อึ้งทำพิธีขอฝน-ปลัดเกษตรฯแก้แล้ง อ้างโหรดังแนะ ครั้งแรกของประเทศ
วันที่ 03 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 08:51 น.
ปลัดก.เกษตรฯรับ เพิ่งเป็นเจ้าพิธีขอฝนกับพระพิรุณที่หน้ากระทรวง เผย "โสรัจจะ นวลอยู่"อดีตข้าราชการกรมชลฯทักปีนี้จะแล้งหนัก อยากให้กระทรวงเกษตรฯทำพิธีขอฝน ส่วนตัวมองว่าเป็นสิ่งดี ไม่งมงาย ทำไปไม่เสียหลาย เป็นเรื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ด้านกรมชลฯยันมีมาตรการดูแลน้ำไม่ให้กระจุกตัว ยันน้ำในอ่างเพียงพอส่งถึงปลายคลองแน่ ด้านกรมฝนหลวงก็พร้อมขึ้นบินทำฝนทันทีที่อากาศเหมาะสม
เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ตนได้เป็นประธานประกอบพิธีขอฝน ที่จัดร่วมกับกรมชลประทาน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่กระทรวงเกษตรฯดำเนินการในเรื่องนี้ เพราะถือเป็นความเชื่อส่วนบุคคล หลังจากที่มีข้าราชการของกรมชลประทานที่เกษียณอายุราชการท่านหนึ่งชื่อ "พี่ฉุย" หรือ นายโสรัจจะ นวลอยู่ ที่ขณะนี้เป็นโหรชื่อดัง มีสัญชาตญาณหรือเซนส์ในเรื่องฝนแล้งบอกว่า ปี 2558/59 น้ำจะน้อย กรมชลประทานจึงมาประกอบพิธีขอฝน กับพระพิรุณทรงนาค ซึ่งพระพิรุณถือเป็นเทพแห่งสายฝน ที่ตั้งประดิษฐาน ที่หน้ากระทรวง เพื่อเป็นสิริมงคลกับเกษตรกร
"ยอมรับว่าเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้เข้าพิธีขอฝนกับพระพิรุณ ภายหลังจากพี่ฉุย ซึ่งเดิมเป็นข้าราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่เกษียณอายุไปแล้วมาบอกว่า น้ำจะแล้ง ซึ่งพี่ฉุยเป็นคนมีเซนส์ในเรื่องของสัมผัสที่ 6 บอกว่าปีนี้น้ำแล้งแน่ อยากให้ กระทรวงเกษตรฯทำพิธีขอฝน ส่วนตัวมองว่าเป็นสิ่งดี ไม่งมงาย ทำไปไม่เสียหลาย เป็นเรื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจจึงดำเนินการประกอบ พิธีขอฝนไป" นายชวลิตกล่าว
นายเลิศชัย ศรีอนันต์ ผู้อำนวยการสำนักสำรวจด้านวิศวกรรมและธรณี กรมชลประทาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ในพื้นที่เขตชลประทานลุ่มน้ำเจ้าพระยา กำลังมีปัญหาเกษตรกรที่อยู่ใกล้เส้นทางส่งน้ำ มีการดูดน้ำเก็บไว้ในไร่นาเข้าเก็บไว้ในบ่อ หรือสระส่วนตัว ส่งผลให้เกษตรกรในพื้นที่ลุ่มต่ำไม่มีน้ำใช้ในการทำ การเกษตร โดยเฉพาะในฤดูการปลูกข้าวนาปี 2558/59 จึงมีหนังสือร้องเรียนมายังกรมชล ประทาน เพื่อให้ช่วยส่งน้ำสนับสนุนการทำนา ซึ่งตามปกติ กรมชลประทานในฐานะหน่วยงานบริหารจัดการน้ำมีการการันตีการจัดสรรน้ำ เพื่อการทำการเกษตรอยู่แล้ว 1 ฤดูกาลผลิต
นายเลิศชัยกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ต้องยอมรับว่ากรมชลประทานประสบปัญหาการจัดสรรน้ำ เพื่อทำการเกษตร เนื่องจากเกษตรกรต้นน้ำกังวลว่า ปีนี้น้ำน้อย อาจแล้ง ไม่มีน้ำเพียงพอสำหรับการทำการเกษตรทั้งปี จึงสูบน้ำเข้าเก็บ ไว้ในบ่อธรรมชาติ และบ่อในไร่นา ส่งผลให้พื้นที่ลุ่มต่ำเดือดร้อน การส่งน้ำของกรมชล ประทานไม่ถึงปลายคลอง ซึ่งยืนยันว่าน้ำในอ่างของกรมชลประทาน มีเพียงพอจะจ่ายเพื่อสนับสนุนการทำนาของเกษตรกรแน่นอน
นายเลิศชัยกล่าวอีกว่า สัปดาห์ก่อน พล.อ. ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานกรรมการกำหนดนโยบายและบริหารจัดการน้ำ ได้สั่งให้ทหารในพื้นที่และผู้ว่าราชการจังหวัด แต่ละจังหวัด ลงพื้นที่ช่วยเหลือกรมชลประทาน เพื่อเจรจากับเกษตรกร ชาวนา เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำกรมชล ประทาน ไม่มีน้ำกระจุกตัวในต้นคลอง น้ำสามารถไหลลงปลายคลองเกษตรกรสามารถทำนาเพราะปริมาณน้ำต้นทุนที่กรมชล ประทาน มีในปีนี้ 3,800 ล้านลบ.ม. สูงกว่าปีก่อนหากไม่ถูกกักน้ำไว้ ปลายคลองมีใช้แน่นอน
นายวราวุธ ขันติยานันท์ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มอบหมายให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร เร่งสนับสนุนการทำฝนหลวงเพื่อช่วยแก้ปัญหาภัยแล้งและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรที่ประสบภัยแล้งในพื้นที่ 36 จังหวัด 254 อำเภอ 1,401 ตำบล 12,454 หมู่บ้าน ขณะนี้กรมฝนหลวงฯ ได้ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง 11 หน่วยในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ซึ่งตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค. เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน ได้ขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงรวมกว่า 2,150 เที่ยวบิน มีฝนตก 85 วัน และมีรายงานฝนตกรวม 66 จังหวัด
นายวราวุธกล่าวต่อว่า ขณะนี้มีแผนตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงอีก 1 หน่วยใน จ.อุบลราชธานี เพื่อเสริมภารกิจปฏิบัติการฝนหลวงให้ครอบคลุมพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งมีขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม กรมฝนหลวงฯ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงทุกหน่วยเฝ้าติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการทำฝนหลวงให้ประสบความสำเร็จ รวมถึงคลื่นกระแสลมตะวันตก และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ กำลังแรงจากมหาสมุทรอินเดีย หากความชื้น สัมพัทธ์ในอากาศชั้นบนมีความเหมาะสม คือ ตั้งแต่ร้อยละ 60 ขึ้นไป ก็ให้ขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงทันที
นายวราวุธกล่าวด้วยว่า กรมฝนหลวงฯ มีความพร้อมฝูงบินโดยมีเครื่องบินกว่า 20 ลำ รวมถึงเครื่องมืออุปกรณ์ สารเคมี และทีมเจ้าหน้าที่นักวิทยาศาสตร์ ขณะเดียวกันยังได้รับความอนุเคราะห์จากกองทัพอากาศในการตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง 3 หน่วย พร้อมสนับสนุนเครื่องบิน 10 ลำ ขึ้นบินทำฝนหลวง เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกร และประชาชนในพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้ง ให้มีน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเพียงพอ และหล่อเลี้ยงพื้นที่การเกษตรให้สามารถผ่านพ้นช่วงวิกฤตไปได้ ซึ่งคาดว่าบางพื้นที่อาจมีปัญหาแห้งแล้งยาวนานไปจนถึงปลายปี 2558 ถือว่าน่าเป็นห่วง
นายวราวุธกล่าวอีกว่า นอกจากนั้น กรมฝนหลวงฯ ยังขอความร่วมมือเครือข่ายอาสาสมัครฝนหลวงกว่า 1,000 คน ที่กระจายอยู่ในทุกตำบล ให้รายงานสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ ติดตามและรายงานสภาพอากาศ รวมทั้งวัดปริมาณน้ำฝนเบื้องต้น ดูเมฆที่เหมาะสมในการทำฝนหลวง และรับเรื่องร้องขอการทำฝนหลวงจากเกษตรกร พร้อมดึงเกษตรกรและประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการขอสนับสนุนการทำฝนหลวง รายงานตำแหน่งที่อยู่ที่ต้องการฝน ตลอดจนรายงานผลการทำฝนหลวงด้วย คาดว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติการฝนหลวงให้ได้ผลดีขึ้นและมีฝนตกเพิ่มขึ้น
"ปัญหาที่น่าห่วง คือ ความผันแปรของสภาพอากาศ และความชื้นสัมพัทธ์ไม่เหมาะสม เป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้การทำฝนหลวงไม่ประสบผลสำเร็จ ส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ซึ่งจากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา และหน่วยงานด้านอุตุนิยมวิทยาจากทั่วโลก พยากรณ์ว่า ปรากฏการณ์เอลนีโญจะส่งผลยืดยาวไปจนถึงสิ้นปี 2558 และทำให้ปริมาณน้ำฝนต่ำกว่าเกณฑ์ ประกอบกับช่วงฤดูฝนปีนี้ ประเทศไทยไม่ปรากฏร่องมรสุมหรือร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่าน อาจทำให้มีฝนน้อย และส่งผลให้สถานการณ์ภัยแล้งมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น จึงต้องเร่งเตรียมมาตรการรองรับเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร" นายวราวุธกล่าว
สำหรับเกษตรกรหรือประชาชนที่ต้องการขอสนับสนุนการทำฝนหลวง สามารถร้อง ขอได้ที่กรมฝนหลวงและการบินเกษตร กรุงเทพฯ โทร. 0-2940-5960-63 ต่อ 604 หรือศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ 0-5327-5051 ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ขอนแก่น โทร. 0-4346-8217, 0-4346-8223 ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคกลาง จ.นครสวรรค์ โทร. 0-5625-6018 ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออก จ.ระยอง โทร. 0-3802-5729 และศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้ จ.สุราษฎร์ ธานี โทร. 0-7726-8870 หรือขอสนับสนุนการทำฝนหลวงผ่านอาสาสมัครฝนหลวงในทุกตำบลทั่วประเทศ และสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดทุกจังหวัด
..............................
ขอฝนเสร็จ อย่าลืมไล่น้ำนะ
...ใช่เลย มันต้องงี้ซิ ถึงจะแหร่มมมม !...
วันที่ 03 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 08:51 น.
ปลัดก.เกษตรฯรับ เพิ่งเป็นเจ้าพิธีขอฝนกับพระพิรุณที่หน้ากระทรวง เผย "โสรัจจะ นวลอยู่"อดีตข้าราชการกรมชลฯทักปีนี้จะแล้งหนัก อยากให้กระทรวงเกษตรฯทำพิธีขอฝน ส่วนตัวมองว่าเป็นสิ่งดี ไม่งมงาย ทำไปไม่เสียหลาย เป็นเรื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ด้านกรมชลฯยันมีมาตรการดูแลน้ำไม่ให้กระจุกตัว ยันน้ำในอ่างเพียงพอส่งถึงปลายคลองแน่ ด้านกรมฝนหลวงก็พร้อมขึ้นบินทำฝนทันทีที่อากาศเหมาะสม
เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ตนได้เป็นประธานประกอบพิธีขอฝน ที่จัดร่วมกับกรมชลประทาน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่กระทรวงเกษตรฯดำเนินการในเรื่องนี้ เพราะถือเป็นความเชื่อส่วนบุคคล หลังจากที่มีข้าราชการของกรมชลประทานที่เกษียณอายุราชการท่านหนึ่งชื่อ "พี่ฉุย" หรือ นายโสรัจจะ นวลอยู่ ที่ขณะนี้เป็นโหรชื่อดัง มีสัญชาตญาณหรือเซนส์ในเรื่องฝนแล้งบอกว่า ปี 2558/59 น้ำจะน้อย กรมชลประทานจึงมาประกอบพิธีขอฝน กับพระพิรุณทรงนาค ซึ่งพระพิรุณถือเป็นเทพแห่งสายฝน ที่ตั้งประดิษฐาน ที่หน้ากระทรวง เพื่อเป็นสิริมงคลกับเกษตรกร
"ยอมรับว่าเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้เข้าพิธีขอฝนกับพระพิรุณ ภายหลังจากพี่ฉุย ซึ่งเดิมเป็นข้าราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่เกษียณอายุไปแล้วมาบอกว่า น้ำจะแล้ง ซึ่งพี่ฉุยเป็นคนมีเซนส์ในเรื่องของสัมผัสที่ 6 บอกว่าปีนี้น้ำแล้งแน่ อยากให้ กระทรวงเกษตรฯทำพิธีขอฝน ส่วนตัวมองว่าเป็นสิ่งดี ไม่งมงาย ทำไปไม่เสียหลาย เป็นเรื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจจึงดำเนินการประกอบ พิธีขอฝนไป" นายชวลิตกล่าว
นายเลิศชัย ศรีอนันต์ ผู้อำนวยการสำนักสำรวจด้านวิศวกรรมและธรณี กรมชลประทาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ในพื้นที่เขตชลประทานลุ่มน้ำเจ้าพระยา กำลังมีปัญหาเกษตรกรที่อยู่ใกล้เส้นทางส่งน้ำ มีการดูดน้ำเก็บไว้ในไร่นาเข้าเก็บไว้ในบ่อ หรือสระส่วนตัว ส่งผลให้เกษตรกรในพื้นที่ลุ่มต่ำไม่มีน้ำใช้ในการทำ การเกษตร โดยเฉพาะในฤดูการปลูกข้าวนาปี 2558/59 จึงมีหนังสือร้องเรียนมายังกรมชล ประทาน เพื่อให้ช่วยส่งน้ำสนับสนุนการทำนา ซึ่งตามปกติ กรมชลประทานในฐานะหน่วยงานบริหารจัดการน้ำมีการการันตีการจัดสรรน้ำ เพื่อการทำการเกษตรอยู่แล้ว 1 ฤดูกาลผลิต
นายเลิศชัยกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ต้องยอมรับว่ากรมชลประทานประสบปัญหาการจัดสรรน้ำ เพื่อทำการเกษตร เนื่องจากเกษตรกรต้นน้ำกังวลว่า ปีนี้น้ำน้อย อาจแล้ง ไม่มีน้ำเพียงพอสำหรับการทำการเกษตรทั้งปี จึงสูบน้ำเข้าเก็บ ไว้ในบ่อธรรมชาติ และบ่อในไร่นา ส่งผลให้พื้นที่ลุ่มต่ำเดือดร้อน การส่งน้ำของกรมชล ประทานไม่ถึงปลายคลอง ซึ่งยืนยันว่าน้ำในอ่างของกรมชลประทาน มีเพียงพอจะจ่ายเพื่อสนับสนุนการทำนาของเกษตรกรแน่นอน
นายเลิศชัยกล่าวอีกว่า สัปดาห์ก่อน พล.อ. ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานกรรมการกำหนดนโยบายและบริหารจัดการน้ำ ได้สั่งให้ทหารในพื้นที่และผู้ว่าราชการจังหวัด แต่ละจังหวัด ลงพื้นที่ช่วยเหลือกรมชลประทาน เพื่อเจรจากับเกษตรกร ชาวนา เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำกรมชล ประทาน ไม่มีน้ำกระจุกตัวในต้นคลอง น้ำสามารถไหลลงปลายคลองเกษตรกรสามารถทำนาเพราะปริมาณน้ำต้นทุนที่กรมชล ประทาน มีในปีนี้ 3,800 ล้านลบ.ม. สูงกว่าปีก่อนหากไม่ถูกกักน้ำไว้ ปลายคลองมีใช้แน่นอน
นายวราวุธ ขันติยานันท์ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มอบหมายให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร เร่งสนับสนุนการทำฝนหลวงเพื่อช่วยแก้ปัญหาภัยแล้งและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรที่ประสบภัยแล้งในพื้นที่ 36 จังหวัด 254 อำเภอ 1,401 ตำบล 12,454 หมู่บ้าน ขณะนี้กรมฝนหลวงฯ ได้ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง 11 หน่วยในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ซึ่งตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค. เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน ได้ขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงรวมกว่า 2,150 เที่ยวบิน มีฝนตก 85 วัน และมีรายงานฝนตกรวม 66 จังหวัด
นายวราวุธกล่าวต่อว่า ขณะนี้มีแผนตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงอีก 1 หน่วยใน จ.อุบลราชธานี เพื่อเสริมภารกิจปฏิบัติการฝนหลวงให้ครอบคลุมพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งมีขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม กรมฝนหลวงฯ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงทุกหน่วยเฝ้าติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการทำฝนหลวงให้ประสบความสำเร็จ รวมถึงคลื่นกระแสลมตะวันตก และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ กำลังแรงจากมหาสมุทรอินเดีย หากความชื้น สัมพัทธ์ในอากาศชั้นบนมีความเหมาะสม คือ ตั้งแต่ร้อยละ 60 ขึ้นไป ก็ให้ขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงทันที
นายวราวุธกล่าวด้วยว่า กรมฝนหลวงฯ มีความพร้อมฝูงบินโดยมีเครื่องบินกว่า 20 ลำ รวมถึงเครื่องมืออุปกรณ์ สารเคมี และทีมเจ้าหน้าที่นักวิทยาศาสตร์ ขณะเดียวกันยังได้รับความอนุเคราะห์จากกองทัพอากาศในการตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง 3 หน่วย พร้อมสนับสนุนเครื่องบิน 10 ลำ ขึ้นบินทำฝนหลวง เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกร และประชาชนในพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้ง ให้มีน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเพียงพอ และหล่อเลี้ยงพื้นที่การเกษตรให้สามารถผ่านพ้นช่วงวิกฤตไปได้ ซึ่งคาดว่าบางพื้นที่อาจมีปัญหาแห้งแล้งยาวนานไปจนถึงปลายปี 2558 ถือว่าน่าเป็นห่วง
นายวราวุธกล่าวอีกว่า นอกจากนั้น กรมฝนหลวงฯ ยังขอความร่วมมือเครือข่ายอาสาสมัครฝนหลวงกว่า 1,000 คน ที่กระจายอยู่ในทุกตำบล ให้รายงานสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ ติดตามและรายงานสภาพอากาศ รวมทั้งวัดปริมาณน้ำฝนเบื้องต้น ดูเมฆที่เหมาะสมในการทำฝนหลวง และรับเรื่องร้องขอการทำฝนหลวงจากเกษตรกร พร้อมดึงเกษตรกรและประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการขอสนับสนุนการทำฝนหลวง รายงานตำแหน่งที่อยู่ที่ต้องการฝน ตลอดจนรายงานผลการทำฝนหลวงด้วย คาดว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติการฝนหลวงให้ได้ผลดีขึ้นและมีฝนตกเพิ่มขึ้น
"ปัญหาที่น่าห่วง คือ ความผันแปรของสภาพอากาศ และความชื้นสัมพัทธ์ไม่เหมาะสม เป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้การทำฝนหลวงไม่ประสบผลสำเร็จ ส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ซึ่งจากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา และหน่วยงานด้านอุตุนิยมวิทยาจากทั่วโลก พยากรณ์ว่า ปรากฏการณ์เอลนีโญจะส่งผลยืดยาวไปจนถึงสิ้นปี 2558 และทำให้ปริมาณน้ำฝนต่ำกว่าเกณฑ์ ประกอบกับช่วงฤดูฝนปีนี้ ประเทศไทยไม่ปรากฏร่องมรสุมหรือร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่าน อาจทำให้มีฝนน้อย และส่งผลให้สถานการณ์ภัยแล้งมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น จึงต้องเร่งเตรียมมาตรการรองรับเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร" นายวราวุธกล่าว
สำหรับเกษตรกรหรือประชาชนที่ต้องการขอสนับสนุนการทำฝนหลวง สามารถร้อง ขอได้ที่กรมฝนหลวงและการบินเกษตร กรุงเทพฯ โทร. 0-2940-5960-63 ต่อ 604 หรือศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ 0-5327-5051 ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ขอนแก่น โทร. 0-4346-8217, 0-4346-8223 ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคกลาง จ.นครสวรรค์ โทร. 0-5625-6018 ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออก จ.ระยอง โทร. 0-3802-5729 และศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้ จ.สุราษฎร์ ธานี โทร. 0-7726-8870 หรือขอสนับสนุนการทำฝนหลวงผ่านอาสาสมัครฝนหลวงในทุกตำบลทั่วประเทศ และสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดทุกจังหวัด
..............................
ขอฝนเสร็จ อย่าลืมไล่น้ำนะ