อยากรู้ว่าคนอ้วน เค้าหาแฟนกันยังไง??

คือเราอยากรู้อ่ะค่ะ ว่าสาวๆที่ อวบ อ้วน เค้าหาแฟนยังไง? จิงอยู่ที่ ผช. ชอบสาวอวบๆ ขาวๆ
แล้วคนที่ ไม่เอาไม่พูดอ้วนดำล้ะคะ?


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


ปล.ถ้าแท็กผิดขออภัยนะเค้อะ เพี้ยนmbpt
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 9
แชร์ประสบการณ์

เป็นตัวของตัวเองค่ะ เพิ่งอายุ 20 เองนะ
ตอนอายุ 20 นี่พี่หนัก 80+ เลยนะแต่ตอนนั้นมีแฟนนะคบมาตั้งแต่ ม.ปลาย
แต่แล้วพี่ก็เลิกกะแฟนค่ะ แฟนพี่เขามีแฟนใหม่(แต่ ผญ.คนนั้นก็อ้วนกว่าพี่อีกนะ > ทำให้เห็นว่าความอ้วนไม่สำคัญ)
ส่วนพี่ถึงแม้จะเสียใจแต่ก็ถือว่าโชคดีค่ะ ที่ได้รับโอกาสโสดมา มันทำให้เราได้มีเวลาดูแลตัวเองมากขึ้นนะ ได้ค้นหาตัวเองมากขึ้นได้ลองทำนู่นทำนี่มากขึ้น ได้พบปะผู้คนมากขึ้น ประมาณว่าทำให้เราเหมือนได้เจอโลกใหม่ มีมุมมองต่างๆ มากขึ้น ได้เรียนร็อะไรหลายๆ ที่มันสนุกสนาน สามารถทำอะไรก็ได้อย่างที่เราต้องการ

ผ่านช่วงโสดมาระยะหนึ่ง พี่ก็ได้ พยายามลดน้ำหนัก และทำตัวเองให้สวยขึ้น แต่งหน้าทำผม เปลี่ยนลุค จากเดิมพี่เป็นคนค่อนข้างเรียบร้อยตามใจแฟน เอาใจแฟนตลอด เหมือนเป็นของตายอะค่ะ มาเรียนก็ผมเผ้ายุ้งเหยิง คือไม่ค่อยห่วงภาพลักษณ์หรือมองหนุ่มๆ ที่ไหน ก็เปลี่ยนแบบหน้ามือเป็นหลังมือ จนเพื่อนนี่ตกใจ (ปล.การเปลี่ยนแปลงของพี่ในลุคใหม่นี่มีหลายอย่างไม่น่าเรียนแบบนะคะแต่คือออกแนวใช้ชีวิตให้สุด) คือจะออกแนวเซ็กซี่มากขึ้น ลด นน. ก็ผอมลง เสื้อผ้าก็มีซื้อใหม่บ้าง ซื้อเสื้อผ้าแนวโป๊ๆ มากขึ้น และชุดนิสิตนี่คือก็ต้องเปลี่ยนค่ะ ก็เสื้อก็ใส่ให้พอดีตัวกระโปรงก็สั้นลง คือเปรี้ยวขึ้นจนเพื่อนทัก และการแต่งหน้านี่สำคัญนะ พี่ก็เริ่มแต่งหน้ามากขึ้น คือเงินส่วนใหญ่หมดไปกับค่าเครื่องสำอางค์ และการปาร์ตี้ยามค่ำคืน จากเต้นไม่เป็นเลยเดี๋ยวนี้เรียกได้ว่า ตัวแม่ค่ะ 55555 สเตปก็ค่อยๆอัพเดตขึ้นเรื่อยๆ ตาม ประสบการณ์(ระหว่างนี้ก็ลด นน ไปด้วยนะคะ ช่วงนี้ลดได้มาเหลือ ประมาณ 70 กว่าๆ แล้วค่ะ) #ปล.ตรงนี้ใช้วิจารณญาณนิดนึงนะเราทำทุกอย่างตามใจตนเองได้แต่ต้องมีขอบเขตและมีสติดึงตัวเองกลับมาให้ได้เสมอนะ แต่ช่วงนี้ก็โสดสนิทไม่มีใครคิดผ่านเข้ามา มีคนคุยๆนิดหน่อย แต่เหมือนเข้ามาเล่นๆ จนหัวใจเพลียกะความรัก เรียกได้ว่าใครเข้ามาเขาก็หลอกแล้วก็ทิ้ง ทั้งๆที่เราจิงจังด้วย TT

ต่อมาค่ะเริ่มเปิดเทอมใหม่ ปีใหม่ด้วย ช่วงนี้เปลี่ยนกลุ่มเพื่อนค่ะ คือ มีเพื่อนบางคนเรียนจบสามปีครึ่ง เทอมนี้เหลือเรียนน้อยมากค่ะ เพื่อนหลายคนแยกย้ายกลับบ้าน มีอยู่หออยู่ที่มอไม่กี่คน เพราะเทอมนี้มีแต่วิชาส่งงาน แต่เราเลือกอยู่มอค่ะ ขอเสพลุขต่ออีก เพราะอยู่บ้านเราออกแนวหัวโบราณ ห้ามเที่ยว ห้ามแต่งตัวโป๊ แต่งหน้าจัดก็โดนบ่น ประมาณนี้ นี่คือเหตุผลที่มะก่อนเราเรียบร้อย คือ ที่บ้านกะที่มอนี่ต่างกับลิปลับ ในระยะนี้ ก็ยังพยายามลดน้ำหนักอยู่แต่ไม่ได้หักโหมไรมาก ลดเรื่อยๆ ก็มาอยู่ที่ 60 ปลายๆแล้วค่ะ นน ไม่ได้เปลี่ยนมากเพราะเหมือนอยู่ในจุดอิ่มตัวเนอะ ขี้เกียจออกกำลังกายด้วย ลดอาหารอย่างเดียว แต่ก็มีออกกำลังกายบ้างเป็นบ้างโอกาสนะ อิอิ ช่วงนี้เปลี่ยนลุ๊คไปสุดโต้งค่ะ คือ แต่งหน้าเก่งขึ้น (เน้นการฝึกฝน) เสื้อผ้าหน้าผม จัดเต็ม ค่ะ เน้นเซ็กซี่ ส่วนผช. มีเข้ามาบ้างแต่เข้ามาแล้วผ่านไป แต่ไม่ได้อะไรมากเพราะก็คุยหลายคนอยู่ ยังหยุดไม่ได้

จนมาเจอคนคนนึงค่ะ ทำให้หยุด คุยกะเขาคนเดียวความรู้สึกรักเหมือนแฟนคนแรก แต่สุดท้ายเขาทิ้งเราไป เฮิร์ตอยู่นานพอสมควร และตัดชายทิ้งหมดค่ะ เลิกคุย อยู่ได้ หัวใจแข็งแรง และยังคง Keep look Sexy อยู่นะ จนมีรุ่นน้องและเพื่อนๆถามมากันมากมายว่า ทำไมเดี๋ยวนี้เซกซี่จัง สวยขึ้นด้วย(หน้าเปลี่ยนเพราะจัดฟันด้วย) แต่ยังอ้วนอยู่ คือสูง 160 หนัก 60 ปลายๆ ที่ระบุชัดไม่ได้นี่เพราะ นน ขึ้นลงตลอด

จนมาเจอผู้ชายคนนึง เจอในเฟสค่ะ คุยๆ กันไม่มีไรมาก เขาก็รู้นะว่าเราอ้วน แต่คุยทีแรกไม่เหมือนกับผู้ชายคนอื่นนะที่เคยคุยมานะ ตอนที่เริ่มคุยเราก็ไม่มีใคร เหมือนคุยแก้เหงาคุยเป็นเพื่อน ส่วนเขาดูท่าทางไม่ได้ชอบเราเลย ให้ไปคุยกะคนอื่นบ้าง แต่เราก็ตีมึนคุยกับเขาต่อ เริ่มแลกเปลี่ยนความคิด มุมมองชีวิตแบบใหม่ๆซึ่งกันและกันมากขึ้น คือเราเน้นศึกษาค่ะสำหรับผช.คนนี้ คือเอาเขามาเป็นเหมือนหนังสือเล่มหนึ่งที่ต้องเปิดอ่าน เขาให้แนวคิดเราได้เยอะเยะ เพราะเราเองก็ใกล้จะเรียนจบ ส่วนเขาก็วัยทำงาน อายุห่างกันประมาณ 6 ปี เขาก็กาหัวเราทิ้งเลยไม่เลือกมากเป็นคู่ครองแน่ๆ ส่วนเรา เขาอยู่ไกล(เขาอยู่ กทม เราอยู่ชล) คนอื่นอาจจะมองว่าไม่ไกลแต่เราคิดมาตลอดว่าคนรักกันต้องอยู่ใกล้กัน มันเป็นเงื่อนไขหลักที่เราตั้งขึ้นมา แต่ของพี่เขาคงตั้งหลายอย่างแต่เราไม่รู้ ที่คุยกะเขาก็เพราะนั้นแหละเราชอบศึกษาคน เริ่มแรกชอบพี่เขาที่ชอบท่องเที่ยวเหมือนกันโดยเฉพาะทะเล(ชายรักทะเลนี่เราเทใจไปกว่าครึ่ง) ชอบหมาเหมือนกัน ทัศนคติเรื่องความรวยจนการใช้เงินเหมือนกัน(อันนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน) แล้วเราก็คุยๆๆกันมาจนไม่รู้มาคุยกันแบบหวานๆ เมื่อไหร่ แอบงงเหมือนกัน แต่มาถึงตอนนี้เราก็ยังไม่มีสถานะให้กันอย่างชัดเจนนะ แต่ก็มีความสุขที่คุยกัน พอดี๊พอดี อิช่วงที่เขาเริ่มคุยหวานๆกะเรา เรามี ปห. เกี่ยวกับงานวิจัยพอดี คือเครียดร้องไห้ (มันถาโถมมากทั้งเรื่องที่บ้านด้วยพ่อแม่ก็ทะเลาะกันแต่นี่ไม่ใช่ ปห ของเรา ปห อยู่ที่จะบอกพ่อแม่ยังไงว่าติด F ต้องลงเทอมหน้า และจะหาเงินเรียนเองด้วยเพราะพ่อคิดว่าเราจะจบแล้วเลยลงทุนธุรกิจไปเยอะยังไม่ได้ทุนคืนเลยตอนนี้เลยไม่อยากรบกวนเขาอีก แต่ประเด็นคือจะหายังไง คือตอนนั้นอึนมึนสับสน) ได้เขานี่ที่คุยด้วย คอยปลอบใจก็เลยมีความสุขมาได้ แต่ก็ไม่ได้สุขแบบฟรุ้งฟริ้งฟินเว่อร์นะเพราะเราเองก็ยังคิดแต่เรื่องวิจัยอยู่

สุดท้ายยยยยย ร่ายมาเยอะ ขอสรุปสั้นๆว่า "ช่วงเวลาที่โสดจงรักตัวเองใส่ใจตัวเองทำให้ตัวเองมีความสุขกับความโสดเพราะเมื่อมีแฟนแล้วคุณเรียกร้องไม่ได้นะ ส่วนการหาแฟนนะพี่ว่าไม่ต้องหาค่ะพี่เคยมุ่งมั่นหาแฟนมาก่อน ไม่เคยเจอคนจริงใจเลย เพราะฉะนั้นเวลาถูกใจใครเขาไปคุยกับเขาค่ะ และต้องตอบตัวเองให้ได้ด้วยนะว่าถูกใจเขาเพราะอะไร แต่คุยกันเป็นเพื่อนเป็นพี่น้องไปก่อนดีที่สุด ค่อยๆ ศึกษากันไป ถ้าเราใช่เขาใช่ มันก็ใช่เอง และถ้ามันไม่ใช่ก็คือมันไม่ใช่ อย่าไปยึดติดอะไรมาก ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่