ตอนอยู่มหาลัยมีคนเข้ามาทำแบบสอบถามเกี่ยวกับอนาคต แต่สุดท้ายคือธุรกิจขายตรง ..

คือเมื่อหลายเดือนก่อนขณะที่เรากำลังนั่งรอเพื่อนอยู่ในมหาลัยค่ะ
มีพี่คนหนึ่งเข้ามา บอกให้ช่วยทำแบบสอบถามให้หน่อย เค้าบอกกับเราว่าเป็นพี่จากชมรมหนึ่งที่แบบมีเครือข่ายหลายมหาวิทยาลัย
เราก็ถามนะว่าชื่ออะไร เค้าก็บอกแค่ เกี่ยวกับการวางแผนชีวิตในอนาคต
เราก็ไม่อะไร เราโอเคอยู่แล้วค่ะ อะไรแบบนี้เราเต็มใจช่วย เพราะเราเข้าใจว่าอ่อ นี้คือวิจัยนะ
มันปกติในรั้วมหาลัย แบบสำรวจนะ เราเปิดใจเต็ม100ค่ะ ให้สอบถาม ตอบตามตรง ตั้งใจตอบ มีสติตลอดเวลา
ตอนแรก เค้าจะเริ่มถามว่า ชื่ออะไร คณะอะไร อายุเท่าไหร่ อนาคตอยากทำงานอะไร วางแผนอย่างไร เงินเดือนที่หวัง
ความประสบความสำเร็จคืออะไรสำหรับเรา แล้วสุดท้ายให้เราบอกเค้าว่า วิธีการ กับ ผลลัพธ์ อะไรสำคัญต่อความสำเร็จ อะไรประมาณนี้
หลังจากนั้น เค้าก็เริ่มแนะนำ ว่า อาชีพมันมี4ประเภทนะ นักธุรกิจ ลูกจ้าง ข้าราชการ บลาๆ
แล้วก็บอกว่านี้นะ งานประเภทนี้อะ คือสิ่งที่คนอื่นไม่ใส่ใจ ไม่คิดว่ามันจะได้ผลตอบแทนที่ดี เค้าก็บอกว่าจริงๆแล้วงานแบบนี้ดี
คือจำไม่ได้ว่าแบบไหน หลังจากนั้นเค้าก็บอก ถ้าน้องสนใจกิจกรรมนี้ พี่ขอเบอร์โทรน้องนะ
คือมันจะมีการเปิดบ้าน open house ที่แถวๆศาลาแดง สยาม แบบไปเจอกันหลายม.
ตอนนั้นเราตื่นเต้นค่ะ คือเราจะได้ฟังเกี่ยวกับการวางแผนอนาคต เราก็น่าจะลองเปิดโอกาสบ้าง เพราะปกติเราไม่ค่อยเข้ากิจกรรม
จึงให้เบอร์พี่เค้าไป และคิดจะไปจริงๆ เต็มใจ 100%อีกเช่นกัน ก็เลยถามว่าที่ไหนหรอคะ อยากได้ที่ชัดเจน แต่พี่เค้ากลับไม่บอกเรา
บอกเพียงแค่นัดเจอกันที่บีทีเอสเดี๋ยวพี่พาไป ตอนแรกเราก็โอเคไว้ใจ แต่พี่เค้าเริ่มโทรมาถามว่าระหว่างวันไหนบ่อยๆ
เราเริ่มตะหงิดใจในหลายอย่าง เช่น ไม่บอกสถานที่ เราก็ไม่ไว้ใจเพราะเราตัวคนเดียวนะ ชวนเพื่อนไปก็ค่อนข้างลำบากเพราะอยู่ไกล
แล้วโทรมาบ่อยๆอะ เคยถามไปถามว่ามีเพจมั๊ย เค้าก็บ่ายเบี่ยง บอกว่ามีแต่กลุ่มสมาชิก ต้องไปเข้าเป็นสมาชิกถึงจะเข้ากลุ่มได้
ทำให้เราสงสัยมาก ไม่กี่วันต่อมา เราเจอคนสัมภาษณ์แบบนี้อีก ซึ่งวิธีการเหมือนกันมาก ทำให้เราเริ่มสงสัยแต่กลัวหนัก คือบอกเพื่อน
เพื่อนก็เฉลยออกมาในความสงสัยว่า นี้คือธุรกิจขายตรงยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งเราอึ้งมาก ไม่คิดเลยว่าจะขนาดนี้
เราเข้าใจว่าเป็นชมรมหนึ่งมาตลอด ที่ทำเพื่อเผยแพร่ข้อมูล
และรู้สึกเหมือนตัวเองโดนหลอก หลังจากนั้นตอนพี่คนพี่คนสัมภาษณ์เราโทรมา เราก็บอกปัด
แล้วคือเค้าถามเราว่าทำไมไม่ไป แบบต้องการเข่นให้เราไป เค้าน่ากลัวมากกว่าที่เราเคยคุย
เค้าบอกทำไมเราจัดการเวลาไม่ได้ แค่นี้เอง แค่แปปเดียว พี่จองที่ไว้ให้แล้ว และเรากลัวมาก
ปฏิเสธจริงจังและโมโหที่เค้าใช้น้ำเสียงแบบขู่ๆเราเบาๆ เราโกรธและโมโหมาก (อยากจะบอกเหลือเกินว่า ตูรู้แล้วว่าเมิงหลอกตู !)
เพราะเรารู้สึกว่าเราโดนหลอกตั้งแต่แรก เรารู้สึกแย่มาก และไม่คิดว่าจะไร้จรรยาบรรณขนาดนี้  

จริงๆแล้วแม่เราทำธุรกิจขายตรงนะคะ คนละตัวกันค่ะ และแม่เราก็เป็นทั้งสมาชิกธรรมดาและอดีตผู้จัดการเขต
บริษัทขายตรงเครื่องสำอางยี่ห้อหนึ่งที่ไม่ค่อยดังในไทย เราโตมากับอาชีพนี้ของแม่ค่ะ
ไม่เคยเห็นแม่เข้าไปหาใครแล้วไม่บอกว่าตัวเองมากจากบริษัทไหน จากที่ไหนเลย เท่าที่เจอลูกทีมแม่เราพูดตรงๆตลอด
ว่ามาจากไหน ไม่ซื้อ ไม่สมัครไม่เป็นไร ไม่ได้สมาชิกก็เดินซึมๆกลับ แล้วก็หากันต่อ เราเคยไปสัมมานากับแม่หลายครั้ง(ติดสอยห้อยตาม)
เราจะเห็นการสร้างแผนงานที่เหมือนทั่วๆไป มีการทำยอดเท่านี้ๆ สอนกลยุทธ์ เช่นการแนะนำสินค้า สอนแต่งหน้า สาธิตผลิตภัณฑ์นู้นนี้นั้น
แต่ย้ำนะว่าไม่เคยสอนเกี่ยวกับการใช้กลยุทธ์ลวงล่อ หลอกลวง แบบที่เราเจอ เราโทรไปบอกแม่ว่า เราเจออย่างนี้ๆนะ
แม่ก็บอก ธุรกิจขายตรงนะ มันไม่ได้แย่ไปทุกที่ มันอยู่ที่คน และบริษัทนั้นๆ จะมีจรรยาบรรณหรือไม่ แค่ไหน
มันมีกลยุทธ์ที่ถูกต้องตามจรรยาบรรณมั๊ย ถ้าไม่มีจรรยาบรรณก็ปล่อยไป ถือเป็นประสบการณ์
เราไม่ได้จะบอกว่าบริษัทหรือแม่เราดีนะคะ ไม่ได้จะยกย่องมากมาย แค่อยากให้รู้ว่ายังมีบางคน บางบริษัทให้ความสำคัญ
กับจรรยาบรรณธุรกิจขายตรงอยู่เท่านั้น ถึงแม้จะไม่ทุกคน แต่ก็ยังมี

จนทุกวันนี้ ภายในรั้วมหาลัยก็ยังมีคนขายตรงของธุรกิจนี้เข้ามาทำแบบสอบถามในมหาลัยอยู่เลยค่ะ
ซึ่งเรารู้สึกว่า อย่างน้อยๆคุณควรเกรงใจสถานที่บ้าง นี้คือสถานศึกษา สถานที่ๆคนมาศึกษาเล่าเรียน
คุณกลับใช้การทำแบบสอบถาม แบบสำรวจ และมาในนามชมรม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตมหาลัยที่ต้องเจอมาทำให้คนๆหนึ่งเปิดใจฟังคุณ
มันแย่นะคะที่มารู้ทีหลังว่าโดนหลอก และคงยากที่จะกล้าเปิดใจยอมรับธุรกิจประเภทนี้อีก
มาตรงๆเถอะค่ะ มาแบบจริงใจและไม่ยอมแพ้จริงๆ ทำให้เค้าเห็น เค้าเชื่อ จากความจริง ไม่ใช่กลยุทธ์ที่ทำร้ายจิตใจกัน
ถ้าเค้าไม่เปิดใจรับฟังคุณคุณก็ถือเสียว่า คุณพยายามแล้ว และควรจะพยายามต่อไปหากคิดว่าธุรกิจที่คุณทำอยู่ดีจริง
ส่วนถ้าจะบอกว่า หากไม่ใช้กลยุทธ์แบบนี้ คงไม่มีใครเปิดใจฟังยอมรับ หากคุณลองคิดซักนิดว่าทำไมไม่มีใครฟังคุณ ..
คุณก็จะรู้ค่ะ ว่าที่คนไม่ค่อยเปิดใจฟังธุรกิจขายตรงนั้น เป็นเพราะส่วนใหญ่ที่ผ่านมาคนทำธุรกิจขายตรง 'มักง่าย'
เข้ามาหาสมาชิกเพียงเพราะ  
1. อาจหวังเพียงขายเพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จของตนเอง
2. อาจหวังให้คนรอบข้างซื้อพอเค้าไม่ซื้อก็หาว่าเค้าไม่เชื่อไม่เข้าใจคุณควรลองให้เค้าค่อยๆฟังและเข้าใจมากกว่า
    มาให้เค้าเข้าใจคุณในเวลาสั้นๆนะคะ
3. บางคนก็เชื่อและศรัทธาในสิ่งที่ทำแต่พยายามพูดถี่มากเกินไปจนเกิดความขุ่นเคือง จนเจอหน้ากันก็พูดแค่เรื่องนี้
    ทำให้มิตรภาพดีๆหายไป
4. ธุรกิจบางตัวที่มันไม่ดีจริงๆ คุณกลับใช้ความไว้ใจของเค้า ให้เค้าเชื่อคุณและยอมซื้อมาด้วยความเกรงใจ
    ซึ่งมีครั้งแรกย่อมมีครั้งต่อ จนเกินลิมิต เอ็นดูเขาเอ็นเราขาดเป็นปกติ
5. ไม่จริงใจ เข้ามาลวงล่อด้วยอะไรที่เกินความเป็นจริง

เชื่อเถอะค่ะ จริงใจ ดีที่สุด คุณอยากสำเร็จด้านนี้จริงๆ ค่อยๆสร้างอย่างสุจริต
ไม่ได้อยากให้เปลี่ยนความคิด แต่แค่อยากให้ลองคิดดู ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆนะคะ
จริงใจเถอะค่ะ ดีกว่ามาลวงล่อใครให้มาเปิดใจฟังคุณ ไม่ใครชอบการโกหกนะคะ ยิ้ม

อยากให้คนอ่านคิดสองแง่นะคะ คือ

คนทั่วไปคะ ธุรกิจขายตรงไม่ได้แย่เสมอไป เปิดใจฟังคนที่ทำธุรกิจพวกนี้อย่างมีจรรยาบรรณกันนะคะ
พยายามอย่าปิดกั้นธุรกิจขายตรงบางตัวที่จริงใจเพียงเพราะประสบการณ์ที่ได้จากธุรกิจที่ไม่จริงใจ

และคนทำธุรกิจขายตรงทุกคนค่ะ ลองย้อนกลับไปดูจรรยาบรรณของอาชีพตัวเองนะคะ ถ้ามันตรงกับที่คุณทำอยู่ทุกวันนี้
ขอให้เชื่อ และยึดมั่นในจรรยาบรรณของคุณ เชื่อมั่นในตัวเอง ว่าตัวเองนั้นทำดีแล้ว มีประสิทธิภาพดีแล้ว
เชื่อมั่นว่าสักวันคุณจะประสบความสำเร็จด้วยตัวคุณเอง

เพิ่มเติม ฝากถึงน้องๆ เพื่อนๆ ที่ผู้ปกครองทำธุรกิจขายตรงนะคะ อย่าอายที่จะบอกใครว่าคนที่เลี้ยงเรามาทำธุรกิจขายตรง
เพราะหากมันเป็นสิ่งที่เลี้ยงเรามาจนทุกวันนี้เราควรขอบคุณธุรกิจตัวนี้และให้เกียรติในอาชีพของผู้ปกครองเราค่ะ
สิ่งที่เค้า อาชีพที่เค้าทำ อาจดูไม่ดีในสายตาคนส่วนใหญ่
แต่ให้ลองคิด ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะปิดบัง จะอายใคร ในอาชีพของผู้ครองนี้
ว่าเค้าทำมันแล้วได้ตังค์ ได้ทำให้เราเติบโต โดยไม่เบียดเบียนใครหรือไม่
ถึงแม้ผู้ปกครองจะบอกให้แนะนำเพื่อนเกี่ยวกับธุรกิจขายตรงนั้นๆ เวลาเราอยู่ที่โรงเรียน 555 (เคยโดน)
ถ้าธุรกิจตัวนั้นมันไม่แย่นัก ไม่ไร้คุณภาพนัก และไม่ทำให้เราต้องเดือนร้อน หรือใครเดือดร้อนเพื่อมัน
ก็ลองๆดูนะคะ แต่ถ้าคิดว่าตัวเองไม่โอเคกับมัน ก็พูดกับผู้ปกครองดีๆ อย่าน้อยเนื้อต่ำใจในอาชีพของผู้ปกครอง
มันก็แค่ช่วงอารมณ์ในวัยหนึ่งที่อยู่ในสังคมเพื่อนๆ แล้วอะไรแบบนี้ไม่เป็นที่ยอมรับของสังคมนั้นๆ
พอโตขึ้นเราจะเข้าใจเค้ามากขึ้น เข้าใจว่าเงินยิ้มโคตรหายาก เข้าใจว่าจริงๆแล้วจะให้ใครมาเชื่อ
มาศรัทธาเรายิ้มโคตรยาก พอโตขึ้นเราคงต้องเสียใจที่เคยรังเกียจในอาชีพที่ผู้ปกครองทำ ทั้งๆที่เค้าก็ทำมันเพื่อเรา
เป็นกำลังใจที่ดีให้ผู้ปกครองเรากันนะคะ  

สุดท้ายแล้วเราแค่อยากจะให้คนที่เข้าไปอยู่ในจุดๆนี้ และบริษัทนี้ คิดว่า
'สิ่งที่คุณทำคุณแน่ใจแค่ไหนคะว่ามันจะประสบความสำเร็จ ถ้าคุณเริ่มมาจากกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ขัดต่อจรรยาบรรณของคุณเอง
ขนาดตัวคุณยังไม่ให้เกียรติตัวคุณ คุณคิดว่าความประสบความสำเร็จจะให้เกียรติคุณมั๊ยคะ?'

ขอบคุณสำหรับพื้นที่ที่ให้แสดงความคิดเห็นค่ะ
และขอโทษหากเราเข้าใจคุณผิดไปบางประการ
ปล.กระทู้นี้อาจดูงงๆว่าอีนี้มาแสดงความคิดเห็นหรือมาบอกประสบการณ์หรือระบายกันแน่ จริงๆคือผสมปนเป คือเป็นสิ่งที่เราได้เรียนรู้มาค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่