"ทำไมไปเที่ยวทีไร เจอแต่เหตุการณ์แปลกๆ"
คำบ่นปนครึ้มใจที่ฉันทิ้งท้ายไว้ให้เพื่อน ก่อนตัดสินใจลากกระเป๋า สังขาร และเงินอันน้อยนิดมาเหยียบเนปาล
...ใครจะคิดว่าทริปนี้ของฉันไม่ได้แค่แปลก แต่เกือบตาย!!
25 April 2015 11.00 AM.
Kathmandu, Nepal
ฉันอยู่ในที่ปลอดภัย..อย่างน้อยก็คิดว่ามันน่าจะ "ปลอดภัย"
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังระงม คลื่นฝูงชนโหมพัดพาฉันมาที่นี่ และไม่รู้ว่ามันคือที่ไหน?
เช้านี้อากาศเย็น ท้องฟ้าแจ่มใสไร้สัญญาณโหดร้าย
ฉันตื่นเช้าร่างกายฟิตเปรี๊ยะ พร้อมเดินเที่ยว "ดูร์บาร์สแควร์" (Durbar Square) ตามแผนที่วางไว้ วันนี้เป็นวันที่สองในเนปาล เหลืออีก 28 วัน ที่ฉันจะลิ้มรสประเทศนี้
หนุ่มฟินแลนด์เพื่อนร่วม dorm บอกเส้นทาง สถูปโบราณไม่ไกลจากที่พัก
ฉันเดินวกไปวนมา วันนี้ต่อม GPS ในสมองไม่รู้เป็นไร ยิ่งเดินยิ่งไกล ยิ่งเดินยิ่งหลง ทางเดินก็แคบนิดเดียว แถมไม่มีใครพูดอังกฤษด้วย ฉันตั้งสติ&สตาร์ทใหม่หลายรอบก็ยังหลงวนอยู่ที่เดิม "ไหนบอกไม่ไกล?!"
จนแล้วจนเล่าท้องร้องโครกครากเพราะความหิว ฉันเบรคเท้ามาเอาใจปากด้วยซินนามอนโรลพร้อมจิบชานมเนปาลรสละมุนในร้านเก่าๆ เล็กๆ ในใจนึกรำคาญตัวเองที่หลงทาง ระหว่างนั้นมีแก็งค์วัยรุ่นจีนแวะเข้ามากินขนมปัง ฉันเลยได้รู้ว่าดูบาร์สแควร์ที่แท้ตรงไปอีกนิดเดียว
ขณะกำลังดื่มด่ำชานมสลับพิซซ่าที่แสนจะเข้ากัน จู่ๆ รู้สึกเหมือนรถบรรทุกวิ่งผ่าน พอมองออกไปนอกหน้าต่างกลับไม่เห็นสักคัน แต่ไหงรู้สึกว่ามันวิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทันใดนั้นร้านทั้งร้านเริ่มสั่นแรงขึ้น "กึ๊กๆๆๆๆๆ" เหมือนโดนเขย่า เฮ้ย! หรือว่าสัตว์ประหลาด ก๊อซซิลล่าป่าวว่ะ? ตอนนั้นจินตนาการบรรเจิดเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แต่ว่า..ที่นี่ไม่ใช่ Dream World สิ่งที่เกิดขึ้นมันคือเรื่องจริง! พลันเสียงของหญิงสาวขายขนมดังขึ้น เธอกรีดร้องไห้โฮน้ำตาไหลพราก! แรงสั่นแรงขึ้นๆ จนฉันเซ หญิงสาวปากสั่นพูดไม่รู้เรื่องเหมือนคนไร้สติ ฉันเรียกเธอและถามว่าเกิดอะไรขึ้น?! ไม่ทันขาดคำแรงเหวี่ยงมหาศาลดีดฉันหงายหลังทั้งยืน "โครม" หัวฟาดพื้นเต็มๆ!!
"earthquake" เสียงผู้ชายตะโกนจากชั้นบน เค้าวิ่งลงมาคว้าตัวฉันที่ยังนอนเบลอไปหมอบอยู่ในกลุ่ม เจ็บหัว มึน แผ่นดินไหวจริงๆ หรอเนี่ย ในใจคิดว่าที่นี่คงไหวบ่อย คงไม่เป็นไรมั้ง ... บ้านทั้งหลังถูกเขย่าแรงขึ้นๆ เหมือนใครบางคนถือบ้านทั้งหลังขึ้นมาเล่น โคมไฟและสิ่งของหล่นลงมาจากฝ้าและชั้นบน บ้านตึกแถว 5 ชั้นหลังนี้ทำจากอิฐและดิน นั่นหมายความว่า หากแรงสั่นสะเทือนมีมากกว่านี้ ทุกคนมีสิทธิตาย!!
ฉันฉวยจังหวะแรงสั่นเว้นระยะ โผล่พรวดไปดูถนน ชาวเนปาลีวิ่งสวนกันอย่างบ้าคลั่ง บางคนน้ำตาพรากปากสั่นระริก บางคนเลือดอาบ บางคนมีแผลเหวอะ หลายคนกรีดร้องนั่งหมอบด้วยความกลัว ฉันตะโกนบอก "เราต้องออกไปข้างนอก" สิ้นเสียง สถูปโบราณที่ห่างออกไปราว 5 เมตรถล่มครืน ฝุ่นฟุ้งกระจายพร้อมเสียงกรีดร้องดังระงม "Get Out!" ฉันดึงคนในบ้านให้ออกมา แต่ทุกคนส่ายหัวดันฉันให้อยู่ในร้าน แล้วจู่ๆ ผู้หญิงเจ้าของร้านก็ร่วงลงไปนอนที่พื้น! มาเป็นลมอะไรตอนนี้?? ฉันรีบเข้าช่วยแบกร่างหญิงคนนั้นไว้แล้วสั่งเธอห้ามเป็นลม ไม่งั้นเธอจะตาย!! แล้วแผ่นดินก็เขย่าแรงอีกครั้ง ผู้ชายในร้านสั่งให้ฉันนั่งลง เค้าวิ่งไปล๊อคประตูปิดร้าน! "เฮ้ย! ใครจะอยู่ในบ้านตอนแผ่นดินไหว?" ฉันโวยวายว่าต้องออกไปที่โล่ง ไม่มีใครฟัง ฉันตัดสินใจวิ่งหนีไปตายดาบหน้า ควักเงินขึ้นมาแล้วรีบหันไปถามราคาขนมปัง หญิงเจ้าของร้านหน้าซีดนอนแผ่หลาอยู่กับพื้น เธอเริ่มนับนิ้ว แต่ยิ่งนับยิ่งงง สุดท้ายบอกไม่เป็นไรแล้วโบกมือให้ฉันไป ฉันวิ่งออกจากร้านแล้วยื่นตังค์ให้พี่ชายเธอ พร้อมขอร้องให้ออกมาจากร้านมันอันตราย เค้าไม่สนใจปิดประตูปัง!! จากนั้นฉันไม่รู้ชะตากรรมพวกเค้าอีกเลย..
ฉันเดินงงๆ มองซ้ายขวาหน้าหลัง ถามคนวิ่งผ่านถามหาที่โล่ง ไร้เสียงตอบแต่กลับกลายเป็นเสียงกรีดร้องพร้อมแรงเขย่าอีกครั้ง สถูปใกล้ๆ ถล่มลงมา ตรงนั้นมีกลุ่มวัยรุ่นจีนที่เพิ่งเข้ามาในร้าน ฉันวิ่งตรงไปหา วัยรุ่นชายในกลุ่มบาดเจ็บเล็กน้อยที่เหลือปลอดภัย ผู้หญิงในกลุ่มรีบวิ่งมาคว้าข้อมือฉัน เธอบอกว่าอยู่หน้าสถูปตอนมันถล่มลงมาแต่ไม่รู้จะไปหลบที่ไหน ฉันก็ได้แต่ส่ายหน้าตัวสั่นเพราะความกลัว เธอโผเข้ากอดบอกว่า "ถ้าเราอยู่ด้วยกัน เราจะปลอดภัย เธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว"
ฉันวิ่งตามกลุ่มไปตามท้องถนน อยู่ด้วยกันอย่างน้อยคงปลอดภัย คนท้องถิ่นเรียกเราขึ้นไปหลบใต้ชายคาสถูปเก่า ฉันสงสัย..แล้วมันจะไม่ถล่มลงมาหรือ?! หันไปถามคนท้องถิ่นไม่มีใครตอบ ทุกคนสวดมนต์อ้อนวอนขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง พวกเค้าเชื่อว่าใต้หลังคานี้จะปกป้องพวกเค้าให้พ้นจากภัยพิบัติ แต่ตอนนี้แผ่นดินไหวยังมาเป็นระยะ ต่างคนต่างหมอบติดพื้นหาอะไรใกล้ตัวมาบังหัวให้ปลอดภัย ระหว่างนั้นฉันเห็นฝรั่งเดินมากลางถนน เค้ามองพวกฉันหลบ เค้ายิ้มให้ แล้วเดินจากไปอย่างสบายใจ!! เกิดอะไร?! เหมือนเค้ารู้ว่าต้องทำตัวยังไง แอบอิจฉาในใจสงสัยจะถูกสอนมาดี
สถานการณ์ไม่ดีขึ้น พื้นยังสั่นเรื่อยๆ สถูปบนหัวเริ่มโคลงเคลง อีกาบินให้ว่อนเต็มท้องฟ้าสีครึ้ม ฉันเริ่มไม่ไว้ใจที่หลบภัยเพราะกลัวจะกลายเป็นภัยใกล้ตัวซะเอง แผ่นดินไหวแรงอีกครั้งพร้อมเสียงกรีดร้องจากด้านหลัง ทุกคนหันควับ สถูปด้านหลังพังครืนลงมา มีคนติดอยูใต้นั้น!! ชายเนปาลีรีบช่วยชีวิตผู้เคราะห์ร้าย แป๊บเดียวมีรถพยาบาลวิ่งมาด้วยความเร็ว ร่างผู้เคราะห์ร้ายเลือดโชกถูกหามออกจากใต้ซากปรักหักพังส่งโรงพยาบาล หลังจากนั้นกลุ่มชายวัยกลางคนกับวัยรุ่นเริ่มทะเลาะรุนแรงกัน ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันกลัวและไม่รู้จะหนีไปไหน แต่แล้วทุกเสียงกลับสงบลง เมื่อได้ยินเสียงชายชราตะโกนให้ช่วยดังมาจากชั้นสองในบ้านตึกแถวแต่ชั้นล่างกลับถูกล๊อคไว้แน่น หลายคนกรูปีนขึ้นช่วยเหลือชายชรา ไม่ทันไรพื้นดินสั่นอีกครั้ง ทุกคนต่างหาที่หลบภัย ฉันมองชายชราตะโกนเสียงสั่นยื่นมือออกจากหน้าต่างเพื่อร้องขอความช่วยเหลือ น้ำตารื้นเอ่อขึ้นเกือบถึงขอบตา แต่สั่งตัวเองว่าห้ามร้องไห้!! เป็นอีกครั้งในไม่กี่ครั้งในชีวิตที่ฉันเริ่มสวดมนต์ขอพรจากพระ เวลาที่ไม่รู้จะหันหน้าไปหาใคร เวลาที่คิดว่าไม่มีใครบนโลกนี้จะช่วยเราได้ เราต้องการที่พึ่งและกำลังใจจากที่ไหนสักแห่งจริงๆ พักเดียวพื้นหยุดสั่นหนุ่มๆ รีบไปช่วยคุณตาอีกครั้ง ทุกคนลุ้นเชียร์สุดใจ สุดท้ายก็ช่วยลงมาได้อย่างปลอดภัยท่ามกลางเสียงถอนหายใจโล่งอกของทุกคน
เรารู้แล้วว่าสถูปไม่อาจเป็นที่กำบังได้ ฉันและกลุ่มวัยรุ่นจีนตัดสินใจออกวิ่งตามถนนหาที่โล่งหลบภัย ระหว่างนั้นแผ่นดินไหวหลายครั้ง ทุกครั้งเราจะหยุด หมอบต่ำ และกอดกันไว้ วิ่ง หยุด หมอบต่ำ และกอดกันไว้ บางครั้งอดไม่ได้ฉันหลุดร้องเสียงหลงด้วยความหวาดกลัว พยายามไม่เข้าใกล้ตัวตึก พวกเราวิ่งมาจนถึงทางแยก เห็นชาวบ้านวิ่งเข้าไปในซอกแคบๆ ดูอันตราย เราไม่กล้าเข้าไป ถามใครก็ไม่มีใครฟังออกได้แต่ชี้ให้เข้าไป ระหว่างเรายืนงงตัดสินใจกันอยู่ ฝรั่งคนนึงโผล่มาท่าทางอยู่ที่นี่มานาน บอกว่าให้ตามชาวบ้านไป ทางข้างหน้าอันตรายมาก พวกนี้เค้าจะพาไปที่ปลอดภัย เราพร้อมใจกันวิ่งเต็มฝีเท้าผ่านซอกเล็กซอกน้อย ผ่านประตูบ้านที่ทะลุต่อๆ กันมา ผ่านดงต้นไม้ ผ่านผู้คนเบียดเสียดมากมาย จนหลุดมาเจอที่กว้างกลางสนามหญ้า เห็นผู้คนมากมายยืนออกอดคอร้องไห้กันอยู่ที่นั่น ใครจะคิดว่าสนามหญ้ากลางโรงเรียนมัธยม "Kanya Mandir H.S.Shool" นี่แหละคือที่ๆ ปลอดภัยที่สุดในย่านนี้ และมันกลายเป็นที่หลบภัยชั้นดีของพวกเรา!!
และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่อองราวทั้งหมดค่ะ
เราชื่อ ตาล ค่ะ อายุ 29 ปี
ต้องขอโทษด้วยรูปน้อยมากเพราะตอนนั้นถ่ายไม่ทันค่ะ วิ่งลูกเดียว
เดี๋ยวมาต่อตอน 2 ที่แคมป์หลบภัยนะคะ
ถ้าเขียนผิดพลาดไปบ้าง ต้องขออภัยมากๆ ค่ะ
-Nomadic Moon-
Welcome to Nepal การต้อนรับสุดโหด ในวันที่โดดหนีจากความตาย!!
คำบ่นปนครึ้มใจที่ฉันทิ้งท้ายไว้ให้เพื่อน ก่อนตัดสินใจลากกระเป๋า สังขาร และเงินอันน้อยนิดมาเหยียบเนปาล
...ใครจะคิดว่าทริปนี้ของฉันไม่ได้แค่แปลก แต่เกือบตาย!!
25 April 2015 11.00 AM.
Kathmandu, Nepal
ฉันอยู่ในที่ปลอดภัย..อย่างน้อยก็คิดว่ามันน่าจะ "ปลอดภัย"
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังระงม คลื่นฝูงชนโหมพัดพาฉันมาที่นี่ และไม่รู้ว่ามันคือที่ไหน?
เช้านี้อากาศเย็น ท้องฟ้าแจ่มใสไร้สัญญาณโหดร้าย
ฉันตื่นเช้าร่างกายฟิตเปรี๊ยะ พร้อมเดินเที่ยว "ดูร์บาร์สแควร์" (Durbar Square) ตามแผนที่วางไว้ วันนี้เป็นวันที่สองในเนปาล เหลืออีก 28 วัน ที่ฉันจะลิ้มรสประเทศนี้
หนุ่มฟินแลนด์เพื่อนร่วม dorm บอกเส้นทาง สถูปโบราณไม่ไกลจากที่พัก
ฉันเดินวกไปวนมา วันนี้ต่อม GPS ในสมองไม่รู้เป็นไร ยิ่งเดินยิ่งไกล ยิ่งเดินยิ่งหลง ทางเดินก็แคบนิดเดียว แถมไม่มีใครพูดอังกฤษด้วย ฉันตั้งสติ&สตาร์ทใหม่หลายรอบก็ยังหลงวนอยู่ที่เดิม "ไหนบอกไม่ไกล?!"
จนแล้วจนเล่าท้องร้องโครกครากเพราะความหิว ฉันเบรคเท้ามาเอาใจปากด้วยซินนามอนโรลพร้อมจิบชานมเนปาลรสละมุนในร้านเก่าๆ เล็กๆ ในใจนึกรำคาญตัวเองที่หลงทาง ระหว่างนั้นมีแก็งค์วัยรุ่นจีนแวะเข้ามากินขนมปัง ฉันเลยได้รู้ว่าดูบาร์สแควร์ที่แท้ตรงไปอีกนิดเดียว
ขณะกำลังดื่มด่ำชานมสลับพิซซ่าที่แสนจะเข้ากัน จู่ๆ รู้สึกเหมือนรถบรรทุกวิ่งผ่าน พอมองออกไปนอกหน้าต่างกลับไม่เห็นสักคัน แต่ไหงรู้สึกว่ามันวิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทันใดนั้นร้านทั้งร้านเริ่มสั่นแรงขึ้น "กึ๊กๆๆๆๆๆ" เหมือนโดนเขย่า เฮ้ย! หรือว่าสัตว์ประหลาด ก๊อซซิลล่าป่าวว่ะ? ตอนนั้นจินตนาการบรรเจิดเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แต่ว่า..ที่นี่ไม่ใช่ Dream World สิ่งที่เกิดขึ้นมันคือเรื่องจริง! พลันเสียงของหญิงสาวขายขนมดังขึ้น เธอกรีดร้องไห้โฮน้ำตาไหลพราก! แรงสั่นแรงขึ้นๆ จนฉันเซ หญิงสาวปากสั่นพูดไม่รู้เรื่องเหมือนคนไร้สติ ฉันเรียกเธอและถามว่าเกิดอะไรขึ้น?! ไม่ทันขาดคำแรงเหวี่ยงมหาศาลดีดฉันหงายหลังทั้งยืน "โครม" หัวฟาดพื้นเต็มๆ!!
"earthquake" เสียงผู้ชายตะโกนจากชั้นบน เค้าวิ่งลงมาคว้าตัวฉันที่ยังนอนเบลอไปหมอบอยู่ในกลุ่ม เจ็บหัว มึน แผ่นดินไหวจริงๆ หรอเนี่ย ในใจคิดว่าที่นี่คงไหวบ่อย คงไม่เป็นไรมั้ง ... บ้านทั้งหลังถูกเขย่าแรงขึ้นๆ เหมือนใครบางคนถือบ้านทั้งหลังขึ้นมาเล่น โคมไฟและสิ่งของหล่นลงมาจากฝ้าและชั้นบน บ้านตึกแถว 5 ชั้นหลังนี้ทำจากอิฐและดิน นั่นหมายความว่า หากแรงสั่นสะเทือนมีมากกว่านี้ ทุกคนมีสิทธิตาย!!
ฉันฉวยจังหวะแรงสั่นเว้นระยะ โผล่พรวดไปดูถนน ชาวเนปาลีวิ่งสวนกันอย่างบ้าคลั่ง บางคนน้ำตาพรากปากสั่นระริก บางคนเลือดอาบ บางคนมีแผลเหวอะ หลายคนกรีดร้องนั่งหมอบด้วยความกลัว ฉันตะโกนบอก "เราต้องออกไปข้างนอก" สิ้นเสียง สถูปโบราณที่ห่างออกไปราว 5 เมตรถล่มครืน ฝุ่นฟุ้งกระจายพร้อมเสียงกรีดร้องดังระงม "Get Out!" ฉันดึงคนในบ้านให้ออกมา แต่ทุกคนส่ายหัวดันฉันให้อยู่ในร้าน แล้วจู่ๆ ผู้หญิงเจ้าของร้านก็ร่วงลงไปนอนที่พื้น! มาเป็นลมอะไรตอนนี้?? ฉันรีบเข้าช่วยแบกร่างหญิงคนนั้นไว้แล้วสั่งเธอห้ามเป็นลม ไม่งั้นเธอจะตาย!! แล้วแผ่นดินก็เขย่าแรงอีกครั้ง ผู้ชายในร้านสั่งให้ฉันนั่งลง เค้าวิ่งไปล๊อคประตูปิดร้าน! "เฮ้ย! ใครจะอยู่ในบ้านตอนแผ่นดินไหว?" ฉันโวยวายว่าต้องออกไปที่โล่ง ไม่มีใครฟัง ฉันตัดสินใจวิ่งหนีไปตายดาบหน้า ควักเงินขึ้นมาแล้วรีบหันไปถามราคาขนมปัง หญิงเจ้าของร้านหน้าซีดนอนแผ่หลาอยู่กับพื้น เธอเริ่มนับนิ้ว แต่ยิ่งนับยิ่งงง สุดท้ายบอกไม่เป็นไรแล้วโบกมือให้ฉันไป ฉันวิ่งออกจากร้านแล้วยื่นตังค์ให้พี่ชายเธอ พร้อมขอร้องให้ออกมาจากร้านมันอันตราย เค้าไม่สนใจปิดประตูปัง!! จากนั้นฉันไม่รู้ชะตากรรมพวกเค้าอีกเลย..
ฉันเดินงงๆ มองซ้ายขวาหน้าหลัง ถามคนวิ่งผ่านถามหาที่โล่ง ไร้เสียงตอบแต่กลับกลายเป็นเสียงกรีดร้องพร้อมแรงเขย่าอีกครั้ง สถูปใกล้ๆ ถล่มลงมา ตรงนั้นมีกลุ่มวัยรุ่นจีนที่เพิ่งเข้ามาในร้าน ฉันวิ่งตรงไปหา วัยรุ่นชายในกลุ่มบาดเจ็บเล็กน้อยที่เหลือปลอดภัย ผู้หญิงในกลุ่มรีบวิ่งมาคว้าข้อมือฉัน เธอบอกว่าอยู่หน้าสถูปตอนมันถล่มลงมาแต่ไม่รู้จะไปหลบที่ไหน ฉันก็ได้แต่ส่ายหน้าตัวสั่นเพราะความกลัว เธอโผเข้ากอดบอกว่า "ถ้าเราอยู่ด้วยกัน เราจะปลอดภัย เธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว"
ฉันวิ่งตามกลุ่มไปตามท้องถนน อยู่ด้วยกันอย่างน้อยคงปลอดภัย คนท้องถิ่นเรียกเราขึ้นไปหลบใต้ชายคาสถูปเก่า ฉันสงสัย..แล้วมันจะไม่ถล่มลงมาหรือ?! หันไปถามคนท้องถิ่นไม่มีใครตอบ ทุกคนสวดมนต์อ้อนวอนขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง พวกเค้าเชื่อว่าใต้หลังคานี้จะปกป้องพวกเค้าให้พ้นจากภัยพิบัติ แต่ตอนนี้แผ่นดินไหวยังมาเป็นระยะ ต่างคนต่างหมอบติดพื้นหาอะไรใกล้ตัวมาบังหัวให้ปลอดภัย ระหว่างนั้นฉันเห็นฝรั่งเดินมากลางถนน เค้ามองพวกฉันหลบ เค้ายิ้มให้ แล้วเดินจากไปอย่างสบายใจ!! เกิดอะไร?! เหมือนเค้ารู้ว่าต้องทำตัวยังไง แอบอิจฉาในใจสงสัยจะถูกสอนมาดี
สถานการณ์ไม่ดีขึ้น พื้นยังสั่นเรื่อยๆ สถูปบนหัวเริ่มโคลงเคลง อีกาบินให้ว่อนเต็มท้องฟ้าสีครึ้ม ฉันเริ่มไม่ไว้ใจที่หลบภัยเพราะกลัวจะกลายเป็นภัยใกล้ตัวซะเอง แผ่นดินไหวแรงอีกครั้งพร้อมเสียงกรีดร้องจากด้านหลัง ทุกคนหันควับ สถูปด้านหลังพังครืนลงมา มีคนติดอยูใต้นั้น!! ชายเนปาลีรีบช่วยชีวิตผู้เคราะห์ร้าย แป๊บเดียวมีรถพยาบาลวิ่งมาด้วยความเร็ว ร่างผู้เคราะห์ร้ายเลือดโชกถูกหามออกจากใต้ซากปรักหักพังส่งโรงพยาบาล หลังจากนั้นกลุ่มชายวัยกลางคนกับวัยรุ่นเริ่มทะเลาะรุนแรงกัน ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันกลัวและไม่รู้จะหนีไปไหน แต่แล้วทุกเสียงกลับสงบลง เมื่อได้ยินเสียงชายชราตะโกนให้ช่วยดังมาจากชั้นสองในบ้านตึกแถวแต่ชั้นล่างกลับถูกล๊อคไว้แน่น หลายคนกรูปีนขึ้นช่วยเหลือชายชรา ไม่ทันไรพื้นดินสั่นอีกครั้ง ทุกคนต่างหาที่หลบภัย ฉันมองชายชราตะโกนเสียงสั่นยื่นมือออกจากหน้าต่างเพื่อร้องขอความช่วยเหลือ น้ำตารื้นเอ่อขึ้นเกือบถึงขอบตา แต่สั่งตัวเองว่าห้ามร้องไห้!! เป็นอีกครั้งในไม่กี่ครั้งในชีวิตที่ฉันเริ่มสวดมนต์ขอพรจากพระ เวลาที่ไม่รู้จะหันหน้าไปหาใคร เวลาที่คิดว่าไม่มีใครบนโลกนี้จะช่วยเราได้ เราต้องการที่พึ่งและกำลังใจจากที่ไหนสักแห่งจริงๆ พักเดียวพื้นหยุดสั่นหนุ่มๆ รีบไปช่วยคุณตาอีกครั้ง ทุกคนลุ้นเชียร์สุดใจ สุดท้ายก็ช่วยลงมาได้อย่างปลอดภัยท่ามกลางเสียงถอนหายใจโล่งอกของทุกคน
เรารู้แล้วว่าสถูปไม่อาจเป็นที่กำบังได้ ฉันและกลุ่มวัยรุ่นจีนตัดสินใจออกวิ่งตามถนนหาที่โล่งหลบภัย ระหว่างนั้นแผ่นดินไหวหลายครั้ง ทุกครั้งเราจะหยุด หมอบต่ำ และกอดกันไว้ วิ่ง หยุด หมอบต่ำ และกอดกันไว้ บางครั้งอดไม่ได้ฉันหลุดร้องเสียงหลงด้วยความหวาดกลัว พยายามไม่เข้าใกล้ตัวตึก พวกเราวิ่งมาจนถึงทางแยก เห็นชาวบ้านวิ่งเข้าไปในซอกแคบๆ ดูอันตราย เราไม่กล้าเข้าไป ถามใครก็ไม่มีใครฟังออกได้แต่ชี้ให้เข้าไป ระหว่างเรายืนงงตัดสินใจกันอยู่ ฝรั่งคนนึงโผล่มาท่าทางอยู่ที่นี่มานาน บอกว่าให้ตามชาวบ้านไป ทางข้างหน้าอันตรายมาก พวกนี้เค้าจะพาไปที่ปลอดภัย เราพร้อมใจกันวิ่งเต็มฝีเท้าผ่านซอกเล็กซอกน้อย ผ่านประตูบ้านที่ทะลุต่อๆ กันมา ผ่านดงต้นไม้ ผ่านผู้คนเบียดเสียดมากมาย จนหลุดมาเจอที่กว้างกลางสนามหญ้า เห็นผู้คนมากมายยืนออกอดคอร้องไห้กันอยู่ที่นั่น ใครจะคิดว่าสนามหญ้ากลางโรงเรียนมัธยม "Kanya Mandir H.S.Shool" นี่แหละคือที่ๆ ปลอดภัยที่สุดในย่านนี้ และมันกลายเป็นที่หลบภัยชั้นดีของพวกเรา!!
และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่อองราวทั้งหมดค่ะ
เราชื่อ ตาล ค่ะ อายุ 29 ปี
ต้องขอโทษด้วยรูปน้อยมากเพราะตอนนั้นถ่ายไม่ทันค่ะ วิ่งลูกเดียว
เดี๋ยวมาต่อตอน 2 ที่แคมป์หลบภัยนะคะ
ถ้าเขียนผิดพลาดไปบ้าง ต้องขออภัยมากๆ ค่ะ
-Nomadic Moon-