สวัสดีครับข้อความข้างล่างนี้ผมนำมาจากเว็บบอร์ดหนึ่งโดยนามแฝง ariesanywhere ซึ่งเห็นว่าเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับนักศึกษาจบใหม่ทุกคนที่กำลังมองหางาน หรือบางคนอาจจะกำลังตัดสินใจว่าจะเริ่มต้นการทำงานเเรกในชีวิตกับที่ไหนเหมือนผม ผมได้ข้อคิดมากมายจากข้อความนี้เเละหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับอีกหลายๆคนครับ
บริษัทเล็ก หรือบริษัทใหญ่ ก็มีข้อดีข้อเสีย และความน่าสนใจ เหมือนๆกัน ขึ้นอยู่กับว่า "เป้าหมายชีวิตคุณคืออะไร"
ตามปกติโลกเมื่อคนเรียนจบก็ต้องทำงาน หากเลือกทำงานประจำก็ต้องเลือกตามสายอาชีพที่ร่ำเรียนมา หรือโชคชะตาพาเข้าไป ทำงานได้สักระยะพอมีประสบการณ์ ก็เริ่มมองหาโอกาสก้าวหน้า พร้อมๆกับภาระในชีวิตที่เริ่มเข้ามาให้รับผิดชอบ และก็จะเป็นเช่นนั้นไปเรื่อยๆอย่างคงที่ เริ่มแต่งงาน เริ่มผ่อนรถ เริ่มผ่อนบ้าน พ่อแม่เริ่มเกษียณ ภรรยาเริ่มมีลูก สุขภาพเริ่มถามหา ความฝันและสิ่งที่อยากทำ ก็เริ่มชัดเจนบ้าง เริ่มค่อยๆจางหายบ้าง ไปตามกาลเวลา
จึงอยากให้คุณถามตัวเองก่อนว่า "เป้าหมายชีวิตของคุณคืออะไร" เพราะแต่ละช่วงของชีวิต มันมีปัจจัยที่เอื้ออำนวยให้คุณทำ หรือจำเป็นต้องล่ะไว้ก่อน บริษัทที่คุณจะเลือกจึงจะถูกเลือกอย่างเหมาะสมกับชีวิตของคุณ ไม่ว่าบริษัทนั้นจะดีหรือด้อยกว่าอีกบริษัท บริษัทนั้นก็เหมาะกับชีวิตคุณ เพราะก่อนจะมีคุณมาจุติบนโลก หรือก่อนคุณจะอยู่ในสถานะปัจจุบัน มีมนุษย์อีกหลายล้านชีวิตได้ดำเนินมาถึงจุดที่คุณเป็นอยู่ และดำเนินต่อไปยังจุดข้างหน้าที่คุณกำลังจะไปถึง หลายคนเลือกถูก หลายคนเลือกผิด หลายคนก้าวหน้าและไม่สูญเสียอะไร หลายคนก้าวหน้าสูญเสียทุกอย่างเหลือแต่ตัวเอง ดังนั้นผมขอแนะนำให้เลือกจากตัวเราเองและครอบครัวเป็นหลักครับ
ข้อดีของบริษัทเล็ก
1. งานหลากหลาย มีโอกาสเรียนรู้งานหลายๆด้านในขอบเขตอาชีพที่คุณรับผิดชอบ เหมาะสำหรับผู้ต้องการเรียนรู้ประสบการณ์โลกธุรกิจ และขยายองค์ความรู้ในสาขาอาชีพของตนเองให้เชี่ยวกราก และแตกไลน์ไปในสาขาอื่นๆได้
2. ลดเวลาการเรียนรู้ องค์ความรู้ต่างๆ ที่หลากหลายในเวลาที่สั้นกว่าบริษัทใหญ่ เพราะเวลา 60-80 ปีของมนุษย์ จะมีสักกี่คน เรียนรู้และมีประสบการณ์มากกว่าคนอื่นๆ
3. หากบริษัทเล็กๆ เติบโตขึ้นเป็นบริษัทใหญ่ ความไว้วางใจและการมอบหมายหน้าที่และความรับผิดชอบที่ใหญ่มากขึ้น จะถูกมอบหมายให้กับคุณ
4. วันนึงเมื่อคุณแยกตัวออกมาทำธุรกิจ บริษัทนั้นๆ ก็จะเป็นพันธมิตรกับคุณได้ดีกว่า บริษัทใหญ่
5. มิตรภาพ และความอบอุ่นในที่ทำงาน บริษัทเล็กๆ ส่วนใหญ่การเมืองในออฟฟิต น้อยกว่าบริษัทใหญ่ คนขี้อิจฉา คนเขม่น คนช่างเมาส์ คนแอบชอบ คนข่ม คนประเภทเกรียนๆต่างๆ ก็น้อยกว่าเป็นธรรมดา
6. โอกาสเติบโตของคุณยังมีอีกมากมาย เพราะบริษัทเล็กๆ ถูกบังคับให้ต้องโตขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่บริษัทใหญ่ อาจจะคงสถานภาพแล้ว คุณจึงมีโอกาสขยับตำแหน่ง และไปดูงานในส่วนที่วงจรของอาชีพหรือธุรกิจนั้นๆ ยังไปไม่ถึงได้อีกไกลโข อาชีพของคุณกว่าจะตันอีกนานมาก
7. ตำแหน่งของคุณมั่นคง การเปลี่ยนงานของบุคคลากรในบริษัทฯหนึ่ง มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจให้หยุดชะงักได้ ดังนั้นบริษัทเล็กจึงมีโอกาสที่คุณจะถูกเลิกจ้าง หากมือไม่ถึง หรือมีคนใหม่มาทดแทน น้อยและนานกว่า บริษัทใหญ่ซึ่งไม่จำเป็นต้องสนใจคุณ และอนุญาตให้คุณกลับบ้านได้เร็วเท่าใจอยาก
ข้อเสียของบริษัทเล็ก
1. งานเยอะ และบางครั้งเยอะจนล้นมือ แต่คุณก็ต้องเลือก ว่าอยากได้โอกาสประสบความสำเร็จ หรืออยากได้เพียงเงินเดือน แล้วเปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆ หาที่ที่งานน้อยๆ แต่เงินเดือนเยอะๆ ซึ่งก็คงมีน้อยและยากมาก หรือต่อให้มี คุณก็คงไม่ได้เรียนรู้อะไร และคงไม่ภูมิใจในตัวเองสักเท่าไหร่
2. สวัสดิการ เทียบไม่ได้กับบริษัทใหญ่ แน่นอนบริษัทเล็ก เงินทุนหมุนเวียนน้อย ย่อมมีผลตอบแทนกลับมาให้พนักงานในรูปของสวัสดิการน้อยกว่าเป็นธรรมดา แต่ก็ให้คุณได้ตามมาตรฐานบริษัทอื่นๆและกฏหมายกำหนดว่าต้องให้
3. ตำแหน่งไม่เท่ห์ เนื่องจากองค์ความรู้ หรือโครงสร้างการบริหารทรัพยากรมนุษย์ยังเพิ่งเริ่มต้น คุณจึงอาจได้ชื่อตำแหน่งไม่เท่ห์ แต่เงินเดือนอาจเท่าคนตำแหน่งเท่ห์ในบริษัทใหญ่ๆ ก็เป็นได้ ส่วนเงินเดือนแล้วแต่บางบริษัทก็ให้เยอะ บางบริษัทก็ให้น้อย ไม่เกี่ยวกันกับขนาดบริษัท
4. ความมั่นคงของบริษัท อยู่ในมือคุณด้วย นั่นหมายถึง บริษัทจำเป็นต้องพึ่งคุณในการนำพาธุรกิจให้ไปรอด แต่อาจไม่ได้มั่นคงและเป็นที่พึ่งให้คุณได้ขนาดเท่ากับบริษัท แต่ด้วยความเล็ก จึงอาจมีความเป็นมิตรที่อาจช่วยเหลือกันได้แม้เหตุผลจะไม่สมเหตุสมผลก็ตาม
ข้อดีของบริษัทใหญ่
1. บริษัทมั่นคง ทำให้มั่นใจว่าสิ้นเดือนคุณจะได้รับเงินเดือนทุกเดือน
2. สวัสดิการที่หลากหลายกว่า เช่น บริษัทอาจมีกองทุนที่ให้สิทธิพนักงานกู้ หรือให้สิทธิ์ส่วนลดหรือซื้อสินค้าในราคาพิเศษเฉพาะพนักงานได้
3. ภาพลักษณ์ที่ดี ว่าได้ทำงานให้องค์กรใหญ่มีชื่อเสียง เป็นเกียรติยศให้วงศ์ตระกูล
4. เข้าถึงองค์ความรู้ระดับสูง ความรู้ที่บริษัทเล็กๆยังไม่มี หรือไม่นึกว่ามี รู้วิธีหาเงินแบบที่บริษัทใหญ่ๆเค้าทำกัน
5. รู้ที่มาของ source แหล่งผลิต การผลิต และช่องทางต่างๆ ที่อาจนำไปดำเนินกิจการของตนเองได้เช่นกัน
6. งานพอประมาณ หรือเยอะมาก เหมือนบริษัทเล็ก ต่างกันที่เนื้องาน แต่กลับบ้านดึกเหมือนกัน
7. โอกาสเติบโตมีแบบแนวกว้าง คือขึ้นไปถึงยอดเขาไม่ได้ เพราะคนเหนือเราเค้ากันไว้อยู่ หรือไม่ก็ต้องรอเกษียณเหมือนราชการ แต่แนวกว้างรอบทิศมีเยอะ เพียงแค่อาจไม่ตรงกับสายอาชีพที่คุณร่ำเรียนมา
8. เห็นภาพรวมของธุรกิจ กว้างกว่าและลึกกว่า บริษัทเล็กๆ เพราะมีการวางแผนระยะยาวกว่า และสายป่านยาว ทำให้ทำโปรเจคระยะยาวที่ได้รับผลประโยชน์ประเภทกินนานได้ ทำให้คุณมีโอกาสมองเห็นและเรียนรู้การทำธุรกิจแบบยาวๆ ไม่ต้องรีบหาเงินเหมือนบริษัทเล็ก
ข้อเสียของบริษัทใหญ่
1. มากคนมากความ ปัญหาเยอะ แต่ถ้าเป็นมิตรกับทุกคนได้ จะเป็นการทำงานในบริษัทใหญ่ที่ได้รับโอกาสและความเมตตามาก
2. งานคืบหน้าช้า เพราะผ่านหลายแผนก หลายบริษัทย่อย กว่าจะรันโครงการได้ผ่านหลายกระบวนการ พอบทจะเร่งก็เร่งไฟไหม้เลย
3. ไม่มีคุณ ก็จ้างคนอื่นได้ เพราะบริษัทใหญ่ เลือกใครก็ได้ มีคนอยากเข้ามาเยอะเพราะชื่อเสียง ตำแหน่งของคุณจึงไม่มั่นคง หากไม่ใช่ตำแหน่งผู้บริหารระดับกลางขึ้นไปแล้ว มีโอกาสที่บริษัทจะเลือกคนใหม่เข้ามาแทน หรือกดดันเยอะมาก
4. ตำแหน่งเท่ห์ แต่ได้เงินเดือน เท่าเด็กที่เข้ามาทีหลัง
5. ความสบาย ทำให้เราเคยตัว และหยุดเรียนรู้ จนเด็กรุ่นหลัง มีทักษะที่บริษัทต้องการมากกว่าเรา กว่าจะรู้ตัวอาจต้องย้ายบริษัท หรือออกมาหาอะไรทำเองแต่นั่นขึ้นอยู่กับว่า "เป้าหมายชีวิตของคุณคืออะไร" ทำงานเพียงแค่หาเงินเพราะเห็นเค้าว่ามา หรือนิยมสมัยเห็นคนอื่นเค้าทำกัน หรือทำงานเพื่อความมั่นคงเพื่อรักษาสมดุลชีวิตและครอบครัว หรือทำงานเพื่อเรียนรู้เพื่อวันนึงจะได้ทำของเราเองบ้าง หรือทำงานไปเรื่อยๆ เพื่อหาว่าตัวเองเหมาะกับอะไร
บางช่วงคุณอาจต้องเลือกบริษัทเล็ก เพื่อเรียนรู้งานและธุรกิจนั้นๆ ว่าวัฏจักรวงจรทั้งระบบของธุรกิจนั้นมีอะไรบ้าง จนครบถ้วนแล้วแยกออกมาทำกิจการของคุณเอง หรือบางครั้งครอบครัวมีปัญหาการเงิน ก็ต้องเลือกบริษัทใหญ่หรือเล็กก็ได้ที่ให้เงินเยอะ หรือต้องการภาพลักษณ์เพื่อให้ครอบครัวที่มีฐานะดีอยู่แล้วไม่สามารถตำหนิคุณได้ คุณจะออก on site แต่แฟนคุณต้องการเวลาจากคุณ หรือลูกคุณเพิ่งเกิด ขึ้นอยู่กับเหตุผลที่คุณจำเป็นต้องมองย้อนกลับมาที่ครอบครัว เวลาและโอกาสที่จะได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ เพื่อน และคนรัก ว่าสถานะตอนนี้ของคุณเป็นอย่างไร
แต่สำหรับผม สิ่งที่มีค่าที่สุดในโลกคือ "เวลา" และเวลาจะมี "คุณค่า" หรือไม่มีค่า ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณใช้มันทำอะไร และเพื่อเป้าหมายอะไร จัดวางแผนชีวิตในแต่ละช่วงอายุเอาไว้อย่างไร จะเติบโตหรือก้าวหน้าไปในทิศทางไหน และทีสำคัญ ตัวคุณเอง "ภูมิใจ" ในตัวคุณเองไหม กับสิ่งที่คุณเลือกทำ (ตรงนี้อาจจะงงว่าเกี่ยวอะไรกับเลือกบริษัทเล็กใหญ่ที่คุณถาม แต่เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง คุณจะเข้าใจครับ)
มีโฆษณาต่างประเทศของแบรนด์ยี่ห้อหนึ่ง มีคำคมในเนื้อเรื่องประมาณว่า "ขุมทรัพย์สุดปลายฟ้า ตามล่าหามาจนได้ แต่สุดท้ายเปิดหีบออกมา กลายเป็นแค่เมล็ดถั่ว"
เป็นกำลังใจให้เด็กจบใหม่!
บริษัทเล็ก หรือบริษัทใหญ่ ก็มีข้อดีข้อเสีย และความน่าสนใจ เหมือนๆกัน ขึ้นอยู่กับว่า "เป้าหมายชีวิตคุณคืออะไร"
ตามปกติโลกเมื่อคนเรียนจบก็ต้องทำงาน หากเลือกทำงานประจำก็ต้องเลือกตามสายอาชีพที่ร่ำเรียนมา หรือโชคชะตาพาเข้าไป ทำงานได้สักระยะพอมีประสบการณ์ ก็เริ่มมองหาโอกาสก้าวหน้า พร้อมๆกับภาระในชีวิตที่เริ่มเข้ามาให้รับผิดชอบ และก็จะเป็นเช่นนั้นไปเรื่อยๆอย่างคงที่ เริ่มแต่งงาน เริ่มผ่อนรถ เริ่มผ่อนบ้าน พ่อแม่เริ่มเกษียณ ภรรยาเริ่มมีลูก สุขภาพเริ่มถามหา ความฝันและสิ่งที่อยากทำ ก็เริ่มชัดเจนบ้าง เริ่มค่อยๆจางหายบ้าง ไปตามกาลเวลา
จึงอยากให้คุณถามตัวเองก่อนว่า "เป้าหมายชีวิตของคุณคืออะไร" เพราะแต่ละช่วงของชีวิต มันมีปัจจัยที่เอื้ออำนวยให้คุณทำ หรือจำเป็นต้องล่ะไว้ก่อน บริษัทที่คุณจะเลือกจึงจะถูกเลือกอย่างเหมาะสมกับชีวิตของคุณ ไม่ว่าบริษัทนั้นจะดีหรือด้อยกว่าอีกบริษัท บริษัทนั้นก็เหมาะกับชีวิตคุณ เพราะก่อนจะมีคุณมาจุติบนโลก หรือก่อนคุณจะอยู่ในสถานะปัจจุบัน มีมนุษย์อีกหลายล้านชีวิตได้ดำเนินมาถึงจุดที่คุณเป็นอยู่ และดำเนินต่อไปยังจุดข้างหน้าที่คุณกำลังจะไปถึง หลายคนเลือกถูก หลายคนเลือกผิด หลายคนก้าวหน้าและไม่สูญเสียอะไร หลายคนก้าวหน้าสูญเสียทุกอย่างเหลือแต่ตัวเอง ดังนั้นผมขอแนะนำให้เลือกจากตัวเราเองและครอบครัวเป็นหลักครับ
ข้อดีของบริษัทเล็ก
1. งานหลากหลาย มีโอกาสเรียนรู้งานหลายๆด้านในขอบเขตอาชีพที่คุณรับผิดชอบ เหมาะสำหรับผู้ต้องการเรียนรู้ประสบการณ์โลกธุรกิจ และขยายองค์ความรู้ในสาขาอาชีพของตนเองให้เชี่ยวกราก และแตกไลน์ไปในสาขาอื่นๆได้
2. ลดเวลาการเรียนรู้ องค์ความรู้ต่างๆ ที่หลากหลายในเวลาที่สั้นกว่าบริษัทใหญ่ เพราะเวลา 60-80 ปีของมนุษย์ จะมีสักกี่คน เรียนรู้และมีประสบการณ์มากกว่าคนอื่นๆ
3. หากบริษัทเล็กๆ เติบโตขึ้นเป็นบริษัทใหญ่ ความไว้วางใจและการมอบหมายหน้าที่และความรับผิดชอบที่ใหญ่มากขึ้น จะถูกมอบหมายให้กับคุณ
4. วันนึงเมื่อคุณแยกตัวออกมาทำธุรกิจ บริษัทนั้นๆ ก็จะเป็นพันธมิตรกับคุณได้ดีกว่า บริษัทใหญ่
5. มิตรภาพ และความอบอุ่นในที่ทำงาน บริษัทเล็กๆ ส่วนใหญ่การเมืองในออฟฟิต น้อยกว่าบริษัทใหญ่ คนขี้อิจฉา คนเขม่น คนช่างเมาส์ คนแอบชอบ คนข่ม คนประเภทเกรียนๆต่างๆ ก็น้อยกว่าเป็นธรรมดา
6. โอกาสเติบโตของคุณยังมีอีกมากมาย เพราะบริษัทเล็กๆ ถูกบังคับให้ต้องโตขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่บริษัทใหญ่ อาจจะคงสถานภาพแล้ว คุณจึงมีโอกาสขยับตำแหน่ง และไปดูงานในส่วนที่วงจรของอาชีพหรือธุรกิจนั้นๆ ยังไปไม่ถึงได้อีกไกลโข อาชีพของคุณกว่าจะตันอีกนานมาก
7. ตำแหน่งของคุณมั่นคง การเปลี่ยนงานของบุคคลากรในบริษัทฯหนึ่ง มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจให้หยุดชะงักได้ ดังนั้นบริษัทเล็กจึงมีโอกาสที่คุณจะถูกเลิกจ้าง หากมือไม่ถึง หรือมีคนใหม่มาทดแทน น้อยและนานกว่า บริษัทใหญ่ซึ่งไม่จำเป็นต้องสนใจคุณ และอนุญาตให้คุณกลับบ้านได้เร็วเท่าใจอยาก
ข้อเสียของบริษัทเล็ก
1. งานเยอะ และบางครั้งเยอะจนล้นมือ แต่คุณก็ต้องเลือก ว่าอยากได้โอกาสประสบความสำเร็จ หรืออยากได้เพียงเงินเดือน แล้วเปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆ หาที่ที่งานน้อยๆ แต่เงินเดือนเยอะๆ ซึ่งก็คงมีน้อยและยากมาก หรือต่อให้มี คุณก็คงไม่ได้เรียนรู้อะไร และคงไม่ภูมิใจในตัวเองสักเท่าไหร่
2. สวัสดิการ เทียบไม่ได้กับบริษัทใหญ่ แน่นอนบริษัทเล็ก เงินทุนหมุนเวียนน้อย ย่อมมีผลตอบแทนกลับมาให้พนักงานในรูปของสวัสดิการน้อยกว่าเป็นธรรมดา แต่ก็ให้คุณได้ตามมาตรฐานบริษัทอื่นๆและกฏหมายกำหนดว่าต้องให้
3. ตำแหน่งไม่เท่ห์ เนื่องจากองค์ความรู้ หรือโครงสร้างการบริหารทรัพยากรมนุษย์ยังเพิ่งเริ่มต้น คุณจึงอาจได้ชื่อตำแหน่งไม่เท่ห์ แต่เงินเดือนอาจเท่าคนตำแหน่งเท่ห์ในบริษัทใหญ่ๆ ก็เป็นได้ ส่วนเงินเดือนแล้วแต่บางบริษัทก็ให้เยอะ บางบริษัทก็ให้น้อย ไม่เกี่ยวกันกับขนาดบริษัท
4. ความมั่นคงของบริษัท อยู่ในมือคุณด้วย นั่นหมายถึง บริษัทจำเป็นต้องพึ่งคุณในการนำพาธุรกิจให้ไปรอด แต่อาจไม่ได้มั่นคงและเป็นที่พึ่งให้คุณได้ขนาดเท่ากับบริษัท แต่ด้วยความเล็ก จึงอาจมีความเป็นมิตรที่อาจช่วยเหลือกันได้แม้เหตุผลจะไม่สมเหตุสมผลก็ตาม
ข้อดีของบริษัทใหญ่
1. บริษัทมั่นคง ทำให้มั่นใจว่าสิ้นเดือนคุณจะได้รับเงินเดือนทุกเดือน
2. สวัสดิการที่หลากหลายกว่า เช่น บริษัทอาจมีกองทุนที่ให้สิทธิพนักงานกู้ หรือให้สิทธิ์ส่วนลดหรือซื้อสินค้าในราคาพิเศษเฉพาะพนักงานได้
3. ภาพลักษณ์ที่ดี ว่าได้ทำงานให้องค์กรใหญ่มีชื่อเสียง เป็นเกียรติยศให้วงศ์ตระกูล
4. เข้าถึงองค์ความรู้ระดับสูง ความรู้ที่บริษัทเล็กๆยังไม่มี หรือไม่นึกว่ามี รู้วิธีหาเงินแบบที่บริษัทใหญ่ๆเค้าทำกัน
5. รู้ที่มาของ source แหล่งผลิต การผลิต และช่องทางต่างๆ ที่อาจนำไปดำเนินกิจการของตนเองได้เช่นกัน
6. งานพอประมาณ หรือเยอะมาก เหมือนบริษัทเล็ก ต่างกันที่เนื้องาน แต่กลับบ้านดึกเหมือนกัน
7. โอกาสเติบโตมีแบบแนวกว้าง คือขึ้นไปถึงยอดเขาไม่ได้ เพราะคนเหนือเราเค้ากันไว้อยู่ หรือไม่ก็ต้องรอเกษียณเหมือนราชการ แต่แนวกว้างรอบทิศมีเยอะ เพียงแค่อาจไม่ตรงกับสายอาชีพที่คุณร่ำเรียนมา
8. เห็นภาพรวมของธุรกิจ กว้างกว่าและลึกกว่า บริษัทเล็กๆ เพราะมีการวางแผนระยะยาวกว่า และสายป่านยาว ทำให้ทำโปรเจคระยะยาวที่ได้รับผลประโยชน์ประเภทกินนานได้ ทำให้คุณมีโอกาสมองเห็นและเรียนรู้การทำธุรกิจแบบยาวๆ ไม่ต้องรีบหาเงินเหมือนบริษัทเล็ก
ข้อเสียของบริษัทใหญ่
1. มากคนมากความ ปัญหาเยอะ แต่ถ้าเป็นมิตรกับทุกคนได้ จะเป็นการทำงานในบริษัทใหญ่ที่ได้รับโอกาสและความเมตตามาก
2. งานคืบหน้าช้า เพราะผ่านหลายแผนก หลายบริษัทย่อย กว่าจะรันโครงการได้ผ่านหลายกระบวนการ พอบทจะเร่งก็เร่งไฟไหม้เลย
3. ไม่มีคุณ ก็จ้างคนอื่นได้ เพราะบริษัทใหญ่ เลือกใครก็ได้ มีคนอยากเข้ามาเยอะเพราะชื่อเสียง ตำแหน่งของคุณจึงไม่มั่นคง หากไม่ใช่ตำแหน่งผู้บริหารระดับกลางขึ้นไปแล้ว มีโอกาสที่บริษัทจะเลือกคนใหม่เข้ามาแทน หรือกดดันเยอะมาก
4. ตำแหน่งเท่ห์ แต่ได้เงินเดือน เท่าเด็กที่เข้ามาทีหลัง
5. ความสบาย ทำให้เราเคยตัว และหยุดเรียนรู้ จนเด็กรุ่นหลัง มีทักษะที่บริษัทต้องการมากกว่าเรา กว่าจะรู้ตัวอาจต้องย้ายบริษัท หรือออกมาหาอะไรทำเองแต่นั่นขึ้นอยู่กับว่า "เป้าหมายชีวิตของคุณคืออะไร" ทำงานเพียงแค่หาเงินเพราะเห็นเค้าว่ามา หรือนิยมสมัยเห็นคนอื่นเค้าทำกัน หรือทำงานเพื่อความมั่นคงเพื่อรักษาสมดุลชีวิตและครอบครัว หรือทำงานเพื่อเรียนรู้เพื่อวันนึงจะได้ทำของเราเองบ้าง หรือทำงานไปเรื่อยๆ เพื่อหาว่าตัวเองเหมาะกับอะไร
บางช่วงคุณอาจต้องเลือกบริษัทเล็ก เพื่อเรียนรู้งานและธุรกิจนั้นๆ ว่าวัฏจักรวงจรทั้งระบบของธุรกิจนั้นมีอะไรบ้าง จนครบถ้วนแล้วแยกออกมาทำกิจการของคุณเอง หรือบางครั้งครอบครัวมีปัญหาการเงิน ก็ต้องเลือกบริษัทใหญ่หรือเล็กก็ได้ที่ให้เงินเยอะ หรือต้องการภาพลักษณ์เพื่อให้ครอบครัวที่มีฐานะดีอยู่แล้วไม่สามารถตำหนิคุณได้ คุณจะออก on site แต่แฟนคุณต้องการเวลาจากคุณ หรือลูกคุณเพิ่งเกิด ขึ้นอยู่กับเหตุผลที่คุณจำเป็นต้องมองย้อนกลับมาที่ครอบครัว เวลาและโอกาสที่จะได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ เพื่อน และคนรัก ว่าสถานะตอนนี้ของคุณเป็นอย่างไร
แต่สำหรับผม สิ่งที่มีค่าที่สุดในโลกคือ "เวลา" และเวลาจะมี "คุณค่า" หรือไม่มีค่า ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณใช้มันทำอะไร และเพื่อเป้าหมายอะไร จัดวางแผนชีวิตในแต่ละช่วงอายุเอาไว้อย่างไร จะเติบโตหรือก้าวหน้าไปในทิศทางไหน และทีสำคัญ ตัวคุณเอง "ภูมิใจ" ในตัวคุณเองไหม กับสิ่งที่คุณเลือกทำ (ตรงนี้อาจจะงงว่าเกี่ยวอะไรกับเลือกบริษัทเล็กใหญ่ที่คุณถาม แต่เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง คุณจะเข้าใจครับ)
มีโฆษณาต่างประเทศของแบรนด์ยี่ห้อหนึ่ง มีคำคมในเนื้อเรื่องประมาณว่า "ขุมทรัพย์สุดปลายฟ้า ตามล่าหามาจนได้ แต่สุดท้ายเปิดหีบออกมา กลายเป็นแค่เมล็ดถั่ว"