ทุนทีวี/เคเบิลทีวี เผยการทำงานของกสทช. ผิดตั้งแต่แรก และไม่สามารถทำตามแผนที่วางไว้ได้ พร้อมระบุธุรกิจนี้ต้องมีสายป่านยาว ล่าสุดกสทช.นำส่งเงินค่าประมูลให้กระทรวงการคลังงวดที่ 2 แล้ว
แหล่งข่าวจากบริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัญหาความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในวงการทีวีดิจิตอลขณะนี้ สาเหตุหนึ่งมาจากวิธีการจ่ายค่าประมูลทีวีของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่ผิดมาตั้งแต่แรก เพราะการนำเงินไปประมูลจำนวนมากไม่เกิดประโยชน์ต่อใคร ไม่ว่าจะต่อประเทศชาติ หรือผู้บริโภค ซึ่งถ้าไม่เข้าร่วมประมูลก็จะตกขบวนรถไฟ อีกทั้งในความจริงแล้วเงินดังกล่าวควรถูกนำไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพรายการ ขณะเดียวกันจะเห็นว่าเวลานี้คอนเทนต์ต่างชาติกลับได้ประโยชน์ เพราะกสทช.ได้เปิดช่องให้สามารถนำหนังเกาหลีมาฉายได้
สำหรับการแข่งขันในตลาดทีวีดิจิตอลปัจจุบันอยู่ในช่วงลำบากและเหนื่อยมาก เนื่องจากต้องใช้เวลาคืนทุนนาน ยกตัวอย่างเช่น บางช่องที่มีเรตติ้งดีและรายได้เข้ามา 1 พันล้านบาทต่อปี โดยในช่วง 2-3 ปีแรกก็ต้องนำเงินไปจ่ายค่างวดกับกสทช. ก่อนเพื่อให้สามารถอยู่ต่อได้ต่อไป ขณะเดียวกันช่องทีวีในแต่ละช่องต้องสร้างอัตลักษณ์ของตัวเองให้เป็นที่สนใจและจดจำ พร้อมทั้งต้องมีกลุ่มเป้าหมายชัดเจน และมีสายป่านยาวเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจนี้ได้อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่แหล่งข่าวจากวงการเคเบิลทีวี กล่าวว่า เวลานี้กสทช.เองไม่สามารถทำได้ตามแผนที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากในอดีตครั้งที่เชิญชวนให้ผู้ประกอบการประมูลทีวีดิจิตอลเข้ามาได้กำหนดให้มีการเรียงช่องในหมายเลขช่องเดียวกันในทุกแพลตฟอร์ม แต่ขณะนี้ไม่ได้ทำตามที่ตกลงไว้ พร้อมทั้งยังเปิดทางให้ทีวีดาวเทียมเป็นอิสระ เช่น มีการซื้อเลขช่องในราคาเดือนละ2-3 ล้านบาทเพื่อให้ตัวเองอยู่ในหมายเลขลำดับแรก เป็นต้น ทั้งนี้การซื้อเลขช่องมาจากเรื่องโครงข่ายภาคพื้นดินยังไม่พร้อม และผู้ชมส่วนใหญ่ยังเลือกรับชมผ่านดาวเทียมอยู่
ทั้งนี้ผู้ประกอบการรายใดที่นำช่องตัวเองไปออกอากาศผ่านระบบดาวเทียมก็เพียงแค่ยอมจ่ายเงินเพื่อให้ได้เลขช่องในลำดับต้นๆก็จะได้เปรียบทันที รวมถึงการเปลี่ยนจากระบบอะนาล็อกไปยังดิจิตอล โดยกสทช.แจกคูปอง 690 บาทซื้อกล่องดิจิตอล กลายเป็นว่า เวลานี้ประชาชนได้กล่องคุณภาพต่ำมาใช้ ทำให้คนไม่สนใจไปแลกคูปอง ทั้งหมดนี้กสทช.มีส่วนที่ทำให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมทีวีดิจิตอลไม่ประสบผลสำเร็จ
อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมาสำนักงาน กสทช. ได้นำส่งเงินค่าประมูลทีวีดิจิตอลงวดที่ 2 จำนวน 7.85 พันล้านบาทให้กระทรวงการคลัง เพื่อเป็นรายได้แผ่นดินแล้ว โดยการนำส่งเงินดังกล่าว เป็นไปตาม พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 มาตรา 42 และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 80/2557 เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติม กฎหมายว่าด้วยองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม กำหนดให้ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ ซึ่งต้องชำระเมื่อได้รับอนุญาต และเมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้วให้นำส่งเข้าเป็นรายได้แผ่นดิน
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2558
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทุนทีวีประสานเสียง กสทช.ผิด โยนเผือกร้อนแก้ปมดิจิตอล
ทุนทีวี/เคเบิลทีวี เผยการทำงานของกสทช. ผิดตั้งแต่แรก และไม่สามารถทำตามแผนที่วางไว้ได้ พร้อมระบุธุรกิจนี้ต้องมีสายป่านยาว ล่าสุดกสทช.นำส่งเงินค่าประมูลให้กระทรวงการคลังงวดที่ 2 แล้ว
แหล่งข่าวจากบริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัญหาความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในวงการทีวีดิจิตอลขณะนี้ สาเหตุหนึ่งมาจากวิธีการจ่ายค่าประมูลทีวีของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่ผิดมาตั้งแต่แรก เพราะการนำเงินไปประมูลจำนวนมากไม่เกิดประโยชน์ต่อใคร ไม่ว่าจะต่อประเทศชาติ หรือผู้บริโภค ซึ่งถ้าไม่เข้าร่วมประมูลก็จะตกขบวนรถไฟ อีกทั้งในความจริงแล้วเงินดังกล่าวควรถูกนำไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพรายการ ขณะเดียวกันจะเห็นว่าเวลานี้คอนเทนต์ต่างชาติกลับได้ประโยชน์ เพราะกสทช.ได้เปิดช่องให้สามารถนำหนังเกาหลีมาฉายได้
สำหรับการแข่งขันในตลาดทีวีดิจิตอลปัจจุบันอยู่ในช่วงลำบากและเหนื่อยมาก เนื่องจากต้องใช้เวลาคืนทุนนาน ยกตัวอย่างเช่น บางช่องที่มีเรตติ้งดีและรายได้เข้ามา 1 พันล้านบาทต่อปี โดยในช่วง 2-3 ปีแรกก็ต้องนำเงินไปจ่ายค่างวดกับกสทช. ก่อนเพื่อให้สามารถอยู่ต่อได้ต่อไป ขณะเดียวกันช่องทีวีในแต่ละช่องต้องสร้างอัตลักษณ์ของตัวเองให้เป็นที่สนใจและจดจำ พร้อมทั้งต้องมีกลุ่มเป้าหมายชัดเจน และมีสายป่านยาวเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจนี้ได้อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่แหล่งข่าวจากวงการเคเบิลทีวี กล่าวว่า เวลานี้กสทช.เองไม่สามารถทำได้ตามแผนที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากในอดีตครั้งที่เชิญชวนให้ผู้ประกอบการประมูลทีวีดิจิตอลเข้ามาได้กำหนดให้มีการเรียงช่องในหมายเลขช่องเดียวกันในทุกแพลตฟอร์ม แต่ขณะนี้ไม่ได้ทำตามที่ตกลงไว้ พร้อมทั้งยังเปิดทางให้ทีวีดาวเทียมเป็นอิสระ เช่น มีการซื้อเลขช่องในราคาเดือนละ2-3 ล้านบาทเพื่อให้ตัวเองอยู่ในหมายเลขลำดับแรก เป็นต้น ทั้งนี้การซื้อเลขช่องมาจากเรื่องโครงข่ายภาคพื้นดินยังไม่พร้อม และผู้ชมส่วนใหญ่ยังเลือกรับชมผ่านดาวเทียมอยู่
ทั้งนี้ผู้ประกอบการรายใดที่นำช่องตัวเองไปออกอากาศผ่านระบบดาวเทียมก็เพียงแค่ยอมจ่ายเงินเพื่อให้ได้เลขช่องในลำดับต้นๆก็จะได้เปรียบทันที รวมถึงการเปลี่ยนจากระบบอะนาล็อกไปยังดิจิตอล โดยกสทช.แจกคูปอง 690 บาทซื้อกล่องดิจิตอล กลายเป็นว่า เวลานี้ประชาชนได้กล่องคุณภาพต่ำมาใช้ ทำให้คนไม่สนใจไปแลกคูปอง ทั้งหมดนี้กสทช.มีส่วนที่ทำให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมทีวีดิจิตอลไม่ประสบผลสำเร็จ
อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมาสำนักงาน กสทช. ได้นำส่งเงินค่าประมูลทีวีดิจิตอลงวดที่ 2 จำนวน 7.85 พันล้านบาทให้กระทรวงการคลัง เพื่อเป็นรายได้แผ่นดินแล้ว โดยการนำส่งเงินดังกล่าว เป็นไปตาม พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 มาตรา 42 และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 80/2557 เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติม กฎหมายว่าด้วยองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม กำหนดให้ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ ซึ่งต้องชำระเมื่อได้รับอนุญาต และเมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้วให้นำส่งเข้าเป็นรายได้แผ่นดิน
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2558
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้