ผู้หญิงคนเดียว เที่ยวจางเจียเจี้ย

สวัสดีค่ะ เป็นครั้งแรกที่เขียนแชร์ประสบการณ์เดินทางเที่ยวจีนคนเดียว แบบพูดภาษาจีนไม่ได้ (จริงๆเรียนเมื่อ 15 ปีที่แล้วที่แคนาดา... เอ๊ะ เขียนอะไรผิดรึป่าว ไม่ผิดค่า เรียนภาษาจีนที่แคนาดาเพราะเป็นวิชาเลือกตอนเรียนตรีที่นั่น งงๆมึนๆแบบแปลหลายตลบมาก แต่พอมาถึงตอนนี้ก็พูดได้เต็มปากเต็มคำว่า ไม่ช่วย!) ร้องไห้

กระทู้นี้ขอเล่าเฉพาะบันทึกการเดินทางแบบบินเดี่ยวเที่ยวจีนแล้วกันนะคะ เพราะเรื่องวิธีการเตรียมตัว การขอวีซ่าก็มีบางท่านรีวิวไว้อย่างละเอียดมากแล้ว ที่ได้ใช้ตอนกรอกก็คือลิ้งค์นี้ค่ะ http://pantip.com/topic/32629735

เมื่อปีที่แล้วได้คุยกับพี่คนนึง (ขอเรียกแทนว่าเจ้) ว่าตั๋วหางแดงมีโปรไปฉางซาช่วงสงกรานต์ปี 2558 จากที่เคยคุยกันไว้ว่าอยากไปจางเจียเจี้ย ก็เลยถึงเวลาได้เริ่มอย่างจริงจังซะที ชวนกันจองตั๋วไปกัน 2 คน (ตอนวางแผนว่าไป 2 คน แต่เดี๋ยวมี climax ต้องติดตามค่ะ 555)
เราแลกคะแนน Big Shot ก็เลยเหลือจ่ายแค่ 2 พันกว่าบาท รวมน้ำหนัก 20 กก. ทั้ง ไป-กลับ ถือว่าถูกใช้ได้เลย เยี่ยม

พอซื้อตั๋วตั้งแต่ปี 2557 ก็ไม่ได้ทำอะไรอีกเลย จนกระทั่งเดือน มี.ค. 58 ก็ถึงเวลาต้องทำวีซ่าล่ะ เจ้ไปทำวีซ่ามาก่อนเลยมาเตือนว่า แค่ยื่นเอกสารก็หมดไปครึ่งวันล่ะ แถมต้องไปรับอีก เราเลยจ้างเอเจ้นท์ทำให้ ยอมจ่ายแพงหน่อยเพื่อแลกกับการไม่ต้องลางานไปทำเอง (วันลามีน้อย ต้องใช้สอยอย่างประหยัด)
ผ่านไป 3 วัน เอเจ้นท์ก็เอาพาสปอร์ตพร้อมวีซ่ากลับมาคืน (การทำวีซ่าจีนไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องเตรียมเอกสารเยอะ แถมใช้เวลาทำไม่กี่วัน และมีให้เลือกแบบด่วนถ้ายอมจ่ายแพงหน่อย) นางพญาเม่า

เราจองไปช่วงวันที่ 10 เม.ย. – 15 เม.ย. เป็นวันหยุดยาวสงกรานต์พอดี เลยลางานแค่วันเดียว ชิลๆ
ตอนแรกก็ชิลมากจริงๆ เพราะเจ้ที่จะไปด้วยกันเก่ง คล่องมาก เป็นผู้เชียวชาญด้านการเตรียมแผนเที่ยว เจ้ทำการบ้าน หาข้อมูลมาหมด แถมฝากเจ้ช่วยแลกเงินหยวนให้ด้วย เราเลยแอบง่อย ไม่ได้ทำอะไรมาก เหลือแค่จัดกระเป๋าเป้ เลยจัดก่อนเดินทาง 2 วันแบบเบาๆแค่ 10 กก. พอรวมพวกอุปกรณ์กล้อง ขาตั้งก็ประมาณ 15 กก.
และแล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อประมาณ 1 ทุ่ม วันที่ 9 เม.ย....คืนก่อนเดินทางนั่นเอง... เจ้ก็โทรมาบอกว่า... พี่ไปไม่ได้นะ (มีปัญหาเรื่องใหญ่ที่บ้าน) น้องจะเอาไง???

เม่าตกใจเม่าตกใจเม่าตกใจ
ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออกเลย (ก่อนหน้านั้นอาทิตย์นึง เคยพูดเล่นๆกับน้องที่ทำงานว่า ถ้าเจ้ไม่ไป ตายแน่ๆเพราะไม่รู้เรื่องอะไรเลย...ตรูไม่น่าพูดเล้ยยย เป็นลางจริงๆ) จำได้แค่ว่า  auto reply ไปว่า ไปแหละค่ะ (ก็หนูไม่รู้จะไปไหนแล้วอ่ะ ยื่นวันลาแล้ว อยู่บ้านนิ่งๆวันหยุดยาวก็ไม่ไหวนะ... เป็นไงเป็นกัน)  

แต่พอวางโทรศัพท์แล้วก็คิดอะไรไม่ออก มึนๆ เหมือนโดนฉีดยาชาเข้าสมอง มีแต่คำว่า “Ship หาย” วนไปวนมาในหัว เพราะไม่ได้เตรียมใจอะไรไว้เลย ที่สำคัญคือไม่ได้เตรียมอ่านข้อมูลอะไรเลยซักตัวเดียว ไปเที่ยวไหนก็ไม่รู้  รู้อย่างเดียวคือเครื่องออกกี่โมง  แผนเที่ยวที่พิมพ์มาก็คือที่เจ้เตรียมไว้แบบคร่าวๆ ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้

พอตั้งสติที่แทบจะไม่เหลือ ณ ตอนนั้นได้...
สิ่งแรกที่ทำคือโทรถามพี่ที่เพิ่งไปเที่ยวมา 2 อาทิตย์ก่อนว่ามีอะไรควรรู้ ควรระวังบ้าง ถ้าสถานการณ์เราเป็นแบบนี้ คือไม่มีอะไรในหัวเลย พูดยังไม่ค่อยจะรู้เรื่องเลยตอนนั้น (แต่ปกติก็ไม่ได้รู้เรื่องเท่าไหร่นะ) จะไปเที่ยวไหนยังไม่รู้เลย    สิ่งที่พี่แนะนำ และเป็นประโยชน์มาก คือ
1.    หาชื่อสถานที่ที่จะไป เช่น สถานที่ท่องเที่ยว และโรงแรม เป็นภาษาจีน และพิมพ์หรือถ่ายรูปไว้ในมือถือ (พี่ช่วยส่งข้อมูลตอนที่เค้าไปมาให้ด้วย)
2.    เปิด roaming service เพราะเราไม่มีข้อมูลอะไรเลย จะเตรียมการคืนเดียวก็คงไม่ทัน (ตอนที่พี่ไป เค้าใช้ pocket wifi) ปกติก็ไม่เคยเปิด roaming ตอนเที่ยวเลย เพราะกลัวเปลือง แล้วก็ไม่ได้อยากให้ใครติดต่อ อารมณ์ติ๊สส อยากปลีกวิเวกงั้น
3.    โหลด app แปลภาษาไว้ในมือถือ แบบมีเสียงพูดก็ดี เพราะไม่งั้นแปลเสร็จ พูดไม่รู้เรื่องอีก
4.    เอาเงินหยวนไปให้พอค่าใช้จ่ายทั้งหมด เพราะการใช้บัตรเครดิตที่จีนต้องมี Pin code ด้วย ซึ่งได้ยินมาว่าไม่เหมือนกับที่เมืองไทย (อันนี้ก็ไม่รู้รายละเอียดว่าจริงเท็จยังไง) ดังนั้น ไม่ต้องรอหวังพึ่งบัตรเครดิต

คืนนั้นแทนที่จะจัดของที่เหลืออีกไม่กี่อย่าง ชิลๆ ก่อนที่จะต้องเดินทางไปสนามบินตอนตี 3 กว่าๆ เลยกลายเป็นวาระแห่งชาติ โทรเปิด roaming, โทรนัดรับเงินหยวนจากเจ้ที่ช่วยแลกให้ที่สนามบิน พร้อมกับยืมเงินที่แลกมาส่วนของเจ้ด้วย, ออกไปซื้ออาหารแห้งตุนไปเพิ่ม เพราะยังไม่รู้ว่าจะกินอยู่ยังไง, นั่ง chat กับเพื่อนหลายกลุ่ม เผื่อมีใครมีคำแนะนำดีๆ (อันนี้ฮา เพราะทุกกลุ่มบอกว่าไม่ควรไป บางคนถึงกับบอกว่า ถ้าไปแล้วมันมีชิงทรัพย์ ข่มขืนป่าว... เอ่อ ช่วยได้เยอะ เต่าเอือม  จะนอยด์ก็เพราะกลุ่มผู้หวังดีนี่แหละค่า  

ตอนแรกเราก็คิดว่าน่าจะคล้ายๆตอน backpack คนเดียวที่ Canada เป็นเวลา 1 เดือนเมื่อกว่า 15 ปีที่แล้ว แต่ก็อย่างที่เพื่อนบอกว่ามันไม่เหมือนกัน ซึ่งก็จริง อย่างเดียวที่เหมือนคือ ฉายเดี่ยว แต่รอบนี้มีเพื่อนที่ฉลาดมาก ชื่อ Google ตามไปด้วยทุกที่   แต่คืนนั้นหลังจากหาข้อมูลเพิ่มจาก internet แล้ว capture ในมือถือไปได้ซักพักก็รู้สึกหมดหวัง เพราะไม่มีอะไรเข้าหัวเลย เหมือนยังช็อคอยู่ เลยทำใจ...ปลง แล้วนอนเอาแรงดีกว่า

ป.ล. ทั้งหมดทั้งมวลที่เล่ามา แม่ไม่รู้เรื่องเลยว่าคืนก่อนเดินทางเกิดอะไรขึ้นบ้าง และลูกสาวกำลังจะไปเที่ยวจีน “คนเดียว” ทั้งๆที่อยากบอกใจจะขาด ไม่เคยโกหกเค้าเลย แต่ก็กลัวเค้าเป็นห่วง แล้วไม่ให้ไป  


จากการการเดินทางคนเดียวที่ทำมา 3 ครั้งแล้ว สิ่งที่ยากที่สุดของทุกครั้งที่เหมือนกัน คือ ทุกขั้นตอนก่อนก้าวขาก้าวแรกออกจากบ้าน  พอออกมาพ้นบริเวณบ้านแล้ว ทุกอย่างจะเริ่มง่ายขึ้นทันที
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่