ใครจะว่าผมก็ได้นะครับ ผมแค่สงสัย
ผมไล่อ่านเรื่องต่างๆในห้อง ไสยศาสตร์ มีแต่พวกวิทยาศาสตร์มาตอบ ผมก็ งง พวกวิทยาศาสตร์ไม่เชื่อเรื่องผี แต่เข้ามาอ่านเข้ามาตอบในห้องไสยศาสตร์ หาเหตุผลมาโต้เถียงด้วยความรู้ที่มีเหตุมีผลมาพูด (มันดูตลกดี)
ผมเป็นคนหนึ่งที่เมื่อก่อนไม่เชื่อเรื่องผีครับ ผมเรียนสาย วิทย์-คณิต มา ไม่เคยเชื่อเรื่องผีเลยเพราะมันพิสูจน์ไม่ได้ ผมเถียงกับแม่เรื่องงมงายหมอดู หมอผีตลอด ว่าหลอกลวง ผมเถียงแบบสุโต้งมากครับ
จนมาวันหนึ่งผมประสบอุบัติเหตุ (ตอนนั้นผม ม.6 ครับ ที่เขาชอบพูดว่า ม.6 และปี4 มักอาถรรพ์) ตอนนั้นแม่กับพ่อผม คิดว่าผมตายแล้วด้วยซ้ำเพราะสภาพรถพังยับเยินมากแต่พ่อกับแม่ยังไม่เห็นผมนะครับ คนแถวนั้นโทรเรียกกู้ภัยนำตัวผมไปส่งที่ รพ.ตอนที่ชนนั้น ผมสลบไปพักหนึ่ง คนที่ช่วยผม เขาบอกกับผมว่าหัวใจผมหยุดเต้น ไปประมาณ 2-3นาทีได้ ไม่มีใครปั้มหัวใจให้ มีแต่คนมุง(ไทยมุงอะครับ) และทำได้แค่โทรเรียกกู้ภัยมา ระวังที่รอรถกู้ภัยมานั้น ผมก็ฟื้น ตัวผมเด้งขึ้นมาและร้องว่าเจ็บคาง เจ็บปาก (นี้คือจุดที่ทำให้ผมมองเห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น ผมผ่านความเป็นความตายมาครับ)
จึงทำให้ผมมีเซ้นตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมาครับ มองเห็นในสิ่งที่ไม่มีใครเห็น จากนั้นผมก็เริ่มเชื่อครับ เพราะผมปฎิเสธไม่ได้จริงๆ จากสิ่งที่ผมเห็นสิ่งที่ผมสัมพัส (ถ้าจะบอกว่าสมองอาจได้รับการกระทบเลยทำให้สมองสั่งการผิดปกติ ผมอยากบอกว่า หัวผมไม่ได้แตกครับ ผมไม่ได้เอาหัวลง ผมเอาคางลง จนกระดูกคางผมหลุด เอ็กซเรย์สมองผมก็ปกติครับ)
ถ้าคนที่มองไม่เห็นก็พยายามจะหาเหตุผลนู้นนี่นั้นมาพูดว่าเรื่องมโน (ผมพูดจริงใช่ไหม)
คุณไม่ต้องเชื่อครับว่าผีมีจริง แต่ผมขออย่างเดียวอย่าว่าคนที่เขาสามารถเห็นในสิ่งที่พวกคุณไม่เห็นว่าเป็นจิตคิดไปเอง
คนที่เห็นมีสองประเภท 1 เห็นจริง 2 หลอกลวง
จากนั้นอยู่ที่คุณใช้วิจารณญาณในการเชื่อครับ โลกมันน่ากลัวครับ
ผมฝากไว้แค่นี้
คนที่ไม่เชื่ออย่าว่าคนอื่นครับ
ส่วนคนที่เชื่อ ควรเชื่อแบบใช้วิจารณญาณ นะครับ
ส่วนผม ถึงจะมีเซ้นมองเห็น แต่ผมก็มีวิทย์มาเกี่ยวข้องอยู่ดีเวลาอธิบายให้อยู่ในหลักที่ควร ไม่เวอเกินไป อธิบายในความเป็นจริง เพราะผมปฎิเสธไม่ได้ว่า สิ่งที่มองไม่เห็น. มันไม่มีจริง
จะว่าผมก็ได้...ผมแค่สงสัย ไม่ใช่คือคนผิดครับ
ผมไล่อ่านเรื่องต่างๆในห้อง ไสยศาสตร์ มีแต่พวกวิทยาศาสตร์มาตอบ ผมก็ งง พวกวิทยาศาสตร์ไม่เชื่อเรื่องผี แต่เข้ามาอ่านเข้ามาตอบในห้องไสยศาสตร์ หาเหตุผลมาโต้เถียงด้วยความรู้ที่มีเหตุมีผลมาพูด (มันดูตลกดี)
ผมเป็นคนหนึ่งที่เมื่อก่อนไม่เชื่อเรื่องผีครับ ผมเรียนสาย วิทย์-คณิต มา ไม่เคยเชื่อเรื่องผีเลยเพราะมันพิสูจน์ไม่ได้ ผมเถียงกับแม่เรื่องงมงายหมอดู หมอผีตลอด ว่าหลอกลวง ผมเถียงแบบสุโต้งมากครับ
จนมาวันหนึ่งผมประสบอุบัติเหตุ (ตอนนั้นผม ม.6 ครับ ที่เขาชอบพูดว่า ม.6 และปี4 มักอาถรรพ์) ตอนนั้นแม่กับพ่อผม คิดว่าผมตายแล้วด้วยซ้ำเพราะสภาพรถพังยับเยินมากแต่พ่อกับแม่ยังไม่เห็นผมนะครับ คนแถวนั้นโทรเรียกกู้ภัยนำตัวผมไปส่งที่ รพ.ตอนที่ชนนั้น ผมสลบไปพักหนึ่ง คนที่ช่วยผม เขาบอกกับผมว่าหัวใจผมหยุดเต้น ไปประมาณ 2-3นาทีได้ ไม่มีใครปั้มหัวใจให้ มีแต่คนมุง(ไทยมุงอะครับ) และทำได้แค่โทรเรียกกู้ภัยมา ระวังที่รอรถกู้ภัยมานั้น ผมก็ฟื้น ตัวผมเด้งขึ้นมาและร้องว่าเจ็บคาง เจ็บปาก (นี้คือจุดที่ทำให้ผมมองเห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น ผมผ่านความเป็นความตายมาครับ)
จึงทำให้ผมมีเซ้นตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมาครับ มองเห็นในสิ่งที่ไม่มีใครเห็น จากนั้นผมก็เริ่มเชื่อครับ เพราะผมปฎิเสธไม่ได้จริงๆ จากสิ่งที่ผมเห็นสิ่งที่ผมสัมพัส (ถ้าจะบอกว่าสมองอาจได้รับการกระทบเลยทำให้สมองสั่งการผิดปกติ ผมอยากบอกว่า หัวผมไม่ได้แตกครับ ผมไม่ได้เอาหัวลง ผมเอาคางลง จนกระดูกคางผมหลุด เอ็กซเรย์สมองผมก็ปกติครับ)
ถ้าคนที่มองไม่เห็นก็พยายามจะหาเหตุผลนู้นนี่นั้นมาพูดว่าเรื่องมโน (ผมพูดจริงใช่ไหม)
คุณไม่ต้องเชื่อครับว่าผีมีจริง แต่ผมขออย่างเดียวอย่าว่าคนที่เขาสามารถเห็นในสิ่งที่พวกคุณไม่เห็นว่าเป็นจิตคิดไปเอง
คนที่เห็นมีสองประเภท 1 เห็นจริง 2 หลอกลวง
จากนั้นอยู่ที่คุณใช้วิจารณญาณในการเชื่อครับ โลกมันน่ากลัวครับ
ผมฝากไว้แค่นี้
คนที่ไม่เชื่ออย่าว่าคนอื่นครับ
ส่วนคนที่เชื่อ ควรเชื่อแบบใช้วิจารณญาณ นะครับ
ส่วนผม ถึงจะมีเซ้นมองเห็น แต่ผมก็มีวิทย์มาเกี่ยวข้องอยู่ดีเวลาอธิบายให้อยู่ในหลักที่ควร ไม่เวอเกินไป อธิบายในความเป็นจริง เพราะผมปฎิเสธไม่ได้ว่า สิ่งที่มองไม่เห็น. มันไม่มีจริง