คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 24
ผมว่า ทางออก แยกเป็น 2 แนวทางครับ
1. คือคุณยังต้องการห้องนี้อีกไหม ??? ถ้าแก้ไขปัญหาได้
2. คือต้องการเงินคืน ต้องการเงินคือทั้งหมด เพื่อซื้อโครงการใหม่ ที่มีปัญหาน้อยกว่า ดีกว่าไหม
ถ้าคำตอบเป็นข้อที่ 1
ระบบน้ำดีของห้อง ต้องมีปัญหาโดยมากทางโครงการจะร้อยท่อน้ำไว้ใต้พื้นห้องหรือในกำแพง ครับแต่ที่ร้อยไว้บนฝ้าเพดานก้มีหลายโครงการ (ตามที่บอกมา)คุณบอกว่าไปดูห้องอื่น เป็นห้องด้านข้างหรือเป็นห้องฝั่งตรงข้าม ลองตรวจสอบระบบประปาครับ ปิดก๊อกน้ำทุกจุดโถส้วม และไปดูที่มิเตอร์ว่าน้ำยังมีไหลอยู่ไหม ? ถ้ายังมีน้ำไหลน้อยๆ ถึง ซึมๆๆ ต้องสังเกตุให้ดีๆ(ขีดเส้นเข็มไว้) แต่โดยประสบกาณ์ โอกาสแบบนี้จะเป็นที่ข้อต่อของท่อน้ำที่พื้น อัตราการซึมจะเล็กน้อยมากทำให้น้ำไม่ท่วมห้องแต่ยาแนวไม่แห้งหรือแห้งไม่สนิท ถ้าต้องแก้ไข ยาวครับงานนี้ อาจต้องมีการรื้อพื้นห้องน้ำเพื่อหาจุดที่น้ำซึมออกมา หรือต้องทำตามที่ ความคิดเห็นที่ 16 ครับ แต่โอกาสหาจุดรั่วเจอ ยากส์ครับ
เหตุการณืหลังจากคุณย้ายเข้าไปอยู่ คือ กระเบื้องล่อนครับ ถ้าคอนโดมีประกันงานซ่อม ก็รอดตัว แต่ถ้า กระเบื้องล่อนหลังหมดประกัน งานนี้เจ็บหนักครับ
ถ้าคำตอบเป็นตามข้อ 2
ทำตามแนวทางความคิดเห็นที่ 21 คือแนวทางที่ถูกต้องครับ เงินจะต้องได้คือครบตามที่เราจ่ายไปทุกบาท (หาใบเสร็จรับเงินหรือเอกสารทางธนาคารที่เราจ่ายให้โครงการ ให้ครบเพื่อประกอบการเรียกร้อง เวลาไปแจ้งที่ สคบ.) จากประสบการณ์เคสคล้ายกัน ที่ผมเคยต่อรองกับโครงการแห่งหนึ่ง ในซอยอ่อนนุช ให้น้องชายของผม ปรากฎว่าได้รับเงินคืนครบทุกบาท ครับ
สุดท้ายนี้เป็นกำลังใจให้ครับ คอนโดสำหรับชนชั้นกลางอย่างผม ต้องเก็บเงินผ่อนกันทั้งชีวิตนะครับ อย่ายอมรับโอน ง่ายๆครับ
บอกโครงการไปเลย สั้นๆ ง่ายๆ เจอกันที่ สคบ ครับ สำคัญรวบรวเอกสารให้ครบแม้กระทั่งใบปลิวโฆษณาโครงการนะครับ
ปล. ถ้ายังอยากได้โครงการนี้ให้ขอเปลี่ยนชั้น ย้ายห้องไปโซนอื่น หรือ ตึกอื่น เลยครับ
1. คือคุณยังต้องการห้องนี้อีกไหม ??? ถ้าแก้ไขปัญหาได้
2. คือต้องการเงินคืน ต้องการเงินคือทั้งหมด เพื่อซื้อโครงการใหม่ ที่มีปัญหาน้อยกว่า ดีกว่าไหม
ถ้าคำตอบเป็นข้อที่ 1
ระบบน้ำดีของห้อง ต้องมีปัญหาโดยมากทางโครงการจะร้อยท่อน้ำไว้ใต้พื้นห้องหรือในกำแพง ครับแต่ที่ร้อยไว้บนฝ้าเพดานก้มีหลายโครงการ (ตามที่บอกมา)คุณบอกว่าไปดูห้องอื่น เป็นห้องด้านข้างหรือเป็นห้องฝั่งตรงข้าม ลองตรวจสอบระบบประปาครับ ปิดก๊อกน้ำทุกจุดโถส้วม และไปดูที่มิเตอร์ว่าน้ำยังมีไหลอยู่ไหม ? ถ้ายังมีน้ำไหลน้อยๆ ถึง ซึมๆๆ ต้องสังเกตุให้ดีๆ(ขีดเส้นเข็มไว้) แต่โดยประสบกาณ์ โอกาสแบบนี้จะเป็นที่ข้อต่อของท่อน้ำที่พื้น อัตราการซึมจะเล็กน้อยมากทำให้น้ำไม่ท่วมห้องแต่ยาแนวไม่แห้งหรือแห้งไม่สนิท ถ้าต้องแก้ไข ยาวครับงานนี้ อาจต้องมีการรื้อพื้นห้องน้ำเพื่อหาจุดที่น้ำซึมออกมา หรือต้องทำตามที่ ความคิดเห็นที่ 16 ครับ แต่โอกาสหาจุดรั่วเจอ ยากส์ครับ
เหตุการณืหลังจากคุณย้ายเข้าไปอยู่ คือ กระเบื้องล่อนครับ ถ้าคอนโดมีประกันงานซ่อม ก็รอดตัว แต่ถ้า กระเบื้องล่อนหลังหมดประกัน งานนี้เจ็บหนักครับ
ถ้าคำตอบเป็นตามข้อ 2
ทำตามแนวทางความคิดเห็นที่ 21 คือแนวทางที่ถูกต้องครับ เงินจะต้องได้คือครบตามที่เราจ่ายไปทุกบาท (หาใบเสร็จรับเงินหรือเอกสารทางธนาคารที่เราจ่ายให้โครงการ ให้ครบเพื่อประกอบการเรียกร้อง เวลาไปแจ้งที่ สคบ.) จากประสบการณ์เคสคล้ายกัน ที่ผมเคยต่อรองกับโครงการแห่งหนึ่ง ในซอยอ่อนนุช ให้น้องชายของผม ปรากฎว่าได้รับเงินคืนครบทุกบาท ครับ
สุดท้ายนี้เป็นกำลังใจให้ครับ คอนโดสำหรับชนชั้นกลางอย่างผม ต้องเก็บเงินผ่อนกันทั้งชีวิตนะครับ อย่ายอมรับโอน ง่ายๆครับ
บอกโครงการไปเลย สั้นๆ ง่ายๆ เจอกันที่ สคบ ครับ สำคัญรวบรวเอกสารให้ครบแม้กระทั่งใบปลิวโฆษณาโครงการนะครับ
ปล. ถ้ายังอยากได้โครงการนี้ให้ขอเปลี่ยนชั้น ย้ายห้องไปโซนอื่น หรือ ตึกอื่น เลยครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 21
เรากำลังจะถูกยึดเงินดาวน์เหมือนกันค่ะ ได้ปรึกษากับทนายแล้วได้รับการแนะนำมาจากทนายว่า กรณีทางโครงการจะยึดเงินดาวน์ แนะนำให้ไปฟ้องร้อง สคบ. พร้อมเหตุผล (เพื่อเป็นหลักฐานในการฟ้องร้องต่อไป) ถ้า สคบ.นัดไกล่เกลี่ยแล้วไม่เป็นผล แนะนำให้ฟ้องศาลผู้บริโภคต่อค่ะ เพราะหากฟ้องศาลแล้วห้องนี้จะถูกอายัติทันที ไม่สามารถขายได้ ซึ่งทางโครงการคงไม่อยากให้ห้องถูกอายัติหรอกค่ะ ทางโครงการก็อาจจะคืนเงินดาวน์ให้คุณง่ายขึ้น แต่คงจะได้คืนไม่ครบตามที่จ่ายไปหรอกนะคะ เพราะคิดว่าโครงการคงจะหาทางหักค่านู่น นั่น นี่ไปอีก แต่คิดว่าน่าจะดีกว่าปล่อยให้ถูกเชิดเงินไปดื้อๆ นะคะ หรือถ้าแจ้งไปว่าจะฟ้องศาลแล้วยังไม่คืน ก็ฟ้องศาลผู้บริโภคไปเลยค่ะ อย่าไปยอม (บางคนยอมแพ้แค่ตรงขั้นตอนของ สคบ. เพราะคิดว่าทำอะไรต่อไม่ได้)
ในขั้นตอนการดำเนินการในชั้นศาลอาจใช้เวลาสักหน่อย แต่เราคิดว่าคุ้มกว่าการถูกยึดเงินดาวน์ไปเฉยๆ ซึ่งเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคอย่างเห็นแก่ตัว คนส่วนใหญ่ไม่รู้ ก็จะปล่อยให้เงินตัวเองถูกยึดไปเฉยๆ บางคนกลัวเสียเวลา เสียค่าทนาย (ใช้ทนายขอแรงได้ค่ะ ไม่เสีย คชจ.)
ลองดูนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ .... ตอนนี้เราก็กำลังจะทำเรื่องขอเงินดาวน์คืนเพราะกู้ไม่ผ่านค่ะ
ในขั้นตอนการดำเนินการในชั้นศาลอาจใช้เวลาสักหน่อย แต่เราคิดว่าคุ้มกว่าการถูกยึดเงินดาวน์ไปเฉยๆ ซึ่งเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคอย่างเห็นแก่ตัว คนส่วนใหญ่ไม่รู้ ก็จะปล่อยให้เงินตัวเองถูกยึดไปเฉยๆ บางคนกลัวเสียเวลา เสียค่าทนาย (ใช้ทนายขอแรงได้ค่ะ ไม่เสีย คชจ.)
ลองดูนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ .... ตอนนี้เราก็กำลังจะทำเรื่องขอเงินดาวน์คืนเพราะกู้ไม่ผ่านค่ะ
ความคิดเห็นที่ 15
โอว... จากที่เคยถูกสั่งสอนมาว่า...อย่ารับโอนห้องมาเด็ดขาดถ้าห้องไม่เรียบร้อย
เพราะถ้ารับห้องไปแล้วจะแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
แต่เดี๋ยวนี้โครงการมันเจ้าเล่ห์ เล่นยกเรื่อง "ถ้าไม่ยอมโอนรับห้องจะยึดเงินดาวน์" มาข่มขู่ลูกค้าแล้วหรือนี่
ผู้บริโภคไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรเลย เอะอะก็ถูกขู่บังคับตลอดเวลา
.....ประเทศไทยเรานี้อยู่ยากขึ้นทุกที
เพราะถ้ารับห้องไปแล้วจะแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
แต่เดี๋ยวนี้โครงการมันเจ้าเล่ห์ เล่นยกเรื่อง "ถ้าไม่ยอมโอนรับห้องจะยึดเงินดาวน์" มาข่มขู่ลูกค้าแล้วหรือนี่
ผู้บริโภคไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรเลย เอะอะก็ถูกขู่บังคับตลอดเวลา
.....ประเทศไทยเรานี้อยู่ยากขึ้นทุกที

แสดงความคิดเห็น
ผมกำลังจะโดนยึดเงินดาวน์ครับ เพราะผมไม่ยอมโอนห้องที่มีปัญหาที่ยังแก้ไม่ได้
ก่อนวันนัด เซลล์ก็ได้โทรมาแจ้งยอดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ก็เป็นค่าพื้นที่เพิ่ม+ค่าธรรมเนียมต่างๆ สอบถามไปได้ความว่าห้องเรียบร้อยดี ผมเลยโอนเงินทางให้โครงการตามที่เซลล์แจ้งอีก 8x,xxx บาท แต่ค่าส่วนกลางยังไม่ได้โอนให้ครับ
วันจริงไปตรวจ พร้อมนัดเซ็นสัญญาเงินกู้กับแบงค์ที่โครงการ ก็ปรากฎว่ายังมีปัญหาเหมือนเดิม คือไม่ว่าเราจะเอามือลูบไปที่ยาแนวตรงจุดไหน จะมีฝุ่นผงติดมือออกมา (ตามรูป) ทางโครงการยืนยันว่ายาแนวใหม่ให้ผมทั้งห้องเป็นครั้งที่ 3 แล้ว โดยครั้งที่ 2 (ก่อนถึงวันนัดตรวจสอง) สภาพแย่กว่านี้อีก ยาแนวหลุดออกมาเป็นขุยๆ เลย (เซลล์โชว์รูปถ่ายให้ดู) สภาพตอนนี้ถือว่า OK แล้ว ทาง pm (project manager) ก็ยืนยันอีกว่าอยู่ไปนานๆ ก็จะหายไปเอง ห้องอื่นๆ ก็เป็น (และเปิดห้องของคนอื่นที่ยังไม่ได้โอนให้ผมดูว่ามีปัญหาเหมือนกันจริงๆ)
ผมก็ไม่ยอมครับ เพราะคิดว่าน่าจะผิดปกติ อาจจะมีสาเหตุอื่นๆ ที่เราคาดเดาไม่ถึง กลัวจะมีปัญหากับพื้นห้องต่อไปในอนาคต ก็บอกว่าผมรับไม่ได้ ให้เขาแก้ไขไปก่อน เรื่องเงินกู้ถ้าพ้นกำหนด เดี๋ยวผมจะทำเรื่องขอกู้ใหม่ก็แล้วกัน แต่ทางเซลล์บอกว่า จริงๆ แล้วผมจะต้องโอนภายในวันที่ 26 พค ที่ผ่านมา นี่ก็นับว่าได้ผ่อนผันให้แล้ว ปัญหาที่เหลืออีกเรื่องเดียว ก็คือเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ถ้าไม่ยอมรับห้อง ก็แสดงว่าผิดสัญญา ทางโครงการจะออกจดหมายแจ้ง และจะริบเงินดาวน์ทั้งหมด (เกือบ 4 แสนบาท) ผมถามว่าแล้ว 8x,xxx บาทที่ผมโอนเพิ่มจะโดนริบด้วยไหม เซลล์ก็บอกว่าคงจะโดน เพราะโอนให้ทางบริษัทแล้ว
หลังจากที่เถียงกันอยู่พักใหญ่(ต่อหน้าพนักงานแบงค์) และเห็นว่าผมไม่ยอมโอนแน่ๆ แล้ว (เพราะปัญหายังไม่ได้แก้ โอนไปก็เป็นภาระกับผมครับ) ทาง pm ก็เข้ามาบอกว่า ที่เซลล์บอกว่าแก้ยังไงก็คงเหมือนเดิม หมายถึงยาแนวยี่ห้อที่โครงการใช้อยู่ เขาจะลองเปลี่ยนเป็นยาแนวยี่ห้อใหม่ดู แล้วจะติดต่อมาอีกครั้งหนึ่ง แต่ไม่รับปากว่าจะแก้ปัญญาของผมได้หรือไม่
เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ผมหนักใจมาก เพราะ
1) ทำไมทางโครงการพยายามบีบให้เรารีบโอน ทั้งๆ ที่ห้องยังมีปัญหาอยู่ เขาเพิ่งรู้ปัญหานี้ หรือรู้มานานแล้ว แต่แก้ไม่ได้
2) ยาแนวอาจจะเป็นแค่ปลายเหตุของปัญหา เพราะว่าผมลองเอายาแนวที่โครงการใช้ ไปยาแนวกระเบื้องทดสอบดู ทิ้งไว้ 7-8 ชม เอามือลูบก็ไม่ปรากฎว่ามีฝุ่นผงยาแนวหลุดออกมาแม้แต่นิดเดียว
ผมจะทำอย่างไรได้บ้างครับ รบกวนเพื่อนๆ ช่วยแนะนำหน่อยนะครับ
<*****Update ล่าสุด******>
โดนแจ้งยึดห้องและริบเงินมัดจำแล้วครับ รายละเอียดอ่านได้ที่คำตอบที่ 30 ครับ
พื้นกระเบื้องครับ มองด้วยตาก็เหมือนทุกอย่างปกติดี
เอามือลูบตรงไหนก็มีคราบติดนิ้วขึ้นมาครับ ลูบจุดเดิมก็มีอีก
ยาแนวของโครงการครับ ผมลองให้เพื่อนผู้รับเหมาเอายาแนวแบบเดียวกันไปทดลองใช้ดู ก็ไม่มีคราบฝุ่นผงหรืออะไรหลุดออกมาเลยครับ ปกติดีทุกอย่าง แต่ทำไมในห้องของผมถึงเป็นแบบนี้ครับ