เผยนายกฯสั่งระดมรับมือน้ำแล้ง-น้ำหลาก
ขนฝูงบินจากใต้สมทบทำฝนเทียมได้ผลสำเร็จเยี่ยม ด้านกรมชลฯยันมีน้ำเขื่อนเหลือใช้อีก 40 วัน ระบุพอกินพอใช้แถมส่งให้พื้นที่ปลูกข้าวแล้ว 3.4 ล้านไร่ ระบุชาวนาแย่งน้ำเป็นปัญหาบางจุดไม่รุนแรง
เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้การรับมือภัยธรรมชาติมีความซับซ้อน เนื่องจากบางพื้นที่ประสบภัยแล้งในขณะที่บางจุด เผชิญกับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้เกิดอุทกภัย วาตภัย และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่จ.เพชรบูรณ์ พบว่าหลายพื้นที่ประสบกับสถานการณ์น้ำป่าไหลหลาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนให้เตรียมพร้อมเผชิญเหตุในทุกมิติ โดยให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย รวมทั้งหน่วยงานในท้องที่และท้องถิ่น เตรียมรับสถานการณ์ทั้งน้ำแล้งและน้ำหลาก สามารถปรับเปลี่ยนภารกิจได้ตามเหตุการณ์ โดยในพื้นที่น้ำหลาก ต้องรีบปันน้ำเข้าสู่ระบบแก้มลิง และแหล่งน้ำในพื้นที่ รวมถึงเก็บกักน้ำไว้สำหรับภารกิจด้านการเกษตรและอุปโภคบริโภค พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า นายกฯยังฝากขอบคุณเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการฝนเทียม ที่ระดมฝูงบินจากภาคใต้ขึ้นไปช่วยภารกิจฝนเทียมในภาคกลางและภาคเหนือ ทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเพิ่มขึ้นมาก แม้จะยังอยู่ในจุดวิกฤต แต่มีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างมาก ซึ่งหากมีความต้องการการสนับสนุนใดเพิ่มเติมจากส่วนกลางและรัฐบาล ให้ประสานตรงได้ตลอดเวลาเพื่อให้เกิดความคล่องตัวสูงสุด ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.เป็นต้นมา มีการขึ้นบินของหน่วยปฏิบัติการฝนเทียมแล้ว 2,728 เที่ยวบิน และสามารถทำให้เกิดฝนตกคิดเป็นร้อยละ 92.1 ของจำนวนครั้งที่ขึ้นบิน ด้านนายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ภัยแล้งต่อเนื่องอาจเกิดปัญหาแย่งชิงการใช้น้ำในบางจุดได้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ฝ่ายทหาร เจ้าหน้าที่เกษตรและชลประทานในพื้นที่ ได้พูดคุยกับชาวบ้านและชาวนา พร้อมกับเร่งจัดรอบเวรการใช้น้ำให้เพียงพอสำหรับพื้นที่ปลูกข้าวไปแล้ว 3.4 ล้านไร่ ทั้งนี้ตนยืนยันว่าปริมาณน้ำมีอยู่ 1.2 พันล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) เขื่อนขนาดใหญ่ยังปล่อยระบายวันละ 30 ล้านลบ.ม. เพียงพอสำหรับทุกกิจกรรมที่ยังใช้น้ำได้ประมาณ 40 วัน ส่วนที่มีปัญหาเกิดขึ้นในพื้นที่เพาะปลูกนั้น ได้มีการระบายน้ำลงไปช่วยพื้นที่เพาะปลูกไปแล้ว แต่บางช่วงเกษตรกรอาจมาแย่งน้ำกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ในแต่ละพื้นที่เข้าแก้ไขพร้อมกับทำความเข้าใจกับเกษตรกรแล้ว ตนเชื่อว่าไม่น่าจะรุนแรงมาก เพราะเกิดเป็นบางจุดเท่านั้นที่เป็นพื้นที่ข้าวนาปรัง ยังไม่เก็บเกี่ยว บริเวณชลประทานอู่ทอง- มะขามเฒ่า อย่างไรก็ตามพื้นที่เลื่อนเพาะปลุกข้าว 4 ล้านไร่ ใน 22 จังหวัด คาดว่าฝนจะตกชุกตามปกติในเดือน ก.ค.นี้ สามารถปลูกข้าวได้ ทั้งนี้กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าโอกาสปีนี้มีพายุเข้าไทยอย่างน้อย 1 ลูก.“
อ่านต่อที่ :
http://www.dailynews.co.th/politics/329745
@@@ข่าวมุมกาแฟnonแดง(มุมนี้ไม่มีใครเป็นเสื้อแดง)อาทิตย์ที่ 21/6/2015 นายกฯสั่งระดมฝูงบินจากใต้รับมือน้ำแล้ง-น้ำหลาก@@@
ขนฝูงบินจากใต้สมทบทำฝนเทียมได้ผลสำเร็จเยี่ยม ด้านกรมชลฯยันมีน้ำเขื่อนเหลือใช้อีก 40 วัน ระบุพอกินพอใช้แถมส่งให้พื้นที่ปลูกข้าวแล้ว 3.4 ล้านไร่ ระบุชาวนาแย่งน้ำเป็นปัญหาบางจุดไม่รุนแรง
เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้การรับมือภัยธรรมชาติมีความซับซ้อน เนื่องจากบางพื้นที่ประสบภัยแล้งในขณะที่บางจุด เผชิญกับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้เกิดอุทกภัย วาตภัย และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่จ.เพชรบูรณ์ พบว่าหลายพื้นที่ประสบกับสถานการณ์น้ำป่าไหลหลาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนให้เตรียมพร้อมเผชิญเหตุในทุกมิติ โดยให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย รวมทั้งหน่วยงานในท้องที่และท้องถิ่น เตรียมรับสถานการณ์ทั้งน้ำแล้งและน้ำหลาก สามารถปรับเปลี่ยนภารกิจได้ตามเหตุการณ์ โดยในพื้นที่น้ำหลาก ต้องรีบปันน้ำเข้าสู่ระบบแก้มลิง และแหล่งน้ำในพื้นที่ รวมถึงเก็บกักน้ำไว้สำหรับภารกิจด้านการเกษตรและอุปโภคบริโภค พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า นายกฯยังฝากขอบคุณเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการฝนเทียม ที่ระดมฝูงบินจากภาคใต้ขึ้นไปช่วยภารกิจฝนเทียมในภาคกลางและภาคเหนือ ทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเพิ่มขึ้นมาก แม้จะยังอยู่ในจุดวิกฤต แต่มีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างมาก ซึ่งหากมีความต้องการการสนับสนุนใดเพิ่มเติมจากส่วนกลางและรัฐบาล ให้ประสานตรงได้ตลอดเวลาเพื่อให้เกิดความคล่องตัวสูงสุด ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.เป็นต้นมา มีการขึ้นบินของหน่วยปฏิบัติการฝนเทียมแล้ว 2,728 เที่ยวบิน และสามารถทำให้เกิดฝนตกคิดเป็นร้อยละ 92.1 ของจำนวนครั้งที่ขึ้นบิน ด้านนายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ภัยแล้งต่อเนื่องอาจเกิดปัญหาแย่งชิงการใช้น้ำในบางจุดได้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ฝ่ายทหาร เจ้าหน้าที่เกษตรและชลประทานในพื้นที่ ได้พูดคุยกับชาวบ้านและชาวนา พร้อมกับเร่งจัดรอบเวรการใช้น้ำให้เพียงพอสำหรับพื้นที่ปลูกข้าวไปแล้ว 3.4 ล้านไร่ ทั้งนี้ตนยืนยันว่าปริมาณน้ำมีอยู่ 1.2 พันล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) เขื่อนขนาดใหญ่ยังปล่อยระบายวันละ 30 ล้านลบ.ม. เพียงพอสำหรับทุกกิจกรรมที่ยังใช้น้ำได้ประมาณ 40 วัน ส่วนที่มีปัญหาเกิดขึ้นในพื้นที่เพาะปลูกนั้น ได้มีการระบายน้ำลงไปช่วยพื้นที่เพาะปลูกไปแล้ว แต่บางช่วงเกษตรกรอาจมาแย่งน้ำกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ในแต่ละพื้นที่เข้าแก้ไขพร้อมกับทำความเข้าใจกับเกษตรกรแล้ว ตนเชื่อว่าไม่น่าจะรุนแรงมาก เพราะเกิดเป็นบางจุดเท่านั้นที่เป็นพื้นที่ข้าวนาปรัง ยังไม่เก็บเกี่ยว บริเวณชลประทานอู่ทอง- มะขามเฒ่า อย่างไรก็ตามพื้นที่เลื่อนเพาะปลุกข้าว 4 ล้านไร่ ใน 22 จังหวัด คาดว่าฝนจะตกชุกตามปกติในเดือน ก.ค.นี้ สามารถปลูกข้าวได้ ทั้งนี้กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าโอกาสปีนี้มีพายุเข้าไทยอย่างน้อย 1 ลูก.“
อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/politics/329745