รับความจริง คมคิดฅนเขียน ..... เขื่อนขันธ์ เดลินิวส์ออนไลน์ ....อีกสักครั้ง สำหรับ คุณข้างบูรพา .../sao..เหลือ..noi

จะว่าไปแล้ว “นายอภิสิทธิ์” ควรลาออกจาก “หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์”
เมื่อนำพาพรรคพ่ายแพ้การเลือกตั้งเมื่อปี 2554 โดยไม่หวนกลับมารับบทผู้นำพรรค


แม้จะหลุดพ้นจาก ’วงจรการเมือง“ มานานพอสมควรแล้ว แต่ความเห็นของ “นายพิชัย รัตตกุล”
รองประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ที่สื่อสารผ่านพรรคต้นสังกัด และพาดพิง
“นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ผู้นำพรรคการเมืองเก่า ผ่านทาง ’ประชาชาติธุรกิจ“ ผมเห็นว่า ตรงประเด็น
และน่ารับฟังมากที่สุด

ทั้งกรณี “อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 27” ประกาศขอนำทัพสู้ศึกเลือกตั้ง และอนาคตของ
พรรคการเมืองที่มีอายุเก่าแก่มากที่สุด
จนถูกยกให้เป็น “สถาบัน” ไปเรียบร้อยแล้ว
เพราะหลังจาก “หนุ่มมาร์ค” แสดงจุดยืนทางการเมืองล่าสุด แทบทุกคนเชื่อว่า หนทาง
นำพาพรรคให้ชนะเลือกตั้ง เท่ากับถูกปิดตายไปเรียบร้อยแล้ว

จะว่าไปแล้ว “นายอภิสิทธิ์” ควรลาออกจาก “หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์” เมื่อนำพาพรรค
พ่ายแพ้การเลือกตั้งเมื่อปี 2554 โดยไม่หวนกลับมารับบทผู้นำพรรค แม้ว่า “ต้นสังกัด”
จะมีมติสนับสนุนก็ตาม ต้องไม่ลืมว่า หลังเกิดเหตุการณ์กระชับพื้นที่ ’นปช. และคนเสื้อแดง“
เมื่อปี 2553 นายอภิสิทธิ์กลายเป็น ’เงื่อนไขความขัดแย้ง“ ไปเรียบร้อยแล้ว และยังมี “คดีความ”
ติดตัวอยู่ จนถึงวันนี้

แม้ว่า “พระสุเทพ ปภากโร” ซึ่งช่วงเป็นฆราวาสคือ “นายสุเทพ เทือกสุบรรณ” จะประกาศ
ขอรับผิดชอบคดีความทั้งหมด ในช่วงดำรงตำแหน่ง “รองนายกรัฐมนตรี” แต่คำถามคือ “นายอภิสิทธิ์”
ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไรเลยหรือ ในฐานะดำรงตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี”

จำได้ช่วง “พรรคพลังประชาชน” ถูกยุบโดยมติของ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ทำให้ “นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์”
ต้องพ้นจากตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” ไปเมื่อปี 2551 จากนั้นการเมืองก็พลิกขั้ว “พรรคประชาธิปัตย์”
กลับมาเป็น “แกนนำรัฐบาล” ช่วงนั้นพรรคการเมือง ที่ยอมเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล เสนอให้ “นายชวน หลีกภัย”
เข้ามารับตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” แต่ “นายสุเทพ” ยืนยันว่า หากมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นกับการทำงาน
พูดคุยกับ “หนุ่มมาร์ค” จะง่ายกว่า

แล้วในที่สุดข้อห่วงใยของ “พรรคร่วมรัฐบาล” ก็เกิดขึ้นจริง ๆ หลังจาก “นายอภิสิทธิ์” ประกาศยุบสภา
ช่วงกลางปี 2554 แทนที่จะรอให้รัฐบาลใช้ อำนาจแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ และ จัดทำ พ.ร.บ.
งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 ให้เสร็จเรียบร้อยไปซะก่อน

เพราะนักการเมืองต่างคิดตรงกันว่า ไหน ๆ จะแพ้อยู่แล้ว ควรช้อำนาจทิ้งท้าย เพื่อให้ได้เปรียบการเลือกตั้ง
แม้กระทั่ง “กองทัพ” ซึ่งทำงานร่วมกับ “นายอภิสิทธิ์” ในระหว่างที่ต้องรับมือกับ “นปช.” และ “คนเสื้อแดง”
ซึ่งจัดกิจกรรมต่อต้านรัฐบาลตั้งแต่ ปี 2552 ยังมีข่าวว่า ไม่พอใจการตัดสินครั้งนั้น ด้วยรู้สึกว่าเหมือนถูก ’ลอยแพ“

แม้จะมี “พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงกลา โหม” ช่วยป้องกันการเมืองเข้ามาแทรกแซง
การแต่งตั้งโยกย้ายในเหล่าทัพ แต่ในช่วง “พรรคเพื่อไทย” เป็นรัฐบาล อำนาจทางการเมืองก็เข้า
มากดดัน และต่อรองเกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายอย่างต่อเนื่อง พูดกันตรง ๆ ว่า เป็นโชคดีของ
“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ที่สามารถประคองตัวเอง จนอยู่ในเก้าอี้ “ผบ.ทบ.” ได้จนเกษียณ
อายุราชการ

แล้วต้องยอมรับว่า รายชื่อบุคคลที่ “นายพิชัย” เสนอให้เป็นทางเลือก นำพา “พรรคประชาธิปัตย์”
สู้ศึกเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็น “นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ” หรือ “นายศุภชัย พาณิชภักดิ์” ถือว่ามีความ
เหมาะสมทั้งคู่ คนหนึ่งเก่งเรื่อง การเมืองระหว่างประเทศ คนหนึ่งเก่งเรื่อง เศรษฐกิจระหว่างประเทศ

ติดอยู่ที่ว่า ผู้ใหญ่ใน พรรคการเมืองเก่าแก่ มองว่าทั้ง “นายสุรินทร์” และ “นายศุภชัย” ไม่เคยทุ่มเท
การทำงานให้พรรค เวลา “ประชาธิปัตย์” ตกเป็นฝ่ายค้าน ก็ตัดช่องน้อยแต่พอตัว ไม่ยอมอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุข เลยไม่ค่อยมีใครอยากสนับสนุนบุคคลทั้งสอง

แต่ถ้าหากพรรคการเมืองเก่าแก่ ยังคิดแต่ ขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิม คงต้องทำใจยอมรับความพ่ายแพ้ที่จะเกิดขึ้น เพราะนอกจากฐานเสียงทางการเมืองจะสู้ “เพื่อไทย” ไม่ได้แล้ว

มีข่าวว่า บุคคลที่ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” จะเลือกใช้บริการ นำพา “พรรคเพื่อไทย” สู้ศึกในการเลือกตั้ง
ไม่ว่าจะเป็น “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ” หรือ “นางปวีณา หงสกุล” ภาพลักษณ์ก็ไม่ด้อยไปกว่า
“หนุ่มมาร์ค” แค่นี้ใครก็มองภาพ “รัฐบาล” หลังการเลือกตั้งออกแล้ว.

“เขื่อนขันธ์”
http://www.dailynews.co.th/article/324002

แหม ...   เขื่อนขันธ์  เขียนตรงใจ  คุณ "ชานเมือง"  เด๊ะ เลย
แต่ก็ขัดใจ  คุณ  "ห่านป่า"  มาก   สื่อที่  กล๊าง กลาง  แบบนี้
น่าเชื่อถือ  นะคะ   คุณข้างบูรพา  ....  และ คนที่คุณ  "หลงรัก"

สาวแว่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่