[CR] ชะโงกทัวร์ In Japan ( 6 วัน 5 คืน 4 เมือง กับมือใหม่หัดเที่ยว )

ต่อจากกระทู้ที่แล้ว ขั้นตอนการเตรียมตัวของมือใหม่ จะไปญี่ปุ่น http://pantip.com/topic/33661499
เดิมทีแผนนี้เป็นแผนการเที่ยวคนเดียว ตารางการเที่ยวแบบตามใจตัวเองสุดๆ การเดินทางค่อนข้างโหดพอสมควร ออกแนวชะโงกทัวร์ หรือจะเรียกว่าเป็นการเที่ยวแบบแรลลี่ก็ได้ค่ะ
แต่ระหว่างการเขียนก็ได้สมาชิกมาเพิ่ม 2 ท่าน จึงมีการเปลี่ยนแผนการเดินทางนิดหน่อย ตามที่ได้เห็นในกระทู้ที่แล้ว แต่ก็ยังคงคอนเซ็ปชะโงกทัวร์ไว้
การเดินทางครั้งนี้เรียกได้ว่าเป็นมหากาพย์เล็กๆของชาวคณะชะโงกทัวร์ก็ว่าได้
การเดินทางของพวกเราชาวคณะชะโงกทัวร์จะเป็นอย่างไรนั้น มาติดตามไปด้วยกันนะคะ  เพี้ยนแว๊น

หลังจากเตรียมตัวพร้อมสำหรับการออกเดินทางกันแล้ว ก็ถึงเวลาออกเดินทางกันค่ะ

03-12-2014  



เวลา 13.00 น. ณ.สุวรรณภูมิ  อุณหภูมิภาคพื้นดิน 31 องศา


เราจะนั่งลำนี้กัน



ถือพาสปอร์ตและตั๋วไว้ให้มั่น



แล้วโบกมือบ๊ายบายไทยแลนด์


บรรยากาศบนเครื่อง


บนเครื่องถ่ายรูปไม่ได้ค่ะ อันเนื่องมาจากว่าปัญหาการจองตั๋ว ตอนจองเลือกที่นั่งติดกัน 3 ที่ แต่พอเช็คอินที่นั่งเด้งค่า
จขกท.เด้งแยกไปนั่งแถวกลางคนเดียว พนักงานเลยให้ชาวคณะมานั่งด้วยกันตรงประตูฉุกเฉิน ซึ่งห้ามวางกระเป๋า และสิ่งของอื่นๆ คือโดนยึดหมดค่ะ แล้วต้องนั่งจ้องหน้าแอร์ญี่ปุ่นที่ดุมากๆ แอร์ไทยน่ารักค่ะ เฟรนลี่มาก แต่แอร์ญี่ปุ่นหน้าบึ้งและดุ (มีคนเดียวที่ดุ คนอื่นก็เฟรนลี่ดี ) ชาวคณะนั่งตัวสั่นยังกะลูกนกเลยค่ะ
ผ่านไป 5 ชั่วโมงกว่าๆก็ถึงสนามบินฮาเนดะ
คอมบังวะฮาเนดะ



Haneda International Airport  22.30 น. จริงๆเราถึงก่อนเวลานิดหน่อยนะคะ พอดีกัปตันพาแว้น อุ๊ย!! ไม่ใช่ค่ะ ผู้รู้บอกว่ามันเป็นเพราะแรงลมเลยทำให้บินถึงเร็วกว่าเวลานิดหน่อยค่ะ


พอถึงแล้วพวกเราก็ขอแวะห้องน้ำก่อนเพราะรอให้คนเข้าคิว ตม. ซาๆก่อน
หลังจากปฏิบัติภารกิจเสร็จ สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือ เปิดสัญญาณWifi ค่ะ เพื่อไม่ให้พลาดทุกการติดต่อ (จริงๆคือจะอัพ Status หุๆๆ )
หลังจากนั้นก็เตรียมพาสปอร์ต บัตรขาเข้า และแพลนการเที่ยว เข้าคิวตามระเบียบ



1.คำถาม จาก ตม.เพื่อพิชิต 10 ล้าน เอ๊ย!! เพื่อจะได้เข้าประเทศ ของ จขกท. ก็คือ
คุณจะไปไหน? ตม.ตัวเล็กๆแต่หน้าดุมากค่ะ
ก็เลยตอบไปว่า จะไปนาโกย่า แต่คืนนี้ค้างโตเกียวก่อน
แล้วตม. แล้วก็ปล่อยให้เข้าประเทศไป  เย้ๆๆๆๆโล่งใจสุดๆเลยค่ะ
จากนั้นก็รับกระเป๋า แล้วก็ยื่นเอกสาร ศุลกากร ตรงนี้เม้าพอสมควรค่ะ ถามว่ามากี่คน มาทำอะไร ณ.จุดนี้พอรู้จุดประสงค์การมาญี่ปุ่น เม้าท์ยาวค่ะ
จากนั้นก็ก็ออกไปหารถบัสกันค่ะ

ป้ายรถบัสของเราเป็นหมายเลย 11

ป้ายนี้จะเป็นป้ายสำหรับปลายทางสถานี Kamata โดยเฉพาะเลยค่ะ ซึ่งก็จากการศึกษาเส้นทางกันมาจากกระทู้ที่แล้ว



อุณหภูมิขณะนี้  6 องศา คือยืนนิ่งๆไม่ได้เลยค่ะ  ถึงแม้ว่าจะเตรียมตัวมาพร้อมแต่มันก็หนาวจนนิ่งไม่ได้
รอประมาณ 5 นาทีรถบัสก็มาค่ะ
(รถบัสมาแล้ว เห็นอยู่ลิบๆโน่นแน่ะ )


เราขึ้นประตูหน้าค่ะ แตะบัตร Suica แล้วก็หาที่นั่ง นั่งไปประมาณ 15 นาทีก็ถึงสถานี Kamata
พอใกล้ๆถึง จขกท.ก็ถามคนญี่ปุ่นที่นั่งใกล้ๆตลอดเลย ว่าถึงหรือยัง เขาก็บอกว่า ป้ายหน้า เราก็รอค่ะ รอจนรถจอดสนิทก็ลง ลงประตูหลังค่ะ (ไม่เหมือนบ้านเรานะคะ ใกล้ประตูไหนขึ้นประตูนั้น)
พอลงรถเสร็จแล้ว ปกติเราก็ต้องไปโรงแรมใช่ไหมคะ แต่...คณะเราไม่ไปค่ะ
เราไปป้อมตำรวจก่อน เอาฤกษ์เอาชัยค่ะ 555 อมยิ้ม01
จริงๆ ก็คือจะไปโรงแรมนั่นล่ะค่ะ แต่เพราะการสื่อสารที่ผิดพลาดเลยต้องไปป้อมตำรวจ

เรื่องมีอยู่ว่า
พอลงรถเราก็ถามคุณป้าว่านี่เป็นฝั่งตะวันออกของถานีใช่ไหม คือเราจะไปฝั่งตะวันตกค่ะ ต้องข้ามฝั่งไป
คุณป้าก็ถามว่าแล้วคุณจะไปไหน เราก็บอกว่าไปโรงแรมนี้ค่ะ คุณป้าก็ทำหน้างงๆ แล้วก็พาเราเดินไปทางฝั่งขวาของสถานี ที่นั่นก็คือป้อมตำรวจค่ะ
คือตอนนั้นรู้สึกเกรงใจมาก คืออารมณ์คุณป้าประมาณว่าจะช่วยให้ไปถึงโรงแรมให้ได้เลย  
เราแค่จะถามให้แน่ใจว่าเราต้องข้ามฝั่ง แต่คุณป้าลึกซึ้งกว่านั้น
ไม่รู้จะพูดยังไงก็เลยเข้าไปในป้อม คุณตำรวจก็น่ารักมาก เปิดสมุดบันทึกเล่มใหญ่ๆ แล้วก็บอกว่าพวกเราต้องข้ามฝั่ง และแล้วพวกเราก็ได้คำตอบที่ต้องการ

จากนั้นชาวคณะก็ลากกระเป๋าอีรุงตุงนังกันเข้าสถานี แต่สถานีนี้มีลิฟท์ตัวใหญ่ชาวคณะจึงไม่ลำบาก(มากนัก) ก็ลากข้ามฝั่งกันไปค่ะ เคล็ดลับในการหาที่พัก นอกจากจะสะดวก สะอาด ปลอดภัยแล้ว สถานีที่อยู่ใกล้ต้องมีลิฟท์ด้วยนะคะ ไม่งั้นเรื่องใหญ่เลยค่ะ

ข้ามฝั่งแล้วก็หาอีกว่าไปทางไหนซ้ายหรือขวา ถึงจุดนี้ต้องใช้ Google Map ช่วยแล้วค่ะ เดินไปแบบงงๆ พอเดินไปนิดก็
พี่!! … ผิดทาง ไปทางนี้ .....

(แผนที่การเดินระหว่างสถานีไปโรงแรม)

และสุดท้ายก็ถึงโรงแรม เวลาก็ล่วงเลยมาเที่ยงคืนกว่าๆ พอประตูกระจกไฟฟ้าของโรงแรมเปิดออกทุกคนแทบจะพุ่งหลาวเข้าไปในอาคารเลยค่ะ
หนาวมากคิดว่าน้อยกว่า 6 องศาแน่นอน จากนั้นก็รีบเช็คอินเข้าห้องเลย
ไม่ได้ถ่ายรูปโรงแรมเพราะไม่อยากเอามือออกจากกระเป๋าเสื้อเลยแม้แต่นิดเดียว
ถึงแล้ว Vista Hotel Kamata


รูปนี้เอามาจากหน้าเว็ปของโรงแรมค่ะ


โรงแรมนี้เช็คอิน 15-0.00 น. แต่จริงๆก็ได้ตลอด 24 ชั่วโมงค่ะ
ห้องพักโอเคมากๆ คืนแรกเป็นราคาที่สูงที่สุดของทริปนี้ คือ 6,200 เยน/ห้อง






ถึงห้องพักก็ชาร์จแบตมือถือ และ Pocket Wifi อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็เข้านอนเอาแรง


แต่.... นอนไม่หลับค่า สงสัยจะแปลกที่ ไม่ก็ตื่นเต้น ไม่ก็ทั้ง 2 อย่าง จขกท.ก็เลยนั่นดูเส้นทางทั้งคืน มาหลับอีกทีตอน ตี 4 กว่าๆ ตื่น 6 โมงเช้า อาบน้ำแต่งตัวแล้วก็เช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมตอน 6.30 น.

04-12-2014  นาโกยา ,โครังเค

6.45 น.
เช้าวันนี้ภาพที่ผู้คนแถวนี้ได้เห็นก็คือ หญิงสาว 3 คน จากภูมิภาคอาเซี่ยนที่มีสายตาอันเด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่น กำลังทุลักทุเลลากกระเป๋าใบมหึมากันอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย สายตาของพวกเธอมองตรงไปยังสถานี Kamata และนั่นคือเป้าหมายของพวกเธอในเช้าอันแสนจะหนาวเหน็บนี้

เนื่องจากคืนแรกแทบไม่ได้นอน ตื่นมาก็เลยบ้าบอนิดหน่อยค่ะ อย่าถือสานะคะ
คือเช้านี้ชาวคณะต้องเข้าโตเกียว เพื่อไปแลกตั๋ว JR Pass และเดินทางไป นาโกยา กว่าจะถึงสถานีก็กินเวลาไปหลายนาทีเลยทีเดียว
พอถึงสถานีก็ต้องเติมเงินบัตร Suica กันก่อนเลย



วันนี้ชาวคณะต้องไปแลกตั๋ว JR Pass กันที่สถานีโตเกียวกันค่ะ


ถึงแม้รถไฟที่เราจะนั่งจะเป็นรถไฟ JR แต่เรายังใช้ JR Pass ไม่ได้ ต้องไปแลกตั๋วก่อนถึงจะใช้ได้ เที่ยวนี้เราก็เลยต้องจ่ายเงินก่อน 220 เยน เดินทาง 8 สถานี ใช้เวลาประมาณ 25 นาที
บางท่านอาจสงสัยว่าทำไมถึงไปแลกตั๋วที่ Tokyo ทำไมไม่แลกตั๋วที่ Shinagawa ทั้งๆที่อยู่ใกล้กว่า คำตอบก็เพราะว่าที่ Tokyo เปิดแลกบัตรเร็วกว่าที่อื่นในแถบเดียวกัน

ตามลิงค์นี้เลยค่า http://www.japanrailpass.net/en/exchange.html


ชาวคณะมาถึงโตเกียวเกือบ 7.45 น. แล้วค่ะ ต้องเดินหน้าตั้งมาที่ประตู Yaesu Central Gate เพื่อไปแลกตั๋วและจองตั๋วค่ะ เดินไกลพอสมควรเลยค่ะ (คือจากชานชะลาที่ 3 ไปที่ Yaesu Central Gate ที่มีดาวสีเหลืองขอบแดงนั่นล่ะค่ะ)



จุดนั้นเราจะไปแลก JR Pass ตัวจริงกัน
เป็นออฟฟิศไม่ใหญ่มาก เจ้าหน้าที่ก็บริการอย่างดี
ขั้นตอนการแลกก็ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่กรอกเอกสาร 1 ใบ จะเป็นคล้ายๆกระดาษคาร์บอน รายละเอียดก็มี
ชื่อ – นามสกุล
สัญชาติ
เลขที่พาสปอร์ต
เบอร์โทรที่ติดต่อได้
แล้ว จนท.ก็ก็ดึงกระดาษที่เรากรอกออกก็จะเหลือแต่กระดาษแผ่นนี้ แล้วก็แปะรายละเอียดของตัว Pass ไว้ด้านล่าง
แล้วก็จะได้  JR Pass ตัวจริง หรือที่เราเรียกกันว่าบัตรเบ่งนั่นเอง




จากนั้นก็จองตั๋ว Shinkansen โดย จขกท.ทำลิสท์การจองไปด้วย เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการจองแบบนี้ค่ะ


ซึ่งชื่อขบวนรถ และเวลาก็ได้มาจากการหาข้อมูลใน Hyperdia จากกระทู้ที่แล้วค่ะ
แล้ว จนท.ก็ทำการออกตั๋วให้ ทั้งหมดคนละ 4 ใบ (เนื่องจากมี ชาวคณะ 1 ท่านจะอยู่เที่ยวโตเกียวก่อนและจะตามไปนาโกยาช่วงบ่าย ลิสท์จองตั๋วรอบแรกจึงทำแยกกันค่ะ จะเห็นว่าในเอกสารมีแค่ 2 ที่นั่ง )
ตั๋วจะเป็นแบบนี้…



หลังจากได้ตั๋ว ก็ต้องรีบพาชาวคณะที่จะเที่ยวโตเกียวไปฝากกระเป๋าที่ล็อคเกอร์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดแลก JR Pass เลยค่ะ
แต่... ล็อคเกอร์นั้น เป็นแบบใหม่ค่า เป็นแบบที่ไม่ต้องใช้กุญแจ แต่ใช้พินแทน
เรา2คนก็งมโข่งกันอยู่สักพัก ก็สามารถฝากกระเป๋าได้ค่ะ

โดยวิธีการคือ เปิดล็อกเกอร์ แล้วใส่กระเป๋า แล้วปิดประตู
หน้าจอจะแสดงเลขที่ล็อคเกอร์ของเราขึ้นมา เราก็กดคอนเฟิร์ม เสียบบัตร Suica หรือหยอดเหรียญ เสร็จแล้วเครื่องจะปริ๊นใบสลิปให้ ซึ่งในนั้นก็จะมีเลขพินระบุไว้
เวลาเอากระเป๋าออกก็แค่ ไปที่หน้าจอ แล้วเลือกเมนู Taking out กดเลขพิน แล้วประตูล็อคเกอร์ก็จะเปิด เอากระเป๋าออกได้เลย
ตัวอย่างตามลิงค์นี้เลยค่ะ
http://www.trachoo.com/2014/05/19/how-to-use-japans-new-coin-locker/
ชื่อสินค้า:   มือใหม่หัดเที่ยว
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่