สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 72
มาเพิ่ม

ดีใจแทนคุณจขกท.ที่เพื่อนๆพันทิปเป็นห่วงคุณมาก
ต่างช่วยกันตอบ เต็มใจตอบอย่างมากกันทุกคน
ผมขอตอบเสริมจากเพื่อนๆ อาจดูเป็นคำตอบที่แปลกไปนะครับ
แต่ตอบจากประสบการณ์ตรงที่ครอบครัวก่อหนี้ให้ผมตามใช้ จนผมแทบล้มละลาย
ปัญหานี้แก้ที่น้องไม่ได้ ต้องแก้ที่พ่อกับแม่คุณสถานเดียวครับ
คือแก้พ่อแม่ให้เห็นสัจธรรม เห็นแก่อนาคตลูกคนเล็กจริงๆ
ไม่ใช่เห็นแก่ความสงสารของตัวเอง
พ่อแม่เปลี่ยนความคิดได้ ปัญหาทุกอย่างจบครับ
ขอให้คุณจขกท.พูดกับพ่อแม่จริงๆได้ไหม จริงจังเลย
ถามท่านว่า
"ถ้าพ่อกับแม่ตายไปแล้ว น้องจะอยู่รอดได้ยังไงถ้ายังนิสัยแบบนี้อยู่?"
ถ้าถามขนาดนี้แล้วพ่อแม่ยังหาข้ออ้างที่จะช่วยน้อง ก็ถือว่าป่วยเกินเยียวยาแล้วครับ
ต่างช่วยกันตอบ เต็มใจตอบอย่างมากกันทุกคน
ผมขอตอบเสริมจากเพื่อนๆ อาจดูเป็นคำตอบที่แปลกไปนะครับ
แต่ตอบจากประสบการณ์ตรงที่ครอบครัวก่อหนี้ให้ผมตามใช้ จนผมแทบล้มละลาย
ปัญหานี้แก้ที่น้องไม่ได้ ต้องแก้ที่พ่อกับแม่คุณสถานเดียวครับ
คือแก้พ่อแม่ให้เห็นสัจธรรม เห็นแก่อนาคตลูกคนเล็กจริงๆ
ไม่ใช่เห็นแก่ความสงสารของตัวเอง
พ่อแม่เปลี่ยนความคิดได้ ปัญหาทุกอย่างจบครับ
ขอให้คุณจขกท.พูดกับพ่อแม่จริงๆได้ไหม จริงจังเลย
ถามท่านว่า
"ถ้าพ่อกับแม่ตายไปแล้ว น้องจะอยู่รอดได้ยังไงถ้ายังนิสัยแบบนี้อยู่?"
ถ้าถามขนาดนี้แล้วพ่อแม่ยังหาข้ออ้างที่จะช่วยน้อง ก็ถือว่าป่วยเกินเยียวยาแล้วครับ
มาเพิ่ม

ความคิดเห็นที่ 38
เอาตรงๆ เลยนะครับ
"ห้ามช่วยเด็ดขาด!!!!!"
ถ้าน้องเป็นหนี้โดนฟ้องล้มละลาย น้องก็โดนคนเดียว ทรัพย์สินของน้องหมดแค่ไหนก็แค่นั้น ซึ่งก็ไม่น่ามีบ้านที่ดินอะไรแล้ว
ถ้าคุณกู้เงินไปช่วย เท่ากับว่า คุณเอาทรัพย์สินของคุณไปเสี่ยงเพิ่ม ซึ่งผมมั่นใจว่าเสี่ยงแล้วไม่จบ 100% ทำได้แค่ยืดเวลาไปเท่านั้น
ดังนั้น "ห้ามช่วยเด็ดขาด!!!!"
ถ้าจะช่วย คุณช่วยได้แค่ให้คำแนะนำ ว่าให้เขาขายรถมาโปะเท่านั้น เพราะเป็นทางเดียวที่จะลดหนี้ และลดรายจ่ายค่าน้ำมัน
และมีข้อแนะนำสำหรับคนในครอบครัวด้วยว่า "เก็บทรัพย์สินมีค่าเอาไว้ให้ห่างมือน้องที่สุด" เพราะเข้าตาจนเมื่อไหร่ มีของหายแน่นอน
ไม่มีอะไรที่ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงได้ นอกจากเขาต้องได้รับประสบการณ์ตรง
ยิ่งมีเงินไปให้เขาหมุน ก็ฝันไปเถอะว่าเขาจะเรียนรู้ได้ (คุณก็น่าจะรู้ดี)
ช่วยได้มากที่สุดก็แค่
- ให้กินข้าวฟรี 3 มื้อ
- ไม่สบายพาไปหาหมอให้ฟรี ช่วยค่าหมอ
- ให้นอนที่บ้านได้ฟรี มีที่ซุกหัวนอน
- ซื้อเสื้อผ้าให้บ้างถ้าเห็นว่าเขาไม่มีใส่ แต่ไม่ต้องซื้อแพง เอาแค่ของตามตลาดนัดก็พอ
"ห้ามช่วยเด็ดขาด!!!!!"
ถ้าน้องเป็นหนี้โดนฟ้องล้มละลาย น้องก็โดนคนเดียว ทรัพย์สินของน้องหมดแค่ไหนก็แค่นั้น ซึ่งก็ไม่น่ามีบ้านที่ดินอะไรแล้ว
ถ้าคุณกู้เงินไปช่วย เท่ากับว่า คุณเอาทรัพย์สินของคุณไปเสี่ยงเพิ่ม ซึ่งผมมั่นใจว่าเสี่ยงแล้วไม่จบ 100% ทำได้แค่ยืดเวลาไปเท่านั้น
ดังนั้น "ห้ามช่วยเด็ดขาด!!!!"
ถ้าจะช่วย คุณช่วยได้แค่ให้คำแนะนำ ว่าให้เขาขายรถมาโปะเท่านั้น เพราะเป็นทางเดียวที่จะลดหนี้ และลดรายจ่ายค่าน้ำมัน
และมีข้อแนะนำสำหรับคนในครอบครัวด้วยว่า "เก็บทรัพย์สินมีค่าเอาไว้ให้ห่างมือน้องที่สุด" เพราะเข้าตาจนเมื่อไหร่ มีของหายแน่นอน
ไม่มีอะไรที่ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงได้ นอกจากเขาต้องได้รับประสบการณ์ตรง
ยิ่งมีเงินไปให้เขาหมุน ก็ฝันไปเถอะว่าเขาจะเรียนรู้ได้ (คุณก็น่าจะรู้ดี)
ช่วยได้มากที่สุดก็แค่
- ให้กินข้าวฟรี 3 มื้อ
- ไม่สบายพาไปหาหมอให้ฟรี ช่วยค่าหมอ
- ให้นอนที่บ้านได้ฟรี มีที่ซุกหัวนอน
- ซื้อเสื้อผ้าให้บ้างถ้าเห็นว่าเขาไม่มีใส่ แต่ไม่ต้องซื้อแพง เอาแค่ของตามตลาดนัดก็พอ
ความคิดเห็นที่ 12
....เอาจริงหรือครับ......
....เอาจริง ก็ควรทำให้เค้าคิดได้ครับ ถ้ายังคิดไม่ได้ ไม่เปลี่ยนความคิด ยังติดหรู ยังใช้เงินฟุ่มเฟื่อย ถึงคุณให้เงินไปเป็น ล้านก็หมดครับ แถมยังจะสร้างปัญหาตามมาอีกไม่จบครับ.....
....แม่คุณ จะทุกข์มากและทุกข์นานขึ้น ถ้าคุณไม่แก้ปัญหาให้ตรงจุด .... " ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เงินที่คุณให้ไป "... แต่มันอยู่ที่นิสัยของน้องคุณต่างหาก ที่ใช้เงินไม่คิดถึงอนาคต ไม่คิดถึงครอบครัว ไม่คิดถึงพ่อแม่ พี่น้อง ,เอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่ ,ไม่เห็นใจผู้อื่นโดยเฉพาะ พ่อแม่ , ยิ่งให้ยิ่งได้ใจนะผมว่า....
...ควรดัดนิสัยได้แล้วครับ ยิ่งปล่อยไปไว้นานยิ่งดัดยาก แก้ไขยากครับ....
....เอาจริง ก็ควรทำให้เค้าคิดได้ครับ ถ้ายังคิดไม่ได้ ไม่เปลี่ยนความคิด ยังติดหรู ยังใช้เงินฟุ่มเฟื่อย ถึงคุณให้เงินไปเป็น ล้านก็หมดครับ แถมยังจะสร้างปัญหาตามมาอีกไม่จบครับ.....
....แม่คุณ จะทุกข์มากและทุกข์นานขึ้น ถ้าคุณไม่แก้ปัญหาให้ตรงจุด .... " ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เงินที่คุณให้ไป "... แต่มันอยู่ที่นิสัยของน้องคุณต่างหาก ที่ใช้เงินไม่คิดถึงอนาคต ไม่คิดถึงครอบครัว ไม่คิดถึงพ่อแม่ พี่น้อง ,เอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่ ,ไม่เห็นใจผู้อื่นโดยเฉพาะ พ่อแม่ , ยิ่งให้ยิ่งได้ใจนะผมว่า....
...ควรดัดนิสัยได้แล้วครับ ยิ่งปล่อยไปไว้นานยิ่งดัดยาก แก้ไขยากครับ....
ความคิดเห็นที่ 32
คำพูดจากคนที่เคยเป็นแบบน้องคุณ และผมค่อนข้างเห็นด้วยนะ
และลองนำมาปรับใช้กับคนในครอบครัวที่เคยทำตัวแบบน้องคุณ
เค้าบอกไว้ว่า
การช่วยเหลือที่ดีที่สุด คือ การไม่ช่วยอะไรเลย
ตัดขาดทางการเงิน
เพราะคนแบบนี้ถ้าเค้ารู้ว่าเวลาลำบากแล้วมีคนคอยช่วย
เค้าจะไม่รู้จักแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ไม่ปรับปรุงนิสัย
ต่อให้โดนด่า โดนว่าแค่ใหน
แต่ถ้าเค้ารู้ว่าโดนด่าหนักแค่ใหน โดนบ่นเท่าไหร่แล้วเค้าได้เงิน
มันก็จะหูซ้ายทะลุหูขวา แล้วกลับไปใช้ชีวิตอีหรอบเดิม
คนแบบนี้ต้องปล่อยให้ล้มซักครั้ง ถึงจะรู้สึก
เวลาไม่มีคนช่วยแล้วจะดิ้นรนช่วยเหลือตัวเอง
หวังว่าเค้าคงพอจะมีปัญญาบ้างนะ
และลองนำมาปรับใช้กับคนในครอบครัวที่เคยทำตัวแบบน้องคุณ
เค้าบอกไว้ว่า
การช่วยเหลือที่ดีที่สุด คือ การไม่ช่วยอะไรเลย
ตัดขาดทางการเงิน
เพราะคนแบบนี้ถ้าเค้ารู้ว่าเวลาลำบากแล้วมีคนคอยช่วย
เค้าจะไม่รู้จักแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ไม่ปรับปรุงนิสัย
ต่อให้โดนด่า โดนว่าแค่ใหน
แต่ถ้าเค้ารู้ว่าโดนด่าหนักแค่ใหน โดนบ่นเท่าไหร่แล้วเค้าได้เงิน
มันก็จะหูซ้ายทะลุหูขวา แล้วกลับไปใช้ชีวิตอีหรอบเดิม
คนแบบนี้ต้องปล่อยให้ล้มซักครั้ง ถึงจะรู้สึก
เวลาไม่มีคนช่วยแล้วจะดิ้นรนช่วยเหลือตัวเอง
หวังว่าเค้าคงพอจะมีปัญญาบ้างนะ
แสดงความคิดเห็น
เครียดมาก. เป็นหนี้บัตรเครดิต + ผ่อนรถยนต์. จะทำอย่างไรดี
1. น้อง จขกท. เป็นน้องสาวค่ะ(เห็นเข้าใจผิดกัน ต้องขอโทษนะค่ะที่ไม่ได้บอกแต่แรก). ค่อนข้างสปอร์ตนิสัยคล้าย ผช. แต่หญิงแท้แน่นอนน่ะ
2. แม่บอกว่าตอนน้องดาว์นรถน้องให้แม่เป็นคนเซ็นค้ำ 200,000 บาท ซึ่งปัจจุบันแม่ต้องผ่อนให้แบงค์ เดือนล่ะ. 4000 บาท เป็นเวลา 5 ปีค่ะ(รถเป็นชื่อน้อง)
3. บ้านและที่ดินที่พ่อกับแม่อยู่เป็นชื่อน้องค่ะ. จากที่ได้คุยแม่ยังไม่ยอมโอนเปลี่ยนชื่อ เนื่องจากรอสรุปจำนวนเงินทั้งหมด
4. เราขอไม่ส่งกระทู้นี้ให้แม่เราดู แต่ตอนนี้เราคุยๆ เหตุผลต่างๆแทน เพราะแม่เราอายุมากแล้ว แล้วเค้าก็ยอมรับว่าเค้าผิดเอง ที่รักน้องมากตามใจมากไป เราเกรงเค้าจะเสียใจมากไปกว่านี้ และจะเครียดมากขึ้น (ส่วนน้องคิดว่าได้อ่านแล้ว. เพราะไม่ติดต่อมาเลย )
สาเหตุหลักๆ ที่เราตัดสินใจไม่ช่วยน้องในส่วนของหนี้สิน ยกเว้นเรื่องกินอยู่ถ้าขาดเหลือ
- น้องให้แม่กู้เงินมาดาว์รถให้แล้ว แต่ไม่ยอมช่วยแม่จ่าย. และในแต่ล่ะเดือน เท่ากับแม่ต้องรับภาระไป ยังไม่รวมที่เดือนไหนผ่อนค่างวดไม่ได้ก็จะมาขอ
- น้องโกหก ยังไม่ยอมรับความจริง. และปัจจุบันยังสร้างภาพอยู่กับคนรอบข้าง รวมถึงเพิ่งขึ้นเครื่องบินไปเที่ยวต่างจังหวัดมา
- น้องยังไม่แสดงความกระตือรือร้นใดๆ. ซึ่งตอนนี้ไม่ติดต่อมา 2 วันแล้ว (ตั้งแต่วันที่ตั้งกระทู้) และเราก็ไม่ติดต่อไปเพราะอยากดูความจริงใจ
- น้องยืนยันที่จะไม่ขายรถ และไม่ยอมยกรถให้ใคร. (เราคุยกับแม่ให้แม่เอารถมาใช้ เดียวเราช่วยผ่อน แต่แม่ต้องเป็นคนขับเท่านั้น). รวมไปถึงมือถือ
วิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นตอนนี้ (ใครอยากเพิ่มเติมอย่างไรแนะนำได้นะค่ะ)
- ส่งเงินช่วยที่บ้าน ตามกำลังของเราที่พอจะส่งไหว โดยไม่รบกวนสามี แต่ยังช่วยกันเก็บเงินกองกลาง แต่ลดในส่วนของเรา และเราจะประหยัดมากขึ้น
- สรุปยอดหนี้ทั้งหมดของน้องให้แม่ทราบ (แล้วจะมา up date นะค่ะ)
- เราจะเก็บเงินบ้างส่วนของเรา (ประหยัดจากค่าอื่นๆ ส่วนตัวเรา ได้เดือนล่ะ 3000) กันไว้เพื่อแม่ขาดเหลือ จะไม่ช่วยเลยเราเห็หน้าแม่เราก็สงสารมาก
- แต่เราจะไม่กู้เพราะคุยกับสามีแล้ว ส่งบ้านกันมาเหนื่อยหลายปี ถ้ามีหนี้เพิ่มอีกคงไม่มีเงินเก็บเป็นแน่ เพราะเรามีภาระ
ขอขอบคุณทุกๆ ความเห็น และกำลังใจมากนะค่ะ. เราก็พยายามหาทางออกที่เป็นกลางที่สุด. วันนึงถ้าบ้านต้องโดนยึดเพราะน้อง อย่างน้อยพ่อกับแม่ก็มาอยู่กับเราได้. เราเลี้ยงไหวแน่นอน เผื่อมาช่วยเราเลี้ยงหลาน. ส่วนน้องเราคิดว่าแม่ลำบากเพราะน้องมามากแล้ว ขอให้กลับตัวกลับใจคิดใหม่ให้ได้.
"ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ แต่จงเลือกแก้ไขด้วยตัวเองแล้วเราจะภูมิใจ. วันไหนที่ไม่มีใคร หรือเจออุปสรรคมากกว่านี้เราผ่านมันไปได้เอง"
-------------------------------------------------------------------------------------------
ขอปรึกษาทุกท่านนะค่ะว่าควรจะทำอย่างไรดี
ตัวเจ้าของกระทู้เองไม่ได้เป็นหนี้บัตรเครดิต. จนไม่สามารถที่จะผ่อนไหว. แต่เป็นปัญหาของน้องเจ้าของกระทู้เอง. ซึ่งเพิ่งจะทราบปัญหามาไม่กี่วันนี้ค่ะ
น้องทำงานมีรายได้เดือนล่ะ 24000 (เลขกลมๆ นะค่ะจากที่น้องบอก). เป็นหนี้บัตรเครดิต. 6 ใบ ยอดรวมประมาณ 200,000 และค่างวดรถยนต์ ค้างมา 2เดือน เดือนล่ะ 7,400
ซึ่งตอนนี้บอกว่าไม่สามารถจ่ายชำระหนี้ได้แล้ว. ซึ่งบางบัตรค้างจ่ายและโดนทวงถามมาตั้งแต่เดือน ธันวาคม 57
ซึ่งตอนนี้ที่บ้านก็ไม่สามารถช่วยได้ พ่อทำธุรกิจส่วนตัว แต่ตอนนี้ไม่มีงานเข้ามาทำให้ไม่มีรายได้. ส่วนแม่ทำงานรับราชการ. แต่มีภาระที่ต้องส่งค่าบ้าน.
และค่างวดรถยนต์ของน้อง เพราะตอนซื้อรถรถยต์ น้องอยากได้มาก โครงการรถคันแรก (น้องได้เงินคืนมา หนึ่งแสน แต่ไม่รู้หายไปไหนค่ะ) แม่เลยกู้ให้โดยน้องสัญญาว่าจะจ่ายให้ ทุกเดือน เดือนละ 4000 (ยังไม่ร่วมค่างวดรถยนต์) ซึ่งตอนนั้นเราก็ห้ามแล้วว่าอย่าซื้อเพราะตอนนั้นน้องเงินเดือน แค่ 20,000 แต่น้องเป็นคนเอาแต่ใจมากใครห้ามก็ไม่ฟัง ด้วยความที่แม่รักน้องมากจึงกู้มาให้ แต่จากนั้นแม่ต้องเป็นคนส่งให้ตลอด และบางเดือนที่น้องไม่พอใช้ก็จะมาขอที่บ้าน แม่ก็เป็นคนใช้เงินน้อย เรากับน้องทำงานคนล่ะที่กัน น้องอยู่ ตจว. (ขอเล่าเริ่มเรื่องนิดนึงนะค่ะว่าเพราะเหตุใดตอนนี้ถึงเป็นหนี้แบบนี้) น้องจะค่อนข้างนิสัยเอาแต่ใจเพราะเป็นลูกคนเล็ก ใช้ชีวิตหวือหวา ใน 1 อาทิตย์ออกไปเที่ยวและกินข้าวกับเพื่อนๆ 3 - 4 วัน ทำให้ใช้เดือนชนเดือน ไม่พอก็ขอที่บ้าน
เรากลับบ้านเพิ่งรู้เรื่องน้ำตาจะไหลเพราะสงสารแม่กับพ่อมาก อยากช่วยน้องแต่ไม่มีเงินช่วยแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้น้องอยากลงทุนทำอะไรก็จะขอที่บ้าน แล้วก็เจ็งหมดกำไรที่ได้ก็เอาไปเที่ยวหมด ทำให้ไม่มีเงินไปต่อทุน ใครบอกสอนอะไรไม่เชื่อเค้าจะเชื่อเพื่อน หลังๆมาขอเงินส่งงวดรถที่บ้านบ่อยจนพ่อกับแม่ ตัดสินใจไม่ช่วยเลยทำให้โกรธกันทั้งเรา และที่บ้าน โดยน้องไม่กลับไปอยู่บ้านไปเช่าหออยู่ จนพ่อแม่เสียใจมาก แม่โทรมาร้องไห้กับเรา เราก็ต่อว่าน้องไปแต่ดูจะไม่เป็นผล กว่าน้องจะยอมคุยกับที่บ้านก็หลายเดือน
มาถึงวันที่เราทราบว่าน้องเป็นหนี้และแม่ขอร้องให้ช่วย เราก็ตกลงแต่ขอเป็นครั้งสุดท้าย ที่ผ่านมาเราไม่ยุ่งเพราะเราไม่เห็นด้วยตั้งแต่ซื้อรถยนต์แล้ว แต่ก็ไม่อยากวุ่นวายเพราะคิดว่าน้องน่าจะรับผิดชอบได้เพราะอายุก็ใกล้ 30 แล้ว เราห่างกับน้อง 4 ปี แต่ด้วยความที่เรามาใช้ชีวิตที่ กทม ตั้งแต่เรียน มหาวิทยาลัยจนทำงานเกือบสิบปี ใจนึงก็รัก และสงสารแต่อีกใจก็คิดว่าถ้าช่วยกันไปแบบนี้เมื่อไรจะโตสักที
น้องบอกขอให้ช่วยกู้ 200,000 เราก็บอกว่าโอเคจะลองหาทางดู ได้โทรไปติดต่อแบงค์สีชมพู เพราะน้องบอกว่ากู้ได้ 200,000 โดยมีพี่ที่รู้จักเป็นพนักงานของที่นั่นแนะนำมา แต่เค้าก็มีเงื่อนไขคือต้องมีคนค้ำประกันทำงานเกิน 1 ปี หรือมีสินทรัพย์ค้ำประกัน หรือคนที่ขอกู้ทำงานมาเกิน 1 ปีแล้วยื่นเรื่องผ่านบริษัท แต่เราเพิ่งย้ายงานทำได้ 6 เดือน ส่วนสามี ย้ายงานทำได้ 3 เดือน มีค่าใช้จ่าย ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ จ่ายบัตรเครดิต (เราจะจ่ายเต็มตลอดเพราะไม่ชอบการเป็นหนี้ คือใช้บัตรเท่าที่จ่ายไหว) สามีเป็นคนประหยัด ไม่เที่ยว คชจ. ต่อเดือน 60,000 รวมทุกอย่างในบ้านและเงินที่ส่งให้พ่อแม่แล้ว (เราอายุใกล้ 35 แล้วต้องเตรียมมีลูกเลยวางแผนไว้ เพิ่งจะมีเงินเก็บได้ไม่กี่เดือน) เพราะก่อนหน้าได้เอาเงินเก็บบางส่วนไปดาวน์รถ และจ่ายค่าบ้านเพื่อให้ดอกเบี้ยลดลง
จริงๆเราตัดสินใจแล้วว่าจะช่วยเพราะสงสารแม่ แต่ก็ไม่อยากเอาเงินเก็บมาใช้ เพราะไม่อยากให้แฟนต้องมารับผิดชอบด้วย (เค้ารายได้มากกว่า) มันก็เงินเค้าเหมือนกัน และช่วงนี้แม่แฟนก็ป่วย เราคิดว่าถ้ากู้ไม่ได้ จะทำรีไฟแนนซ์บ้าน (ซึ่งๆจริง ใกล้ผ่อนหมดแล้ว ผ่อนมาเกินครึ่งทางแล้ว อยากปลดหนี้มาก) ยังมีบางสิ่งที่สงสัยว่าน้องจะทำตามสัญญาที่ให้ได้หรือไม่เพราะสาเหตุต่างๆดังนี้
1. น้องได้ใบแจ้งหนี้มาเดือน ธันวาคม ว่าค้างชำระใบนี้ 40,000 up แต่น้องไปยืมเครดิตพี่ที่ทำงานซื้อมือถือ รุ่นใหม่ 30,000 up ผ่อน 10 เดือน (ซึ่งพอถามก็ไม่ตอบบอกไม่ได้เงียบ)
2. น้องปิดบังทุกๆคนๆ แม้แต่เพื่อนร่วมงานและคนที่รู้จักโดยไปบอกว่าพี่สาวต้องการใช้เงิน ต้องการกู้เงิน (บอกกับเพื่อนที่ทำงานแบงค์เพื่อขอกู้) พอเราโทรไปคุยถึงรู้ เพื่อนพนักงานแบงค์คนนั้นบอกน้องเราก็สามารถกู้ได้แต่น้องบอกว่าพี่สาวเป็นคนต้องการเงิน. ทำให้รู้สึกว่าโดนโกหกและถูกพลักภาระหนี้มาให้
3.การใช้ชีวิตของน้องยังเที่ยว หรู กินหรูเหมือนเดิม และจากที่เราลองคำนวณแล้ว น้องไม่พอที่จะมีเงินมาจ่ายผ่อนให้เราเดือนล่ะ 4000 แน่ แต่ก็อยากเชื่อในสัญญาและสงสารแม่
น้องบอกมี คชจ. ดังนี้ ค่าหอพัก 4500 / ผ่อนมือถือ 3000 /ค่ารถ 7400 / ค่าน้ำมัน 2700 / ค่ากิน 3000. (คือ คชจ. มันเยอะมากนี่ยังไมรวม ค่าประกันรถยนต์ และค่าอื่นๆอีก) ด้วยรายได้ 22,000+ OT = 24,000
4.เราบอกว่าให้ขายรถไปซะ แล้วเอาเงินมาจ่าย ไม่งั้นถ้าขึ้นศาลก็โดนยึดอยู่ดี. แต่ก็ไม่ยอมและไม่ยอมบอกว่าเหลือกี่ปีที่ต้องผ่อน อีกกี่ปี
5. อยากให้เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้เอง เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้ว แต่เราก็ต้องยอมเป็นคนใจดำ และแม่ต้องเสียใจตรงนี้ทำให้เราเครียดและทุกข์ใจมาก. ความไว้ใจมันก็หมดไปเพราะความไม่มั่นคงของน้อง
เราจึงอยากถามว่าเราควรทำอย่างไรดี แล้วแก้ปัญหาอย่างไรดีให้มันดีที่สุด ต้องขอขอบคุณทุกความคิดเห็นล่วงหน้าเลยนะค่ะ
และถ้าน้องเราได้มาอ่านเราขอบอกไว้ตรงนี้เลย. ทุกคนรักน้องมากถ้าอะไรที่ช่วยได้ช่วยอยู่แล้วแต่สิ่งที่ต้องการคือจะปรับปรุงนิสัยได้ไหมที่คิดว่าใครๆไม่รัก และไม่อยากช่วยเหลือบอกไว้เลยแม่ร้องไห้กับพี่หลายครั้งแล้ว มันจะเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหม ปัญหามันมีทางแก้ถ้าน้องยอมปล่อยวางสิ่งที่ไม่จำเป็นและยอมรับกับผลการกระทำ. ยอมรับให้ได้ว่าถึงจะไม่มีเงินมีหนี้ แต่คนที่บ้านยังรักเหมือนเดิมไม่ต้องแคร์คนรอบข้าง (ซึ่งทุกคนที่บ้านก็เคยบอกไปแล้ว ) พี่ขอนะ