Shambhala in Your Heart Festival 
Shambhala in Your Heart Festival คืองานอะไรว๊ะแกรรรรรรรรร?

cr.
https://www.facebook.com/shambhalafestival?fref=ts
เห็นโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์งานแว็บๆใน facebook สะดุดตรงภาพสวย รู้แค่ว่าเป็นเทศกาลดนตรีและศิลปะ จัดที่เชียงดาว จ.เชียงใหม่
เห้ย!! สถานที่คือดี เลยคลิกเข้าไปดูในลิ้งค์ซึ่งเป็นเพจของงาน ก็มีแต่ภาษาอังกฤษกับภาษาญี่ปุ่น เลยเลิกสนใจไป (คืออ่อนอิ้งมาก แปลไม่ออก55)
แต่ไม่กี่วัน ก็มีเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในแก็งค์เจ็ดสาวตะลุยดอย ที่เคยไปเที่ยวด้วยกันเมื่อครั้งไปดอยอินทนนท์ เอาลิ้งที่เป็นภาษาไทยมาแปะ อ่านไปพอจับใจความได้ว่าเป็นงานเทศกาลดนตรีและศิลปะ ที่จัดโดยคนญี่ปุ่น มีฉากหลังเป็นดอยหลวงเชียงดาว
ร้องเห้ย ดังมาก นางมาชวนไปงานนี้คร่าาาาาาาา เริ่ดไปอีกกกกกกก
แต่เดี๋ยวนะแกรรรร นี่เปิดเทอมอยู่นะ มีเรียนนะ ตังค์ไม่มีนะ แล้วไง เอาไง แคร์มั๊ย? ไม่!!!
โอเคร๊ ตามนั้น ตกลงวันเรียบร้อย ได้ความว่าไปกัน 2 คน มีเพื่อนรออยู่เชียงใหม่อีกคน
มีงบ 1,000 บาท ย้ำว่า 1,000 บาท!!!
ไปเสาร์-อาทิตย์ และต้องกลับมาให้ทันเรียนแลป วันจันทร์ ตอน 11 โมง!!!!! เก๋ไปอีกกกกกกกก
เชียงใหม่นะแกรรรรรร ไม่ใช่นครปฐม
แต่ด้วยการวางแผนตารางเรียนที่ดี คือวันศุกร์ว่างค่ะ ไม่ลงเรียนอะไรเลย เผื่อได้เดินทาง (พร้อมเที่ยวมากกกก55) และวันพฤหัสฯมีเรียนถึง 11 โมง รถไฟฟรีมาประมาณบ่ายโมงครึ่ง เลยสรุปว่าเดินทางวันพฤหัสฯที่ 12 ก.พ.58 ถึงเชียงใหม่เช้าศุกร์ที่ 13 ก.พ.58 และออกเดินทางไปเชียงดาว เพื่อตามหา Shambhala ของเราต่อเลย
แผนมีแค่นี้
ก่อนไปมีหาอ่านรีวิว แต่ปรากฏว่ามีน้อยมาก คนไทยยังไม่ค่อยรู้จักงานนี้
แต่ไม่เป็นไร แค่รู้วันจัดงาน กับ สถานที่จัดงานก็เพียงพอละ ที่เหลือค่อยไปลุยเอา
Go!!!
DAY 1
12 กุมภาพันธ์ 2558
อีกไม่ถึงชั่วโมงรถไฟจะมา
อาบน้ำ เก็บของสิคะ รออะไร
อีก 15 นาที!!! ออกจากหอมา อุปสรรคเยอะมาก ณ จุดนั้นได้แต่ภาวนาให้รถไฟมาเหลด
วิ่งข้ามสะพานลอยมาที่สถานีบางเขน ใจหนึ่งก็คิดว่ารถไฟไปแล้วแน่ๆ
แต่ ทันค่ะ รถไฟยังไม่มาค่ะ รีบรับตั๋วในทันทีด้วยความโล่งใจ เหงื่อนี่มาไหลตามใบหน้า กราบงามๆ 3 ที ที่วันนี้รถไฟมาเหลด ไม่โกรธค่ะไม่โกรธ
เราขึ้นที่สถานีบางเขน เป็นรถไฟฟรีขบวนที่ 109 กรุงเทพฯ – เชียงใหม่
ภูมิใจกับราคาตั๋ว 0 บาท มากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ไหนว่าไปกัน 2 คน ทำมีตั๋วใบเดียว เดี๋ยวจะงงกัน
คือเพื่อนเลิกเรียนเย็น เลยต้องนั่งรถทัวร์ตามไป
แต่ก็ไปเจอกันที่เชียงใหม่ตอนเช้าพอดี
ขาไปเลยเหงานิดหน่อย (ไม่มีเพื่อนเม้าท์มอย) แต่ก็โอเคอยู่ เพราะปกติเดินทางด้วยรถไฟคนเดียวบ่อย จนเพื่อนให้ฉายาว่าเป็นเจ้าแม่การรถไฟ (ฟรี) แห่งประเทศไทย ไปละ555
ทำใจให้สบาย หลังจากได้ที่นั่งก็ปล่อยชิลละ เชียงใหม่ ประมาณ 15 ชั่วโมง ยืนตั้งแต่บางเขนไปพิษณุโลกก็เคยมาแล้ว นี่ได้นั่ง จะกลัวอะไร
วาปมาอยุธยากันนะ
ใกล้ถึงสถานีชุมทางบ้านภาชี พี่นี่ควักเหรียญห้ารอเลย
พอรถไฟจอดเท่านั้นแหละ มือยื่นออกหน้าต่างกันให้พรึบพรับ
ไอติมกะทิถ้วยละ 5 บาท แบบใช้หลอดดูด signature ของภาชีเค้าหล่ะ มาทุกครั้งซื้อทุกครั้ง อร่อย
บนรถไฟสายเหนือนี่ของกินแทบไม่ขาดสาย เดินขายกันตลอด

และเราก็ได้ข้าวเย็นเป็นข้าวเหนียวเนื้อทอด  รอดตายไปอีก 1 มื้อ
รถไฟจะผ่านพระปรางค์สามยอด กับ ศาลพระกาฬ จ.ลพบุรี ด้วยนะ ลิงเต็มเลย เด็กๆที่นั่งข้างๆตื่นเต้นกันใหญ่
แต่เมื่อถึงสถานีบ้านหมี่ (ลพบุรี)
ขบวนรถจอดสนิท พร้อมกับเสียงประกาศว่าจะทำการเปลี่ยนหัวรถจักร รออะไรหล่ะคะ ลงไปหาของกินเลยค่ะ55
ป้าๆที่นั่งเบาะถัดไปนี่ลงไปอาบน้ำ สดชื่นกันเลยทีเดียว
ขึ้นเหนือเที่ยวนี้คุ้มนะ ได้แวะเที่ยวบ้านหมี่เกือบชั่วโมงแหนะ

เพิ่งรู้ว่ารถไฟวิ่งด้วยความเร็ว 90 กม./ชม. (ใช่หราาาาาาาาาา)
เปลี่ยนหัวรถจักรเรียบร้อยก็เดินทางกันต่อ
นั่งนานๆก็มีเมื่อยบ้าง อะไรบ้าง เลยลุกมาเหยียดแข้งเหยียดขาตรงประตู และเก็บบรรยากาศสองข้างทางที่รถไฟแล่นผ่าน
บรรยากาศสองข้างทางของรถไฟนี่แหละ เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เราชอบนั่งรถไฟ เพราะเราได้เห็นข้างทางในแบบที่รถทั่วไปบนท้องถนนไม่มีทางได้เห็น ทุ่งนา ภูเขา พระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก หน้าผา ฯลฯ หรือแม้แต่ดาว ที่เรามองออกมาจากหน้าต่างรถไฟ มันสวยมากเลยนะ คิดดูดิ ท่ามกลางความมืดมิดของสองข้างทาง เราแหงนหน้าไปมองดาวบนฟ้า ดาวจะเยอะขนาดไหน 
หลังจากไปชื่นชมบรรยากาศสองข้างทางซักพัก พระอาทิตย์ตกดินละ ก็กลับมานั่งฟังพี่และก็ป้าที่นั่งข้างๆเม้าท์มอยกันต่อ ดีๆๆ ไม่เหงาๆ 555
พอดึกๆ มีคนลงเยอะ เก้าอี้ถัดไปว่าง เลยจัดการรื้อถุงนอนออกมา แล้วซุกตัวเข้าไป บอกเลยหลับยาวยันเชียงใหม่จ่ะ ตื่นอีกทีรถไฟกำลังจะเทียบชานชลาละ
DAY 2
13 กุมภาพันธ์ 2558
เย้ๆๆๆ สวัสดีเชียงใหม่ รอบที่สามล้านแปด มาบ่อยยิ่งกว่ากลับบ้าน555
แบกเป้ลงจากรถไฟ ฝ่ามรสุมคนขับรถแดงที่เข้ามาถามว่า ไปไหนๆๆๆๆ มารอเพื่อนที่หน้าสถานีรถไฟ
เจอฝรั่งสองคน น่าจะเป็นแฟนกัน ผู้ชายแต่งตัวได้ colorful มาก นี่ถ้าหันหน้ามา บนหมวกนางมีดอกไม้ดอกใหญ่มาก ติดอยู่ด้วยนะจ๊ะ เออๆๆๆ มี style ดี55
เพื่อนอีกคนที่นั่งรถทัวร์ตามมา ก็ถึงอาเขต (สถานีขนส่ง) พอดี และเพื่อนอีกคนที่อยู่เชียงใหม่ก็แว๊นซ์มารับไปตั้งหลักที่หอเพื่อนกันก่อน
เราตกลงกันว่าบ่ายๆค่อยออกเดินทางไปเชียงดาว เพราะไปถึงกลางวันก็กลัวว่าจะไม่มีอะไรทำ เห็นว่างานมีกลางคืน กลางวันเราเลยออกหากิน หากินจริงๆ หาของกินอ่ะ55  ในเมืองเชียงใหม่ก่อน ด้วยความเป็นคนชอบกินกาแฟ เลยพากันไปตามหาร้านกาแฟชิคๆนั่งกัน และก็ได้ความว่าจะไปร้าน Graph café ตามที่เพื่อนแคท (เพื่อนที่มาด้วยกันนี่แหละ) อ่านรีวิวมา
เรามากับแคทสองคน เพราะเพื่อนอีกคนที่อยู่เชียงใหม่ นางทำงานแล้ว วันนี้เป็นวันศุกร์ นางก็เลยไปทำหน้าที่ของนาง และเราก็ยึดมอไซต์นางมาแว๊นซ์รอบเมืองเชียงใหม่555
ร้าน Graph café อยู่ในคูเมืองเชียงใหม่ เป็นร้านเล็กๆ อยู่ในซอย คือเรากับแคทขี่รถหา วนแล้ววนอีก กว่าจะเจอสีผิวนี่เข้มไปอีกระดับ (เชียงใหม่แดดแอบแรง)55
แต่ก็ชอบมาก ในร้านตกแต่งด้วยภาพฟิล์ม มีกล้องฟิล์มและของเก่าๆโชว์ให้ดูด้วย (มีทั้งโชว์และขาย) และที่สำคัญคือ กาแฟหอมและอร่อยมาก แสดงถึงความตั้งใจของคนชง^^
หลังจากนั่งได้ซักพักก็ได้เวลาไปเก็บกระเป๋าไปเชียงดาวละ
ไปเก็บของและก็ออกเดินทางกัน^^
เรากับแคทเดินทางไปก่อน เพราะเพื่อนอีกคนยังไม่เลิกงาน เลยต้องตามไปทีหลัง
เรานั่งรถแดงมาที่สถานีขนส่งช้างเผือก
เพื่อมาต่อรถ เชียงใหม่ - ท่าตอน (เป็นรถบัสพัดลม สีส้ม) ค่าตั๋วไปเชียงดาวคนละ 40 บาท
ก่อนออกคนก็แน่นพอสมควร แต่ก็ยังนั่งสบายๆอยู่ ชิลๆ
มีเทคนิคการดึงเบาะ เพื่อให้เบาะสองนั่งสามได้ ล้ำกว่านั้น คือดึงสองเบาะมาชนกัน ทีนี้นั่งได้เจ็ดคนเลยจ่ะ555
แล้วเราได้ที่นั่งตรงประตูด้านหลัง เพลิดเพลินเลย รถแวะรับคนตลอดทาง อัดแน่นเชียว โดยเฉพาะแถวๆหน้าประตู เก๋ๆอ่ะ วิวเวิวอะไร ไม่ได้ดูอ่ะ มองไม่เห็น
ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก็มาถึงเชียงดาว
เราลงรถพร้อมกับฝรั่งหลายคนเลย แต่พวกนางสลายตัวกันเร็วมาก หันมาอีกทีหายไปหมดละ
เอาไงดี ไปต่อยังไงดี รู้แค่ว่างานจัดที่ค่ายเยาวชนเชียงดาว
มีรถเหลืองมาเสนอราคาเหมาไป 150 บาท คิดก่อน หารสอง คนละ 75 บาทเลยหรอ งกไง เอาไง ลองโบกมั๊ย
เลยเดินไปเรื่อยๆและก็โบกรถไปเรื่อยๆ แต่โชคไม่เข้าข้าง ไม่มีรถจอดเลย
แวะถามคนแถวนั้น เขาบอกไปอีกประมาณ 10 km และต้องเข้าไปข้างใน ไม่ค่อยมีรถไปหรอก
แต่อ่านรีวิวมา ว่ามีวินมอไซต์ 50 บาท เลยไปถามหาท่าวิน ไปเจอท่าวินละคะ มีเบอร์โทรติดไว้ แต่ไร้วี่แวววิน เลยตัดสินใจโทรไป ได้ความว่าไปค่ายเยาวชนฯ คนละ 50 บาท จริงๆ (ดีใจไปละ ถูกกว่ารถเหลืองงงงง) แต่ลุงเข้าบ้านมาแล้ว กำลังจะไปงานแต่ง คันอื่นก็เข้าบ้านกันหมดแล้ว เก๋ไปอีกกกกกกกกก
เลยเดินคอตกกลับไปพึ่งรถเหลืองจ่ะ
ไม่เป็นไรๆ ได้เดินเล่นในตัวอำเภอ ได้ถ่ายรูปชิคๆ (โคตรมองโลกในแง่ดี555)

นี่เบอร์วินมอไซต์จ่ะ เผื่อใครไปเชียงดาว^^
เพื่อนอีกคนนางแคนเซิลเราไปละค่ะ (นางน่าจะเหนื่อยจากการทำงาน) เอาไง สองคนก็ผจญภันกันต่อดิ
ถึงแล้วววววววววว รถเหลืองของป้าแก้วมาส่งถึงหน้างาน ต่อป้าเหลือ 140 บาท (มาต่อตอนปลายทางด้วยนะ555)
วิวดอยหลวงเชียงดาวตอนพระอาทิตย์กำลังจะตกดินสวยมากกกกกกกกก
มัวแต่เพลิดเพลินกับดอยหลวง พระอาทิตย์จะตกดินละ ยังไม่มีที่นอนเลยจ่ะ
ไปๆๆ ไปเข้างานก่อน
บอกเลย จุดนั้นตื่นเต้นมาก ทำตัวไม่ถูก มาแบบไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไม่รู้จักใครเลย มองไปมีแต่ชาวต่างชาติ อื้อหือ ภาษาอังกฤษยิ่งเทพๆอยู่ 

แต่เอาว๊ะ ต้องมีคนไทยบ้างแหละ งานจัดที่ประเทศไทยนะ อย่าไปกลั๊ววววววว (ปลอบใจตัวเอง55)
ค่าเข้างาน คนไทย 100 บาท ต่างชาติ 200 บาท
งานจัด 10 วัน ถ้าอยู่แบบยาวๆ เกิน 5 วัน ก็เหมาจ่ายไปเลย คนไทย 500 บาท ต่างชาติ 1,000 บาท
สีเขียวๆนี่แหละ เป็นสัญลักษณ์เข้างานวันนี้ แค่สัญลักษณ์เข้างานก็เก๋แล้วอ่ะ เป็นข้อมือชิคๆไปอีกกกกกกก ^^
แล้วไงต่อ ไปหาที่กางเต้นท์ดิ เต้นท์อยู่ไหน ไม่เป็นไรๆ หาที่ก่อน เอากระเป๋าไปจองก่อน55
จริงๆในกระโจมก็นอนได้นะ น่านอนด้วย แต่โดนฝรั่งจับจองไปละ แต่มีที่แถวๆกระโจมว่าง									
									
																																		  
							 
						
[CR] นั่ ง ร ถ ไ ฟ ไ ป ต า ม ห า S h a m b h a l a ใ น วั น ห ยุ ด สุ ด สั ป ด า ห์ ที่ เ ชี ย ง ด า ว
Shambhala in Your Heart Festival คืองานอะไรว๊ะแกรรรรรรรรร?
cr.https://www.facebook.com/shambhalafestival?fref=ts
เห็นโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์งานแว็บๆใน facebook สะดุดตรงภาพสวย รู้แค่ว่าเป็นเทศกาลดนตรีและศิลปะ จัดที่เชียงดาว จ.เชียงใหม่
เห้ย!! สถานที่คือดี เลยคลิกเข้าไปดูในลิ้งค์ซึ่งเป็นเพจของงาน ก็มีแต่ภาษาอังกฤษกับภาษาญี่ปุ่น เลยเลิกสนใจไป (คืออ่อนอิ้งมาก แปลไม่ออก55)
แต่ไม่กี่วัน ก็มีเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในแก็งค์เจ็ดสาวตะลุยดอย ที่เคยไปเที่ยวด้วยกันเมื่อครั้งไปดอยอินทนนท์ เอาลิ้งที่เป็นภาษาไทยมาแปะ อ่านไปพอจับใจความได้ว่าเป็นงานเทศกาลดนตรีและศิลปะ ที่จัดโดยคนญี่ปุ่น มีฉากหลังเป็นดอยหลวงเชียงดาว
ร้องเห้ย ดังมาก นางมาชวนไปงานนี้คร่าาาาาาาา เริ่ดไปอีกกกกกกก
แต่เดี๋ยวนะแกรรรร นี่เปิดเทอมอยู่นะ มีเรียนนะ ตังค์ไม่มีนะ แล้วไง เอาไง แคร์มั๊ย? ไม่!!!
โอเคร๊ ตามนั้น ตกลงวันเรียบร้อย ได้ความว่าไปกัน 2 คน มีเพื่อนรออยู่เชียงใหม่อีกคน
มีงบ 1,000 บาท ย้ำว่า 1,000 บาท!!!
ไปเสาร์-อาทิตย์ และต้องกลับมาให้ทันเรียนแลป วันจันทร์ ตอน 11 โมง!!!!! เก๋ไปอีกกกกกกกก
เชียงใหม่นะแกรรรรรร ไม่ใช่นครปฐม
แต่ด้วยการวางแผนตารางเรียนที่ดี คือวันศุกร์ว่างค่ะ ไม่ลงเรียนอะไรเลย เผื่อได้เดินทาง (พร้อมเที่ยวมากกกก55) และวันพฤหัสฯมีเรียนถึง 11 โมง รถไฟฟรีมาประมาณบ่ายโมงครึ่ง เลยสรุปว่าเดินทางวันพฤหัสฯที่ 12 ก.พ.58 ถึงเชียงใหม่เช้าศุกร์ที่ 13 ก.พ.58 และออกเดินทางไปเชียงดาว เพื่อตามหา Shambhala ของเราต่อเลย
แผนมีแค่นี้
ก่อนไปมีหาอ่านรีวิว แต่ปรากฏว่ามีน้อยมาก คนไทยยังไม่ค่อยรู้จักงานนี้
แต่ไม่เป็นไร แค่รู้วันจัดงาน กับ สถานที่จัดงานก็เพียงพอละ ที่เหลือค่อยไปลุยเอา
Go!!!
DAY 1
12 กุมภาพันธ์ 2558
อีกไม่ถึงชั่วโมงรถไฟจะมา
อาบน้ำ เก็บของสิคะ รออะไร
อีก 15 นาที!!! ออกจากหอมา อุปสรรคเยอะมาก ณ จุดนั้นได้แต่ภาวนาให้รถไฟมาเหลด
วิ่งข้ามสะพานลอยมาที่สถานีบางเขน ใจหนึ่งก็คิดว่ารถไฟไปแล้วแน่ๆ
แต่ ทันค่ะ รถไฟยังไม่มาค่ะ รีบรับตั๋วในทันทีด้วยความโล่งใจ เหงื่อนี่มาไหลตามใบหน้า กราบงามๆ 3 ที ที่วันนี้รถไฟมาเหลด ไม่โกรธค่ะไม่โกรธ
เราขึ้นที่สถานีบางเขน เป็นรถไฟฟรีขบวนที่ 109 กรุงเทพฯ – เชียงใหม่
ภูมิใจกับราคาตั๋ว 0 บาท มากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ไหนว่าไปกัน 2 คน ทำมีตั๋วใบเดียว เดี๋ยวจะงงกัน
คือเพื่อนเลิกเรียนเย็น เลยต้องนั่งรถทัวร์ตามไป
แต่ก็ไปเจอกันที่เชียงใหม่ตอนเช้าพอดี
ขาไปเลยเหงานิดหน่อย (ไม่มีเพื่อนเม้าท์มอย) แต่ก็โอเคอยู่ เพราะปกติเดินทางด้วยรถไฟคนเดียวบ่อย จนเพื่อนให้ฉายาว่าเป็นเจ้าแม่การรถไฟ (ฟรี) แห่งประเทศไทย ไปละ555
ทำใจให้สบาย หลังจากได้ที่นั่งก็ปล่อยชิลละ เชียงใหม่ ประมาณ 15 ชั่วโมง ยืนตั้งแต่บางเขนไปพิษณุโลกก็เคยมาแล้ว นี่ได้นั่ง จะกลัวอะไร
วาปมาอยุธยากันนะ
ใกล้ถึงสถานีชุมทางบ้านภาชี พี่นี่ควักเหรียญห้ารอเลย
พอรถไฟจอดเท่านั้นแหละ มือยื่นออกหน้าต่างกันให้พรึบพรับ
ไอติมกะทิถ้วยละ 5 บาท แบบใช้หลอดดูด signature ของภาชีเค้าหล่ะ มาทุกครั้งซื้อทุกครั้ง อร่อย
บนรถไฟสายเหนือนี่ของกินแทบไม่ขาดสาย เดินขายกันตลอด
และเราก็ได้ข้าวเย็นเป็นข้าวเหนียวเนื้อทอด รอดตายไปอีก 1 มื้อ
รถไฟจะผ่านพระปรางค์สามยอด กับ ศาลพระกาฬ จ.ลพบุรี ด้วยนะ ลิงเต็มเลย เด็กๆที่นั่งข้างๆตื่นเต้นกันใหญ่
แต่เมื่อถึงสถานีบ้านหมี่ (ลพบุรี)
ขบวนรถจอดสนิท พร้อมกับเสียงประกาศว่าจะทำการเปลี่ยนหัวรถจักร รออะไรหล่ะคะ ลงไปหาของกินเลยค่ะ55
ป้าๆที่นั่งเบาะถัดไปนี่ลงไปอาบน้ำ สดชื่นกันเลยทีเดียว
ขึ้นเหนือเที่ยวนี้คุ้มนะ ได้แวะเที่ยวบ้านหมี่เกือบชั่วโมงแหนะ
เพิ่งรู้ว่ารถไฟวิ่งด้วยความเร็ว 90 กม./ชม. (ใช่หราาาาาาาาาา)
เปลี่ยนหัวรถจักรเรียบร้อยก็เดินทางกันต่อ
นั่งนานๆก็มีเมื่อยบ้าง อะไรบ้าง เลยลุกมาเหยียดแข้งเหยียดขาตรงประตู และเก็บบรรยากาศสองข้างทางที่รถไฟแล่นผ่าน
บรรยากาศสองข้างทางของรถไฟนี่แหละ เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เราชอบนั่งรถไฟ เพราะเราได้เห็นข้างทางในแบบที่รถทั่วไปบนท้องถนนไม่มีทางได้เห็น ทุ่งนา ภูเขา พระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก หน้าผา ฯลฯ หรือแม้แต่ดาว ที่เรามองออกมาจากหน้าต่างรถไฟ มันสวยมากเลยนะ คิดดูดิ ท่ามกลางความมืดมิดของสองข้างทาง เราแหงนหน้าไปมองดาวบนฟ้า ดาวจะเยอะขนาดไหน
หลังจากไปชื่นชมบรรยากาศสองข้างทางซักพัก พระอาทิตย์ตกดินละ ก็กลับมานั่งฟังพี่และก็ป้าที่นั่งข้างๆเม้าท์มอยกันต่อ ดีๆๆ ไม่เหงาๆ 555
พอดึกๆ มีคนลงเยอะ เก้าอี้ถัดไปว่าง เลยจัดการรื้อถุงนอนออกมา แล้วซุกตัวเข้าไป บอกเลยหลับยาวยันเชียงใหม่จ่ะ ตื่นอีกทีรถไฟกำลังจะเทียบชานชลาละ
DAY 2
13 กุมภาพันธ์ 2558
เย้ๆๆๆ สวัสดีเชียงใหม่ รอบที่สามล้านแปด มาบ่อยยิ่งกว่ากลับบ้าน555
แบกเป้ลงจากรถไฟ ฝ่ามรสุมคนขับรถแดงที่เข้ามาถามว่า ไปไหนๆๆๆๆ มารอเพื่อนที่หน้าสถานีรถไฟ
เจอฝรั่งสองคน น่าจะเป็นแฟนกัน ผู้ชายแต่งตัวได้ colorful มาก นี่ถ้าหันหน้ามา บนหมวกนางมีดอกไม้ดอกใหญ่มาก ติดอยู่ด้วยนะจ๊ะ เออๆๆๆ มี style ดี55
เพื่อนอีกคนที่นั่งรถทัวร์ตามมา ก็ถึงอาเขต (สถานีขนส่ง) พอดี และเพื่อนอีกคนที่อยู่เชียงใหม่ก็แว๊นซ์มารับไปตั้งหลักที่หอเพื่อนกันก่อน
เราตกลงกันว่าบ่ายๆค่อยออกเดินทางไปเชียงดาว เพราะไปถึงกลางวันก็กลัวว่าจะไม่มีอะไรทำ เห็นว่างานมีกลางคืน กลางวันเราเลยออกหากิน หากินจริงๆ หาของกินอ่ะ55 ในเมืองเชียงใหม่ก่อน ด้วยความเป็นคนชอบกินกาแฟ เลยพากันไปตามหาร้านกาแฟชิคๆนั่งกัน และก็ได้ความว่าจะไปร้าน Graph café ตามที่เพื่อนแคท (เพื่อนที่มาด้วยกันนี่แหละ) อ่านรีวิวมา
เรามากับแคทสองคน เพราะเพื่อนอีกคนที่อยู่เชียงใหม่ นางทำงานแล้ว วันนี้เป็นวันศุกร์ นางก็เลยไปทำหน้าที่ของนาง และเราก็ยึดมอไซต์นางมาแว๊นซ์รอบเมืองเชียงใหม่555
ร้าน Graph café อยู่ในคูเมืองเชียงใหม่ เป็นร้านเล็กๆ อยู่ในซอย คือเรากับแคทขี่รถหา วนแล้ววนอีก กว่าจะเจอสีผิวนี่เข้มไปอีกระดับ (เชียงใหม่แดดแอบแรง)55
แต่ก็ชอบมาก ในร้านตกแต่งด้วยภาพฟิล์ม มีกล้องฟิล์มและของเก่าๆโชว์ให้ดูด้วย (มีทั้งโชว์และขาย) และที่สำคัญคือ กาแฟหอมและอร่อยมาก แสดงถึงความตั้งใจของคนชง^^
หลังจากนั่งได้ซักพักก็ได้เวลาไปเก็บกระเป๋าไปเชียงดาวละ
ไปเก็บของและก็ออกเดินทางกัน^^
เรากับแคทเดินทางไปก่อน เพราะเพื่อนอีกคนยังไม่เลิกงาน เลยต้องตามไปทีหลัง
เรานั่งรถแดงมาที่สถานีขนส่งช้างเผือก
เพื่อมาต่อรถ เชียงใหม่ - ท่าตอน (เป็นรถบัสพัดลม สีส้ม) ค่าตั๋วไปเชียงดาวคนละ 40 บาท
ก่อนออกคนก็แน่นพอสมควร แต่ก็ยังนั่งสบายๆอยู่ ชิลๆ
มีเทคนิคการดึงเบาะ เพื่อให้เบาะสองนั่งสามได้ ล้ำกว่านั้น คือดึงสองเบาะมาชนกัน ทีนี้นั่งได้เจ็ดคนเลยจ่ะ555
แล้วเราได้ที่นั่งตรงประตูด้านหลัง เพลิดเพลินเลย รถแวะรับคนตลอดทาง อัดแน่นเชียว โดยเฉพาะแถวๆหน้าประตู เก๋ๆอ่ะ วิวเวิวอะไร ไม่ได้ดูอ่ะ มองไม่เห็น
ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก็มาถึงเชียงดาว
เราลงรถพร้อมกับฝรั่งหลายคนเลย แต่พวกนางสลายตัวกันเร็วมาก หันมาอีกทีหายไปหมดละ
เอาไงดี ไปต่อยังไงดี รู้แค่ว่างานจัดที่ค่ายเยาวชนเชียงดาว
มีรถเหลืองมาเสนอราคาเหมาไป 150 บาท คิดก่อน หารสอง คนละ 75 บาทเลยหรอ งกไง เอาไง ลองโบกมั๊ย
เลยเดินไปเรื่อยๆและก็โบกรถไปเรื่อยๆ แต่โชคไม่เข้าข้าง ไม่มีรถจอดเลย
แวะถามคนแถวนั้น เขาบอกไปอีกประมาณ 10 km และต้องเข้าไปข้างใน ไม่ค่อยมีรถไปหรอก
แต่อ่านรีวิวมา ว่ามีวินมอไซต์ 50 บาท เลยไปถามหาท่าวิน ไปเจอท่าวินละคะ มีเบอร์โทรติดไว้ แต่ไร้วี่แวววิน เลยตัดสินใจโทรไป ได้ความว่าไปค่ายเยาวชนฯ คนละ 50 บาท จริงๆ (ดีใจไปละ ถูกกว่ารถเหลืองงงงง) แต่ลุงเข้าบ้านมาแล้ว กำลังจะไปงานแต่ง คันอื่นก็เข้าบ้านกันหมดแล้ว เก๋ไปอีกกกกกกกกก
เลยเดินคอตกกลับไปพึ่งรถเหลืองจ่ะ
ไม่เป็นไรๆ ได้เดินเล่นในตัวอำเภอ ได้ถ่ายรูปชิคๆ (โคตรมองโลกในแง่ดี555)
นี่เบอร์วินมอไซต์จ่ะ เผื่อใครไปเชียงดาว^^
เพื่อนอีกคนนางแคนเซิลเราไปละค่ะ (นางน่าจะเหนื่อยจากการทำงาน) เอาไง สองคนก็ผจญภันกันต่อดิ
ถึงแล้วววววววววว รถเหลืองของป้าแก้วมาส่งถึงหน้างาน ต่อป้าเหลือ 140 บาท (มาต่อตอนปลายทางด้วยนะ555)
วิวดอยหลวงเชียงดาวตอนพระอาทิตย์กำลังจะตกดินสวยมากกกกกกกกก
มัวแต่เพลิดเพลินกับดอยหลวง พระอาทิตย์จะตกดินละ ยังไม่มีที่นอนเลยจ่ะ
ไปๆๆ ไปเข้างานก่อน
บอกเลย จุดนั้นตื่นเต้นมาก ทำตัวไม่ถูก มาแบบไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไม่รู้จักใครเลย มองไปมีแต่ชาวต่างชาติ อื้อหือ ภาษาอังกฤษยิ่งเทพๆอยู่
แต่เอาว๊ะ ต้องมีคนไทยบ้างแหละ งานจัดที่ประเทศไทยนะ อย่าไปกลั๊ววววววว (ปลอบใจตัวเอง55)
ค่าเข้างาน คนไทย 100 บาท ต่างชาติ 200 บาท
งานจัด 10 วัน ถ้าอยู่แบบยาวๆ เกิน 5 วัน ก็เหมาจ่ายไปเลย คนไทย 500 บาท ต่างชาติ 1,000 บาท
สีเขียวๆนี่แหละ เป็นสัญลักษณ์เข้างานวันนี้ แค่สัญลักษณ์เข้างานก็เก๋แล้วอ่ะ เป็นข้อมือชิคๆไปอีกกกกกกก ^^
แล้วไงต่อ ไปหาที่กางเต้นท์ดิ เต้นท์อยู่ไหน ไม่เป็นไรๆ หาที่ก่อน เอากระเป๋าไปจองก่อน55
จริงๆในกระโจมก็นอนได้นะ น่านอนด้วย แต่โดนฝรั่งจับจองไปละ แต่มีที่แถวๆกระโจมว่าง