แต่ก่อนผมก็ชอบด่าสื่อกระแสหลักนะ เพราะมันก็น่าด่าจริงๆ ทุกวันนี้ก็ยังด่า แต่ผมมีเรื่องเล่าให้ฟัง
สมัยหนึ่งที่น้ำท่วมกทม ผมได้ทำเพจๆหนึ่งเกี่ยวกับการติดตามข่าวน้ำท่วม และ มีการประเมินว่าน้ำจะท่วมแน่ๆ
ตอนนั้นผมโกรธมาก ว่าทำไมสื่อกระแสหลักถึงไม่เตือนประชาชน

แต่พอผมอยู่กับระเบียบข่าวสารได้สักพัก ผมก็สังเกตุเห็นสัญญาณ
ผ่านคำพูดสั้นๆ หรือ สัญญาณที่พยายามจะบอกว่า เหตุการณ์น่าเป็นห่วงมากให้เรียบเตรียมตัว..
ผมจับมันได้แบบนั้นจากสื่อมวลชนหลายๆสื่อในตอนที่เค้านำเสนอข่าว แม้จะไม่ได้พูดตรงๆก็ตาม


ถ้าคุณอ่านภาษากายคนออกได้บ้างหรือ รุ้จักฟังในสิ่งที่เค้าพูดอีกอย่างหนึ่งเพื่อสื่ออีกอย่างหนึ่ง
. หลายช่องเป็นแบบนี้หมดโดยเฉพาะช่องที่ไปรายงานที่แนวรับน้ำ แต่สื่อมวลชนเหล่านี้ไม่สามารถบอกอะไรตรงๆได้
ไม่สามารถเตือนว่านำ้ท่วมแน่เก็บของเถอะ เพราะมันมีทั้งรัฐและ สถานนีกดไว้
มันมีระเบียบของมัน นักข่าวเหล่านี้เค้าพยายามเตือนเราแล้วครับ ผมบอกได้เลย อยู่ที่คุณจะจับสัญญาณได้แค่ไหน ........

เรื่องคุณ นักข่าวท่านหนึ่งกับประเด็นโรฮิงญา มันมีคำถามว่าทำไมสื่อถึงจับประเด็น และดราม่าเรื่องโรฮิงญาขนาดนี้
เราอาจจะตีโจทย์ง่ายๆว่านายทุนช่องน้อยสีจะล้มรัฐบาลสร้างความไม่มั่นคงก็ได้ แต่นั่นเป็นมุมมองภาพที่กว้างไป
ถ้าคุณกลับมองในระดับสื่อมวลชน คนต่อคน ประชาชนต่อประชาชน  นักข่าวท่านนั้ำ แกทำเรือ่ง ชายขอบมาตลอดตั้งแต่ฝั่งทะเลหนึ่ง
ถึงฝั่งทะเลหนึ่ง แกย่อมมีเรื่องที่เห็นแต่พูดไม่ได้ ตั้งแต่แรงงานไทยฝั่งอ่าวไทยที่ไปตายนอกประเทศ ย้อนกลับมาที่โรฮิงญา

ผมประเมินว่าที่สื่อจับเรื่องนี้อย่างมากเพราะในความเป็นจริงเรื่องโรฮิงญาไม่ใช่เรื่องโรฮิงญา
ถ้าให้เดา แต่เป็นเรื่องการค้ามนุษย์ล้วนๆ นั่นคือสิ่งที่ สื่อมวลชนส่งสัญญาณให้เรา
ให้เราสนใจ และรับรุ้ว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นบ้างที่นั่น
ปาดังเบซาร์ ด่านนอก เป็นศูนย์กลางการค้ามนุษย์ไม่ใช่แค่โรฮิงญา แต่ค้าผู้หญิงจากอีสานลงมาใต้
ศพที่นั่นไม่ได้มีแต่โรฮิงญา แต่มีศพเด็กผู้หญิงที่โดนลักพามาด้วย
และ การตีข่าวโรฮิงญาครั้งนี้ เป็นการกดดันขบวนการค้ามนุษย์ได้มากที่สุดแล้วในรอบหลายสิบปีของประเทศไทย -

นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ระเบิดมาราธอนที่ยะลาชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนอย่างทั้งที่ไม่มีนัยยะสำคัญอื่นๆ
นอกบังเอิญสอดคล้องกับ ประเด็นโรฮิงญา ที่มีการจับและยึดทรัพยืเจ้าหน้าที่บางท่านเท่านั้น (http://pantip.com/topic/33661779)
อาจจะอนุมานได้ว่า เป็นไป เพื่อเตือนให้หยุดและเปลี่ยนประเด็นข่าว

ถ้าจะให้ร่องรอยเพิ่มเติมสักหน่อย คุณต้องลองไปอ่านคำปฏิเสธการเข้าร่วมประชุมของพม่าในตอนแรกว่าอ้างว่าอะไร
หรือย้อนไปดูการลด เกรดประเทศไทย-มาเลย์ในเรื่องการค้ามนุษย์เป็นขั้นต่ำสุดหรือเทียร์สามเมื่อหนึ่งถึงสองปีก่อน

คำตอบมีคำตอบเดียวตือ เรื่อง ขบวนการค้ามนุษย์โดยเจ้าหน้าที่รัฐนอกแถวแค่นั้น . .
เรื่องในโลกไม่ได้มีแค่มิติเดียว สังคมไทยเป็นสังคมที่มีกรอบทับอยู่หลายชั้นมาก คุณแกะมาได้กี่กรอบ
ก็อยู่ที่คุณเลือกจะเรียนรู้สังคมนี้อย่างที่มันเป็ฯหรือเปล่า แค่นั้น

เพิ่มเติม รายงานการค้ามนุษย์ ปี2557 ตัดมาบางส่วน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
""...ยังคงมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่รัฐของไทยทั้งพลเรือนและทหารได้รับผลประโยชน์จากการลักลอบนำเข้าผู้แสวงที่พักพิงชาวโรฮิงญาจากพม่าและบังคลาเทศ (ที่เข้าประเทศไทยเพื่อผ่านไปมาเลเซียหรืออินโดนีเซีย) รวมทั้งสมรู้ร่วมคิดกันในการขายผู้แสวงที่พักพิงชาวโรฮิงญาเหล่านี้เพื่อการบังคับใช้แรงงานบนเรือประมง เจ้าหน้าที่กองทัพเรือและถูกกล่าวหาว่า ผลักดันเรือบรรทุกผู้แสวงที่พักพิงชาวโรฮิงญาซึ่งมุ่งหน้าไปมาเลเซียให้เข้าเขตไทยแทนและให้ความสะดวกในการส่งตัวผู้แสวงที่พักพิงบางคนไปให้นักค้ามนุษย์หรือนายหน้าเพื่อขายไปเป็นแรงงานบังคับใช้บนเรือประมง นอกจากนี้ สื่อยังรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยบางคนทำการอย่างเป็นระบบในการโยกย้ายชายชาวโรฮิงญาจากศูนย์กักกันในไทยและนำไปขายให้นักค้ามนุษย์หรือนายหน้าซึ่งจะส่งชายเหล่านี้ไปภาคใต้ของไทยและถูกบังคับใช้แรงงานเป็นคนทำอาหารและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในค่ายต่างๆ หรือถูกขายไปเป็นแรงงานบังคับใช้ในไร่นาหรือบริษัทขนส่งทางเรือ นักค้ามนุษย์ (รวมทั้งนายหน้าจัดหาแรงงาน) ซึ่งนำคนต่างด้าวเข้ามาในไทยโดยทั่วๆ ไปทำงานตามลำพังหรือทำงานแบบกลุ่มที่ไม่ได้จัดตั้งเป็นทางการ ในขณะที่นักค้ามนุษย์ที่หลอกคนไทยไปค้าในต่างประเทศจะทำงานเป็นกลุ่มที่จัดตั้งเป็นทางการมากกว่า นายหน้าจัดหาแรงงานซึ่งโดยมากทำงานแบบไม่มีกฎหมายหรือระเบียบกำกับและทั้งที่เป็นคนไทยและคนต่างชาติทำหน้าที่เป็นคนกลางระหว่างแรงงานที่หางานกับนายจ้าง บางคนช่วยอำนวยความสะดวกหรือมีส่วนในการค้ามนุษย์โดยร่วมมือกับนายจ้างและบางครั้งก็ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายด้วย ..."
...ที่มา http://thai.bangkok.usembassy.gov/tipthaireport14-t.html
รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ประจำปี พ.ศ. 2557
ประเทศไทย บัญชีกลุ่มที่ 3 (ประเทศที่ดำเนินการไม่สอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่ำของกฎหมายสหรัฐอเมริกา และไม่มีความพยายามแก้ไขปัญหา)