สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องราวการแบกเป้เที่ยวที่ สนุก สุข สุดประทับใจ ของผมกับเพื่อนอีก 2 คน
ผมได้รู้เรื่องราวของ"ทองผาภูมิ"จากนักธรณีหญิงแกร่งคนหนึ่ง(พี่สาวผมเอง)

ที่ได้ออกสำรวจแร่และหินที่อำเภอนี้นานพอสมควร และชอบมาโม้ให้ฟังว่าที่นั่นอากาศดี ผู้คนน่ารัก และเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ อารมณ์และความรู้สึกที่พี่สาวผมเล่า มันสัมผัสได้ถึงความประทับใจและความสุข เลยทำให้ผมคล้อยตามเอาง่ายๆ จนอยากจะไปสัมผัสซักครั้ง.

เกี่ยวกับทริปนี้
- ทริปนี้จัดขึ้นในช่วงปิดเทอมของปีที่แล้วครับ ตรงกับวันวิสาขบูชา
- มีกฎอยู่ข้อเดียวคือ ถือเงินไป คนละ 2,500 บาท ไม่ถือไปเผื่อ อยู่ได้กี่วันไม่รู้ หมดเมื่อไหร่ กลับเมื่อนั้น (ตื่นเต้นง่า)
- เป็นทริปท่องเที่ยวแบบต้องคิดไรมาก "กลางคืนจัดกระเป๋า ตอนเช้าเดินทาง" ไปแบบมีแผนให้น้อยที่สุด
- ไม่หาข้อมูลเยอะ ว่าไงว่าตามกัน มันทำให้เราตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้เจอ และกลัวบ้างบางที 555
- ที่ที่ไปอาจไม่ใช่ที่ยอดฮิต ช่วงที่ไปก็ไม่ใช่ช่วงท่องเที่ยว
- ภาพถ่ายด้วยกล้อง cannon500d และ SonyXperia ถ่ายด้วยใจไม่ใช้ฝีมือ 55
แผนการคร่าวๆ คือ นั่งรถไฟฟรีไป - ไปเวียนเทียนที่หมู่บ้านอีต่อง - ไปเขาช้างเผือก จากนั้นก็เรื่อยๆ ค่อยว่ากันต่อ ไม่ได้ไปซักที่ก็ช่างมัน แฮะๆ
7.50 น. พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันเลยครับ เริ่มจาก สถานีรถไฟธนบุรี-กาญจนบุรี รถไฟฟรีของเรา
รายละเอียดต่างๆตามที่บอกในตั๋วเลยครับ รถไฟออกตรงเวลา

ตอนนั้นพวกเราไม่รู้ครับว่านั่งไปลงสถานีน้ำตกจะใกล้กว่า เราเลยลงที่ตัวเมืองกาญฯ ใช่เวลานั่งมาเกือบ 3 ชม. และนั่งสองแถวไป บขส. เพื่อต่อรถประจำทางไปยังทองผาภูมิ เป็นรถพัดลมครับ มีทหารขึ้นมาตรวจบัตรประชาชนด้วย เพราะไม่ไกลจากชายแดนมาก นั่งไปเรื่อยๆ เข้าสู่โซนที่มีอากาศเย็น รถจอดเป็นระยะครับ ตามน้ำตกและบ่อน้ำพุร้อน และพักใหญ่ๆเราก็ถึง ทองผาภูมิ 14.00 น.

เราลงที่ตลาด ที่รู้มาจากพี่สาวว่ามีรถขึ้นอีต่องจอดอยู่ คันนี้ใช้มั้ยยยย

ปรากฏว่าไม่ใช่ครับ รถไปอีต่องหมดไปตั้งแต่ช่วงเช้า

บทเรียนแรกของการไม่หาข้อมูลครับ555
ไม่เป็นไร ทริปนี้ตั้งใจมาชิล เวลาเหลือ ลุงกะป้าร้านข้าวร้านที่เห็นในรูป (ผมตั้งชื่อให้ว่าลุงป้าใจดี อิอิ) บอกว่าเดี๋ยวมีรถจากหมู่บ้านมาส่งน้ำ รอกลับขึ้นไปพร้อมละกัน มีอีกทางคือโบกรถซึ่งไม่ค่อยมีรถไป เราเลยตัดสินใจ รอ
อีกนานกว่ารถจะมา ไปเดินเล่นแพ๊พ เจอนี่..แม่น้ำแควน้อย @หลังตลาด แค่เห็นก็ชุ่มฉ่ำแล้วว
รอ...

รอ... และมองขวดน้ำแร่ของอีต่องไปก่อน

รอ... แต่มีเพื่อนรอ ...เจ้าเซ็กซี่ ลูกสาวของลุงกะป้าใจดี
พวกเรารอจนเย็นครับ นั่งทายกันว่าคันไหนรถน้ำ สุดท้ายก็ไม่มา ลุงกะป้าเลยเสนอให้เราค้างที่เมืองก่อนค่อยไปตอนเช้า
-- ตามนั้นครับ เราตัดสินใจจะค้างที่นี่ และก็ได้คำแนะนำจากพี่ๆวินมอไซ (ใจดีอีกแล้ว) ให้ได้เจอที่พักราคาถูก "โรงแรมสมใจนึก"

หลังจากเก็บของล้างหน้าเสร็จ เราก็ไปเดินเล่นริมแม่น้ำหลังตลาด ทานข้าวเรียบร้อย และตกลงกันว่าตอนเช้าจะมาอาบน้ำที่แม่น้ำ
-- วันวิสาขบูชาครับ เราเลยไปเวียนเทียนกัน ที่อำเภอมีงาน2วัด เราก็ไปทั้ง2วัดเลย ไฮไลต์อยู่วัดที่ 2 ครับ มองไกลๆ เห็นเจดีย์บนเขา ที่นำให้เราเดินมาถึง"วัดท่าขนุน" เดินไปในทางมืดๆ..... ข้ามสะพานแขวนข้ามแม่น้ำแคว...... พอถึงวัด ได้เจอกับนี่...

แสงไฟจากตะเกียงนับไม่ถ้วน เต็มพื้นไปหมด ผมไม่เคยเจอ นี่เป็นรางวัลปลอบใจของการตกรถ หรือเป็นของขวัญก็ไม่รู้

มองขึ้นไปเห็นเจดีย์สีทองอร่าม ยังกะลอยอยู่บนท้องฟ้า โคมลอยถูกจุดขึ้นเรื่อยๆ

ชมข้างล่างซักพัก เราก็เดินขึ้นไปไหว้เจดีย์และปล่อยโคมบนเขา...ภาพทางเดิน
และภาพที่เรามองลงมาจากเจดีย์ คือ...

รู้แล้วว่าแสงไฟข้างล่างคืออะไร ทำให้เกิดความคิดว่า ปีนี้ต้องไปอีกให้ได้ ไปช่วยพระและญาติโยมวางตะเกียงตอนกลางวัน
. ---จบเรื่องราวของวันแรกครับ---

ตื่นเช้ามากับอากาศที่บริสุทธิ์ ได้เวลาไปอาบน้ำที่แม่น้ำแล้วววว เดินผ่านร้านลุงกับป้าเลยแวะอรุณสวัสดิ์ซักหน่อย บอกป้าว่าจะไปอาบน้ำ ป้าเลยให้พาเจ้าเซ็กซี่ไปด้วย

รู้เรื่องครับ! วิ่งนำไม่รอกันเลยยย 555
เดี๋ยวมาต่อกับการอาบน้ำของพวกเรา3คน กับเจ้าเซ็กซี่นะครับ กำลังคิดว่าจะเล่าให้สั้นกว่านี้ได้ยังไง ไม่อยากตัดไรออกเลย 55
.
.
เล่นปารองเท้าครับ เจ้าเซ็กซี่ปา พวกผมคาบ เย้ยย

ดูมันชอบใจมาก เหมือนคาบมาแล้วบอกผมว่า เอาอีกๆ
ตอนแรกที่เห็นแม่น้ำแควน้อย เป็นช่วงที่เขื่อนปล่อยน้ำเลยดูน้ำเยอะครับ ตอนเช้าไม่ปล่อยน้ำน้ำเลยลดแล้วก็ไหลเอื่อยๆ แต่รับรองว่าใสมาก
นอนทับรองเท้าและกกไว้ไม่ให้ใครแย่ง คงคิดว่าตังเองเป็นไก่ 55

วิ่งไล่เห่าเรือ แล้วก็ว่ายน้ำตาม กลัวเขามาขโมยไข่ แดดส่องน้ำยิ่งใส
เล่นอยู่พักใหญ่ ก็ถึงเวลากลับที่พัก อาบน้ำเก็บของเตรียมขึ้นอีต่องครับ วันนี้มั่นใจว่าไม่ตกรถ ไปนั่งรอที่ร้านลุงกับป้า กินขนมจีนน้ำยาให้อิ่มท้อง
เมื่อวานระหว่างรอรถน้ำ เราใช้เวลาสนทนากับลุงและป้าหลายเรื่องครับ อีกเรื่องที่รู้คือ รถสองแถวที่จะพาเราไปหมู่บ้าน จะขับผ่าน "อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ" ซึ่งมี "เขาช้างเผือก" ซึ่ง "ปิด" เพราะเป็นช่วงที่มีฝน อันตราย และถ้าจะไปเขาช้างเผือก ต้องจองล่วงหน้า แต่สามเสือเมื่อมาแล้ว...เอาไงดี 555 เราก็ไม่รู้เรื่องของเขาช้างเผือกเท่าไรหรอกครับ คือไปก็ได้ไม่ไปก็ได้ เลยสรุปกันว่า จะแวะค้างคืนที่อุทยาน ไม่ได้ไต่เขาช้างเผือกก็ไม่เป็นไร ขอแค่ได้ไป555 ว่าแล้วก็ไปกันเลยครับบบ

นั่งรอรถ / เงินพม่า เพื่อนร่วมทางให้ แต่ไม่เอาหรอกครับ เกรงใจ / ราชรถ ลุงคนขับใจดีมาก 1 วันมีรถ 2 รอบครับ ออกก่อนเที่ยงทั้ง 2 คัน / รับผลผลิตขึ้นไปส่งบนอีต่อง
---ขึ้นเขาแล้ว ค่อนข้างนาน และเวียนหัว เพราะเรากำลังผ่าน 399โค้ง เด็กบนรถมีอ้วก ผมต้องอดทน
เส้นบางๆ ระหว่าง อบอุ่น กับ แออัด ครับ 55

.
.
ในที่สุดก็ถึง อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ

เนื่องจากไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว ที่นี่เลยเงียบมากครับ มีนักท่องเที่ยวรวมพวกเราแล้วประมาณ3กลุ่ม
นอนค้างที่นี่คืนนึง อากาศหนาวชื้นครับ มีฝนบ้าง และลมค่อนข้างแรง

ที่นี่สามารถก่อไฟประกอบอาหารได้ครับ แต่ตามจุดที่จัดไว้ให้เท่านั้น ห้องน้ำเพียบ มีบริการให้เช่าเต๊นท์และถุงนอน

เย็นแล้ว ต้องรีบอาบน้ำ ไม่งั้นหนาวแย่ หลังจากนั้นก็นั่งเล่น นั่งคุย ถ่ายรูป แล้วก็นอนครับ
เช้าแล้วครับ

อาหารเช้าของพวกเรา 555 เราต้องออกเช้าครับ เลยไม่รอครัวเปิด ซื้อตุนไว้

ออกเดินทางไปน้ำตกจ๊อกกระดิ่น แล้วก็ไปอีต่องต่อ ด้วยการ เดินเท้า
.
ไม่ใกล้ แต่ก็ไม่ไกลเกินใจไปถึงครับ เดินไปซักพัก พอมีรถผ่านมา ..โบกครับ

เมฆหมอกปกคลุม ฝนมาเรื่อยๆ ชุ่มฉ่ำเลย

ถึงแล้ววว ทางเข้าน้ำตก ที่เหลือ 2.8 กม. เดินเข้าไปครับ ส่วนรถที่มาด้วยมุ่งขึ้นสู่อีต่อง

ฝนตก และไม่เห็นวี่แววของแดด เลยรีบเปลี่ยนชุดที่สามารถเปียกได้ ใส่ให้น้อยที่สุด พร้อมแล้วก็ลุยกันต่อครับ!

ค่อยๆเดิน ทางชัน ลื่น รถยนต์ธรรมดาหมดสิทธิ์ครับ แต่ก็เป็นถนน ไม่ได้บุกป่าอะไร .............ถึงแล้ว..............
"จ๊อกกระดิ่น" น้ำตกไม่ใหญ่ แต่เหมือนอ่างน้ำส่วนตัว ใส เย็นเจี๊ยบบบบบบบบบบบ

ภาพอาจดูฟุ้งๆ เพราะละอองน้ำ ถ้าแดดแรงๆคงจะแช่ทั้งวัน

ดำผุดดำว่าย ผลัดกันถ่ายรูปเก็บไว้ ว่านี่คือ1จุดที่สุดประทับใจ

แช่น้ำจนหนำใจ ก็ได้เวลาเดินทางสู่อีต่อง จุดสุดท้ายที่เราจะเยี่ยมเยือน ..ไปกันเลยครับ
>>>>ต่อพาร์ทสุดท้าย ด้านล่างเลยครับ
[CR] 5วัน4คืน งบน้อย..ลุยๆ สุขๆ แบบไร้แผน @ทองผาภูมิ กาญจนบุรี
ผมได้รู้เรื่องราวของ"ทองผาภูมิ"จากนักธรณีหญิงแกร่งคนหนึ่ง(พี่สาวผมเอง)
เกี่ยวกับทริปนี้
- ทริปนี้จัดขึ้นในช่วงปิดเทอมของปีที่แล้วครับ ตรงกับวันวิสาขบูชา
- มีกฎอยู่ข้อเดียวคือ ถือเงินไป คนละ 2,500 บาท ไม่ถือไปเผื่อ อยู่ได้กี่วันไม่รู้ หมดเมื่อไหร่ กลับเมื่อนั้น (ตื่นเต้นง่า)
- เป็นทริปท่องเที่ยวแบบต้องคิดไรมาก "กลางคืนจัดกระเป๋า ตอนเช้าเดินทาง" ไปแบบมีแผนให้น้อยที่สุด
- ไม่หาข้อมูลเยอะ ว่าไงว่าตามกัน มันทำให้เราตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้เจอ และกลัวบ้างบางที 555
- ที่ที่ไปอาจไม่ใช่ที่ยอดฮิต ช่วงที่ไปก็ไม่ใช่ช่วงท่องเที่ยว
- ภาพถ่ายด้วยกล้อง cannon500d และ SonyXperia ถ่ายด้วยใจไม่ใช้ฝีมือ 55
แผนการคร่าวๆ คือ นั่งรถไฟฟรีไป - ไปเวียนเทียนที่หมู่บ้านอีต่อง - ไปเขาช้างเผือก จากนั้นก็เรื่อยๆ ค่อยว่ากันต่อ ไม่ได้ไปซักที่ก็ช่างมัน แฮะๆ
7.50 น. พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันเลยครับ เริ่มจาก สถานีรถไฟธนบุรี-กาญจนบุรี รถไฟฟรีของเรา
รายละเอียดต่างๆตามที่บอกในตั๋วเลยครับ รถไฟออกตรงเวลา
ตอนนั้นพวกเราไม่รู้ครับว่านั่งไปลงสถานีน้ำตกจะใกล้กว่า เราเลยลงที่ตัวเมืองกาญฯ ใช่เวลานั่งมาเกือบ 3 ชม. และนั่งสองแถวไป บขส. เพื่อต่อรถประจำทางไปยังทองผาภูมิ เป็นรถพัดลมครับ มีทหารขึ้นมาตรวจบัตรประชาชนด้วย เพราะไม่ไกลจากชายแดนมาก นั่งไปเรื่อยๆ เข้าสู่โซนที่มีอากาศเย็น รถจอดเป็นระยะครับ ตามน้ำตกและบ่อน้ำพุร้อน และพักใหญ่ๆเราก็ถึง ทองผาภูมิ 14.00 น.
เราลงที่ตลาด ที่รู้มาจากพี่สาวว่ามีรถขึ้นอีต่องจอดอยู่ คันนี้ใช้มั้ยยยย
ปรากฏว่าไม่ใช่ครับ รถไปอีต่องหมดไปตั้งแต่ช่วงเช้า
ไม่เป็นไร ทริปนี้ตั้งใจมาชิล เวลาเหลือ ลุงกะป้าร้านข้าวร้านที่เห็นในรูป (ผมตั้งชื่อให้ว่าลุงป้าใจดี อิอิ) บอกว่าเดี๋ยวมีรถจากหมู่บ้านมาส่งน้ำ รอกลับขึ้นไปพร้อมละกัน มีอีกทางคือโบกรถซึ่งไม่ค่อยมีรถไป เราเลยตัดสินใจ รอ
อีกนานกว่ารถจะมา ไปเดินเล่นแพ๊พ เจอนี่..แม่น้ำแควน้อย @หลังตลาด แค่เห็นก็ชุ่มฉ่ำแล้วว
รอ...
รอ... และมองขวดน้ำแร่ของอีต่องไปก่อน
รอ... แต่มีเพื่อนรอ ...เจ้าเซ็กซี่ ลูกสาวของลุงกะป้าใจดี
พวกเรารอจนเย็นครับ นั่งทายกันว่าคันไหนรถน้ำ สุดท้ายก็ไม่มา ลุงกะป้าเลยเสนอให้เราค้างที่เมืองก่อนค่อยไปตอนเช้า
-- ตามนั้นครับ เราตัดสินใจจะค้างที่นี่ และก็ได้คำแนะนำจากพี่ๆวินมอไซ (ใจดีอีกแล้ว) ให้ได้เจอที่พักราคาถูก "โรงแรมสมใจนึก"
หลังจากเก็บของล้างหน้าเสร็จ เราก็ไปเดินเล่นริมแม่น้ำหลังตลาด ทานข้าวเรียบร้อย และตกลงกันว่าตอนเช้าจะมาอาบน้ำที่แม่น้ำ
-- วันวิสาขบูชาครับ เราเลยไปเวียนเทียนกัน ที่อำเภอมีงาน2วัด เราก็ไปทั้ง2วัดเลย ไฮไลต์อยู่วัดที่ 2 ครับ มองไกลๆ เห็นเจดีย์บนเขา ที่นำให้เราเดินมาถึง"วัดท่าขนุน" เดินไปในทางมืดๆ..... ข้ามสะพานแขวนข้ามแม่น้ำแคว...... พอถึงวัด ได้เจอกับนี่...
ชมข้างล่างซักพัก เราก็เดินขึ้นไปไหว้เจดีย์และปล่อยโคมบนเขา...ภาพทางเดิน
และภาพที่เรามองลงมาจากเจดีย์ คือ...
. ---จบเรื่องราวของวันแรกครับ---
เดี๋ยวมาต่อกับการอาบน้ำของพวกเรา3คน กับเจ้าเซ็กซี่นะครับ กำลังคิดว่าจะเล่าให้สั้นกว่านี้ได้ยังไง ไม่อยากตัดไรออกเลย 55
.
.
เล่นปารองเท้าครับ เจ้าเซ็กซี่ปา พวกผมคาบ เย้ยย
ดูมันชอบใจมาก เหมือนคาบมาแล้วบอกผมว่า เอาอีกๆ
ตอนแรกที่เห็นแม่น้ำแควน้อย เป็นช่วงที่เขื่อนปล่อยน้ำเลยดูน้ำเยอะครับ ตอนเช้าไม่ปล่อยน้ำน้ำเลยลดแล้วก็ไหลเอื่อยๆ แต่รับรองว่าใสมาก
นอนทับรองเท้าและกกไว้ไม่ให้ใครแย่ง คงคิดว่าตังเองเป็นไก่ 55
วิ่งไล่เห่าเรือ แล้วก็ว่ายน้ำตาม กลัวเขามาขโมยไข่ แดดส่องน้ำยิ่งใส
เล่นอยู่พักใหญ่ ก็ถึงเวลากลับที่พัก อาบน้ำเก็บของเตรียมขึ้นอีต่องครับ วันนี้มั่นใจว่าไม่ตกรถ ไปนั่งรอที่ร้านลุงกับป้า กินขนมจีนน้ำยาให้อิ่มท้อง
เมื่อวานระหว่างรอรถน้ำ เราใช้เวลาสนทนากับลุงและป้าหลายเรื่องครับ อีกเรื่องที่รู้คือ รถสองแถวที่จะพาเราไปหมู่บ้าน จะขับผ่าน "อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ" ซึ่งมี "เขาช้างเผือก" ซึ่ง "ปิด" เพราะเป็นช่วงที่มีฝน อันตราย และถ้าจะไปเขาช้างเผือก ต้องจองล่วงหน้า แต่สามเสือเมื่อมาแล้ว...เอาไงดี 555 เราก็ไม่รู้เรื่องของเขาช้างเผือกเท่าไรหรอกครับ คือไปก็ได้ไม่ไปก็ได้ เลยสรุปกันว่า จะแวะค้างคืนที่อุทยาน ไม่ได้ไต่เขาช้างเผือกก็ไม่เป็นไร ขอแค่ได้ไป555 ว่าแล้วก็ไปกันเลยครับบบ
นั่งรอรถ / เงินพม่า เพื่อนร่วมทางให้ แต่ไม่เอาหรอกครับ เกรงใจ / ราชรถ ลุงคนขับใจดีมาก 1 วันมีรถ 2 รอบครับ ออกก่อนเที่ยงทั้ง 2 คัน / รับผลผลิตขึ้นไปส่งบนอีต่อง
---ขึ้นเขาแล้ว ค่อนข้างนาน และเวียนหัว เพราะเรากำลังผ่าน 399โค้ง เด็กบนรถมีอ้วก ผมต้องอดทน
เส้นบางๆ ระหว่าง อบอุ่น กับ แออัด ครับ 55
.
.
ในที่สุดก็ถึง อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ
เนื่องจากไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว ที่นี่เลยเงียบมากครับ มีนักท่องเที่ยวรวมพวกเราแล้วประมาณ3กลุ่ม
นอนค้างที่นี่คืนนึง อากาศหนาวชื้นครับ มีฝนบ้าง และลมค่อนข้างแรง
ที่นี่สามารถก่อไฟประกอบอาหารได้ครับ แต่ตามจุดที่จัดไว้ให้เท่านั้น ห้องน้ำเพียบ มีบริการให้เช่าเต๊นท์และถุงนอน
เย็นแล้ว ต้องรีบอาบน้ำ ไม่งั้นหนาวแย่ หลังจากนั้นก็นั่งเล่น นั่งคุย ถ่ายรูป แล้วก็นอนครับ
เช้าแล้วครับ
ออกเดินทางไปน้ำตกจ๊อกกระดิ่น แล้วก็ไปอีต่องต่อ ด้วยการ เดินเท้า
.
ไม่ใกล้ แต่ก็ไม่ไกลเกินใจไปถึงครับ เดินไปซักพัก พอมีรถผ่านมา ..โบกครับ
เมฆหมอกปกคลุม ฝนมาเรื่อยๆ ชุ่มฉ่ำเลย
ถึงแล้ววว ทางเข้าน้ำตก ที่เหลือ 2.8 กม. เดินเข้าไปครับ ส่วนรถที่มาด้วยมุ่งขึ้นสู่อีต่อง
ฝนตก และไม่เห็นวี่แววของแดด เลยรีบเปลี่ยนชุดที่สามารถเปียกได้ ใส่ให้น้อยที่สุด พร้อมแล้วก็ลุยกันต่อครับ!
ค่อยๆเดิน ทางชัน ลื่น รถยนต์ธรรมดาหมดสิทธิ์ครับ แต่ก็เป็นถนน ไม่ได้บุกป่าอะไร .............ถึงแล้ว..............
"จ๊อกกระดิ่น" น้ำตกไม่ใหญ่ แต่เหมือนอ่างน้ำส่วนตัว ใส เย็นเจี๊ยบบบบบบบบบบบ
ภาพอาจดูฟุ้งๆ เพราะละอองน้ำ ถ้าแดดแรงๆคงจะแช่ทั้งวัน
ดำผุดดำว่าย ผลัดกันถ่ายรูปเก็บไว้ ว่านี่คือ1จุดที่สุดประทับใจ
แช่น้ำจนหนำใจ ก็ได้เวลาเดินทางสู่อีต่อง จุดสุดท้ายที่เราจะเยี่ยมเยือน ..ไปกันเลยครับ
>>>>ต่อพาร์ทสุดท้าย ด้านล่างเลยครับ