คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
เมื่อสองวันก่อน เจ้าพงษ์ ศิษย์รักซึ่งผมเอามายำในโฟโต้เทคฉบับก่อน แวะมาเยี่ยมที่บ้าน ช่วงเวลานั้นบังเอิญผมกำลังติวเรื่องการถ่ายรูปให้กับคนอื่นๆอยู่สามสี่คน จับ พลัดจับพลูคุยไปคุยมาก็มาลงเอาที่เรื่อง Exposure
ในเรื่องนี้ ผมให้ความเห็นว่า ถ้าจะให้เจ๋งละก็ใช้โหมด M-Exporsure จนคล่องสุดๆละก็จะทำให้ใช้โหมด Av S P กลายเป็นเรื่องหมูๆ
แล้วหันไปถามเจ้าพงษ์ว่า จริงไหม?
คำตอบที่ได้คือ “จริงครับ” แล้วเจ้าพงษ์ก็สาธายายตามมาว่า แต่ถ้าใครใช้ M-Exposure เป็น จะหลงติดกับมัน ไม่อยากไปใช้โหมดอื่น
อันที่จริงผมอยากจะบอกว่า M-Exposure ไม่ใช่โหมดที่จะต้องใช้ตะพึดตะพือ ผมของบอกเคล็ดลับเสียเลยตรงนี้ว่า
สุดยอดของการใช้ M=Exposure คือการก้าวไปสู่การใช้ AV และ S(TV) เพื่อเป็นเซียนเหนือเซียน !!
อ้าว ! ไหงเป็นยังงั้น ?
ก่อนเข้าสู่รายละเอียด มาทำความเข้าใจสิ่งที่เกี่ยวพันกันต่อไปนี้แบบย่อๆก่อน
Exposure
คือเรื่องของ M Av S(Tv)
คือเรื่อง “การกำหนดปริมาณแสง” ให้ตกลงบน CCD กำหนดปริมาณแสงโดยใช้ตัวคุม 3 ตัว
· ISO
· รูรับแสง
· ความไวชัตเตอร์
ISO เลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพแสงในพื้นที่นั้นๆ ด้วยการกำหนดให้ CCD อยู่ในสถานะ “ไว” หรือ Sentitive กับแสงมากหรือน้อย เมื่อตั้ง ISO ไว้ที่ค่าใด ค่าหนึ่งแล้ว จากนั้นการแปรเปลี่ยนปริมาณแสง หัวใจของ Exposure หรือ “การกำหนดปริมาณแสง” จะมาอยู่ที่รูรับแสง กับ ความไวชัตเตอร์ เท่านั้น
คำถามว่า ทำไม ต้อง “กำหนดปริมาณแสง”
คำตอบ คือ ภาพถ่ายแต่ละภาพจะต้องให้มีลักษณะ สว่าง มืด เข้ม ต่างๆกันไปแต่ละรูป ภาพบางภาพต้องโชว์ให้เห็นว่าเป็นภาพมีลักษณะสว่างสดใส บางภาพต้องทึบทึม จึงจะให้การกระตุ้นความรู้สึกต่อเนื้อหาของภาพ แกงจืด....แต่เค็มจนซดไม่ลงคอ แกงเผ็ด...แต่จืดสนิท รสชาติอาหารแบบนี้ใครจะบอกได้ว่าอร่อย ลักษณะภาพที่ควรสว่าง เพื่อกระตุ้นความรู้สึกของผู้ดู ถึงวิวทิวทัศน์ของหาดทรายและทะเลสวยงามในหน้าร้อน กลับมืดซีด มัวซัว ก็ไม่ผิอะไรกับการปรุงรสชาติให้อาหารแต่ละชนิด
จึงต้องใช้รูรับแสงและความไวชัตเตอร์ เพื่อ “กำหนดปริมาณแสง” สำหรับภาพแต่ละภาพ
Light Metering
รูรับแสง มีหลายช่องรับแสง ตั้งแต่ f/1.4 ไปจนถึง f/11….f/22… f/64
ความไวชัตเตอร์ มีหลายสปีด ตั้งแต่ B จนถึงชัตเตอร์ 1/125..... 1/500.....1/4000..1/8000....1/12000
รูรับแสงกว้างให้แสงมาก ภาพที่ได้จะสว่างมาก
รูรับแสงน้อย แสงผ่านเสนส์ไปได้น้อย ภาพจะมืดลง
ความไวชัตเตอร์เร็ว แสงผ่านไปโดน CCD แป๊ปเดียว ภาพที่ได้จะสว่างน้อยลง จนถึงกับมืดๆ
เปิด/ปิด ชัตเตอร์ด้วยความไวที่ช้ามากๆ แสงไปโดน CCD นาน ภาพที่ได้จะสว่างมากขึ้น ไปจนถึง Over
แล้วจะใช้รูรับแสง ความไวชัตเตอร์ค่าใดล่ะ จึงจะได้ภาพที่มีปริมาณแสงตามต้องการ?
ทำได้อยู่ 2 วิธี
1. เดาๆ กะๆเอา ว่าจะตั้งรูรับแสงกับชัตเตอร์ไปที่ stop เท่าใด
2. ใช้เครื่องมืดวัดปริมาณแสง
วิธีกะๆเดาๆเอานั้น น่าจะเอาไว้ใช้เมื่อเครื่องวัดแสงในกล้องเจ๊ง ใช้งานไม่ได้ เพราะการคาดเดาด้วยสายตาแม้นว่าจะฝึกมาจนใช้งานได้ดี แต่ในบางสถานะการณ์ ต้องการเน้นแสงเฉพาะพื้นที่ การคาดเดาจะใช้ไม่ค่อยได้ผล การใช้เครื่องวัดแสงซึ่งมาให้แล้วในกล้อง หรือจะซื้อเครื่องวัดแสงแบบมือถือแยกต่างหาก จะแม่นยำกว่าการใช้สายตาคะเนเอามากๆ
แต่เครื่องวัดแสงในกล้อง จะวัดแสงได้แม่นยำมากๆ ว่าในพื้นที่ตรงนั้นต้องตั้งรูรับแสงกับความเร็วชัตเตอร์ที่เท่าไร จะต้องรู้ด้วยว่าพื้นที่ซึ่งกำลังวัดแสงนั้น มีลักษณะอย่างไร
นั่นคือต้องรู้เรื่อง 18% ของการสะท้อนแสงของผิววัตถุ
บอกตรงๆ ไม่เกรงใจบริษัทขายกล้องทั้งหลายว่า อย่าไปเชื่อเลยว่ากล้องตัวเก่งของเขา “ปรับแสงได้แม่นยำทุกสภาวะการณ์”
ขี้จุ๊ เบ่ เบ๊ !
คำอวดอ้างในโบรชัวร์หรือโฆษณา เป็นการประชาสัมพันธ์ให้ดูดีเท่านั้น ไม่มีกล้องตัวไหนที่ “ปรับแสงได้แม่นยำทุกสภาวะการณ์” หรอก แต่ถ้าจะบอกว่ามันพยายามปรับให้ได้ดีที่สุดเท่าที่มันจะทำได้ละก็ พอจะเชื่อ..... ลองเอากล้องตัวเก่งสุดของเขาถ่ายในระบบ P ย้อนแสงเต็มเปาจ้าเต็มที่ ดูทีรึว่าจะ “ปรับแสงได้แม่นยำทุกสภาวะการณ์” จริงหรือไม่
เครื่องวัดแสงในกล้องไม่ว่าจะเป็นระบบวัดแสงแบบเฉพาะจุดแบ่งพื้นที่ แบบเฉลี่ยหนักกลาง จะวัดหาปริมาณแสงได้แม่นที่สุด
ก็ต่อเมื่อวัดจากวัตถุซึ่งสะท้อนแสงเฉลี่ยๆใกล้เคียง 18% มากที่สุด
ในเรื่องนี้ ผมให้ความเห็นว่า ถ้าจะให้เจ๋งละก็ใช้โหมด M-Exporsure จนคล่องสุดๆละก็จะทำให้ใช้โหมด Av S P กลายเป็นเรื่องหมูๆ
แล้วหันไปถามเจ้าพงษ์ว่า จริงไหม?
คำตอบที่ได้คือ “จริงครับ” แล้วเจ้าพงษ์ก็สาธายายตามมาว่า แต่ถ้าใครใช้ M-Exposure เป็น จะหลงติดกับมัน ไม่อยากไปใช้โหมดอื่น
อันที่จริงผมอยากจะบอกว่า M-Exposure ไม่ใช่โหมดที่จะต้องใช้ตะพึดตะพือ ผมของบอกเคล็ดลับเสียเลยตรงนี้ว่า
สุดยอดของการใช้ M=Exposure คือการก้าวไปสู่การใช้ AV และ S(TV) เพื่อเป็นเซียนเหนือเซียน !!
อ้าว ! ไหงเป็นยังงั้น ?
ก่อนเข้าสู่รายละเอียด มาทำความเข้าใจสิ่งที่เกี่ยวพันกันต่อไปนี้แบบย่อๆก่อน
Exposure
คือเรื่องของ M Av S(Tv)
คือเรื่อง “การกำหนดปริมาณแสง” ให้ตกลงบน CCD กำหนดปริมาณแสงโดยใช้ตัวคุม 3 ตัว
· ISO
· รูรับแสง
· ความไวชัตเตอร์
ISO เลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพแสงในพื้นที่นั้นๆ ด้วยการกำหนดให้ CCD อยู่ในสถานะ “ไว” หรือ Sentitive กับแสงมากหรือน้อย เมื่อตั้ง ISO ไว้ที่ค่าใด ค่าหนึ่งแล้ว จากนั้นการแปรเปลี่ยนปริมาณแสง หัวใจของ Exposure หรือ “การกำหนดปริมาณแสง” จะมาอยู่ที่รูรับแสง กับ ความไวชัตเตอร์ เท่านั้น
คำถามว่า ทำไม ต้อง “กำหนดปริมาณแสง”
คำตอบ คือ ภาพถ่ายแต่ละภาพจะต้องให้มีลักษณะ สว่าง มืด เข้ม ต่างๆกันไปแต่ละรูป ภาพบางภาพต้องโชว์ให้เห็นว่าเป็นภาพมีลักษณะสว่างสดใส บางภาพต้องทึบทึม จึงจะให้การกระตุ้นความรู้สึกต่อเนื้อหาของภาพ แกงจืด....แต่เค็มจนซดไม่ลงคอ แกงเผ็ด...แต่จืดสนิท รสชาติอาหารแบบนี้ใครจะบอกได้ว่าอร่อย ลักษณะภาพที่ควรสว่าง เพื่อกระตุ้นความรู้สึกของผู้ดู ถึงวิวทิวทัศน์ของหาดทรายและทะเลสวยงามในหน้าร้อน กลับมืดซีด มัวซัว ก็ไม่ผิอะไรกับการปรุงรสชาติให้อาหารแต่ละชนิด
จึงต้องใช้รูรับแสงและความไวชัตเตอร์ เพื่อ “กำหนดปริมาณแสง” สำหรับภาพแต่ละภาพ
Light Metering
รูรับแสง มีหลายช่องรับแสง ตั้งแต่ f/1.4 ไปจนถึง f/11….f/22… f/64
ความไวชัตเตอร์ มีหลายสปีด ตั้งแต่ B จนถึงชัตเตอร์ 1/125..... 1/500.....1/4000..1/8000....1/12000
รูรับแสงกว้างให้แสงมาก ภาพที่ได้จะสว่างมาก
รูรับแสงน้อย แสงผ่านเสนส์ไปได้น้อย ภาพจะมืดลง
ความไวชัตเตอร์เร็ว แสงผ่านไปโดน CCD แป๊ปเดียว ภาพที่ได้จะสว่างน้อยลง จนถึงกับมืดๆ
เปิด/ปิด ชัตเตอร์ด้วยความไวที่ช้ามากๆ แสงไปโดน CCD นาน ภาพที่ได้จะสว่างมากขึ้น ไปจนถึง Over
แล้วจะใช้รูรับแสง ความไวชัตเตอร์ค่าใดล่ะ จึงจะได้ภาพที่มีปริมาณแสงตามต้องการ?
ทำได้อยู่ 2 วิธี
1. เดาๆ กะๆเอา ว่าจะตั้งรูรับแสงกับชัตเตอร์ไปที่ stop เท่าใด
2. ใช้เครื่องมืดวัดปริมาณแสง
วิธีกะๆเดาๆเอานั้น น่าจะเอาไว้ใช้เมื่อเครื่องวัดแสงในกล้องเจ๊ง ใช้งานไม่ได้ เพราะการคาดเดาด้วยสายตาแม้นว่าจะฝึกมาจนใช้งานได้ดี แต่ในบางสถานะการณ์ ต้องการเน้นแสงเฉพาะพื้นที่ การคาดเดาจะใช้ไม่ค่อยได้ผล การใช้เครื่องวัดแสงซึ่งมาให้แล้วในกล้อง หรือจะซื้อเครื่องวัดแสงแบบมือถือแยกต่างหาก จะแม่นยำกว่าการใช้สายตาคะเนเอามากๆ
แต่เครื่องวัดแสงในกล้อง จะวัดแสงได้แม่นยำมากๆ ว่าในพื้นที่ตรงนั้นต้องตั้งรูรับแสงกับความเร็วชัตเตอร์ที่เท่าไร จะต้องรู้ด้วยว่าพื้นที่ซึ่งกำลังวัดแสงนั้น มีลักษณะอย่างไร
นั่นคือต้องรู้เรื่อง 18% ของการสะท้อนแสงของผิววัตถุ
บอกตรงๆ ไม่เกรงใจบริษัทขายกล้องทั้งหลายว่า อย่าไปเชื่อเลยว่ากล้องตัวเก่งของเขา “ปรับแสงได้แม่นยำทุกสภาวะการณ์”
ขี้จุ๊ เบ่ เบ๊ !
คำอวดอ้างในโบรชัวร์หรือโฆษณา เป็นการประชาสัมพันธ์ให้ดูดีเท่านั้น ไม่มีกล้องตัวไหนที่ “ปรับแสงได้แม่นยำทุกสภาวะการณ์” หรอก แต่ถ้าจะบอกว่ามันพยายามปรับให้ได้ดีที่สุดเท่าที่มันจะทำได้ละก็ พอจะเชื่อ..... ลองเอากล้องตัวเก่งสุดของเขาถ่ายในระบบ P ย้อนแสงเต็มเปาจ้าเต็มที่ ดูทีรึว่าจะ “ปรับแสงได้แม่นยำทุกสภาวะการณ์” จริงหรือไม่
เครื่องวัดแสงในกล้องไม่ว่าจะเป็นระบบวัดแสงแบบเฉพาะจุดแบ่งพื้นที่ แบบเฉลี่ยหนักกลาง จะวัดหาปริมาณแสงได้แม่นที่สุด
ก็ต่อเมื่อวัดจากวัตถุซึ่งสะท้อนแสงเฉลี่ยๆใกล้เคียง 18% มากที่สุด
แสดงความคิดเห็น
มือใหม่หัดใช้กล้องค่ะ อยากสอบถามเหล่ากูรู
แต่ยังทำอะไรไม่ค่อยเป็นเลย ตั้งถ่ายเป็น Auto ธรรมดาอย่างเดียวเลย
คู่มือที่มีก็เป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งนั้น(เพราะฝากน้องซื้อจากญี่ปุ่น)
เลยอยากจะขอคำแนะนำ สำหรับมือใหม่อย่างเรา ว่าควรจะเริ่มต้นยังไง
ตอนนี้ยังงงๆอยู่เลย ช่วยแนะนำหน่อยนะค่ะ