ทักทายเพื่อนๆ ค่ะ
กระทู้นี้ไม่มีอะไรมาก แค่แอบคิดถึงหมู่เกาะสุรินทร์ค่ะ
เนื่องจากล่าสุดเพื่อนคนหนึ่งเพิ่งกลับมาจากที่นั่น ตอนนี้เตรียมตัวเตรียมของจะไปอยู่เกาะแล้วค่ะ (ใครที่เคยไปคงรู้ดี) เปิดปุ๊บไปปั๊บแหงๆ
สำหรับเรา หมู่เกาะสุรินทร์ถือเป็นอัญมณีชิ้นเอกของประเทศไทย อยากให้ธรรมชาติคงอยู่แบบนี้
ทริปนี้ เป็นครั้งที่สอง เราตั้งใจขนเต๊นท์ที่นอนไปเองค่ะ รวมถึงชูชีพและอุปกรณ์ดำน้ำด้วย (เน้นประหยัดเนาะ) เพราะไม่รู้จะอยู่กี่วันค่ะ
รูปอาจจะน้อยนิดนึงนะ เน้นเปียกล้วนๆ
เริ่มจากขับรถไปพังงา ค้างรีสอร์ทในซอยตรงข้ามที่ทำการ 1 คืน (ลืมถ่ายรูปมา ที่พักสะอาดใหม่ แอร์ 500 บาทค่ะ)
เช้าเอารถมาฝากจอดไว้ในที่ทำการอุทยานอุทยานแห่งชาติคุระบุรี ที่จอดมีมากมายค่ะ
จองตั๋วกับทางที่ทำการได้เลย จ่ายค่าโดยสารคนละ 1700 บาทไป-กลับ
เดินทางด้วยสปีดโบ๊ท ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ใครชอบเมา กินยานอนได้เลยค่ะ เราโชคดีคลื่นลมสงบ สวยงาม
เมื่อถึงเกาะ อ่าวไม้งาม งามจริงๆ
โกงกางต้นนี้ เป็นส่วนหนึ่ง ที่ทำให้เราคิดถึง และกลับมาที่นี่อีกครั้ง
.......
จัดการหาที่ทางเพื่อกางเต๊นท์ โซนขวา จะเป็นเต๊นท์ของทางอุทยาน
โซนกลาง ของนักท่องเที่ยว โซนซ้าย น่าจะเป็นของทัวร์ค่ะ
ราคาที่พักของอุทยาน ตามลิงค์นี้ไปค่ะ
http://www.dnp.go.th/parkreserve/asp/style1/accommodation.asp
แอบเห็นเต๊นท์หน้าหาดสองหลัง กุ๊กกิ๊กสุดๆ แต่ไม่มีคนนอน แอบอยากเอาเต๊นท์เราไปเก็บเลย
สถานที่น่ารักมาก จัดวางไว้เรียบร้อย ตกแต่งเปลือกหอย มีโต๊ะ มีไม้กวาดด้วยเอ้า
ตอนแรกนึกว่าราคาปกติ แต่ได้ยินนักท่องเที่ยวคุยแล้วประมาณว่าต้องจ่ายเพิ่มอีกเท่าไหร่ก็ไม่รู้ เราก็เลยอด นักท่องเที่ยวได้ไปครองค่ะ
นี่ภาพเต๊นท์กุ๊กกิ๊ก
ส่วนตรงนี้เป็นเต๊นท์ทัวร์ ดูสะดวกดี สำหรับคนที่มาทัวร์ น่าจะมีประมาณ 50 หลังได้ สำหรับคืนนี้ ว่างทุกหลัง หาดเงียบกริ๊บเลยค่ะ
ประมาณว่าที่หน้าหาด ลมเย็นๆ วิวดีๆ ไม่เหลือซักที่ค่ะ เศร้ากันไป
เราจึงระเห็จไปพักปักเต๊นท์หลังๆ โซนเต๊นท์กุ๊กกิ๊ก อากาศร้อนทั้งวันและทั้งคืนแทบไม่มีลมเลยค่ะ แป่ววว
นอนที่นี่ เจอลมเย็นๆ ก็ตอนเช้าตีสี่นั่นแล ทำไมตื่นตี4 แปะไว้ก่อนค่ะ
.....
ที่โรงอาหาร จะมีอาหารของอุทยาน ก็ขายเป็นมื้อๆ ไป ข้าวไข่เจียว 60 ข้าวผัด 90 ข้าวผัดทะเล 110
น้ำอัดลมกระป๋อง 30 ราคาประมาณนี้ค่ะ (จากความทรงจำนะ)
น้ำร้อนมีให้ เอาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปทานได้เลย น้ำแข็งไม่มีขายค่ะ แต่จะมีน้ำดื่มอุณหภูมิห้องไว้บริการตลอด
การจัดเก็บอาหาร แยกขยะ เป็นระเบียบดีค่ะ ชอบมากเลย มีหนังสือให้อ่านด้วย (รูปไม่มี ขอโทษด้วยค่ะ)
ไฟเปิดให้ใช้ตอนเย็นๆ และปิด 4 ทุ่ม เอาไฟฉายไปด้วยนะคะ เนื่องจากที่นี่ต้องปั่นไฟเอง
......
ตื่นเช้ามาตี4 ด้วยเสียงสัตว์แปลกๆ เช่น นก, ค้างคาว, และตัวอะไรอื่นๆ อีกเยอะมากกกก เป็นเสียงที่เราไม่เคยได้ยินมาก่อนแทบทั้งนั้น
แยกไม่ออกจริงๆ ค่ะ อยากให้ลองไปฟังกันดู
ส่วนเสียงน้องเสฉวนเดินบนใบไม้กร่อบๆ ได้ฟังเป็นเพื่อนจนหลับเลยค่ะ
เช้ามายังเห็นการประชุมสมาพันธรัฐปูด้วย
ประเด็นเรื่องเสียงสัตว์นี่ เป็นอีกอย่างบนเกาะสุรินทร์ ที่เราฟินมากเลยนะ คราวหน้าจะศึกษามาให้ดีเชียว เสียงเจ๋งๆ ทั้งนั้น
ได้ที เดินไปอัดเสียงคลื่นซะหน่อย
ทานข้าวเช้าเสร็จแล้ว มาเดินเล่นไปแถวจุดที่เราเคยเจอฉลามว่ายวนๆ ว่าจะเดินไปเยี่ยมเยียน
เห็นคนมุงกันตรึม แล้วน้องฉลามกระโดดบนผิวน้ำด้วย บางคนถึงกับเฮ้ยยย ออกมาด้วยความตกใจกลัว
เพราะเค้ากระโดดใกล้ๆ เท้าเลยค่ะ พี่ๆ ลุงๆ ก็ถ่ายรูปกันใหญ่
เจอประติมากรรมน้องเต่ามะเฟือง (รึเปล่า) ของใครซักคนบนหาดนี้ทำไว้ น่ารักมากๆ
อยู่กันจนถึงวันกลับ เพิ่งนึกออกว่า ที่นี่มีแหล่งน้ำจืดด้วยนะ เจ๋งงงงงง ... มิน่าล่ะสัตว์เยอะแยะ
สุดท้าย
ขอฝากหมู่เกาะสุรินทร์ไว้ในอ้อมใจ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการความสงบเงียบ
ความจรรโลงสุขภาพกายและใจ เช้าๆ มาโยคะวิวทะเล จ๊อกกิ้งเบาๆ บนหาดทรายที่ละเอียดที่สุด (เท่าที่เราเคยเจอเลยนะ)
ที่นี่เหมาะมาก ใต้ทะเลก็สวยค่ะ ปะการัง สัตว์ทะเลตัวใหญ่ๆ สีสวยๆ ก่อนมาคราวหน้าจะไปศึกษาให้ครบค่ะ ว่าปลาที่เราเห็น ชื่ออะไรกันบ้าง
(จะครบไหมเนี่ย น่าจะเยอะมากกกก)
ได้ทราบจากเพื่อนและเจ้าหน้าที่ว่า สิบกว่าปีก่อน ใต้ทะเลที่นี่สวยสมบูรณ์อย่างที่สุด
แต่หลังจากสึนามึ ปะการังก็พังไปเยอะ แต่ก็กำลังฟื้นตัว
สำหรับเรา แบบไหนก็สวยค่ะ ขอแค่ทุกอย่างอยู่นิ่งๆ ตามธรรมชาติของมัน
อย่างสึนามิ ก็เป็นเรื่องของธรรมชาติ ที่มันจะต้องเกิดขึ้นค่ะ
เมื่อเกาะเปิด ในเดือนพฤศจิกายน พบกันใหม่นะคะ เกาะสุรินทร์ที่รัก
ยาวไปหน่อย ขอบคุณที่อ่านจนจบค่า
สวัสดีค่ะ
#รีวิวหมู่เกาะสุรินทร์ แอบฟินหลังเกาะปิด
กระทู้นี้ไม่มีอะไรมาก แค่แอบคิดถึงหมู่เกาะสุรินทร์ค่ะ
เนื่องจากล่าสุดเพื่อนคนหนึ่งเพิ่งกลับมาจากที่นั่น ตอนนี้เตรียมตัวเตรียมของจะไปอยู่เกาะแล้วค่ะ (ใครที่เคยไปคงรู้ดี) เปิดปุ๊บไปปั๊บแหงๆ
สำหรับเรา หมู่เกาะสุรินทร์ถือเป็นอัญมณีชิ้นเอกของประเทศไทย อยากให้ธรรมชาติคงอยู่แบบนี้
ทริปนี้ เป็นครั้งที่สอง เราตั้งใจขนเต๊นท์ที่นอนไปเองค่ะ รวมถึงชูชีพและอุปกรณ์ดำน้ำด้วย (เน้นประหยัดเนาะ) เพราะไม่รู้จะอยู่กี่วันค่ะ
รูปอาจจะน้อยนิดนึงนะ เน้นเปียกล้วนๆ
เริ่มจากขับรถไปพังงา ค้างรีสอร์ทในซอยตรงข้ามที่ทำการ 1 คืน (ลืมถ่ายรูปมา ที่พักสะอาดใหม่ แอร์ 500 บาทค่ะ)
เช้าเอารถมาฝากจอดไว้ในที่ทำการอุทยานอุทยานแห่งชาติคุระบุรี ที่จอดมีมากมายค่ะ
จองตั๋วกับทางที่ทำการได้เลย จ่ายค่าโดยสารคนละ 1700 บาทไป-กลับ
เดินทางด้วยสปีดโบ๊ท ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ใครชอบเมา กินยานอนได้เลยค่ะ เราโชคดีคลื่นลมสงบ สวยงาม
เมื่อถึงเกาะ อ่าวไม้งาม งามจริงๆ
โกงกางต้นนี้ เป็นส่วนหนึ่ง ที่ทำให้เราคิดถึง และกลับมาที่นี่อีกครั้ง
.......
จัดการหาที่ทางเพื่อกางเต๊นท์ โซนขวา จะเป็นเต๊นท์ของทางอุทยาน
โซนกลาง ของนักท่องเที่ยว โซนซ้าย น่าจะเป็นของทัวร์ค่ะ
ราคาที่พักของอุทยาน ตามลิงค์นี้ไปค่ะ
http://www.dnp.go.th/parkreserve/asp/style1/accommodation.asp
แอบเห็นเต๊นท์หน้าหาดสองหลัง กุ๊กกิ๊กสุดๆ แต่ไม่มีคนนอน แอบอยากเอาเต๊นท์เราไปเก็บเลย
สถานที่น่ารักมาก จัดวางไว้เรียบร้อย ตกแต่งเปลือกหอย มีโต๊ะ มีไม้กวาดด้วยเอ้า
ตอนแรกนึกว่าราคาปกติ แต่ได้ยินนักท่องเที่ยวคุยแล้วประมาณว่าต้องจ่ายเพิ่มอีกเท่าไหร่ก็ไม่รู้ เราก็เลยอด นักท่องเที่ยวได้ไปครองค่ะ
นี่ภาพเต๊นท์กุ๊กกิ๊ก
ส่วนตรงนี้เป็นเต๊นท์ทัวร์ ดูสะดวกดี สำหรับคนที่มาทัวร์ น่าจะมีประมาณ 50 หลังได้ สำหรับคืนนี้ ว่างทุกหลัง หาดเงียบกริ๊บเลยค่ะ
ประมาณว่าที่หน้าหาด ลมเย็นๆ วิวดีๆ ไม่เหลือซักที่ค่ะ เศร้ากันไป
เราจึงระเห็จไปพักปักเต๊นท์หลังๆ โซนเต๊นท์กุ๊กกิ๊ก อากาศร้อนทั้งวันและทั้งคืนแทบไม่มีลมเลยค่ะ แป่ววว
นอนที่นี่ เจอลมเย็นๆ ก็ตอนเช้าตีสี่นั่นแล ทำไมตื่นตี4 แปะไว้ก่อนค่ะ
.....
ที่โรงอาหาร จะมีอาหารของอุทยาน ก็ขายเป็นมื้อๆ ไป ข้าวไข่เจียว 60 ข้าวผัด 90 ข้าวผัดทะเล 110
น้ำอัดลมกระป๋อง 30 ราคาประมาณนี้ค่ะ (จากความทรงจำนะ)
น้ำร้อนมีให้ เอาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปทานได้เลย น้ำแข็งไม่มีขายค่ะ แต่จะมีน้ำดื่มอุณหภูมิห้องไว้บริการตลอด
การจัดเก็บอาหาร แยกขยะ เป็นระเบียบดีค่ะ ชอบมากเลย มีหนังสือให้อ่านด้วย (รูปไม่มี ขอโทษด้วยค่ะ)
ไฟเปิดให้ใช้ตอนเย็นๆ และปิด 4 ทุ่ม เอาไฟฉายไปด้วยนะคะ เนื่องจากที่นี่ต้องปั่นไฟเอง
......
ตื่นเช้ามาตี4 ด้วยเสียงสัตว์แปลกๆ เช่น นก, ค้างคาว, และตัวอะไรอื่นๆ อีกเยอะมากกกก เป็นเสียงที่เราไม่เคยได้ยินมาก่อนแทบทั้งนั้น
แยกไม่ออกจริงๆ ค่ะ อยากให้ลองไปฟังกันดู
ส่วนเสียงน้องเสฉวนเดินบนใบไม้กร่อบๆ ได้ฟังเป็นเพื่อนจนหลับเลยค่ะ
เช้ามายังเห็นการประชุมสมาพันธรัฐปูด้วย
ประเด็นเรื่องเสียงสัตว์นี่ เป็นอีกอย่างบนเกาะสุรินทร์ ที่เราฟินมากเลยนะ คราวหน้าจะศึกษามาให้ดีเชียว เสียงเจ๋งๆ ทั้งนั้น
ได้ที เดินไปอัดเสียงคลื่นซะหน่อย
ทานข้าวเช้าเสร็จแล้ว มาเดินเล่นไปแถวจุดที่เราเคยเจอฉลามว่ายวนๆ ว่าจะเดินไปเยี่ยมเยียน
เห็นคนมุงกันตรึม แล้วน้องฉลามกระโดดบนผิวน้ำด้วย บางคนถึงกับเฮ้ยยย ออกมาด้วยความตกใจกลัว
เพราะเค้ากระโดดใกล้ๆ เท้าเลยค่ะ พี่ๆ ลุงๆ ก็ถ่ายรูปกันใหญ่
เจอประติมากรรมน้องเต่ามะเฟือง (รึเปล่า) ของใครซักคนบนหาดนี้ทำไว้ น่ารักมากๆ
อยู่กันจนถึงวันกลับ เพิ่งนึกออกว่า ที่นี่มีแหล่งน้ำจืดด้วยนะ เจ๋งงงงงง ... มิน่าล่ะสัตว์เยอะแยะ
สุดท้าย
ขอฝากหมู่เกาะสุรินทร์ไว้ในอ้อมใจ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการความสงบเงียบ
ความจรรโลงสุขภาพกายและใจ เช้าๆ มาโยคะวิวทะเล จ๊อกกิ้งเบาๆ บนหาดทรายที่ละเอียดที่สุด (เท่าที่เราเคยเจอเลยนะ)
ที่นี่เหมาะมาก ใต้ทะเลก็สวยค่ะ ปะการัง สัตว์ทะเลตัวใหญ่ๆ สีสวยๆ ก่อนมาคราวหน้าจะไปศึกษาให้ครบค่ะ ว่าปลาที่เราเห็น ชื่ออะไรกันบ้าง
(จะครบไหมเนี่ย น่าจะเยอะมากกกก)
ได้ทราบจากเพื่อนและเจ้าหน้าที่ว่า สิบกว่าปีก่อน ใต้ทะเลที่นี่สวยสมบูรณ์อย่างที่สุด
แต่หลังจากสึนามึ ปะการังก็พังไปเยอะ แต่ก็กำลังฟื้นตัว
สำหรับเรา แบบไหนก็สวยค่ะ ขอแค่ทุกอย่างอยู่นิ่งๆ ตามธรรมชาติของมัน
อย่างสึนามิ ก็เป็นเรื่องของธรรมชาติ ที่มันจะต้องเกิดขึ้นค่ะ
เมื่อเกาะเปิด ในเดือนพฤศจิกายน พบกันใหม่นะคะ เกาะสุรินทร์ที่รัก
ยาวไปหน่อย ขอบคุณที่อ่านจนจบค่า
สวัสดีค่ะ