + ปีที่ออกฉายที่อินเดีย
1. Ramdhanu: 2014
***เรื่องนี้แนะนำมากๆ***
หนังแนว family drama ที่ไม่ค่อยจะดราม่าเท่าไหร่ ออกแนวน่ารักมากกว่า เรื่องราวของครอบครัว Dutta ที่พยายามจะหาทางให้ลูกชายคนเดียว Gogol ได้เข้าเรียนในโรงเรียนชั้นหนึ่งของโกลกาตา ความคาดหวังมีมากโดยเฉพาะกับคุณแม่ แล้วก็ไปกดดันคุณพ่อที่เปิดร้านขายยาเล็กๆ ให้ทำทุกอย่างให้ลูกชายได้เข้าเรียนโรงเรียนอันดับต้นๆ แม้แต่การหาเงินหลักแสนไปจ่ายค่าแป๊ะเจี๊ยะให้โรงเรียน กดดันไปถึงโกกอลลูกชาย ทั้งเรียนพิเศษ เรียนภาษาอังกฤษ แต่เรื่องราวกลับทำออกมาได้น่ารักมากๆค่ะ ไม่เครียดเลย ดูไปยิ้มไปตลอดทั้งเรื่อง
ประโยคเด็ดจากหนังเรื่องนี้ที่เราชอบคือ "English is the Language for our work, a language to connect to the world. And Bengali - our mother tongue, a language to connect to our mothers, our roots." นอกจากประโยคนี้แล้วก็ยังมีข้อคิดอื่นๆตลอดทั้งเรื่องค่ะ แนะนำคนเป็นพ่อเป็นแม่ให้ดูมากๆ
2. Faltu: 2006
หนัง drama ที่ได้รับรางวัล National Award ปี 2007 ประเภท Best Film on Family Welfare Best เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงปี 1950 เมื่อคนของทางการมาทำสำมะโนครัวประชากร ในหมู่บ้านเล็กๆริมแม่น้ำที่ Faltu อาศัยอยู่ คนของทางการก็ถามรายละเอียดเบื้องต้นกับฟัลตู พอมาถึงคำถามเกี่ยวกับพ่อแม่ ฟัลตูรู้แต่เพียงว่า แม่ของเค้าเป็นผู้หญิงเสียสติที่หลงมาอาศัยอยู่ในศาลาของหมู่บ้าน แต่เค้าไม่รู้ว่าพ่อของเค้าเป็นใคร แล้วฟัลตูก็เริ่มถามคนในหมู่บ้านถึงพ่อของเค้า แล้วก็ได้รับคำตอบที่ทำให้เค้าเจ็บปวดขึ้นเรื่อยๆ
3. Bhooter Bhabishyat: 2012
หนังผีที่ไม่เหมือนหนังผี ตลกแบบอมยิ้มเบาๆ เมื่อเหล่าบรรดาผีๆที่ตายต่างยุคต่างสมัยมาอาศัยในบ้านพักผีที่เป็นวังเก่าของผีขุนนางที่ตายลง แล้วเปิดบ้านให้ผีเร่ร่อนมาพัก มีตั้งแต่ผีอังกฤษในยุคอาณานิคม ผีดารายุคหนังขาว-ดำ ยันผีขี้ยาขาร็อคสมัยเฟซบุ๊คครองโลก บรรดาผีๆก็อยู่กันอย่างมีความสุขดีมาเรื่อยๆ จนกองถ่ายหนังมารบกวนความสงบ บรรดาแก๊งผีเลยต้องออกมาไล่หลอกคนในกองถ่าย และบรรดาผีๆถูกรบกวนมากขึ้น เมื่อนักธุรกิจจะมาซื้อบ้านเพื่อเอาไปทำเป็นห้างสรรพสินค้า ผีๆเลยต้องวางแผนจัดการคน
4. The Japanese Wife: 2010
***เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่มีขายที่พาหุรัดค่ะ***
หนังแนว epistolary romantic เรื่องของครูประชาบาลในรัฐเวสต์ เบงกอล ที่แต่งงานกับสาวญี่ปุ่นโดยที่ทั้งคู่ไม่เคยเจอตัวจริงของกันและกันเลย มีเพียงการติดต่อกันทางจดหมาย และโทรศัพท์ทางไกลเพียง 3 ครั้งเท่านั้น แต่ทั้งคู่มีความรักที่มั่นคงต่อกันมากๆ ใครชอบกล่องข้าวน้อยผิดขบวน (The lunch box) จะรักเรื่องนี้มากกว่าเยอะเลยค่ะ ส่วนเราที่ไม่ชอบ The lunch box กลับรักเรื่องนี้มากๆ แนะนำแล้วแนะนำอีกในพันทิปหลายครั้งแล้วล่ะค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ที่ย๊าวยาวแบบนี้นะคะ
เพจคนรักหนังอินเดีย
https://www.facebook.com/IndianfilmsloverTh/
เพจรีวิวหนัง+ร้านอาหารอินเดีย
https://www.facebook.com/IndianFilmsandFoodsReview/