"กำลังดูดน้ำออกได้เกือบลิตรแล้วค่ะ"
ผมรู้สึกชาวาบตั้งแต่หัวถึงเท้า "เดี๋ยวครับ..เมื่อกี้บอกว่าหมอกำลังทำอะไรนะครับ..."
"กำลังดูดน้ำออกจากปอดค่ะ"
"ตกลงว่าเจาะน้ำออกได้ ?"
"ใช่ค่ะ"
"ได้น้ำสีอะไร น้ำข้นหรือน้ำใส มีเลือด มั้ย?" (ไม่ได้สั่งเย็นตาโฟหรือก๋วยจั๊บนะครับ.. ถามอย่างนี้จริงๆ...)
"ทีแรกมีเลือดนิดหน่อยค่ะ ต่อมาก็เป็นใสๆ สีเหลือง ไม่มีเลือดปน จะเข้าไปดูเองมั้ยคะ?"..(สงสัยเธอจะรำคาญที่ถามวกวนเลย ไล่ให้ไปดูเองเลยดีกว่า...)
ทันทีที่รวบรวมข้อมูลตั้งสติได้ ผมก็เข่าอ่อน ทรุดอีกครั้งแต่ด้วยความรู้สึกที่ตรงข้ามกับทีแรก ตอนนี้รู้สึกเบาตัวเบาใจ โลกสว่างสดใส นรกหรือสวรรค์ก็เกิดตรงที่เดียวกันนั่นแหละ เบื้องบนยังคงกรุณาเราอยู่ แต่หลังจากที่เราสู้เต็มที่ สู้สุดชีวิต สู้ทั้งที่หมดหวังแต่ไม่หมดศรัทธา สิ่งศักดิ์สิทธิ์คงช่วยเราตลอดเวลาถ้าเรายังรักษาความศรัทธาได้เต็มเปี่ยม ตรงกับที่ว่า ศรัทธาร้อยได้ร้อย ศรัทธาหมื่นได้หมื่น ท่านต่อเวลาให้เราอีกครั้งหนึ่ง ขอบคุณทุกสิ่ง ทุกท่าน และเป็นที่แน่นอนแล้วว่า พุทธคุณสูงสุดๆๆ
ผมหอบไตรจีวรวิ่งกลับไปที่ห้อง กระโดดขึ้นนอนเตียงพร้อมกับโทรหานายสาทันที หลังจากละล่ำละลักบอกข่าวดีทั้งหมดพร้อมกับสรุปว่า ไม่น่ามีปัญหาคืนนี้อาการดีขึ้นแน่นอน และเรายืดเวลาออกไปจนครบ 3เดือนตามเป้าหมายได้ และถ้ายาเคโมได้ผล ก็อยู่ได้เป็นปี นายสาฟังอย่างสงบอยู่นานแล้วสรุปว่า กำลังจะถึงโรงบาลแล้ว เดี๋ยวค่อยคุยอีกทีเพราะได้ยินแค่ว่าเจาะน้ำได้ อาการดีขึ้น หลังจากนั้นฟังไม่รู้เรื่องเลยว่าพี่รงค์พูดอะไรบ้าง เพราะฟังคล้ายๆภาษามนุษย์มาก
หลังจากทุกคนไปเยี่ยมเธอที่ห้อง lCU แต่ไม่ได้คุยเพราะเธอหลับ ก็รวมกลุ่มกันที่ห้องอีกครั้ง มีคุณแม่และน้องเธออีก 3 คน ร่วมกันซักฟอกเหตุการณ์และการตัดสินใจของผมว่าเหมาะสมหรือไม่ จนถึงตี 3 ก็ได้ข้อสรุปและตั้งคณะกรรมการเรียบร้อย พร้อมกับกำชับว่าครั้งต่อไปต้องผ่านการยอมรับจากกรรมการก่อน ผมก็ตกลงทุกอย่างแบบไม่มีเงื่อนไข
15 ธ.ค.2557
ผมวิ่งเข้าวิ่งออกห้อง ICU เป็นระยะๆ พร้อมทั้งเตรียมติดต่ออุปกรณ์สำหรับดูแลเธอเวลาอยู่บ้าน โดยจำลองแบบจากห้องพักโรงบาล+ ICU ทั้งหมด มีทั้งรถเข็น ฟูกลม เครื่องผลิตอ็อกซิเจน เครื่องวัดต่างๆ เครื่องนวดไฟฟ้ากระตุ้นกล้ามเนื้อ ฯลฯ (ในสภาพนี้ต่อให้รอดชีวิตกลับมาได้ ก็คงนอนซมอยู่กับเตียง ต้องให้อ็อกซิเจนตลอดเวลา เดินเองไม่ได้ อาการทรุดลงเรื่อยๆ รอวันหมดลมไปเอง ซึ่งผมเองก็ทำใจรับไว้และขอบคุณที่มีโอกาสให้เราอยู่ด้วยกันอีกนิดหนึ่ง )
จนเวลา 1 ทุ่มกว่า ญาติก็รวมกลุ่มมาเยี่ยม พอรู้สึกตัว (กลางวันผมปล่อยให้หลับตลอด ยกเว้นกิน ดื่ม ขับถ่าย ) เธอก็ถามว่า วันนี้วันที่เท่าไหร่ น้องชายเธอ(ชื่อ เอส)ตอบว่า วันที่ 15 เธอก็งงแล้วบอกว่า ไม่ใช่วันที่ 10 เหรอ สรุปว่าเธอลืมเรื่องทั้งหมดตั้งแต่ บ่ายวันที่ 8 จนถึงวันที่ 14 รู้สึกตัวอีกครั้งก็คือวันที่ 15 (วันนี้) เท่ากับสติหายไป 7วันเต็มๆ จะบอกเรื่องอะไรก็จำไม่ได้ทั้งสิ้น (แล้วใครหรืออะไรที่อยู่กับพวกเราตลอด 7 วันนั้นล่ะ ????)
ภรรยาผมเป็นมะเร็ง ปาฏิหารย์มีจริง พุทธคุณสูงสุด
ผมรู้สึกชาวาบตั้งแต่หัวถึงเท้า "เดี๋ยวครับ..เมื่อกี้บอกว่าหมอกำลังทำอะไรนะครับ..."
"กำลังดูดน้ำออกจากปอดค่ะ"
"ตกลงว่าเจาะน้ำออกได้ ?"
"ใช่ค่ะ"
"ได้น้ำสีอะไร น้ำข้นหรือน้ำใส มีเลือด มั้ย?" (ไม่ได้สั่งเย็นตาโฟหรือก๋วยจั๊บนะครับ.. ถามอย่างนี้จริงๆ...)
"ทีแรกมีเลือดนิดหน่อยค่ะ ต่อมาก็เป็นใสๆ สีเหลือง ไม่มีเลือดปน จะเข้าไปดูเองมั้ยคะ?"..(สงสัยเธอจะรำคาญที่ถามวกวนเลย ไล่ให้ไปดูเองเลยดีกว่า...)
ทันทีที่รวบรวมข้อมูลตั้งสติได้ ผมก็เข่าอ่อน ทรุดอีกครั้งแต่ด้วยความรู้สึกที่ตรงข้ามกับทีแรก ตอนนี้รู้สึกเบาตัวเบาใจ โลกสว่างสดใส นรกหรือสวรรค์ก็เกิดตรงที่เดียวกันนั่นแหละ เบื้องบนยังคงกรุณาเราอยู่ แต่หลังจากที่เราสู้เต็มที่ สู้สุดชีวิต สู้ทั้งที่หมดหวังแต่ไม่หมดศรัทธา สิ่งศักดิ์สิทธิ์คงช่วยเราตลอดเวลาถ้าเรายังรักษาความศรัทธาได้เต็มเปี่ยม ตรงกับที่ว่า ศรัทธาร้อยได้ร้อย ศรัทธาหมื่นได้หมื่น ท่านต่อเวลาให้เราอีกครั้งหนึ่ง ขอบคุณทุกสิ่ง ทุกท่าน และเป็นที่แน่นอนแล้วว่า พุทธคุณสูงสุดๆๆ
ผมหอบไตรจีวรวิ่งกลับไปที่ห้อง กระโดดขึ้นนอนเตียงพร้อมกับโทรหานายสาทันที หลังจากละล่ำละลักบอกข่าวดีทั้งหมดพร้อมกับสรุปว่า ไม่น่ามีปัญหาคืนนี้อาการดีขึ้นแน่นอน และเรายืดเวลาออกไปจนครบ 3เดือนตามเป้าหมายได้ และถ้ายาเคโมได้ผล ก็อยู่ได้เป็นปี นายสาฟังอย่างสงบอยู่นานแล้วสรุปว่า กำลังจะถึงโรงบาลแล้ว เดี๋ยวค่อยคุยอีกทีเพราะได้ยินแค่ว่าเจาะน้ำได้ อาการดีขึ้น หลังจากนั้นฟังไม่รู้เรื่องเลยว่าพี่รงค์พูดอะไรบ้าง เพราะฟังคล้ายๆภาษามนุษย์มาก
หลังจากทุกคนไปเยี่ยมเธอที่ห้อง lCU แต่ไม่ได้คุยเพราะเธอหลับ ก็รวมกลุ่มกันที่ห้องอีกครั้ง มีคุณแม่และน้องเธออีก 3 คน ร่วมกันซักฟอกเหตุการณ์และการตัดสินใจของผมว่าเหมาะสมหรือไม่ จนถึงตี 3 ก็ได้ข้อสรุปและตั้งคณะกรรมการเรียบร้อย พร้อมกับกำชับว่าครั้งต่อไปต้องผ่านการยอมรับจากกรรมการก่อน ผมก็ตกลงทุกอย่างแบบไม่มีเงื่อนไข
15 ธ.ค.2557
ผมวิ่งเข้าวิ่งออกห้อง ICU เป็นระยะๆ พร้อมทั้งเตรียมติดต่ออุปกรณ์สำหรับดูแลเธอเวลาอยู่บ้าน โดยจำลองแบบจากห้องพักโรงบาล+ ICU ทั้งหมด มีทั้งรถเข็น ฟูกลม เครื่องผลิตอ็อกซิเจน เครื่องวัดต่างๆ เครื่องนวดไฟฟ้ากระตุ้นกล้ามเนื้อ ฯลฯ (ในสภาพนี้ต่อให้รอดชีวิตกลับมาได้ ก็คงนอนซมอยู่กับเตียง ต้องให้อ็อกซิเจนตลอดเวลา เดินเองไม่ได้ อาการทรุดลงเรื่อยๆ รอวันหมดลมไปเอง ซึ่งผมเองก็ทำใจรับไว้และขอบคุณที่มีโอกาสให้เราอยู่ด้วยกันอีกนิดหนึ่ง )
จนเวลา 1 ทุ่มกว่า ญาติก็รวมกลุ่มมาเยี่ยม พอรู้สึกตัว (กลางวันผมปล่อยให้หลับตลอด ยกเว้นกิน ดื่ม ขับถ่าย ) เธอก็ถามว่า วันนี้วันที่เท่าไหร่ น้องชายเธอ(ชื่อ เอส)ตอบว่า วันที่ 15 เธอก็งงแล้วบอกว่า ไม่ใช่วันที่ 10 เหรอ สรุปว่าเธอลืมเรื่องทั้งหมดตั้งแต่ บ่ายวันที่ 8 จนถึงวันที่ 14 รู้สึกตัวอีกครั้งก็คือวันที่ 15 (วันนี้) เท่ากับสติหายไป 7วันเต็มๆ จะบอกเรื่องอะไรก็จำไม่ได้ทั้งสิ้น (แล้วใครหรืออะไรที่อยู่กับพวกเราตลอด 7 วันนั้นล่ะ ????)