แรงบันดาลใจที่ทำให้เริ่มเขียนบล๊อกนี้คือ การอยากแบ่งปันเรื่องราวและประสบการณ์ในการบริหารกิจการอาหารขนาดเล็ก ตั้งแต่เริ่มต้น (เมื่อ 5 ปีที่แล้ว) มาจนถึงปัจจุบัน เกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆจากการเข้าครัวมาจนถึงการเรียนรู้ภาษาฝรั่งเศสแบบง่ายๆที่จะพยายามสอดแทรกไปในบทความ และที่สำคัญคืออยากเป็นอีกหนึ่งแรงที่ช่วยให้คนที่กำลังลังเลหรือหมดกำลังใจในการต่อสู้ชีวิตให้กลับมามีความกล้าเผชิญหน้ากับปัญหาและเริ่มคิดบวกได้อีกครั้ง ...
อย่ามัวแต่จะทำหรืออยากทำ มันต้องลองทำ!!
ชีวิตอิฉันเริ่มเปลี่ยนตั้งแต่การตัดสินใจลาออกจากงานบริษัทมาเป็นแม่ค้า? ตอนนั้นคิดหนักมากเพราะฐานเงินค่อนข้างดี (เป็นเซล์ลขายของแต่ต้องใช้ภาษาฝรั่งเศสในการติดต่องานกับลูกค้า) สรุปว่าดีนะเพราะได้ฝึกภาษาไปเรื่อยๆแต่นานๆรู้สึกเริ่มจำเจป่ะวะ? ... แต่สาเหตุที่ทำให้ต้องออกจากงานจริงๆคือแฟนต้องการมีธุรกิจเป็นของตัวเอง มองการณ์ไกลแท้พ่อคู๊ณณ.. แต่เราจะทำอะไรกันดีน้า? ทุกกลางวันเดินออกไปกินข้าวแต่ที่เดิมๆ อาหารเดิมๆ..คือเบื่ออ่ะ คิดไปคิดมา 1 ปี เลยสรุปที่ "Sandwich" ? เนื่องด้วยแฟนเป็นชาวเลยเยี่ยม และเป็นคนที่ชื่นชอบการทานขนมปังเป็นชีวิตจิตใจ แต่เราจะขายแบบไหนอะไรยังไงแหว้ ?? แฟนอยากฉีกแนวเลยเลือกขายแซนวิชที่ใช้ขนมปังฝรั่งเศส (ที่เราเรียกกันว่า ...Baguette หรือ บา-แก็ต นี่หละค่ะ อย่าออกเสียง บา-กู-เต้ นะคะ พี่สาวน้องณัชชาไม่ปลื้มมม) แท่งยาวๆภายนอกแข็งๆแบบปาหัวสุนัขแตกกันได้เลยทีเดียวแต่ภายในจะนุ่มเหนียวและมีรสชาติความเค็มอยู่ในตัว ... อ่าาา! รู้ละว่าจะขายอะไรแต่ใครจะเป็นคนขาย เพราะเธอก็พูดไทยไม่แข็งแรง และเพื่อนที่จะร่วมหุ้นด้วยก็ดันเป็นคู่สามีภรรยาชาวต่างชาติอีก

สรุปแล้วดิฉันต้องเป็นคนรับดำเนินการทุกเรื่องตั้งแต่การเปิดร้านไปยันรับออเดอร์รวมถึงการทำแซนวิชด้วย ขอบอกเลยว่าจำใจทำมากๆตอนเริ่มต้นใหม่ๆแต่ก็ไม่มีทางเลือกมากนัก เพราะลงทุนกันมาก็ไม่น้อย ถ้างั้นเอาก็เอาฟระ! ลองดูกันซักตั้ง ...
ก่อนที่ผู้อ่านจะเริ่มเบื่อที่จะรับรู้เรื่องส่วนตัวของดิฉัน (เก็บไว้เล่าต่อในโอกาสถัดไป) ตอนนี้อยากนำเสนอสิ่งที่ทำในแต่ละวัน และนั่นก็คือ ...yes! Sandwich *_* วันนี้นำภาพการเตรียมแซนวิชที่ทำอยู่ทุกวี่ทุกวันมาฝากค่ะ บอกเลยว่าเหนื่อยกายมากแต่ความภาคภูมิใจที่ได้รับกลับมาคือ การทำให้ลูกค้าทุกคนอิ่มท้อง (แหม่มม..ได้บุญละก็ยังมีสตางค์ใช้ด้วยอ่ะค่ะ)
ว่าแล้วมาเริ่มกันเลยกับเจ้าแซนวิชเนื้อย่างที่อยากให้ผู้อ่านทุกท่านลอง ไม่ได้เข้ามาขายของแต่อยากนำความรู้และประสบการณ์ที่มีด้านอาหารมาแบ่งปัน ใครนึกสนุกอยากทำเองก็ลองไปหาซื้อเครื่องมาทำได้เลย ง่ายนิดเดียวจ้า
Roast beef sandwich
เครื่องปรุง
1.เนื้อ เลือกเป็นก้อนหรือเป็นชิ้นหนาหน่อย เวลาย่างจะได้อารมณ์แบบไม่สุกข้างในนะคะ
2. มัสตาด
3. เชดด้าชีส หรือชีสอะไรก็ได้ที่เพื่อนๆชอบ ถ้ากลัวอ้วนก็ไม่ต้องใส่จ้า
4. มะเขื่อเทศ 1 ลูก
5. ผักสลัด อันนี้เลือกที่เราชอบได้เลย ไม่ว่าจะเป็น (กรีนโอ๊ค/เรดโอ๊ค/มิซูน่า/เรดคอรัล หรือแม้กระทั้งผักกาดหอมถ้าอยากประหยัดงบ) ผักปลอดสารเพื่อนๆสามารถหาซื้อได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปเลยค่ะ น่าจะอย่างละ 35 บาทโดยประมาณ
6. หัวหอมย่าง
7. น้ำมันมะกอก (หรือน้ำมันพืช / น้ำมันคาโนล่าก็ดีนะคะ)
8. พริกไทย / เกลือ
9. ขนมปังฝรั่งเศส (แนะนำให้ซื้อที่ท๊อปส์หรือยามาซากินะเพราะเนื้อขนมปังจะเหนียวนุ่มอร่อย แท่งละ 50 กว่าบาท หรือใครไม่ชอบก็ใช้เป็นขนมปังแผ่นฟาร์มเฮาส์ก็อารมณ์ไปอีกแบบนะจ๊ะ)
ขั้นตอนการทำ
1. เริ่มด้วยการหมักเนื้อ โดยใช้น้ำมันมะกอก + พริกไทย + เกลือ (ใส่ตามความชอบ แต่อย่าเน้นเค็มนะจ๊ะเพราะเดี๋ยวจะไม่ได้รสชาติของส่วนผสมตัวอื่น) ส่วนตัวจะทามัสตาดลงบนเนื้อด้วยเพราะเวลาปิ้งเสร็จแล้วจะหอมมาก ยิ่งโรยผงออริกาโน่หน่อยละก็...แหม่มม สุดยอดด อย่าลืมทุบเนื้อนิดหน่อยก่อนหมักเพราะจะทำให้เนื้อนิ่มขึ้นค่ะ หมักไว้สักประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วเอาลงกระทะย่างกันเลย ปิ้งสัก 5-10 นาที นะคะแล้วแต่ความชอบในความสุกของเนื้อ ใช้ไฟแบบกลางๆนะคะ ถ้าไฟแรงมากเนื้อจะไหม้นอกและแอบไม่สุกอย่างแรงส์ข้างใน ถ้าไฟอ่อนเนื้อก็จะด้าน เคี้ยวแล้วเดี๋ยวฟันหลุด ไม่เอานะคะ
ย่างเนื้อ ประมาณ 5-10 นาที
2. เตรียมย่างหอม แล้วก็หั่นมะเขือเทศกับจัดผักสลัดไว้รอกันเลยจ้า พอเนื้อเย็น ก็เริ่มสไลด์ให้บางที่สุด เพราะจะได้เคี้ยวง่าย บางคนชอบหั่นหนาๆ แต่เราว่ามันเหนียวอ่ะ แค่ขนมปังก็เหนียวพอแล้วเดี๋ยวเมื่อยกรามกันพอดี
เตรียมเครื่องทุกอย่างให้เรียบร้อย
3. เริ่มผ่าบาแก็ตโดยใช้มีดฟันปลานะคะ เป็นมีดสำหรับตัดขนมปัง จะตัดได้ดีกว่ามีดเรียบๆทั่วไป จากนั่นเริ่มทามัสตาดกันเลยเป็นอันดับแรก (ใครไม่ชอบรสมัสตาดก็เปลี่ยนเป็นน้ำมันมะกอกหรือมายองเนสก็ได้นะ) ตามไปด้วยเนื้อย่างที่สไลด์มาเรียบร้อยแล้ว ต่อไปเรียงชีสตามใจชอบเลยค่ะ ส่วนตัวขอไม่เกินห้าแผ่นเล็ก (หรือ 2 แผ่นใหญ่ที่เค้าขายกันในห้างทั่วไป) ราคาน่าจะอยู่ที่ร้อยต้นๆ จบจากชีสก็ตามด้วยมะเขือเทศหวานไม่ต้องหนามาก โรยหอมย่าง (หยดน้ำมันไปเบาๆตอนย่างนะคะ จะได้ไม่แห้งมาก) ตบท้ายด้วยผักสลัดและพริกไทยเกลือ แล้วก็จะได้ ....แซนวิชที่ อร่อยจนน้ำตาไหลเลย (จริงๆแล้วไหลมาตั้งแต่ตอนปอกหอมละหล่ะ)
ทามัสตาดแล้วเรียงเนื้อเลยจ้า
วางชีสไปเลย
มะเขือเทศขวานบางๆจัดไป
หอมย่างค่ะ
เรียงผักสลัดเลยจ้า
เอามาให้ดูอีกมุมนึงค่ะ
เสร็จแล้วจ้า
เป็นยังไงกันบ้างคะ เข้าครัวไม่ได้ยากอย่างที่คิด ยิ่งถ้ามีใจรักอยู่แล้วยิ่งสบายมาก ส่วนผู้ที่อยากเริ่มทำอาหารก็ขอเป็นกำลังใจให้น้า แรกๆก็จะเกร็งๆงงๆ ไม่รู้จะใส่อะไรก่อนอะไรหลัง ใส่จำนวนเท่าไหร่ยังไง แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ลองทำไปเรื่อยแล้วเราจะมีความชำนาญขึ้นเอง อย่ามองข้ามเสน่ห์ปลายจวักนะคะ นี่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ดิฉันเอาไว้มัดหัวใจสุดที่รักค่ะ วันนี้พอแค่นี้ก่อน หวังว่าเพื่อนๆ จะได้รับความรู้และเคล็ดลับในการเข้าครัวไปไม่มากก็น้อยน้า เที่ยวหน้าจะมีสูตรอะไรมากฝาก อย่าลืมติดตามกันนะคะ วันนี้พอแค่นี้ก่อน A bientot (อ๊ะ-เบียง-โต) แปลว่าแล้วเจอกันใหม่ในภาษาฝรั่งเศสจ้า ...
แซนวิชเปลี่ยนชีวิต (พร้อมสูตรแซนวิชเนื้อย่างง่ายๆ)
อย่ามัวแต่จะทำหรืออยากทำ มันต้องลองทำ!!
ชีวิตอิฉันเริ่มเปลี่ยนตั้งแต่การตัดสินใจลาออกจากงานบริษัทมาเป็นแม่ค้า? ตอนนั้นคิดหนักมากเพราะฐานเงินค่อนข้างดี (เป็นเซล์ลขายของแต่ต้องใช้ภาษาฝรั่งเศสในการติดต่องานกับลูกค้า) สรุปว่าดีนะเพราะได้ฝึกภาษาไปเรื่อยๆแต่นานๆรู้สึกเริ่มจำเจป่ะวะ? ... แต่สาเหตุที่ทำให้ต้องออกจากงานจริงๆคือแฟนต้องการมีธุรกิจเป็นของตัวเอง มองการณ์ไกลแท้พ่อคู๊ณณ.. แต่เราจะทำอะไรกันดีน้า? ทุกกลางวันเดินออกไปกินข้าวแต่ที่เดิมๆ อาหารเดิมๆ..คือเบื่ออ่ะ คิดไปคิดมา 1 ปี เลยสรุปที่ "Sandwich" ? เนื่องด้วยแฟนเป็นชาวเลยเยี่ยม และเป็นคนที่ชื่นชอบการทานขนมปังเป็นชีวิตจิตใจ แต่เราจะขายแบบไหนอะไรยังไงแหว้ ?? แฟนอยากฉีกแนวเลยเลือกขายแซนวิชที่ใช้ขนมปังฝรั่งเศส (ที่เราเรียกกันว่า ...Baguette หรือ บา-แก็ต นี่หละค่ะ อย่าออกเสียง บา-กู-เต้ นะคะ พี่สาวน้องณัชชาไม่ปลื้มมม) แท่งยาวๆภายนอกแข็งๆแบบปาหัวสุนัขแตกกันได้เลยทีเดียวแต่ภายในจะนุ่มเหนียวและมีรสชาติความเค็มอยู่ในตัว ... อ่าาา! รู้ละว่าจะขายอะไรแต่ใครจะเป็นคนขาย เพราะเธอก็พูดไทยไม่แข็งแรง และเพื่อนที่จะร่วมหุ้นด้วยก็ดันเป็นคู่สามีภรรยาชาวต่างชาติอีก
ก่อนที่ผู้อ่านจะเริ่มเบื่อที่จะรับรู้เรื่องส่วนตัวของดิฉัน (เก็บไว้เล่าต่อในโอกาสถัดไป) ตอนนี้อยากนำเสนอสิ่งที่ทำในแต่ละวัน และนั่นก็คือ ...yes! Sandwich *_* วันนี้นำภาพการเตรียมแซนวิชที่ทำอยู่ทุกวี่ทุกวันมาฝากค่ะ บอกเลยว่าเหนื่อยกายมากแต่ความภาคภูมิใจที่ได้รับกลับมาคือ การทำให้ลูกค้าทุกคนอิ่มท้อง (แหม่มม..ได้บุญละก็ยังมีสตางค์ใช้ด้วยอ่ะค่ะ)
ว่าแล้วมาเริ่มกันเลยกับเจ้าแซนวิชเนื้อย่างที่อยากให้ผู้อ่านทุกท่านลอง ไม่ได้เข้ามาขายของแต่อยากนำความรู้และประสบการณ์ที่มีด้านอาหารมาแบ่งปัน ใครนึกสนุกอยากทำเองก็ลองไปหาซื้อเครื่องมาทำได้เลย ง่ายนิดเดียวจ้า
เครื่องปรุง
1.เนื้อ เลือกเป็นก้อนหรือเป็นชิ้นหนาหน่อย เวลาย่างจะได้อารมณ์แบบไม่สุกข้างในนะคะ
2. มัสตาด
3. เชดด้าชีส หรือชีสอะไรก็ได้ที่เพื่อนๆชอบ ถ้ากลัวอ้วนก็ไม่ต้องใส่จ้า
4. มะเขื่อเทศ 1 ลูก
5. ผักสลัด อันนี้เลือกที่เราชอบได้เลย ไม่ว่าจะเป็น (กรีนโอ๊ค/เรดโอ๊ค/มิซูน่า/เรดคอรัล หรือแม้กระทั้งผักกาดหอมถ้าอยากประหยัดงบ) ผักปลอดสารเพื่อนๆสามารถหาซื้อได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปเลยค่ะ น่าจะอย่างละ 35 บาทโดยประมาณ
6. หัวหอมย่าง
7. น้ำมันมะกอก (หรือน้ำมันพืช / น้ำมันคาโนล่าก็ดีนะคะ)
8. พริกไทย / เกลือ
9. ขนมปังฝรั่งเศส (แนะนำให้ซื้อที่ท๊อปส์หรือยามาซากินะเพราะเนื้อขนมปังจะเหนียวนุ่มอร่อย แท่งละ 50 กว่าบาท หรือใครไม่ชอบก็ใช้เป็นขนมปังแผ่นฟาร์มเฮาส์ก็อารมณ์ไปอีกแบบนะจ๊ะ)
ขั้นตอนการทำ
1. เริ่มด้วยการหมักเนื้อ โดยใช้น้ำมันมะกอก + พริกไทย + เกลือ (ใส่ตามความชอบ แต่อย่าเน้นเค็มนะจ๊ะเพราะเดี๋ยวจะไม่ได้รสชาติของส่วนผสมตัวอื่น) ส่วนตัวจะทามัสตาดลงบนเนื้อด้วยเพราะเวลาปิ้งเสร็จแล้วจะหอมมาก ยิ่งโรยผงออริกาโน่หน่อยละก็...แหม่มม สุดยอดด อย่าลืมทุบเนื้อนิดหน่อยก่อนหมักเพราะจะทำให้เนื้อนิ่มขึ้นค่ะ หมักไว้สักประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วเอาลงกระทะย่างกันเลย ปิ้งสัก 5-10 นาที นะคะแล้วแต่ความชอบในความสุกของเนื้อ ใช้ไฟแบบกลางๆนะคะ ถ้าไฟแรงมากเนื้อจะไหม้นอกและแอบไม่สุกอย่างแรงส์ข้างใน ถ้าไฟอ่อนเนื้อก็จะด้าน เคี้ยวแล้วเดี๋ยวฟันหลุด ไม่เอานะคะ
2. เตรียมย่างหอม แล้วก็หั่นมะเขือเทศกับจัดผักสลัดไว้รอกันเลยจ้า พอเนื้อเย็น ก็เริ่มสไลด์ให้บางที่สุด เพราะจะได้เคี้ยวง่าย บางคนชอบหั่นหนาๆ แต่เราว่ามันเหนียวอ่ะ แค่ขนมปังก็เหนียวพอแล้วเดี๋ยวเมื่อยกรามกันพอดี
3. เริ่มผ่าบาแก็ตโดยใช้มีดฟันปลานะคะ เป็นมีดสำหรับตัดขนมปัง จะตัดได้ดีกว่ามีดเรียบๆทั่วไป จากนั่นเริ่มทามัสตาดกันเลยเป็นอันดับแรก (ใครไม่ชอบรสมัสตาดก็เปลี่ยนเป็นน้ำมันมะกอกหรือมายองเนสก็ได้นะ) ตามไปด้วยเนื้อย่างที่สไลด์มาเรียบร้อยแล้ว ต่อไปเรียงชีสตามใจชอบเลยค่ะ ส่วนตัวขอไม่เกินห้าแผ่นเล็ก (หรือ 2 แผ่นใหญ่ที่เค้าขายกันในห้างทั่วไป) ราคาน่าจะอยู่ที่ร้อยต้นๆ จบจากชีสก็ตามด้วยมะเขือเทศหวานไม่ต้องหนามาก โรยหอมย่าง (หยดน้ำมันไปเบาๆตอนย่างนะคะ จะได้ไม่แห้งมาก) ตบท้ายด้วยผักสลัดและพริกไทยเกลือ แล้วก็จะได้ ....แซนวิชที่ อร่อยจนน้ำตาไหลเลย (จริงๆแล้วไหลมาตั้งแต่ตอนปอกหอมละหล่ะ)
เป็นยังไงกันบ้างคะ เข้าครัวไม่ได้ยากอย่างที่คิด ยิ่งถ้ามีใจรักอยู่แล้วยิ่งสบายมาก ส่วนผู้ที่อยากเริ่มทำอาหารก็ขอเป็นกำลังใจให้น้า แรกๆก็จะเกร็งๆงงๆ ไม่รู้จะใส่อะไรก่อนอะไรหลัง ใส่จำนวนเท่าไหร่ยังไง แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ลองทำไปเรื่อยแล้วเราจะมีความชำนาญขึ้นเอง อย่ามองข้ามเสน่ห์ปลายจวักนะคะ นี่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ดิฉันเอาไว้มัดหัวใจสุดที่รักค่ะ วันนี้พอแค่นี้ก่อน หวังว่าเพื่อนๆ จะได้รับความรู้และเคล็ดลับในการเข้าครัวไปไม่มากก็น้อยน้า เที่ยวหน้าจะมีสูตรอะไรมากฝาก อย่าลืมติดตามกันนะคะ วันนี้พอแค่นี้ก่อน A bientot (อ๊ะ-เบียง-โต) แปลว่าแล้วเจอกันใหม่ในภาษาฝรั่งเศสจ้า ...