สวัสดีครับเพื่อนๆที่มีความเป็นศิลปินทั้งหลาย ผมชื่อ ตี๋คุงนะครับ ก็เป็นอดีตนักดนตรีกลางคืนคนหนึ่งที่ปัจจุบันยังคงมีความติดส์ในตัวเองอยู่บ้าง แต่ไม่ได้แสดงออกมาให้ใครได้เห็นมากนัก
เท้าความนิสสนึงนะครับ สมัยที่โลดแล่นในวงการดนตรี และสมัยที่ยังเป็นมือกลองตระเวนเล่นดนตรีตามผับกับวงเก่า
ช่วงนั้นผมจะตีกลองและร้องเพลงไปด้วย ส่วนมากเพลงที่ผมจะร้องก็จะเป็นแนวเพื่อชีวิต ร็อครุ่นเก่าๆ อย่างเช่นคาราบาว พี่อ๊อฟพงษ์พัฒน์ น้าหรั่ง ร็อคเคสตร้าเป็นต้น (แม่มตีกลองก็เหนื่อยแล้ว ยังต้องมาร้องเพลงเสียงสูงๆอีก แต่ผมชอบนะ 555)
ปัจจุบันก็เป็นครีเอทีฟ และก็มีโปรดัคชั่นเล็กๆของตัวเอง อย่างส่าแหละครับ บางทีชีวิตก็ไม่ได้เดินตามที่เราฝันไว้เสมอไป แต่อย่างน้อยก็ยังได้ทำเกี่ยวกับการใช้จินตนาการ ก็โอเคครับ
หลายคนคงเคยได้ฟังเพลง "คนล่าฝัน" กันมาบ้างนะครับ ถ้าไม่รู้จักก็แหม่ คุณไม่ใช่สายเพื่อชีวิตไง 555
เพลงนี้เป็นเพลงที่ชื่นชอบที่สุด เพลงหนึ่งก็ว่าได้
แล้วเพื่อนๆหล่ะครับชอบเพลงนี้กันรึเปล่า
ส่วนผมชอบมาก และมีอยู่ท่อนนึงเป็นท่อนที่ผมชอบมากของน้าแอ๊ดเลยครับ
**แม้ในค่ำคืนเดือนดาวอันมืดมิด
ยังมีสิทธ์คิดฝันอันเฉิดฉาย
ดุจแสงเทียนนำทางสว่างไกล
ดุจหิ่งห้อยพร่างพรายในค่ำคืน
ยืนเดียวดายในความกลัวหลอกตัวเอง
เท่ากับเร่งรัดไปสู่ความล้มเหลว
ยังไม่ทันได้ลงมือทำดีเลว
กลับถูกเปลวไฟความกลัวเผาตัวตน
ในความคิดและอารมณ์ศิลปินของผม
ผมตีความหมายว่าน้าแอ๊ดต้องการจะสื่อถึงคนที่กำลังมืดบอดในชีวิต
หมดหนทางที่จะก้าวต่อไป มองไปทางไหนก็มืดแปดด้าน
ในคืนที่มืดที่สุด เราจะเห็นดวงดาวชัดที่สุด
ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง เสียอะไรบางอย่างไป แต่เราอาจจะได้ในสิ่งที่ไม่คาดคิดกลับมาก็ได้
ดังนั้นใครที่พบเจอกับความล้มเหลวบ่อยๆ และตอนที่เรากำลังตกอยู่ในความมืดบอด เราลองหายใจลึกๆ ตั้งสติให้ดี แยกอารมณ์ออกมาจากเหตุผล และมีความ "ชัด" ในตัวตนและจุดยืนของเราดูนะครับ
เราจะมองเห็นบางอย่างลึกๆในใจและตัวตนของเรา
นั่นแหละ คือสิ่งที่เราไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญกับมัน
สิ่งที่เราปล่อยให้มันถูกกลืนกินไปกับสภาวะสังคม และความเป็นอยู่รอบๆตัว
และค่อยๆเลือนหายไปตามกาลเวลา
น้าแอ๊ดต้องการจะสื่อว่า "ยามที่ท้อคือช่วงที่ดีที่สุดที่จะฮึดสู้ เพราะถ้าไม่สู้ก็ตาย พอตายโลกและคนรอบข้างก็จะลืม"
บางครั้งการที่เราคิดทบทวนชีวิตและความผิดพลาดที่ผ่านๆมา เราอาจจะได้สิ่งที่ล้ำค่าบางอย่างให้กับชีวิต เพื่อที่จะนำไปเป็นบทเรียนในปัจจุบันและอนาคตได้
แต่การที่เราจะก้าวข้ามผ่านไปอนาคตเราต้องมีความเชื่อมั่นและศรัทธาในตัวเอง
เราไม่รู้หลอกว่าเราจะต้องเจอกับอะไร แต่ขออย่างเดียว อย่ากลัวกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง อย่าสะพรึงกับสิ่งที่ยังไม่เกิด คนเรามีสิทธ์ที่จะกลัวได้ด้วยกันทุกคน แต่ถ้าเราเอาความกลัวมาบั่นทอนกำลังใจและความสามารถของเรา วันนั้นแหละ คำว่าล้มเหลวจะย่างกรายเข้ามาในชีวิตของเรา เปรียบเสมือนเปลวไฟคอยแผดเผาจุดยืน ความสามารถ อุดมการณ์ และตัวตนของเราไปโดยไม่รู้ตัว
ดังนั้นคนที่กำลังล่าฝันทุกคนจงจำไว้นะครับ
ชีวิตมีไว้ให้เรียนรู้
ครูคือความผิดพลาด
จงทำชีวิตให้เหมือนกระดาษ
แล้วบรรจงวาด ฝันเราลงไป
คราวหน้าตี๋คุงจะมา **แกะเพลงให้เป็นแนวคิด แกะชีวิตให้เป็นแนวเพลง** ให้อ่านกันอีกนะครับ
หรือถ้าใครอยากมาแลกเปลี่ยนแนวคิดและทัศนคติก็ยินดีนะครับ เรามันศิลปินด้วยกัน คุยภาษาเดียวกันอยู่แล้วครับผม
สุดท้ายนี้ผมไม่ต้องการอะไรมาก นอกจากได้แบ่งปันกับเพื่อนๆที่กำลังมืดบอดในชีวิตก็แค่นั้นเอง เป็นกำลังใจให้ คนล่าฝัน ทุกท่านด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับผม ^ ^
...ตี๋คุง...
**แกะเพลงให้เป็นแนวคิด แกะชีวิตให้เป็นแนวเพลง**
เท้าความนิสสนึงนะครับ สมัยที่โลดแล่นในวงการดนตรี และสมัยที่ยังเป็นมือกลองตระเวนเล่นดนตรีตามผับกับวงเก่า
ช่วงนั้นผมจะตีกลองและร้องเพลงไปด้วย ส่วนมากเพลงที่ผมจะร้องก็จะเป็นแนวเพื่อชีวิต ร็อครุ่นเก่าๆ อย่างเช่นคาราบาว พี่อ๊อฟพงษ์พัฒน์ น้าหรั่ง ร็อคเคสตร้าเป็นต้น (แม่มตีกลองก็เหนื่อยแล้ว ยังต้องมาร้องเพลงเสียงสูงๆอีก แต่ผมชอบนะ 555)
ปัจจุบันก็เป็นครีเอทีฟ และก็มีโปรดัคชั่นเล็กๆของตัวเอง อย่างส่าแหละครับ บางทีชีวิตก็ไม่ได้เดินตามที่เราฝันไว้เสมอไป แต่อย่างน้อยก็ยังได้ทำเกี่ยวกับการใช้จินตนาการ ก็โอเคครับ
หลายคนคงเคยได้ฟังเพลง "คนล่าฝัน" กันมาบ้างนะครับ ถ้าไม่รู้จักก็แหม่ คุณไม่ใช่สายเพื่อชีวิตไง 555
เพลงนี้เป็นเพลงที่ชื่นชอบที่สุด เพลงหนึ่งก็ว่าได้
แล้วเพื่อนๆหล่ะครับชอบเพลงนี้กันรึเปล่า
ส่วนผมชอบมาก และมีอยู่ท่อนนึงเป็นท่อนที่ผมชอบมากของน้าแอ๊ดเลยครับ
**แม้ในค่ำคืนเดือนดาวอันมืดมิด
ยังมีสิทธ์คิดฝันอันเฉิดฉาย
ดุจแสงเทียนนำทางสว่างไกล
ดุจหิ่งห้อยพร่างพรายในค่ำคืน
ยืนเดียวดายในความกลัวหลอกตัวเอง
เท่ากับเร่งรัดไปสู่ความล้มเหลว
ยังไม่ทันได้ลงมือทำดีเลว
กลับถูกเปลวไฟความกลัวเผาตัวตน
ในความคิดและอารมณ์ศิลปินของผม
ผมตีความหมายว่าน้าแอ๊ดต้องการจะสื่อถึงคนที่กำลังมืดบอดในชีวิต
หมดหนทางที่จะก้าวต่อไป มองไปทางไหนก็มืดแปดด้าน
ในคืนที่มืดที่สุด เราจะเห็นดวงดาวชัดที่สุด
ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง เสียอะไรบางอย่างไป แต่เราอาจจะได้ในสิ่งที่ไม่คาดคิดกลับมาก็ได้
ดังนั้นใครที่พบเจอกับความล้มเหลวบ่อยๆ และตอนที่เรากำลังตกอยู่ในความมืดบอด เราลองหายใจลึกๆ ตั้งสติให้ดี แยกอารมณ์ออกมาจากเหตุผล และมีความ "ชัด" ในตัวตนและจุดยืนของเราดูนะครับ
เราจะมองเห็นบางอย่างลึกๆในใจและตัวตนของเรา
นั่นแหละ คือสิ่งที่เราไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญกับมัน
สิ่งที่เราปล่อยให้มันถูกกลืนกินไปกับสภาวะสังคม และความเป็นอยู่รอบๆตัว
และค่อยๆเลือนหายไปตามกาลเวลา
น้าแอ๊ดต้องการจะสื่อว่า "ยามที่ท้อคือช่วงที่ดีที่สุดที่จะฮึดสู้ เพราะถ้าไม่สู้ก็ตาย พอตายโลกและคนรอบข้างก็จะลืม"
บางครั้งการที่เราคิดทบทวนชีวิตและความผิดพลาดที่ผ่านๆมา เราอาจจะได้สิ่งที่ล้ำค่าบางอย่างให้กับชีวิต เพื่อที่จะนำไปเป็นบทเรียนในปัจจุบันและอนาคตได้
แต่การที่เราจะก้าวข้ามผ่านไปอนาคตเราต้องมีความเชื่อมั่นและศรัทธาในตัวเอง
เราไม่รู้หลอกว่าเราจะต้องเจอกับอะไร แต่ขออย่างเดียว อย่ากลัวกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง อย่าสะพรึงกับสิ่งที่ยังไม่เกิด คนเรามีสิทธ์ที่จะกลัวได้ด้วยกันทุกคน แต่ถ้าเราเอาความกลัวมาบั่นทอนกำลังใจและความสามารถของเรา วันนั้นแหละ คำว่าล้มเหลวจะย่างกรายเข้ามาในชีวิตของเรา เปรียบเสมือนเปลวไฟคอยแผดเผาจุดยืน ความสามารถ อุดมการณ์ และตัวตนของเราไปโดยไม่รู้ตัว
ดังนั้นคนที่กำลังล่าฝันทุกคนจงจำไว้นะครับ
ชีวิตมีไว้ให้เรียนรู้
ครูคือความผิดพลาด
จงทำชีวิตให้เหมือนกระดาษ
แล้วบรรจงวาด ฝันเราลงไป
คราวหน้าตี๋คุงจะมา **แกะเพลงให้เป็นแนวคิด แกะชีวิตให้เป็นแนวเพลง** ให้อ่านกันอีกนะครับ
หรือถ้าใครอยากมาแลกเปลี่ยนแนวคิดและทัศนคติก็ยินดีนะครับ เรามันศิลปินด้วยกัน คุยภาษาเดียวกันอยู่แล้วครับผม
สุดท้ายนี้ผมไม่ต้องการอะไรมาก นอกจากได้แบ่งปันกับเพื่อนๆที่กำลังมืดบอดในชีวิตก็แค่นั้นเอง เป็นกำลังใจให้ คนล่าฝัน ทุกท่านด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับผม ^ ^
...ตี๋คุง...