ตอนแรก -
http://pantip.com/topic/33056147
ตอนสอง -
http://pantip.com/topic/33056435
ตอนสาม -
http://pantip.com/topic/33125914
** บทความนี้ เพื่อนอนุญาตให้สามารถเอามาเขียนเป็นบทความแล้วครับ **
ขออภัยด้วยนะครับที่หายไปนานมากๆ เนื่องจากว่าพอดีมันติดงานและติดช่วงที่เด็กๆ ปิดเทอมกัน เลยไม่ค่อยว่างเท่าไหร่ (เวลาไม่เท่าไหร่ ที่มันเขียนไม่ได้เพราะไม่มีสมาธิเขียน - - ") ในตอนนี้จะมาถึงเป้าหมายหลักของการเดินทางไปญี่ปุ่นครั้งแรกของพวกผมกันเลยทีเดียว และเป็นความใฝ่ฝันของคอเกมเมอร์อย่างผมด้วย นั่นก็คือ การได้ไปเยี่ยมชมหนึ่งในงานเกมใหญ่ระดับต้นๆ ของโลก อย่าง "โตเกียวเกมโชว์" นั่นเองฮะ
อนึ่ง ผมจะไม่ขอเขียนพวกบทความรายละเอียดของเกมแต่ละบูธนะครับ เพราะผมเขียนไปแล้ว คนไหนยังไม่เคยอ่านหรืออะไร ไปดูได้ที่นี่ครับ -
http://www.g-genius.com/?s=TGS
แผนการในการเดินทางวันนี้ของพวกผมนั้นค่อนข้างวางแผนมาอย่างดี เพราะผมเองก็เคยมีประสบการณ์ไปงานเกมที่เกาหลี และเพื่อนผมที่จะเป็นนำทางนั้นก็เคยไปงานโตเกียวเกมโชว์มาก่อน สิ่งที่เขาแนะนำมาก็คือ 1.) ไปเล่นตามบูธต่างๆ ให้ได้มากที่สุดเพื่อไปโกยของพรีเมี่ยม 2.) กระจายตัวไปจะเร็วกว่า 3.) เตรียมกระเป๋าเป้ใส่ของจากงาน และ 4.) เตรียมขนมปังและนํ้าดื่มเอาไว้แก้หิว ซึ่งก็แน่นอนแหละว่ามีอยู่คนเดียวที่ไม่ได้เตรียมข้อ 4 เอาไว้ นั่นก็คือตาเพื่อนสุดเฟลของเรานั่นเอง เพราะคิดว่าคงหาซื้ออะไรกินในงานได้ ซึ่งบ่องตงเลยว่าผมก็ไม่ได้สนใจเจ้าตัวมาก เพราะผมเองก็ไม่รู้สภาพที่จัดงาน แต่จากประสบการณ์ผมที่ไปงานเกมเกาหลีมานั้น ผมสิงในงานมันทั้งวันและขึ้นๆ ลงๆ ในห้องนักข่าวตลอด ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะนอกจากที่นั่นเนตแรงแล้ว สภาพแวดล้อมของห้องนักข่าวเป็นมิตรมาก (แถมนักข่าวสาวเกาหลีโคตรสวย)
การเดินทางในวันนี้เพื่อไปงานเกมนั้นจะลำบากที่สุดเนื่องจากต้องต่อรถไฟถึง 3 ขบวน และต้องใช้เวลาเดินทางเป็นชั่วโมง ดังนั้นทั้งผมและเพื่อนที่นำทางนั้นต่องค่อนข้างจริงจังในการเดินทาง ต่างคนต่างช่วยกันดูแผนที่และช่วยกันมองชื่อสถานี แน่นอนว่าก็มีแต่ตาเพื้อนสุดเฟลคนเดียวเนี่ยแหละที่มัวแต่นั่งจิ้มมือถือและเอาแต่ถามเรื่องเกมมือถือ จนตอนที่กำลังจะเปลี่ยนรถไฟ เพื่อนที่นำทางของผมยังบอกเลยว่า 'เฮ้ย! อย่าเพิ่งแทรกได้ไหม!'
แหม๋ ทำยังกับพวกเราเดินไปเที่ยวสยาม
จุดที่เราสังเกตได้ง่ายที่สุดว่าเรามาถูกทางกันแน่ๆ ก็คือ เริ่มมีฝรั่งมาร่วมโดยสารมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งบางคนนั้นใส่สูทมากันแบบเต็มยศ ซึ่งมทำให้เรารู้เลยว่าพวกเขาเองต่างก็มีเป้าหมายในการไปงานนี้กันแน่ๆ
และในที่สุดหลังจากที่ลงสถานีรถไฟปลายทาง และเดินเท้าต่ออีกราวๆ 15 นาที พวกเราก็มาถึงที่จัดงานแล้วครับ ซึ่งเริ่มมีตากล้องนักข่าวเริ่มทำงานกันแล้ว ในการถ่ายรูปคู่กับป้ายหน้าทางเข้านั่นเอง
จุดที่เราจะต้องทำกันก่อนที่เราจะเดินเข้างานนั่นก็คือการแลกบัตรนักข่าวครับ พวกผมนั้นสามารถลงทะเบียนเป็นสื่อมางานได้ก็เพราะเพื่อนที่นำทางของผมเนี่ยแหละช่วยติดต่อให้ และในการตรวจนักข่าวที่มาลงทะเบียนนั้นจะค่อนข้างจริงจังมาก เราต้องพกใบที่ลงทะเบียนมาให้ และต้องแสดงนามบัตร รวมไปถึงพาสปอร์ตของเราเพื่อที่มั่นใจได้ว่าชื่อของเราที่ลงทะเบียนนั้นจะถูกคน (ตอนผมไปที่งานเกมเกาหลีก็แนวๆ นี้ เพียงแต่ว่าแค่แสดงใบที่ลงทะเบียนก็ได้เลย ไม่ต้องโชว์พาสสปอร์ตให้ดู แต่ทางเขาก็ขอนามบัตรเอาไว้)
และนาทีนี้แหละครับที่เพื่อนสุดเฟลของผมนั้น สร้างเรื่องเฟลๆ ขึ้นมา และเป็นเรื่องที่ผมค่อนข้างปวดหัวในนาทีตอนนั้นเลยก็คือ ตอนที่ยื่นนามบัตร และใบลงทะเบียนนั้น เจ้าตัวเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ยืนมองให้เขาเห็นหน้า แต่ก้มหน้าเล่นมือถือ!!
ตอนที่เขาขอพาสสปอร์ต เจ้าตัวก็ไม่สนใจมองเลยครับ! ผมต้องหยิบเอาขาตั้งกล้องที่ถือมาด้วย ตบที่สะโพกเขา เขาก็มองมาทางผม แล้วก็ก้มหน้าเล่นมือถือต่อ! จนผมต้องฟาดเขาอีกครั้งเนี่ยแหละถึงรู้ตัวว่าต้องทำอะไรฃ
ฟหกดาสว &

@@%^()#@!$!@)_!@ ครือ.... ผมอยากรู้ว่า คุณเอ๊งจะทำซิวเกินไปไหม (ว่ะ!!)
หลังจากจบงานโตเกียวเกมโชว์นั้น ผมได้มีโอกาสไปคุยกับพาร์ทเนอร์ท่านหนึ่งที่มาช่วยจัดงาน Thailandponycon เขาได้บอกว่า ปีที่ผมไปงานโตเกียวเกมโชว์เนี่ย มันเป็นปีที่เขาเข้มที่สุดแล้ว เนื่องจากสองปีก่อน ได้มีทัวร์จีนมาถล่มในวันรอบสื่อ และประเด็นคือไปแย่งกินของที่เขาทำเอาไว้ให้คนที่ติดต่อธุรกิจได้กินกัน แบะคนที่มาคุยธุรกิจก็คุยไม่รู้เรื่องเพราะทัวร์จีนเสียงดังมาก ทำให้เขาเข้มงวดในการตรวจนักข่าวมาก ผมยังคิดอยู่เลยว่า ในนาทีนั้นถ้าเกิดผมเอาขาตั้งฟาดแล้วไม่สนใจต่ออีก เผลอๆ ไม่ใช่แค่เจ้าตัวไม่ได้เข้างานอย่างเดียว แต่พวกผมอาจจะไม่ได้เข้างานทั้งคณะ และคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องที่เฟลที่สุดในทริปนี้ละครับ
หลังจากนั้นพวกผมก็จะได้ป้ายห้อยคอมาไว้ ซึ่งผมจะต้องใส่นามบัตรของตัวเองลงไปในป้ายห้อยคอ เพื่อนที่นำทางผมบอกว่า ในวันพรุ่งนี้ ถ้าเราจะมาอีก เราต้องเอาบัตรห้อยคอวันแรกมาแลกเพื่อที่จะสามารถเข้างานวันที่สองได้ ซึ่งเป็นกฎระเบียบที่ทางคนจัดงานค่อนข้างเข้มเลยทีเดียว ซึ่งต่างจากเกาหลีที่จริงๆ ผมจะส่งให้ใครเข้าเนียนมาในงานก็ได้
ในงานโตเกียวเกมโชว์นั้นมีการจัดพื้นที่งานถึง 8 ฮอล เรียกได้ว่าเยอะมาก ใหญ่กว่างานเกมที่เกาหลี แต่ก็แน่นอนว่ายังน้อยกว่าที่จีน
หลังจากนี้ก็ได้ถึงเวลาที่คณะจะแยกร่างไปดันคนละทางกันละครับ ก็ได้แค่จะมานัดเจอกันตอนเที่ยงๆ ที่ด้านหน้างาน
ที่งานเกมของญี่ปุ่นนั้นถ้าดูผ่านๆ ก็อาจจะไม่ได้แตกต่างอะไรจากบ้านเรานัก (ถ้าไม่นับผลิตภัณฑ์ นั่นก็คือเกมเนี่ยแหละ) แต่สิ่งที่ต่างคือ จะมีเจ้าหน้าที่มาจัดแถวกันค่อนข้างเป็นระเบียบ และสำคัญคือ วินัยของคนญี่ปุ่นเรื่องของการต่อแถวเนี่ยแหละครับที่สุดยอดมากๆ
แน่นอนว่าก็ยังมีพริตตี้มาเรียกแขกเหมือนไทย
ลงรูปรัวๆ ฮะ
สิ่งที่ผมเซ็งอย่างก็คือ พวกซุ้มทดลองเล่นส่วนใหญ่จะเป็นคอลโซลหมด ไอ้ผมมันก็ขาเกม PC ไอ้ผมก็อยากเล่นนะ แต่เล่นม้ายเป๊นนนนนนนนนน!!!
Wargaming นี่เป็นค่ายเกมที่มีเปิดสาขาในไทยเจ้าเดียวที่ได้มาเปิดบูธในงานนี้ครั้งแรกด้วย
โซนฮอล 8 จะเป็นโซนละลายเงินฮะ (ว่าแต่ CD เพลงไฟนอลนี่ แพงกว่าซื้อจาก Itunes อีกแฮะ) ซึ่งโชคดีที่ผมเป็นทาสม้า เลยไม่ค่อยมีอะไรโดนเท่าไหร่
เดินวนกลับมาที่บูธ Wargaming เจอนักพากย์พร้อมกับคนเขียนตัวจริงด้วย (ถ่ายยากโคตร เพราะตากล้องเยอะเกิ๊น ฮะๆๆ)
ของโคตรแรร์ที่ผมไปเล่นเกมเขาถึง 3 รอบแต่กลับไม่ได้ (ว๊อททททท!!)
มีเรื่องเล่าประทับใจมาด้วยครับ ในบูธของ Wargaming นั้น จะมีโซนให้เล่นเกมแบบ 4D ที่เราจะเล่นเรือรบยามาโตะ (เวอร์ชั่นพิเศษในงานนี้เท่านั้น แต่มันก็เหมือน DEMO เกมนะแหละครับ เล่นแปบเดียว) ทีนี้ พนักงานผู้หญิงนั้นก็มาช่วยกันจัดแถว แต่เมื่อรู้ว่าผมเป็นคนต่างชาติ และอีกฝ่ายดันพูดอังกฤษไม่ได้ แต่เธอพยายามที่จะช่วยแนะนำผมเต็มที่ว่าเกมต้องเล่นยังไงอะไร แถมมีคนญี่ปุ่นทำท่าเหมือนจะขอลัดคิว แต่เธอก็บอกอะไรไม่รู้ แล้วก็ชี้มาทางผม ก่อนที่จะชี้ไปยังท้ายแถว (ที่เริ่มลากยาวไปนู่น) ซึ่งเธอก็ยิ้มให้ผมด้วยเมื่อเหมือนเธอเชิญคนญี่ปุ่นคนนั้นไปต่อคิวสำเร็จ
สำคัญคือ เธอน่ารักมากกกกก!!
แต่พอเข้าไปในห้อง ก็ต้องฟังเขาอธิบายเป็นภาษาญี่ปุ่นซึ่งผมก็ฟังไม่รู้เรื่องอยู่ดี ได้แค่พนักหน้า อืม อืม ไป
จากนั้นผมก็ย้ายไปฮอลข้างในครับ
และอีกหนึ่งเกมที่ผมอยากลองเทสอย่างมากในงาน (และพอเกมตัวเต็มออก กลับรู้สึกว่ามันทะ

จนไม่ได้เล่นยาวเลย ฮะๆ) กับเกมแบทเทิลฟิลฮะ
ผมโคตรชอบ MC คนนี้มากเลย ทำไมนะเหรอ ดูในคลิปโลด
หลังจากลองเล่นเสร็จ ก็เดินไปดูบูธ Konami ตรงนี้ผมได้เริ่มรู้กฎของงานต่างประเทศอย่างละครับ นั่นก็คือ บางช่วงเวลาเขาจะไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ ยกเว้นนักข่าว และนักข่าวคนนั้นๆ ก็ต้องไปลงทะเบียนด้วยถึงจะสามารถถ่ายภาพได้ โดยนักข่าวจะได้สติ๊กเกอร์มาแปะ ให้เจ้าหน้าที่รู้ว่าได้รับอนุญาตแล้ว (ตอนแรกๆ ผมก็สงสัยเพราะเห็นตากล้องที่เป็นฝรั่งนั่งถ่ายยาวสบายใจเฉิบ ขณะที่คนอื่นๆ ไม่ได้ถ่าย)
และผมก็ได้เจอกับหนึ่งในบร๊ะเจ้าของวงการเกม เฮียโคจิมะนั่นเอง ตอนนั้นเขาพูดถึงโปรเจคเกมไซเลนฮีล (ที่ตอนนี้ถูกแคนเชิลไปแล้วเพราะดราม่าภายในของโคนามิ) ซึ่งผมก็นํ้าตาจะไหล ฟังไม่ออกซ๊ากคำ
[CR] เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก กับเพื่อนสุดเฟล ตอนที่ 4 : ตะลุยโตเกียวเกมโชว์
ตอนแรก - http://pantip.com/topic/33056147
ตอนสอง - http://pantip.com/topic/33056435
ตอนสาม - http://pantip.com/topic/33125914
** บทความนี้ เพื่อนอนุญาตให้สามารถเอามาเขียนเป็นบทความแล้วครับ **
ขออภัยด้วยนะครับที่หายไปนานมากๆ เนื่องจากว่าพอดีมันติดงานและติดช่วงที่เด็กๆ ปิดเทอมกัน เลยไม่ค่อยว่างเท่าไหร่ (เวลาไม่เท่าไหร่ ที่มันเขียนไม่ได้เพราะไม่มีสมาธิเขียน - - ") ในตอนนี้จะมาถึงเป้าหมายหลักของการเดินทางไปญี่ปุ่นครั้งแรกของพวกผมกันเลยทีเดียว และเป็นความใฝ่ฝันของคอเกมเมอร์อย่างผมด้วย นั่นก็คือ การได้ไปเยี่ยมชมหนึ่งในงานเกมใหญ่ระดับต้นๆ ของโลก อย่าง "โตเกียวเกมโชว์" นั่นเองฮะ
อนึ่ง ผมจะไม่ขอเขียนพวกบทความรายละเอียดของเกมแต่ละบูธนะครับ เพราะผมเขียนไปแล้ว คนไหนยังไม่เคยอ่านหรืออะไร ไปดูได้ที่นี่ครับ - http://www.g-genius.com/?s=TGS
แผนการในการเดินทางวันนี้ของพวกผมนั้นค่อนข้างวางแผนมาอย่างดี เพราะผมเองก็เคยมีประสบการณ์ไปงานเกมที่เกาหลี และเพื่อนผมที่จะเป็นนำทางนั้นก็เคยไปงานโตเกียวเกมโชว์มาก่อน สิ่งที่เขาแนะนำมาก็คือ 1.) ไปเล่นตามบูธต่างๆ ให้ได้มากที่สุดเพื่อไปโกยของพรีเมี่ยม 2.) กระจายตัวไปจะเร็วกว่า 3.) เตรียมกระเป๋าเป้ใส่ของจากงาน และ 4.) เตรียมขนมปังและนํ้าดื่มเอาไว้แก้หิว ซึ่งก็แน่นอนแหละว่ามีอยู่คนเดียวที่ไม่ได้เตรียมข้อ 4 เอาไว้ นั่นก็คือตาเพื่อนสุดเฟลของเรานั่นเอง เพราะคิดว่าคงหาซื้ออะไรกินในงานได้ ซึ่งบ่องตงเลยว่าผมก็ไม่ได้สนใจเจ้าตัวมาก เพราะผมเองก็ไม่รู้สภาพที่จัดงาน แต่จากประสบการณ์ผมที่ไปงานเกมเกาหลีมานั้น ผมสิงในงานมันทั้งวันและขึ้นๆ ลงๆ ในห้องนักข่าวตลอด ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะนอกจากที่นั่นเนตแรงแล้ว สภาพแวดล้อมของห้องนักข่าวเป็นมิตรมาก (แถมนักข่าวสาวเกาหลีโคตรสวย)
การเดินทางในวันนี้เพื่อไปงานเกมนั้นจะลำบากที่สุดเนื่องจากต้องต่อรถไฟถึง 3 ขบวน และต้องใช้เวลาเดินทางเป็นชั่วโมง ดังนั้นทั้งผมและเพื่อนที่นำทางนั้นต่องค่อนข้างจริงจังในการเดินทาง ต่างคนต่างช่วยกันดูแผนที่และช่วยกันมองชื่อสถานี แน่นอนว่าก็มีแต่ตาเพื้อนสุดเฟลคนเดียวเนี่ยแหละที่มัวแต่นั่งจิ้มมือถือและเอาแต่ถามเรื่องเกมมือถือ จนตอนที่กำลังจะเปลี่ยนรถไฟ เพื่อนที่นำทางของผมยังบอกเลยว่า 'เฮ้ย! อย่าเพิ่งแทรกได้ไหม!'
แหม๋ ทำยังกับพวกเราเดินไปเที่ยวสยาม
จุดที่เราสังเกตได้ง่ายที่สุดว่าเรามาถูกทางกันแน่ๆ ก็คือ เริ่มมีฝรั่งมาร่วมโดยสารมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งบางคนนั้นใส่สูทมากันแบบเต็มยศ ซึ่งมทำให้เรารู้เลยว่าพวกเขาเองต่างก็มีเป้าหมายในการไปงานนี้กันแน่ๆ
และในที่สุดหลังจากที่ลงสถานีรถไฟปลายทาง และเดินเท้าต่ออีกราวๆ 15 นาที พวกเราก็มาถึงที่จัดงานแล้วครับ ซึ่งเริ่มมีตากล้องนักข่าวเริ่มทำงานกันแล้ว ในการถ่ายรูปคู่กับป้ายหน้าทางเข้านั่นเอง
จุดที่เราจะต้องทำกันก่อนที่เราจะเดินเข้างานนั่นก็คือการแลกบัตรนักข่าวครับ พวกผมนั้นสามารถลงทะเบียนเป็นสื่อมางานได้ก็เพราะเพื่อนที่นำทางของผมเนี่ยแหละช่วยติดต่อให้ และในการตรวจนักข่าวที่มาลงทะเบียนนั้นจะค่อนข้างจริงจังมาก เราต้องพกใบที่ลงทะเบียนมาให้ และต้องแสดงนามบัตร รวมไปถึงพาสปอร์ตของเราเพื่อที่มั่นใจได้ว่าชื่อของเราที่ลงทะเบียนนั้นจะถูกคน (ตอนผมไปที่งานเกมเกาหลีก็แนวๆ นี้ เพียงแต่ว่าแค่แสดงใบที่ลงทะเบียนก็ได้เลย ไม่ต้องโชว์พาสสปอร์ตให้ดู แต่ทางเขาก็ขอนามบัตรเอาไว้)
และนาทีนี้แหละครับที่เพื่อนสุดเฟลของผมนั้น สร้างเรื่องเฟลๆ ขึ้นมา และเป็นเรื่องที่ผมค่อนข้างปวดหัวในนาทีตอนนั้นเลยก็คือ ตอนที่ยื่นนามบัตร และใบลงทะเบียนนั้น เจ้าตัวเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ยืนมองให้เขาเห็นหน้า แต่ก้มหน้าเล่นมือถือ!!
ตอนที่เขาขอพาสสปอร์ต เจ้าตัวก็ไม่สนใจมองเลยครับ! ผมต้องหยิบเอาขาตั้งกล้องที่ถือมาด้วย ตบที่สะโพกเขา เขาก็มองมาทางผม แล้วก็ก้มหน้าเล่นมือถือต่อ! จนผมต้องฟาดเขาอีกครั้งเนี่ยแหละถึงรู้ตัวว่าต้องทำอะไรฃ
ฟหกดาสว &
หลังจากจบงานโตเกียวเกมโชว์นั้น ผมได้มีโอกาสไปคุยกับพาร์ทเนอร์ท่านหนึ่งที่มาช่วยจัดงาน Thailandponycon เขาได้บอกว่า ปีที่ผมไปงานโตเกียวเกมโชว์เนี่ย มันเป็นปีที่เขาเข้มที่สุดแล้ว เนื่องจากสองปีก่อน ได้มีทัวร์จีนมาถล่มในวันรอบสื่อ และประเด็นคือไปแย่งกินของที่เขาทำเอาไว้ให้คนที่ติดต่อธุรกิจได้กินกัน แบะคนที่มาคุยธุรกิจก็คุยไม่รู้เรื่องเพราะทัวร์จีนเสียงดังมาก ทำให้เขาเข้มงวดในการตรวจนักข่าวมาก ผมยังคิดอยู่เลยว่า ในนาทีนั้นถ้าเกิดผมเอาขาตั้งฟาดแล้วไม่สนใจต่ออีก เผลอๆ ไม่ใช่แค่เจ้าตัวไม่ได้เข้างานอย่างเดียว แต่พวกผมอาจจะไม่ได้เข้างานทั้งคณะ และคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องที่เฟลที่สุดในทริปนี้ละครับ
หลังจากนั้นพวกผมก็จะได้ป้ายห้อยคอมาไว้ ซึ่งผมจะต้องใส่นามบัตรของตัวเองลงไปในป้ายห้อยคอ เพื่อนที่นำทางผมบอกว่า ในวันพรุ่งนี้ ถ้าเราจะมาอีก เราต้องเอาบัตรห้อยคอวันแรกมาแลกเพื่อที่จะสามารถเข้างานวันที่สองได้ ซึ่งเป็นกฎระเบียบที่ทางคนจัดงานค่อนข้างเข้มเลยทีเดียว ซึ่งต่างจากเกาหลีที่จริงๆ ผมจะส่งให้ใครเข้าเนียนมาในงานก็ได้
ในงานโตเกียวเกมโชว์นั้นมีการจัดพื้นที่งานถึง 8 ฮอล เรียกได้ว่าเยอะมาก ใหญ่กว่างานเกมที่เกาหลี แต่ก็แน่นอนว่ายังน้อยกว่าที่จีน
หลังจากนี้ก็ได้ถึงเวลาที่คณะจะแยกร่างไปดันคนละทางกันละครับ ก็ได้แค่จะมานัดเจอกันตอนเที่ยงๆ ที่ด้านหน้างาน
ที่งานเกมของญี่ปุ่นนั้นถ้าดูผ่านๆ ก็อาจจะไม่ได้แตกต่างอะไรจากบ้านเรานัก (ถ้าไม่นับผลิตภัณฑ์ นั่นก็คือเกมเนี่ยแหละ) แต่สิ่งที่ต่างคือ จะมีเจ้าหน้าที่มาจัดแถวกันค่อนข้างเป็นระเบียบ และสำคัญคือ วินัยของคนญี่ปุ่นเรื่องของการต่อแถวเนี่ยแหละครับที่สุดยอดมากๆ
แน่นอนว่าก็ยังมีพริตตี้มาเรียกแขกเหมือนไทย
ลงรูปรัวๆ ฮะ
สิ่งที่ผมเซ็งอย่างก็คือ พวกซุ้มทดลองเล่นส่วนใหญ่จะเป็นคอลโซลหมด ไอ้ผมมันก็ขาเกม PC ไอ้ผมก็อยากเล่นนะ แต่เล่นม้ายเป๊นนนนนนนนนน!!!
Wargaming นี่เป็นค่ายเกมที่มีเปิดสาขาในไทยเจ้าเดียวที่ได้มาเปิดบูธในงานนี้ครั้งแรกด้วย
โซนฮอล 8 จะเป็นโซนละลายเงินฮะ (ว่าแต่ CD เพลงไฟนอลนี่ แพงกว่าซื้อจาก Itunes อีกแฮะ) ซึ่งโชคดีที่ผมเป็นทาสม้า เลยไม่ค่อยมีอะไรโดนเท่าไหร่
เดินวนกลับมาที่บูธ Wargaming เจอนักพากย์พร้อมกับคนเขียนตัวจริงด้วย (ถ่ายยากโคตร เพราะตากล้องเยอะเกิ๊น ฮะๆๆ)
ของโคตรแรร์ที่ผมไปเล่นเกมเขาถึง 3 รอบแต่กลับไม่ได้ (ว๊อททททท!!)
มีเรื่องเล่าประทับใจมาด้วยครับ ในบูธของ Wargaming นั้น จะมีโซนให้เล่นเกมแบบ 4D ที่เราจะเล่นเรือรบยามาโตะ (เวอร์ชั่นพิเศษในงานนี้เท่านั้น แต่มันก็เหมือน DEMO เกมนะแหละครับ เล่นแปบเดียว) ทีนี้ พนักงานผู้หญิงนั้นก็มาช่วยกันจัดแถว แต่เมื่อรู้ว่าผมเป็นคนต่างชาติ และอีกฝ่ายดันพูดอังกฤษไม่ได้ แต่เธอพยายามที่จะช่วยแนะนำผมเต็มที่ว่าเกมต้องเล่นยังไงอะไร แถมมีคนญี่ปุ่นทำท่าเหมือนจะขอลัดคิว แต่เธอก็บอกอะไรไม่รู้ แล้วก็ชี้มาทางผม ก่อนที่จะชี้ไปยังท้ายแถว (ที่เริ่มลากยาวไปนู่น) ซึ่งเธอก็ยิ้มให้ผมด้วยเมื่อเหมือนเธอเชิญคนญี่ปุ่นคนนั้นไปต่อคิวสำเร็จ
สำคัญคือ เธอน่ารักมากกกกก!!
แต่พอเข้าไปในห้อง ก็ต้องฟังเขาอธิบายเป็นภาษาญี่ปุ่นซึ่งผมก็ฟังไม่รู้เรื่องอยู่ดี ได้แค่พนักหน้า อืม อืม ไป
จากนั้นผมก็ย้ายไปฮอลข้างในครับ
และอีกหนึ่งเกมที่ผมอยากลองเทสอย่างมากในงาน (และพอเกมตัวเต็มออก กลับรู้สึกว่ามันทะ
ผมโคตรชอบ MC คนนี้มากเลย ทำไมนะเหรอ ดูในคลิปโลด
หลังจากลองเล่นเสร็จ ก็เดินไปดูบูธ Konami ตรงนี้ผมได้เริ่มรู้กฎของงานต่างประเทศอย่างละครับ นั่นก็คือ บางช่วงเวลาเขาจะไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ ยกเว้นนักข่าว และนักข่าวคนนั้นๆ ก็ต้องไปลงทะเบียนด้วยถึงจะสามารถถ่ายภาพได้ โดยนักข่าวจะได้สติ๊กเกอร์มาแปะ ให้เจ้าหน้าที่รู้ว่าได้รับอนุญาตแล้ว (ตอนแรกๆ ผมก็สงสัยเพราะเห็นตากล้องที่เป็นฝรั่งนั่งถ่ายยาวสบายใจเฉิบ ขณะที่คนอื่นๆ ไม่ได้ถ่าย)
และผมก็ได้เจอกับหนึ่งในบร๊ะเจ้าของวงการเกม เฮียโคจิมะนั่นเอง ตอนนั้นเขาพูดถึงโปรเจคเกมไซเลนฮีล (ที่ตอนนี้ถูกแคนเชิลไปแล้วเพราะดราม่าภายในของโคนามิ) ซึ่งผมก็นํ้าตาจะไหล ฟังไม่ออกซ๊ากคำ