ภาค 2 ---จุดศูนย์กลาง(ที่เจ็บปวด)

.....สวัสดีค่ะ ขอชี้แจงก่อนนะค่ะว่า จขกท.ใช้ไอดีของพี่สาวมาตั้งกระทู้ค่ะ เพราะตัวเองสมัครแลไม่ได้สักที อาจเป็นเพราะว่าตัวเองเคยสมัครไปแล้วแต่ไม่ค่อยได้ใช้ สมัครใหม่ก็ไม่ได้ เลยขออนุญาตพี่สาว(ลูกพี่ลูกน้อง)มาตั้งกระทู้ค่ะ.....

.....เรื่องนี้เป็นเรื่องชีวิตคู่ของน้องเอง(ขอแทนตัวเองว่าน้องนะค่ะไม่ใช่ชื่อเล่นของน้องจริงๆแต่ชอบแทนตัวเองว่า”น้อง”กับพ่อแม่ญาติผู้ใหญ่และสามี) น้องใช้ชีวิตคู่ตั้งแต่อายุยังน้อย ด้วยความไม่ตั้งใจ  ชีวิตคู่ของน้องผ่านมรสุมมาเยอะอยากเผยแพร่ให้กำลังใจกับคนที่อยู่ด้วยกัน แล้วเจออุปสรรคต่างๆมากมาย อยากให้รัก อดทน จับมือก้าวไปพร้อมๆกันนะ  เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมานี้ครบรอบ10ปีแล้วที่อยู่ด้วยกันและครบรอบ8ปีที่แต่งงานกันมา ปัจจุบันมีตัวเล็กแล้ว2คน ชาย6ขวบ2เดือน หญิง2ขวบ11เดือน.....ชื่อบุคคลในกระทู้เป็นชื่อสมมุติทั้งหมดนะค่ะ เพราะกลัวว่าญาติทางสามีจะมาเจอกระทู้เข้า เดี๋ยวมีเรื่องกันเปล่าๆ(ยิ่งไม่ชอบหน้ากันอยู่) อ๋อญาติของน้องด้วยเดี๋ยวเคืองสามีอีก เข้าเรื่องเลยดีกว่า.....

.....อ๋อน้องขอแบ่งเรื่องราวของน้องเป็น 4 ภาคนะค่ะ เรื่องมันยาวมาก
.......... ภาค 1 ---จุดเริ่มต้น(ของเรื่องราว) http://pantip.com/topic/33738263/comment1
.......... ภาค 2 ---จุดกลางใจ(ที่เจ็บปวด) http://pantip.com/forum/new_topic
.......... ภาค 3 ---จุดก้าวไป(ด้วยกัน) http://pantip.com/topic/34039455
.......... ภาค 4 ---จุดสรุปของชีวิต(เรา)

.....เทอม1ผ่านไป เทอม2ก็กำลังจะปิดภาคเรียน ที่จังหวัดมีงานกาชาดประจำปี ทางมหาวิทยาลัยก็ให้ร่วมกิจกรรม น้องลางาน3วันรวมเสาร์-อาทิตย์ ก็5วันพอดี ห้องของน้องเปิดบูธเกี่ยวกับ สมุนไพรในเมืองเพชร น้องโดนพี่ๆบังคับให้ใส่ชุดไทยค่อยต้อนรับประชาชน ที่เข้าไปดูบูธสมุนไพร โดนจับแต่งจนน้องแทบจำตัวเองไม่ได้(สวยค่ะมีพี่ที่เรียนด้วยเขาเป็นช่างแต่งหน้า) น้องยืนตอนรับถึง3วัน เหนื่อยมากแต่สนุก วันสุดท้ายเป็นวันเสาร์ เวลาเกือบ5ทุ่มได้น้องกำลังไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ จู่ๆสามีก็โพล่มา เข้ามากระชากไปที่รถ ตอนนั้นน้องกลัวมากเรียกให้พี่ๆที่เปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ เรียกดังมากแต่เสียงดนตรีดังกว่า ไม่มีใครได้ยิน น้องต้องหันไปมองหน้าสามี สามีหน้าไม่แดง แต่ตาแดงและคอก็แดง จังหวะที่สามีจะคาดเบลให้น้อง น้องได้กลิ่นเหล้าค่ะ สามีเมา!
      “พี่ชา พี่จะทำอะไร พี่ชาจะพาน้องไปไหน พี่ชา พี่ชา พี่ชา น้องไม่ไปนะ หยุดเดี๋ยวนี้”
      น้องตะโกนเรียกแต่พี่ชาๆตลอดทางที่สามีขับรถออกจากงาน  สามีไม่พูดอะไร นิ่งมาก ตาดุมาก มองแต่ถนน น้องกลัวสามีที่สุดก็วันนี้เลย ทำไรได้ ร้องไห้สิค่ะ คิดไรไม่ออกเลยตอนนั้น ยิ่งเห็นหนทางไกลจากเมืองเพชรบุรีเท่าไหร่น้องก็ยิ่งร้องไห้หนัก (คิดเลยล่ะวันนี้ไม่รอดแน่เสร็จเขาแน่) คิดถึงพ่อกับแม่มากๆ จนหลุดเรียกหาแม่ออกมา
      “แม่ พ่อ ช่วยน้องด้วย แม่จ๋า พ่อจ๋า ช่วยน้องด้วย” สามีหยุดรถเลยค่ะ จึงหันไปมองหน้าสามีอีกครั้ง สามีร้องไห้เหมือนกัน สติน้องหลุดไปแล้วมันตกใจ
      “น้องเกลียดพี่ที่สุด น้องไปทำไรให้ นี่เหรอรักน้อง เขาทำกันแบบนี้เหรอ........”  
      “พี่........ทนไม่ไหวแล้ว พี่กลัวเสียน้องไป พี่....ต้องทำ” แล้วสามีก็ออกรถอีกครั้ง ครั้งนี้เร็วกว่าเดิม น้องไม่รู้ว่าสามีพามาอยู่ตรงส่วนไหนของประจวบ แต่มันติดทะเลแน่ๆๆได้ยินเสียงคลื่น โดนลากเข้าบ้านค่ะ...........

.....ไม่ขอบรรยายนะค่ะว่าโดนอะไร เพราะเรื่องนี้มันเป็นบาดแผล ที่ต้องจนจำไปตลอดชีวิต เรื่องนี้สามีถึงกราบขอโทษทุกครั้งที่เราทะเลาะกัน เมื่อไรที่น้องเอาเรื่องวันนี้มาพูด รู้ว่าเขาก็เสียใจที่ทำลงไป แต่น้องมันนิสัยไม่ดีรู้ว่าเขายอมเราทุกอย่าง ก็ยังเอามาพูด จนมีลูกนี่แหละถึงไม่พูดถึงอีกเลย (แต่ก็ไม่รับประกันว่าจะไม่พูดอีก ถ้าไม่ไหวก็ต้องเอามังล่ะ) มันมีไม่กี่เรื่องหรอกค่ะ ที่ผู้หญิงเราจะเจ็บแค้น เจ็บปวด กับการกระทำของสามี.....


.....2 วันเต็มๆที่สามีขังไว้ในบ้าน ที่จริงๆเย็นวันอาทิตย์ก็กลับได้ถ้าน้องไม่ป่วยเสียก่อน(ช่วยงานมา4วันแล้วยังมาเจอเรื่องนี้อีกไม่ใช่หญิงเหล็กนะค่ะ) สุดท้ายก็ลางานอีก3วัน สามีก็ลามาเฝ้าไข้(น่าจะเรียกว่าเฝ้าไม่ให้หนีมากกว่า)สามีเอาน้องมาอยู่ที่หอของเขาค่ะ พอน้องลุกได้ ต้องร้องไห้ขอสามีกลับห้องตัวเอง อายค่ะ กลัวพี่ๆที่ทำงานรู้ด้วย สุดท้ายก็มีคนรู้จนได้ ทั้งๆทีเรื่องก็ผ่านมาได้อาทิตย์แล้วแท้ๆ เขารู้เพราะมีแฟนพี่EQคนหนึ่งที่อยู่หอพักเดียวกับสามีเล่าให้ฟัง แฟนพี่เขาก็เผอิญเป็นเพื่อนของเพื่อนพี่สา(คนมันจะซวยๆ มีกรรม)เรื่องเงียบไปเกือบปี ดังทั่วโรงงานอีกครั้ง และครั้งนี้น้องอยู่ไม่ได้ค่ะ(ถึงไม่รักเขา แต่ก็ได้กันแบบนี้ จะเอาใจที่ไหนไปสู้) ยังกับนกรู้สามีมาดักถึงหอพักถึงกับกราบเลยนะ อย่าไปเลย
      “พี่จะไปเช่าบ้าน พี่สัญญาจะไม่ทำอะไรน้องอีก พี่ขอร้องอย่าไปเลยนะ พี่จะส่งน้องเรียนเอง นะน้อง พี่ขอร้อง” พูดไปสามีก็น้ำตาไหลไป หน้าหอโรงงานด้วยนะดีที่คนไม่เยอะ แต่ก็มีคนนะ น้องไม่รู้จะทำไง สงสารสามีไหม ตอนนั้นไม่เลย แต่ก็ไม่อยากให้สามีอยู่ตรงนี้ สามีเป็นถึงรองหัวหน้าEQ ตำแหน่งมันไม่ใช่เล็กๆ มาทำอย่างนี้หน้าหอ มันมากเกินไป ปัญหาของเรามันไม่ควรที่ใครจะมารับรู้แบบนี้ ตัดสินใจขึ้นรถไปกับเขาค่ะ ไปเปิดโรงแรมในเมืองนอน(เขารักษาสัญญาค่ะไม่ทำคือไม่ทำ)

.....หาบ้านเช่าอยู่4วัน วันที่ 15 พฤษภาคม 2548 คือวันที่เราอยู่ด้วยกัน(แบบไม่มีไรกัน)อย่างแท้จริง ก็ได้บ้าน2ชั้น 2ห้องนอน 2ห้องน้ำ นอนคนละห้องอยู่แล้ว น้องลาออกจากงาน(คงทำไม่ได้อยู่แล้วล่ะมาอยู่กับเขาขนาดนี้คงเถียงใครไม่ได้แน่) สามีขอย้ายไปอยู่อีกแผนกเช่นกัน เพื่อตัดปัญหาเผื่อตัวเองไปทะเลาะกับใครเขาเข้า ย้ายออกมาเสียไม่ต้องเจอกันก็จบ น้องก็เรียนไป แถมรับทำรายงานเพื่อนๆมาทำยามว่างไปด้วย จันทร์-ศุกร์ มันว่างนี่ค่ะ แรกๆสามีไม่ยอมทำโอที มาเฝ้าน้องตลอด จนได้3เดือน สามีเริ่มทำโอที ทำงานหนักขึ้นเรื่อยๆ คงเพราะอยู่ด้วยกัน น้องก็แทบไม่พูดอะไรด้วยอยู่แล้ว ต่างคนต่างอยู่ (คนมันเกลียดนี่) เรื่องงานบ้านน้องไม่ใช่จะใจดำเกินไปนัก ยังเป็นแม่บ้านอยู่บ้าง(ถึงฝีมือทำกับข้าวจะห่วย!แต่ไข่เจียวก็ทอดได้อยู่นะไม่ไหม้ด้วย) ชีวิตของพวกเรามันเงียบมาก สามีคงทนไม่ไหวหางานมาทำที่บ้าน ซ่อมคอมบ้าง ซ่อมมือถือบ้าง ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกอย่างในยามว่างงาน(มีเมีย เมียก็ไม่สนใจทำตัวไม่ว่างเสียเลย) เรื่องนี้ที่บ้านน้องไม่รู้เลย น้องไม่บอกเด็ดขาด ยังคิดเลยนะว่าเมื่อไรที่เรียนจบ น้องทิ้งแน่ค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่