สวัสดีคะ เพื่อนๆในพันทิปทุกท่าน
ที่เราตั้งกระทู้นี่ขึ้นมาเราอยากรู้ความคิดเห็นของหลายๆท่านที่มีต่อเรื่องพวกนี้ เราเองก็เป็นอีก 1 คนที่ต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
เรื่องที่เราจะเล่า เราขอยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ไม่มีการแต่งเรื่องขึ้นมา เพราะเรื่องนี้เพิ่งเกิดเมื่อต้น พ.ค. ที่ผ่านมา..
ประมาณวันหยุดยาวเมื่อช่วงต้นเดือน พ.ค. เรากับแฟน ได้กลับบ้านที่ ตวจ. (เป็นบ้านแฟนนะคะ) แต่เรากับแฟนก็กลับบ้านเพราะว่าอยู่ใกล้ กทม. ระยะแค่ร้อยกว่าโล บางครั้งเดือนนึงกลับ 2-3 ครั้ง แต่ครั้งนี้เรากลับเช้าวันศุกร์เหตุการณ์ปกติทุกอย่าง แต่พอถึงตอนกลางคืน แฟนเรากับเพื่อนของเขาได้นั่งทำรถมอเตอร์ไซค์อยู่หน้าบ้านช่วงนั้นน่าจะเป็นเวลา ตี1 กว่าๆ เพื่อนของแฟน เค้าได้ยินเสียงเหมือนคนมาแปรงฟันในห้องน้ำ แต่เสียงแปรงฟันมันดังมากเหมือนมีคนเอาแปรงมาถูกับพื้นปูน พี่เค้าก็เลยพูดกับแฟนเราว่า "แฟน_ึงเป็นเ_ี้ยไรว่ะ..ทำไมแปรงฟันแรง" แล้วพี่เค้าก็เรียกชื่อเรา เราก็ขานรับ พี่เค้าเลยเปิดประตูห้องนอนมาดู เค้าถามเราว่าเมื่อกี้ได้ไปแปรงฟันในห้องน้ำหรือเปล่า..? เราเลยบอกว่า "หนูไม่ได้แปรงหนูนั่งเล่นโทรศัพท์กับแฟนพี่อยู่ในห้องประมาณ 20 นาทีแล้ว" แล้วพี่เค้าก็บอกว่าไม่เห็นว่าเราเดินเข้าไปตอนไหน ตอนนั้นอยู่รวมกัน 4 คน ต่างคนต่างไม่พูดอะไร แต่เราก็แอบพูดในใจ "เอาแล้วไง_ึง โดนเข้าแล้ว" (เราลืมบอกว่าวันที่โดนเป็นวันพระ แต่เราก็ไม่รู้ว่ามันจะเกี่ยวกันหรือเปล่านะคะ) จากนั้นพวกเรา 4 คนก็นอนรวมกัน เรามารู้สึกตัวตอน ตี3 - ตี4 เพราะว่าน้าสาวของเพื่อนแฟนมาปลุกให้พี่เค้าไปส่งแม่ ไปตลาดทุกเช้า แต่วันนั้นไม่รู้เป็นเพราะอะไร ปลุกเท่าไหร่พี่เค้าก็ไม่ตื่น จนน้าสาวแกรอไม่ไหวก็เลยกลับบ้านไป ผ่านไปประมาณ 10 นาที เราก็ได้ยินเสียงเรียกอีก แต่คราวนี้เป็นเสียงเล็กๆในใจเรานึกว่าเป็นหลานชายที่เค้ามาอยู่กับมาปลุกอีกรอบแต่เราได้ยินแค่ครั้งเดียวว่า "พี่........ ตื่นได้แล้ว ไปส่งแม่ไปตลาด" แต่ครั้งนี้แฟนเราก็ได้ยินด้วย เราเลยบอกให้แฟนเราปลุกเพื่อนของเค้า จากนั้นเราก็นอนต่อจนถึง 11 โมง
พอมาถึงช่วงเย็นในตัวจังหวัดมีคลองถม เราเลยชวนแฟน เพื่อนของแฟน และน้องของเพื่อนแฟนไปด้วยกัน (เราลืมบอกว่า เพื่อนของแฟน เค้ามีพี่น้องกัน 3 คน คนโตและคนกลางเป็นผู้ชาย ส่วนคนสุดท้องเป็นผู้หญิง แต่น้องผู้หญิงเสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 53 แล้ว)
ต่อนะคะ.. เรา 4 คน เลยได้คุยเรื่องที่หลานมาเรียกตอนช่วงเช้ามืด คุยไปคุยมา น้องคนกลางบอกว่า เมื่อเช้าหลานไม่ได้ไปเรียกมีแต่น้าสาวไปเรียกคนเดียวพอไปเรียกเสร็จพี่คนโตไม่มาซักที น้องคนกลางเลยเป็นคนไปส่งแม่ที่ตลาด หลักจากนั้นเรากะแฟนก็ถามว่า แล้วเสียงที่ได้ยิน เป็นเสียงของใคร พี่คนโตกะน้องคนกลางก็บอกว่าน่าจะเป็นเสียงของน้องสาวมาปลุก


หลังจากนั้นเราก็นั่งเงียบมาตลอดทางไม่พูดอะไรอีกเลย .. จนกลับมาถึงบ้านแม่พวกเราก็นั่งคุยเรื่องนี้อีก ทุกคนต่างลงความเห็นว่าเป็นน้องสาว เพราะน้าสาวบอกว่าตอนก่อนที่จะไปปลุกพี่คนโต ได้ยินเสียงเหมือนมาสลัดผ้าในห้องน้ำ.. สรุปเกือบทุกคนที่โดน..
แต่จุดไคลแม็กซ์ มันอยู่ที่เราคะ เรายอมรับว่าหลังจากกลับบ้านแฟน เราไม่เป็นตัวของตัวเองเลย บางครั้งทำอะไรก็ไม่รู้สึก เหม่อลอยบ่อยครั้ง มีความรู้สึกคิดถึงแม่ของเพื่อนแฟน อยากกอด อยากคุย แล้วยิ่งกะน้องคนกลางมีความรู้สึกเป็นห่วงมาก กระวนกระวายใจ จนเราทนไม่ได้เลยโทรไปหาน้องคนกลาง แต่น้องมันก็พูดกะเราว่าเราเปลี่ยนไปเหมือนคนละคน คำพูดก็แปลกไป ท่าทางก็เปลี่ยนไป จนน้องมันถามเราว่า พี่มีอะไรจะบอกผมหรือเปล่า ตอนนั้นเราแค่รู้สึกว่า เจออยากเจอแม่กะน้องคนกลางมากๆ เราเลยบอกกะน้องมันว่า วันที่ 5/5 บอกแม่รอพี่ด้วยนะ พี่จะไปทำบุญให้น้องสาวที่วัด สรุปว่าหลังจากที่เรากลับจากบ้านแฟนได้วันเดียว เราต้องกลับไปใหม่เพื่อไปทำบุญให้น้อง
**ต่อนะคะ**.. หลังจากที่ทำบุญถวายสังฆทานให้น้องเสร็จเราก็กลับมาที่บ้านแม่ แต่ความรู้สึกของเราตอนนั้นคือมันรู้สึกอึดอัด ทุรนทุราย แล้วก็ไม่เป็นตัวของตัวเอง..
(ที่จะเล่าต่อไปนี้ คือได้รับฟังจากแม่และน้องชายคนกลางนะคะ) แม่บอกว่าหลังจากที่กลับจากวัดเราก็ดูแปลกไป ดูเหม่อลอย และแม่บอกว่าเราก็เดินไปนั่งพับเพียบกลางบ้านแล้วก็ไปนั่งจ้องรูปของน้องสาว แต่เราจำความรู้สึกเราครั้งสุดท้ายของเราได้ว่าเราเดินเข้ามาในบ้านหลังจากนั้นเราไม่รู้เรื่องอะไรอีกเลย .. แม่กะน้องชายบอกว่าน้องสาวมาเข้าร่างของเรา เค้ามาเตือนพี่ชายของเค้าว่าจะอันตราย แต่อันตรายที่จะเกิดเค้าไม่สามารถช่วยพี่ชายเค้าได้ .. และหลังจากนั้นเราก็รู้สึกตัวแต่มันเหมือนว่าเราเหนื่อยมากไม่มีแรง หลังจากเหตุการณ์วันนั้นเราก็กลับมาที่ กทม. ความรู้สึกอึดอัดเริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
และหลังจากนั้นน้องสาวก็เข้ามาเข้าร่างเราอีก 2 ครั้งเพื่อมาลาและสั่งเสียคนในครอบครัว แต่ละครั้งที่น้องมาเราไม่รู้สึกอะไรเลยนอกจากความเหนื่อยล้า และไม่มีแรงหายใจไม่ทั่วท้อง ..
..
..
เราได้แต่คิดว่า ทำไมเราถึงเป็นแบบนี้ได้ เราเป็นบ้าหรือเปล่า หรือว่าแค่คิดมากไปเอง


แต่สิ่งที่เราเหลือเชื่อมากที่สุดคือ น้องสาวเสียไปตั้ง 4-5 ปีแล้ว แต่ดวงจิตเค้ายังวนเวียนอยู่ที่บ้าน ไม่ได้ไปไหนเลย..
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามาอ่านมานะคะ
ใครเชื่อเรื่องวิญญาณ สิ่งลี้ลับ หรือสิ่งที่มองไม่เห็นบ้างคะ..??
ที่เราตั้งกระทู้นี่ขึ้นมาเราอยากรู้ความคิดเห็นของหลายๆท่านที่มีต่อเรื่องพวกนี้ เราเองก็เป็นอีก 1 คนที่ต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
เรื่องที่เราจะเล่า เราขอยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ไม่มีการแต่งเรื่องขึ้นมา เพราะเรื่องนี้เพิ่งเกิดเมื่อต้น พ.ค. ที่ผ่านมา..
ประมาณวันหยุดยาวเมื่อช่วงต้นเดือน พ.ค. เรากับแฟน ได้กลับบ้านที่ ตวจ. (เป็นบ้านแฟนนะคะ) แต่เรากับแฟนก็กลับบ้านเพราะว่าอยู่ใกล้ กทม. ระยะแค่ร้อยกว่าโล บางครั้งเดือนนึงกลับ 2-3 ครั้ง แต่ครั้งนี้เรากลับเช้าวันศุกร์เหตุการณ์ปกติทุกอย่าง แต่พอถึงตอนกลางคืน แฟนเรากับเพื่อนของเขาได้นั่งทำรถมอเตอร์ไซค์อยู่หน้าบ้านช่วงนั้นน่าจะเป็นเวลา ตี1 กว่าๆ เพื่อนของแฟน เค้าได้ยินเสียงเหมือนคนมาแปรงฟันในห้องน้ำ แต่เสียงแปรงฟันมันดังมากเหมือนมีคนเอาแปรงมาถูกับพื้นปูน พี่เค้าก็เลยพูดกับแฟนเราว่า "แฟน_ึงเป็นเ_ี้ยไรว่ะ..ทำไมแปรงฟันแรง" แล้วพี่เค้าก็เรียกชื่อเรา เราก็ขานรับ พี่เค้าเลยเปิดประตูห้องนอนมาดู เค้าถามเราว่าเมื่อกี้ได้ไปแปรงฟันในห้องน้ำหรือเปล่า..? เราเลยบอกว่า "หนูไม่ได้แปรงหนูนั่งเล่นโทรศัพท์กับแฟนพี่อยู่ในห้องประมาณ 20 นาทีแล้ว" แล้วพี่เค้าก็บอกว่าไม่เห็นว่าเราเดินเข้าไปตอนไหน ตอนนั้นอยู่รวมกัน 4 คน ต่างคนต่างไม่พูดอะไร แต่เราก็แอบพูดในใจ "เอาแล้วไง_ึง โดนเข้าแล้ว" (เราลืมบอกว่าวันที่โดนเป็นวันพระ แต่เราก็ไม่รู้ว่ามันจะเกี่ยวกันหรือเปล่านะคะ) จากนั้นพวกเรา 4 คนก็นอนรวมกัน เรามารู้สึกตัวตอน ตี3 - ตี4 เพราะว่าน้าสาวของเพื่อนแฟนมาปลุกให้พี่เค้าไปส่งแม่ ไปตลาดทุกเช้า แต่วันนั้นไม่รู้เป็นเพราะอะไร ปลุกเท่าไหร่พี่เค้าก็ไม่ตื่น จนน้าสาวแกรอไม่ไหวก็เลยกลับบ้านไป ผ่านไปประมาณ 10 นาที เราก็ได้ยินเสียงเรียกอีก แต่คราวนี้เป็นเสียงเล็กๆในใจเรานึกว่าเป็นหลานชายที่เค้ามาอยู่กับมาปลุกอีกรอบแต่เราได้ยินแค่ครั้งเดียวว่า "พี่........ ตื่นได้แล้ว ไปส่งแม่ไปตลาด" แต่ครั้งนี้แฟนเราก็ได้ยินด้วย เราเลยบอกให้แฟนเราปลุกเพื่อนของเค้า จากนั้นเราก็นอนต่อจนถึง 11 โมง
พอมาถึงช่วงเย็นในตัวจังหวัดมีคลองถม เราเลยชวนแฟน เพื่อนของแฟน และน้องของเพื่อนแฟนไปด้วยกัน (เราลืมบอกว่า เพื่อนของแฟน เค้ามีพี่น้องกัน 3 คน คนโตและคนกลางเป็นผู้ชาย ส่วนคนสุดท้องเป็นผู้หญิง แต่น้องผู้หญิงเสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 53 แล้ว)
ต่อนะคะ.. เรา 4 คน เลยได้คุยเรื่องที่หลานมาเรียกตอนช่วงเช้ามืด คุยไปคุยมา น้องคนกลางบอกว่า เมื่อเช้าหลานไม่ได้ไปเรียกมีแต่น้าสาวไปเรียกคนเดียวพอไปเรียกเสร็จพี่คนโตไม่มาซักที น้องคนกลางเลยเป็นคนไปส่งแม่ที่ตลาด หลักจากนั้นเรากะแฟนก็ถามว่า แล้วเสียงที่ได้ยิน เป็นเสียงของใคร พี่คนโตกะน้องคนกลางก็บอกว่าน่าจะเป็นเสียงของน้องสาวมาปลุก
แต่จุดไคลแม็กซ์ มันอยู่ที่เราคะ เรายอมรับว่าหลังจากกลับบ้านแฟน เราไม่เป็นตัวของตัวเองเลย บางครั้งทำอะไรก็ไม่รู้สึก เหม่อลอยบ่อยครั้ง มีความรู้สึกคิดถึงแม่ของเพื่อนแฟน อยากกอด อยากคุย แล้วยิ่งกะน้องคนกลางมีความรู้สึกเป็นห่วงมาก กระวนกระวายใจ จนเราทนไม่ได้เลยโทรไปหาน้องคนกลาง แต่น้องมันก็พูดกะเราว่าเราเปลี่ยนไปเหมือนคนละคน คำพูดก็แปลกไป ท่าทางก็เปลี่ยนไป จนน้องมันถามเราว่า พี่มีอะไรจะบอกผมหรือเปล่า ตอนนั้นเราแค่รู้สึกว่า เจออยากเจอแม่กะน้องคนกลางมากๆ เราเลยบอกกะน้องมันว่า วันที่ 5/5 บอกแม่รอพี่ด้วยนะ พี่จะไปทำบุญให้น้องสาวที่วัด สรุปว่าหลังจากที่เรากลับจากบ้านแฟนได้วันเดียว เราต้องกลับไปใหม่เพื่อไปทำบุญให้น้อง
**ต่อนะคะ**.. หลังจากที่ทำบุญถวายสังฆทานให้น้องเสร็จเราก็กลับมาที่บ้านแม่ แต่ความรู้สึกของเราตอนนั้นคือมันรู้สึกอึดอัด ทุรนทุราย แล้วก็ไม่เป็นตัวของตัวเอง..
(ที่จะเล่าต่อไปนี้ คือได้รับฟังจากแม่และน้องชายคนกลางนะคะ) แม่บอกว่าหลังจากที่กลับจากวัดเราก็ดูแปลกไป ดูเหม่อลอย และแม่บอกว่าเราก็เดินไปนั่งพับเพียบกลางบ้านแล้วก็ไปนั่งจ้องรูปของน้องสาว แต่เราจำความรู้สึกเราครั้งสุดท้ายของเราได้ว่าเราเดินเข้ามาในบ้านหลังจากนั้นเราไม่รู้เรื่องอะไรอีกเลย .. แม่กะน้องชายบอกว่าน้องสาวมาเข้าร่างของเรา เค้ามาเตือนพี่ชายของเค้าว่าจะอันตราย แต่อันตรายที่จะเกิดเค้าไม่สามารถช่วยพี่ชายเค้าได้ .. และหลังจากนั้นเราก็รู้สึกตัวแต่มันเหมือนว่าเราเหนื่อยมากไม่มีแรง หลังจากเหตุการณ์วันนั้นเราก็กลับมาที่ กทม. ความรู้สึกอึดอัดเริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
และหลังจากนั้นน้องสาวก็เข้ามาเข้าร่างเราอีก 2 ครั้งเพื่อมาลาและสั่งเสียคนในครอบครัว แต่ละครั้งที่น้องมาเราไม่รู้สึกอะไรเลยนอกจากความเหนื่อยล้า และไม่มีแรงหายใจไม่ทั่วท้อง ..
..
..
เราได้แต่คิดว่า ทำไมเราถึงเป็นแบบนี้ได้ เราเป็นบ้าหรือเปล่า หรือว่าแค่คิดมากไปเอง
แต่สิ่งที่เราเหลือเชื่อมากที่สุดคือ น้องสาวเสียไปตั้ง 4-5 ปีแล้ว แต่ดวงจิตเค้ายังวนเวียนอยู่ที่บ้าน ไม่ได้ไปไหนเลย..
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามาอ่านมานะคะ