+รักละมุน หอมกลิ่นแก้ว ภาคพิเศษ (ณฉัตร - ชิดจันทร์) + 2 และ 3 +

กระทู้สนทนา
ตอนพิเศษของพระเอกคนที่เหลืออยู่ในเรื่องยาวค่ะ
เขาไม่มีคู่ ขอปิ่นนลินหาคู่ให้เขาหน่อยนะคะ ^____^

สำหรับเรื่องหลัก จิ้ม blog ได้นะคะ ยังเก็บไว้ทุกตอนเลยค่ะ (ในพันทิปเริ่มลบตอนแรกๆไปแล้วค่ะ ><)




ขอบคุณรูปจากอินเตอร์เน็ต



+รักละมุน หอมกลิ่นแก้ว ภาคพิเศษ (ณฉัตร - ชิดจันทร์) +

ตอนที่ 2


ณฉัตรมาถึงออฟฟิศของศตภัทรที่ใจกลางเมืองเพื่อให้คำตอบและคุยรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องงาน เดินทางด้วยรถไฟฟ้าก็ถึง ที่ตั้งบริษัท ทรี ดีไซน์ อยู่ชั้นสิบแปด เป็นออฟฟิศที่โล่งๆ สบายตา พนักงานมีอยู่ไม่น่าเกินสิบห้าคน ส่วนใหญ่การกั้นห้องจะเป็นกระจกใส

    “ผมมาพบคุณศตภัทรครับ" ณฉัตรบอกกับพนักงานสาวอ่อนวัยใบหน้าน่ารักที่นั่งโต๊ะริมสุด เธอยิ้มตอบ และลุกขึ้นเดินนำเขาไปด้านในทันที

    “รอในห้องนี้ก่อนนะคะ พอดีพี่ๆเขาประชุมกันยังไม่เสร็จเลยค่ะ" เธอผายมือให้เขาเข้าไปนั่งรอในห้องประชุมที่กั้นไว้ด้วยกระจกใส หากใช้สติกเกอร์ฝ้าติดตรงแถบกลางกระจกแนวนอนเพื่อให้ดูเป็นส่วนตัวมากขึ้น

    ณฉัตรยิ้มรับ พนักงานสาวน้อยคนนั้นจึงผละไป เขานั่งเอานิ้วเคาะโต๊ะเบาๆระหว่างรอ เหลือบไปเห็นแมกกาซีนบนโต๊ะแถวนั้นจึงหยิบมาอ่านฆ่าเวลา

    'No relationship is all sunshine,
    but two people can share one umbrella
    and survive the storm together.'

    ความรักไม่ได้มีแต่วันฟ้าใส
    แต่คนสองคนแบ่งปันร่มอันเดียวกันได้
    และผ่านพ้นลมฝนไปด้วยกัน

    ชายหนุ่มสะดุดใจกับบทกวีนี้ราวกับว่าเขาหรือใครสักคนเคยพูดมันออกมา

    'ผมรักคุณ เราจะผ่านมันไปด้วยกัน ...' ณฉัตรสงสัยว่าเขาเคยพูดแบบนี้กับใครกันนะ

    ณฉัตรคิดอยู่พักใหญ่ ปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในภวังค์ของความทรงจำที่เขาหลงลืมมันไป และไม่สามารถขุดหามันเจอเหมือนมีคนตั้งใจฝังมันไว้ลึกจนบางทีอาจจะใกล้ถึงชั้นลาวาเลยก็ได้ คิดไปก็คิดไม่ออก ณฉัตรโคลงหัวและเลิกใส่ใจ หางตาของเขาเห็นใครบางคนรูปร่างคุ้นเคย มองไม่นานก็ยิ้มออกมา กับผู้หญิงตัวสูงขนาดนั้น เขาจำไม่ผิดคนแน่นอน เพียงแต่สีหน้าของเธอ พร้อมรอยยิ้มละไมที่กำลังมอบให้คู่สนทนาทำให้ณฉัตรขุ่นใจ พลันคู่สนทนาปลีกตัวมาทางเขา ณฉัตรจึงต้องเลิกคิดถึงสิ่งที่ทำให้เขาอารมณ์เสียไปก่อน

    “รอนานไหม" ศตภัทรถามหลังจากผลักประตูกระจกเข้ามา

    “ไม่ครับ นั่นพนักงานพี่หรือครับ" ณฉัตรถามพร้อมนำสายตาคู่สนทนาไปยังหญิงสาวตัวสูงที่เดินหายไปกับมุมทางเดิน

    “อ่อ คุณจันทร์ มาช่วยทำบัญชีให้พี่เอง แต่เขาจะเข้ามาแค่อาทิตย์ละวันน่ะ พี่จ้างพิเศษ" ศตภัทรตอบ และแปลกใจที่ถูกถาม "สนใจเหรอ"

    “ผมไม่ชอบผู้หญิงตัวสูงๆหรอกครับ" ณฉัตรส่ายหน้าหวือ ... แล้วก็นึกบางอย่างออก

    'ฉันไม่ชอบผู้หญิงตัวสูง ยิ่งสูงเกินคางขึ้นมานะ เลิกพูดได้เลย ไม่มีวันชอบ'  เหมือนกับณฉัตรเคยพูดแบบนี้ครั้งหนึ่งกับเพื่อนสมัยไฮสคูลนานาชาติก่อนที่จะย้ายตามเดวิดไป แต่มันคงไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ถูกชิดจันทร์เกลียดหรอกมั้ง

    “นั่นสิ สเปคคุณแต่ละคน ...” ศตภัทรหลุดพูดออกมาเมื่อนึกถึงคนที่ณฉัตรเคยชอบ ทั้ง ปรีย์ เหมือนกับเคยเห็นรูปที่เดวิดเอาให้ดู ตัวสูงไม่น่าเกินร้อยหกสิบ ภรรยาตัวเล็กของเขาก็สูงนิดเดียวเอง

    “พี่ภัทรหมายถึงใครครับ" ณฉัตรเอะใจ แต่ศตภัทรก็บ่ายเบี่ยงจนได้

    “ดูจากลักษณะ ว่าฉัตรน่าจะชอบผู้หญิงตัวเล็กๆแค่นั้น"

    “อ่อ มีแนะนำให้ผมสักคนก็ดีนะครับ" เขาบอกยิ้มๆ

    “ได้สิ แต่ตอนนี้มาคุยเรื่องงานกันก่อนดีกว่า" ศตภัทรว่า ณฉัตรก็เลิกสนใจเรื่องอื่น

    ทั้งคู่คุยรายละเอียดการทำงานในตำแหน่งอาจารย์พิเศษราวชั่วโมงครึ่ง ณฉัตรค่อนข้างสนใจ ใช้เวลาสัปดาห์ละสามวันสำหรับสอนแค่สามชั้นปี โดยวิชาหลักที่เขาได้รับมอบหมายนั้นคือวิชาออกแบบสำหรับชั้นปีหนึ่ง ปีสาม และเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาส่วนวิทยานิพนธ์สำหรับนักศึกษาปีห้า ณฉัตรค่อนข้างถนัด แม้เขาจะไม่ทำงานบริษัทออกแบบทีไ่หนสักที่ด้วยปัญหาบางอย่างที่เขาก็ไม่รู้เหตุผล หากนักเรียนเก่าๆของเดวิดก็มีมาหาและขอคำแนะนำเขาบ้าง เดวิดถ่ายทอดวิชามากมายให้ลูกชายบุญธรรมอย่างเขา

    ณฉัตรค่อนข้างแปลกใจตอนที่กลับไปหาเดวิดวันแรก เดวิดป่วยหนักขนาดที่เขาไม่เชื่อว่าเขาจะกล้าปล่อยให้พ่อที่ดูแลเขาดีมาเป็นสิบปีรอนานขนาดนี้

    เขาไปทำอะไรมา ... ณฉัตรคิดอยากจะถามอลิซ หรืออธิติยาตรงๆสักครั้ง แต่อะไรบางอย่างก็ทำให้เขาลืมและไม่สนใจจะถามทุกที กระทั่งเวลาผ่านไป เขาก็เลิกสนใจ อย่างที่อธิติยาบอก เขาควรมีความสุขกับปัจจุบันมากกว่า


    
    ณฉัตรเช็คเอาท์ออกจากโรงแรม และเริ่มกลับมาอยู่บ้านหลังจากคุณป้าศมนติดต่อเขามาในเรื่องการทำความสะอาดบ้านที่ท่านเป็นธุระจัดการให้ รวมถึงสั่งให้ชิดจันทร์มาคอยอำนวยความสะดวกให้ณฉัตรเวลาเขาอยากไปไหน แน่นอนว่าหญิงสาวไม่พอใจ และไม่เต็มใจที่จะทำให้

    “พี่ก็ซื้อรถสิ ขับเป็นไม่ใช่เหรอ" ชิดจันทร์บอกออกมา เธอจำได้ว่าเคยเห็นพ่อของณฉัตรสอนให้ขับอยู่ตอนที่ชายหนุ่มเริ่มเข้าวัยรุ่น

    วันนี้ชิดจันทร์ต้องมาช่วยพี่ฉัตรของเธอจัดบ้านตามที่คุณป้าศมนสั่ง ไม่มาก็ไม่ได้

    “คิดอยู่เหมือนกัน แต่ต้องไปทำใบขับขี่ก่อนสินะ" เขาพูดระหว่างเดินเปิดตู้ในห้องนั่งเล่น ข้าวของทุกๆอย่างยังอยู่เหมือนเดิม รูปถ่ายครอบครัว ของตกแต่ง ถ้วยรางวัลในการแข่งกีฬาต่างๆ ทำให้ชายหนุ่มคิดถึงพ่อแม่ขึ้นมาจนปวดหนึบในใจ

    หญิงสาวเห็นพี่ชายต่างสายเลือดยืนนิ่งที่หน้ารูปถ่ายครอบครัวก็เป็นห่วงขึ้นมา ... ถึงเธอจะเกลียดเขาเป็นกิ้งกือไส้เดือน แต่เรื่องนี้เธอก็สงสารเขาอยู่ดี

    “คนที่รักพี่ ตายจากพี่ไปทุกคนเลย" ณฉัตรว่าเสียงเศร้า ทั้งพ่อแม่แท้ๆ เดวิด แล้วก็ ...

    ณฉัตรนิ่งไปทั้งแววตา ... แล้วก็ ... แล้วก็ใคร เขานึกไม่ออก ...

    “พี่ฉัตร" ชิดจันทร์ได้ยินก็ยิ่งเห็นใจ หันไปเห็นเปียโนที่วางชิดกำแพงบ้านจึงหาเรื่องเปลี่ยนบรรยากาศได้

    “พี่เล่นเปียโนให้จันทร์ฟังหน่อยสิ"

    ณฉัตรละสายตา รวมถึงทิ้งความคิดเศร้าหมองในหัวไป หันไปส่งยิ้มให้น้องสาวต่างสายเลือด

    “ลืมวิธีขอน่ารักๆ เวลาอ้อนให้พี่ฉัตรทำอะไรให้ไปแล้วเหรอ น้องลูกชิด" เขาเดินมา จ้องหน้าคนตัวเล็กกว่าพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

    ใบหน้ารูปไข่ระเรื่อแดง มือบางขยับแว่นตาที่สวมอยู่ หลบสายตาไปมองอย่างอื่นเมื่อเขาเดินมาจ้องหน้าเธอด้วยแววตาระยิบระยับชวนใจสั่น

    “อย่าหวังเลยค่ะ จันทร์โตแล้ว ไม่มีทางทำแบบเด็กๆอีก ไม่เล่นก็ไม่ต้องเล่นค่ะ จันทร์จะกลับบ้านแล้ว"

    “เดี๋ยวก่อน พี่ฉัตรเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามเดินหนีพี่แบบนี้" มือหนารั้งข้อมือบางไว้เมื่อชิดจันทร์จะเดินไปยังประตูบ้าน

    “เล่นให้ฟังก็ได้ ... แต่มันจะยังเสียงดีอยู่หรือเปล่านะ ไม่ได้จับมาตั้งนาน อาจจะต้องให้ช่างมาตั้งเสียงให้"

    ณฉัตรดึงให้ชิดจันทร์เดินตามเขาไปยังเปียโนที่พ่อซื้อให้ตั้งแต่แปดขวบ ก่อนจะยอมปล่อยมือ ยกฝาปิดไม้สีเข้มขึ้น มือหนาวางลงบนคีย์บอร์ดสีค่อนข้างเหลือง เขาเล่นมันอย่างคล่องแคล่ว เสียงของเปียโนยังเพราะปกติ ณฉัตรสงสัยว่าอาจจะมีการตั้งเสียงให้ก่อนที่เขาจะกลับมาบ้านหลังนี้ก็ได้ เขาบรรเลงเพลงออกมานุ่มชวนให้คนฟังเคลิบเคลิ้ม ราวกับเวลาหมุนวนกลับไปในอดีต

    'เล่นเพลงหนูมาลีมีลูกแมวเหมียวหน่อยค่า พี่ฉัตรขา' เด็กหญิงชิดจันทร์วัยห้าขวบปีนขึ้นไปบนตักของเด็กผู้ชายอายุเก้าปีที่กำลังนั่งทำการบ้านอยู่บนโต๊ะหินในสนามหญ้าตอนเย็นวันหยุดสุดสัปดาห์หนึ่งที่แดดไม่ร้อน และลมก็พัดเย็นดีด้วย คุณป้าศมนติดนัดไปดูคอนเสิร์ตสุนทราภรณ์กับเพื่อนเก่าจึงเอาเด็กหญิงตัวน้อยมาฝากให้บ้านเขาเลี้ยงอีกแล้ว

    'เล่นให้น้องจันทร์ฟังหน่อยน้าค้า' แขนเล็กๆโอบรอบคอ กับเสียงอ้อนหวานจนหัวใจพี่ชายต่างสายเลือดทนใจแข็งต่อไม่ได้ แต่ถ้าเขาทิ้งการบ้านไปตอนนี้ เขามีหวังทำไม่ทันส่งแน่นอน

    'น้าค้า พี่ฉัตร' เด็กหญิงชิดจันทร์ไม่เลิกอ้อน เด็กชายณฉัตรถอนใจด้วยรอยยิ้ม

    'หอมแก้มพี่ฉัตรก่อน เดี๋ยวเล่นให้ฟังห้ารอบเลย' พูดพลางหันแก้มให้ เด็กหญิงตัวน้อยผูกผมเปียสองข้างยิ้มดีใจ ก่อนจะหอมแก้มพี่ชายใจดีฟอดใหญ่ เด็กชายใจดีจึงต้องทำตามสัญญา อุ้มน้องชิดจันทร์เข้าไปในบ้าน วางเธอกับเก้าอี้ข้างๆ และเล่นเพลงหนูมาลีมีลูกแมวเหมียวให้ฟังตามคำขอ

    ชิดจันทร์แอบอมยิ้ม แต่ว่า ... แต่รอยยิ้มนั้นไม่นานก็หายไป ยืนมองชายหนุ่มเล่นเปียโนเพลงที่เธอไม่รู้จัก แม้จะเคยได้ยินตามโรงแรมบ้าง

    คงเพราะความเศร้าที่กระจายอยู่ในดวงตาสีน้ำตาลเข้มหลังแว่นตา ณฉัตรเหลือบเห็น รอยยิ้มถูกจุดขึ้นที่มุมปาก มือหนาเปลี่ยนจากบรรเลงเพลงคลาสสิกเป็นเพลงหนูมาลีมีลูกแมวเหมียวทันที ทำให้ความเศร้าที่ชิดจันทร์มีอยู่หายวับไป กลายเป็นความตกใจขึ้นมาแทน

    ชิดจันทร์ไม่ยอมให้เขารู้หรอกว่าเธอหวั่นไหวกับเพลงเด็กๆนี้แค่ไหน จึงเชิดหน้าหนี และเดินไปนั่งที่โซฟาไม้กลางบ้านแทน

    “เล่นเพลงอะไรก็ไม่รู้" เธอบ่นใส่

    “นั่นสิ เมื่อก่อนได้รางวัลด้วย เล่นทำไมก็ไม่รู้ ไม่มีรางวัลให้" แต่ณฉัตรก็ก็ไม่ยอมหยุดเล่นแม้จะบ่นออกมา

    “จันทร์ต้องไปแล้วค่ะ" หญิงสาวหันไปหยิบกระเป๋าสะพาย ลุกขึ้นยืน ณฉัตรผละจากเปียโนมาหา

    “หิวข้าว" เขาบอก

    “แล้วไงคะ" ชิดจันทร์ถาม หน้าตาบอกว่ามันเกี่ยวอะไรกับเธอ

    “ไปกินด้วยกันหน่อย" ณฉัตรลูบท้อง ทำเสียงเบา

    “จันทร์มีนัดแล้วค่ะ" เธอกอดอก บอกเขาเสียงเรียบ

    “แฟนเหรอ" ณฉัตรขมวดคิ้ว

    “จะใช่ หรือไม่ใช่ มันเกี่ยวอะไรกับพี่ด้วยล่ะคะ" ชิดจันทร์มุ่ยหน้าใส่ "ถ้าพี่หิวมาก ก็กินกับข้าวที่คุณป้าศมนให้จันทร์เอามาให้ มันอยู่ในตู้เย็นน่ะค่ะ จัดการเองนะคะ" ชิดจันทร์พูดจบก็เดินออกจากบ้านโดยไม่สนใจเขาเลย ชายหนุ่มได้ยินเสียงรถยนต์หญิงสาวดังขึ้น กระทั่งมันค่อยๆเบาลงเรื่อยๆจนเงียบก็เดินกลับไปนั่งที่เปียโน ใช้นิ้วจิ้มคีย์บอร์ดทีละนิ้วไล่เป็นเพลง

    “หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว ลูกแมวเหมียว ..." เล่นได้ไม่ถึงครึ่งเพลงก็เบื่อ โชคดีที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นพอดี ณฉัตรกดรับสาย

    “ครับพี่ภัทร ... กินข้าวเหรอ เอาสิครับ งั้นเดี๋ยวเจอกันครับ" ณฉัตรไหวไหล่หลังจากวางสาย

    แม้ผู้หญิงหน้าดุไม่ยอมกินข้าวด้วย เขาไปกินกับผู้ชายหน้าดุแทนก็ได้!

มีต่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่