สวัสดีชาวพันธ์ทิพย์ทุกคนนะครับ ผมชื่อ ติตี้ (ติ-ตี้) วันนี้ผมขอนำเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงตัวเอง การเพิ่มความมั่นใจในตัวเอง จากการศัลยกรรมใบหน้า
ทั้งหมดที่เคยทำมานะครับ ด้วยความที่มันเปลี่ยนค่อนข้างมาก เลยอยากจะนำมาเป็นแรงบันดาลใจให้หลายๆคนที่อยากจะลุกขึ้นมา ทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง
ทั้งหมดทั้งมวลนี่คือ ผมทำด้วยเงินที่มาจากการทำงานของผมทั้งหมด ด้วยน้ำพักน้ำแรง รวมทั้งแรงผลักดันต่างๆ ที่สร้างขึ้นมาด้วยตนเองทั้งนั้นนะครับ
มาเริ่มจากช่วงเป็นวัยรุ่นเลยดีกว่า ผมเป็นเด็กผู้ชาย รูปร่างสูงใหญ่ครับ (182 cm) เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลของโรงเรียน ฟังดูอาจจะดีใช่ไม๊ครับ แต่จริงๆมันยังมีสิ่งที่ผมไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง ซึ่งปัจจัยหลักๆมีดังต่อไปนี้ครับ
1.ผิวดำ
ต้องใช้คำว่าดำนะครับ คือผมเป็นเด็กผิวคล้ำอยู่แล้ว แถม โรงเรียนผม ในสมัยนนั้น ไม่มีโรงยิมสำหรับซ้อมวอลเลย์บอล แปลว่า พวกผมต้องซ้อมวอลเลย์กลางแดด แล้วผมเห็นเพื่อนซ้อมกันไม่ดำ เราก็เอาบ้าง แต่ทำไมเราดำอ๊าวววววดำเอา 555555
2.สิวเยอะมาก
วัยรุ่น ผู้ชาย ผิวมัน ไม่ค่อยสนใจผิวพรรณเท่าไหร่ ตามนี้เลยครับ
3.ตาตี่
ผมมีเชื้อจีนอยู่ประมาณ 25 % คุณแม่เป็น คนอีสาน แต่ผมกลับได้ตาชั้นเดียวมา แต่กลับมีกระบอกตาลึก จะงงๆ หน่อยนะครับ คือ บางวันถ้าลองเอา นิ้วค้ำๆไว้ที่เปลือกตา ก็จะได้ตา สองชั้นมาครับ
4.ริมฝีปากบนหนา
หนามากครับ เมื่อเทียบกับ สัดส่วนใบหน้า
เดี๋ยวเรามาดูภาพสมัยเป็นวัยรุ่นกันก่อนนะครับ
ตอนมัธยม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากนั้น ช่วงชีวิตก็เปลี่ยนผันครับ ผมเป็นเด็กเกิดและโตในกรุงเทพพอเข้ามหาวิทยาลัยรามคำแหงได้สักพัก ตึกที่คุณแม่เช่าไว้ทำร้านส้มตำ เจ้าของเขาจะขาย ครอบครัวของเราเลยต้องย้ายสำมะโนครัวไปอยู่บ้านของคุณแม่ที่ซื้อเอาไง้ที่ รังสิต-คลอง7!!!!
ในความรู้สึกผมคือมันไกลมากนะครับ เมื่อ 13 ปีก่อน ครอบครัวเราไม่มีรถด้วย เพราะอยู่กันแค่ 2 คนแม่ลูก หลังจากย้ายไปอยู่ที่นั่น ชีวิตก็เปลี่ยนครับ คุณแม่ต้องย้ายไปทำธุรกิจเล็กๆ ที่ภาคใต้แทน ส่วนผม ถึงวัยที่ต้องทำงานเลี้ยงตัวเองแล้ว ตอนนั้นมีวุฒิแค่ ม.6 อายุ 20
แถวย่านนั้นจะเป็นย่าน โรงงานอุตสาหกรรมครับ เลยทำงานโรงงานนอนไม่เป็นเวลา ตื่นไม่เป็นเวลา แล้วตอนนั้นเรารู้ว่าเราต้องทำงานแล้ว มีโอที มีอะไรก็ทำให้ได้เงินเยอะๆครับ แถมตอนนั้นมีความเข้าใจว่า “ผอม=ดูดี” เพราะเห็นดาราเขาผอมๆกัน 555 ตอนนั้นเราก็มั่นใจระดับนึงนะ ว่าเราผอมแล้ว คงจะดูดีไม่ใช่น้อย ไปดูกันๆๆๆๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อันนี้พีค
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทีนี้พอเริ่มผอมแล้ว คิดว่าตัวเองดูดีแน่ๆ ผมยังมีอีกฝันนึงครับ คือการเป็น “นักร้อง” ตอนนั้นก็ไปหมดทุกรายการครับ ตึกคว้าดาว บ้านล่าฝัน มั่นใจแล้วไง ปรากฎ ตุ๊บ!! หมด ไม่ได้ซักกะรายการ ตอนนั้นคิดว่าตัวเองไม่พร้อม เลยตัดสินใจ ขอแม่ว่า จะไม่อยู่บ้านแล้วนะ จะไปหางานร้องเพลงทำที่กรุงเทพ
คือตอนนั้นแม่ห่วงบ้านมาก เพราะถ้าบ้านไม่มีใครอยู่จะทรุดโทรม แต่ผมออกไปทำงานทุกวัน บางวัน 12-16 ชม กลับมาก็นอน ตื่นมาก็ไปทำงาน เพราะฉะนั้นมีค่าไม่ต่างกัน
แล้วช่วงที่มาประกวดร้องเพลงในกรุงเทพ บ่อยๆ ก็ได้รู้จักพี่ช่างแต่งหน้าคนนึง เรียกว่า “คุณแม่” ละกัน เรารู้จักกันทาง Bloggang เกี่ยวกับห้องร้องเพลงครับ คุณแม่เป็นช่างแต่งหน้า ที่ร้องเพลงเพราะมาก ถ้าบอกชื่อนางตอนนี้ ทุกคนต้องคุ้นเคยบ้างแหละ 5555
คุณแม่นี่ เป็นเหมือนผู้ให้กำเนิดคนที่สองเลยอ่ะ นางจะแนะนำเรื่อง ร้องเพลง และความงามมาให้ผม พอนางเห็นตาผมก็บอกเลยว่า “หนูเอา สติ๊กเกอร์ติดตาสองชั้น ไปติดทุกวันนะติดจนกว่ามันจะเป็นสองชั้นไปเอง” เราก็จัดเลย ติดอยู่ประมาณ 6 เดือน เปลี่ยนสติ๊กเกอร์ เช้าเย็น จนชั้นตา มันมีขึ้นมาเองแบบนี้ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ใสใส วัยร่นชอบ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ประจวบกับย้ายมาอยู่กทม เริ่มหางานร้องเพลงทำ ก็เริ่มมีเพื่อนที่เป็นนักร้อง ทั้งรุ่นพี่และรุ่นเดียวกัน ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ผม ต้อง เพิ่ม น้ำ หนัก!!!” ก็เลยเริ่มกินอาหารมีประโยชน์มากขึ้น ออกกำลังกายร่างกายเลยเริ่มมีน้ำมีนวลขึ้นมา
แอบใส่ Big Eyes
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอหลังจากที่เราเริ่มร้องเพลงมีงานมากขึ้นนะครับ ก็เริ่มมีเงินเก็บ ก็เลยตัดสินใจทำจมูก ตอนแรกเนี่ยเราอยากไปทำปากบางก่อน ก็ตัดสินใจไปลางานกับพี่เจ้าของร้านที่เราร้องเพลง ว่าจะไปทำปากบาง อาจจะมาทำงานไม่ได้ 2ครั้ง (ร้องอาทิตย์ละ 1 วัน) พี่เจ้าของร้านบอกว่า “พี่จบ ’ถาปัตย์มา เชื่อพี่ คนส่วนใหญ่ มักจะมอง 2/3 บนของใบหน้า พี่แนะนำว่าเอ็งควรไปทำจมูก ถ้าเอ็งไป พี่จะออกตังค์ให้ก่อน แล้วก็มาร้องใช้คืนพี่”
โหยยยยยย offer ขนาดนี้ ทำจมูกก็ได้ เจ้านายดี๊ย์ดี
เลยตัดสินใจไปทำจมูกที่ คลิกนิกในห้าง Fortune ครับ ตอนนั้นราคา2x,xxx บาท ผลเป็นที่พอใจนะครับ แต่มันเบี้ยวนิดนึง แต่ไม่ได้ซีเรียสไปดูกันๆ
อันนี้ตอนออกจาคลินิก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อันนี้ตอนบวม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มาดูตอนเข้าที่เลยดีก่า
ประมาณ 1 เดือนครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ปีที่แล้วครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอเวลาผ่านไป เมื่อปีที่แล้วก็รู้สึกว่า เรายังคาใจกับปากแองเจลิน่าของเราอยู่ พอดี๊ย์ ติดตาม Social Cam ของกลุ่มสาวประเภทสอง กลุ่มนึง
เขาไปทำศัลยกรรมปากบางที่คลินิกเปิดใหม่แถว รามอินทรา แล้วออกมาสวยมาก แถม ตอนนั้นคลินิกมี Promotion ในราคา 1x,xxx บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่เราพอใจ รับไหว
เลยตัดสินใจไปจองคิวแล้วไปทำเลย บอกเลยว่าเป็นการทำศัลยกรรมที่เลือดออกเยอะมาก เพราะต้องตัดชิ้นเนื้อริมฝีปากออกไป และเป็นการทำศัลยกรรมที่ ใช้เวลาเข้าที่นานมาก ร่วมๆ 6 เดือนเลยทีเดียว ผลออกมาไม่ค่อยชอบนิดหน่อย ผมว่า จงอยตรงกลางมันแหลมไป แต่เพื่อนคนอื่นกลับชอบแฮะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จนเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ชั้นตาสติ๊กเกอร์ที่ค้ำเอาไว้ ก็เสื่อมถอยไปตามกาลเวลาครับ คือในระหว่างนั้นเนี่ย ตามันก็มีกลับมาเป็นชั้นเดียวบ้างนะครับ ในวันที่หน้ามันมากๆ หรือ ตื่นนอนมาแล้วตาบวมๆ แต่พอตกค่ำ หรือบ่าย ก็กลับไปเป็นอย่างเดิม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่พออายุเริ่มมากขึ้น ชั้นตามันเริ่มไม่กลับครับ บางทีเดินๆอยู่หันไปมองกระจกอีกที ตาข้างซ้ายกลายเป็นชั้นเดียวไปเลย (ตาผมไม่เท่ากัน) ทำให้เราความมั่นใจลดลง แถมยังระแวงคอยส่องกระจก บ่อยๆ ว่าตาเราเป็นชั้นเดียวหรือเปล่า เลยตัดสินใจไปทำตาสองชั้น ด้วยวิธีเย็บสามจุดที่คลินิกแถว นนทบุรี ที่ใช้ถ่ายละครเรื่องแรงเงา กับโปรโมชั่นราคา 14,xxx บาท ผลออกมา ผมก็พอใจนะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ปัจจุบัน ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สรุปคือ ที่ทำไปทั้งหมด ก็เกือบจะครบทั้งหน้าแล้ว นี่ไม่รวมสักคิ้ว 3 มิติ Botox Filler อันนั้นยิบย่อยไม่ได้เปลี่ยนเยอะ 55555
คางไม่ได้ทำนะครับ ผมเป็นคนมีคางแหลมอยู่แล้ว แต่คนชอบมาถามว่าไปทำคางที่ไหน 55555 บอกเลยว่า สมพรคลินิก (ชื่อแม่...)
ผิวขาวขึ้นนิดหน่อยเพราะพอมาทำงานกลางคืนก็ไม่ค่อยโดนแดดครับ แต่ไม่ได้ทาครีมอะไร ผมขี้ร้อน ผิวมัน เหนอะหนะง่าย (จริงๆไม่ใช่ข้อดีเท่าไหร่นะครับ) แต่ผมจะใช้ครีมอาบน้ำที่มีความชุ่มชื้นสูงๆ อาบแทน ก็พอช่วยได้บ้าง
สิ่งที่อยากได้ตอนนี้คือ อยากหุ่นดีครับ แต่อาจจะต้องใช้เวลาและวินัยพอสมควร ผมเพิ่งเริ่มเล่น เวทเทรนนิ่ง จริงๆจังๆ ได้แค่ 2ปี กินอาหารไม่ค่อยมีวินัยเท่าไหร่ แต่ก็ทำให้ใส่เสื้อผ้ามั่นใจขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะครับ
ก็หวังว่ากระทู้พลีชีพหนนี้ของผม จะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆคนที่อยากจะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง นะครับ ผมบอกก่อนว่า เงินจากการทำศัลยกรรมของผม ผมได้จัดสรร ไว้เรียบร้อยแล้ว เป็นเงินเก็บต่างหากที่มาจากการทำงานร้องเพลง แต่งหน้า ถ่ายโฆษณาเล็กๆน้อยๆ และ job พิเศษจากรายการทีวี นะครับ
ไม่ได้ขอพ่อแม่ แล้วก็มีเงินเก็บ เงินจุนเจือครอบครัว ไม่ได้เดือดร้อนตัวเอง และผู้อื่น ไม่ได้กู้ยืมเงินใครมาด้วย
น้องๆคนไหนที่อยากดูดีขึ้น แล้วยังไม่มีเงินมากพอ หรืออยู่ในวัยเรียนแล้วไม่มีรายได้ของตัวเอง รอเวลานะครับ ไม่ต้องใจร้อน มีงานทำ พร้อมเมื่อไหร่ สวยตอนไหนก็เหมือนกัน แต่ถ้าที่บ้านมีกำลังส่งสบายๆก็ ลุย!!!!!
จงศัลยกรรมอย่างมีสตินะครับ
จนกว่าจะพบกันใหม่ในกระทู้ต่อไป
สวัสดีครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
<<กระทู้พลีชีพ>>รีวิวใบหน้าที่ผ่านการทำศัลยกรรมมา รับรอง เปลี่ยนเห็นๆ
ทั้งหมดที่เคยทำมานะครับ ด้วยความที่มันเปลี่ยนค่อนข้างมาก เลยอยากจะนำมาเป็นแรงบันดาลใจให้หลายๆคนที่อยากจะลุกขึ้นมา ทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง
ทั้งหมดทั้งมวลนี่คือ ผมทำด้วยเงินที่มาจากการทำงานของผมทั้งหมด ด้วยน้ำพักน้ำแรง รวมทั้งแรงผลักดันต่างๆ ที่สร้างขึ้นมาด้วยตนเองทั้งนั้นนะครับ
มาเริ่มจากช่วงเป็นวัยรุ่นเลยดีกว่า ผมเป็นเด็กผู้ชาย รูปร่างสูงใหญ่ครับ (182 cm) เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลของโรงเรียน ฟังดูอาจจะดีใช่ไม๊ครับ แต่จริงๆมันยังมีสิ่งที่ผมไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง ซึ่งปัจจัยหลักๆมีดังต่อไปนี้ครับ
1.ผิวดำ
ต้องใช้คำว่าดำนะครับ คือผมเป็นเด็กผิวคล้ำอยู่แล้ว แถม โรงเรียนผม ในสมัยนนั้น ไม่มีโรงยิมสำหรับซ้อมวอลเลย์บอล แปลว่า พวกผมต้องซ้อมวอลเลย์กลางแดด แล้วผมเห็นเพื่อนซ้อมกันไม่ดำ เราก็เอาบ้าง แต่ทำไมเราดำอ๊าวววววดำเอา 555555
2.สิวเยอะมาก
วัยรุ่น ผู้ชาย ผิวมัน ไม่ค่อยสนใจผิวพรรณเท่าไหร่ ตามนี้เลยครับ
3.ตาตี่
ผมมีเชื้อจีนอยู่ประมาณ 25 % คุณแม่เป็น คนอีสาน แต่ผมกลับได้ตาชั้นเดียวมา แต่กลับมีกระบอกตาลึก จะงงๆ หน่อยนะครับ คือ บางวันถ้าลองเอา นิ้วค้ำๆไว้ที่เปลือกตา ก็จะได้ตา สองชั้นมาครับ
4.ริมฝีปากบนหนา
หนามากครับ เมื่อเทียบกับ สัดส่วนใบหน้า
เดี๋ยวเรามาดูภาพสมัยเป็นวัยรุ่นกันก่อนนะครับ
ตอนมัธยม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากนั้น ช่วงชีวิตก็เปลี่ยนผันครับ ผมเป็นเด็กเกิดและโตในกรุงเทพพอเข้ามหาวิทยาลัยรามคำแหงได้สักพัก ตึกที่คุณแม่เช่าไว้ทำร้านส้มตำ เจ้าของเขาจะขาย ครอบครัวของเราเลยต้องย้ายสำมะโนครัวไปอยู่บ้านของคุณแม่ที่ซื้อเอาไง้ที่ รังสิต-คลอง7!!!!
ในความรู้สึกผมคือมันไกลมากนะครับ เมื่อ 13 ปีก่อน ครอบครัวเราไม่มีรถด้วย เพราะอยู่กันแค่ 2 คนแม่ลูก หลังจากย้ายไปอยู่ที่นั่น ชีวิตก็เปลี่ยนครับ คุณแม่ต้องย้ายไปทำธุรกิจเล็กๆ ที่ภาคใต้แทน ส่วนผม ถึงวัยที่ต้องทำงานเลี้ยงตัวเองแล้ว ตอนนั้นมีวุฒิแค่ ม.6 อายุ 20
แถวย่านนั้นจะเป็นย่าน โรงงานอุตสาหกรรมครับ เลยทำงานโรงงานนอนไม่เป็นเวลา ตื่นไม่เป็นเวลา แล้วตอนนั้นเรารู้ว่าเราต้องทำงานแล้ว มีโอที มีอะไรก็ทำให้ได้เงินเยอะๆครับ แถมตอนนั้นมีความเข้าใจว่า “ผอม=ดูดี” เพราะเห็นดาราเขาผอมๆกัน 555 ตอนนั้นเราก็มั่นใจระดับนึงนะ ว่าเราผอมแล้ว คงจะดูดีไม่ใช่น้อย ไปดูกันๆๆๆๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อันนี้พีค
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทีนี้พอเริ่มผอมแล้ว คิดว่าตัวเองดูดีแน่ๆ ผมยังมีอีกฝันนึงครับ คือการเป็น “นักร้อง” ตอนนั้นก็ไปหมดทุกรายการครับ ตึกคว้าดาว บ้านล่าฝัน มั่นใจแล้วไง ปรากฎ ตุ๊บ!! หมด ไม่ได้ซักกะรายการ ตอนนั้นคิดว่าตัวเองไม่พร้อม เลยตัดสินใจ ขอแม่ว่า จะไม่อยู่บ้านแล้วนะ จะไปหางานร้องเพลงทำที่กรุงเทพ
คือตอนนั้นแม่ห่วงบ้านมาก เพราะถ้าบ้านไม่มีใครอยู่จะทรุดโทรม แต่ผมออกไปทำงานทุกวัน บางวัน 12-16 ชม กลับมาก็นอน ตื่นมาก็ไปทำงาน เพราะฉะนั้นมีค่าไม่ต่างกัน
แล้วช่วงที่มาประกวดร้องเพลงในกรุงเทพ บ่อยๆ ก็ได้รู้จักพี่ช่างแต่งหน้าคนนึง เรียกว่า “คุณแม่” ละกัน เรารู้จักกันทาง Bloggang เกี่ยวกับห้องร้องเพลงครับ คุณแม่เป็นช่างแต่งหน้า ที่ร้องเพลงเพราะมาก ถ้าบอกชื่อนางตอนนี้ ทุกคนต้องคุ้นเคยบ้างแหละ 5555
คุณแม่นี่ เป็นเหมือนผู้ให้กำเนิดคนที่สองเลยอ่ะ นางจะแนะนำเรื่อง ร้องเพลง และความงามมาให้ผม พอนางเห็นตาผมก็บอกเลยว่า “หนูเอา สติ๊กเกอร์ติดตาสองชั้น ไปติดทุกวันนะติดจนกว่ามันจะเป็นสองชั้นไปเอง” เราก็จัดเลย ติดอยู่ประมาณ 6 เดือน เปลี่ยนสติ๊กเกอร์ เช้าเย็น จนชั้นตา มันมีขึ้นมาเองแบบนี้ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ใสใส วัยร่นชอบ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ประจวบกับย้ายมาอยู่กทม เริ่มหางานร้องเพลงทำ ก็เริ่มมีเพื่อนที่เป็นนักร้อง ทั้งรุ่นพี่และรุ่นเดียวกัน ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ผม ต้อง เพิ่ม น้ำ หนัก!!!” ก็เลยเริ่มกินอาหารมีประโยชน์มากขึ้น ออกกำลังกายร่างกายเลยเริ่มมีน้ำมีนวลขึ้นมา
แอบใส่ Big Eyes
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอหลังจากที่เราเริ่มร้องเพลงมีงานมากขึ้นนะครับ ก็เริ่มมีเงินเก็บ ก็เลยตัดสินใจทำจมูก ตอนแรกเนี่ยเราอยากไปทำปากบางก่อน ก็ตัดสินใจไปลางานกับพี่เจ้าของร้านที่เราร้องเพลง ว่าจะไปทำปากบาง อาจจะมาทำงานไม่ได้ 2ครั้ง (ร้องอาทิตย์ละ 1 วัน) พี่เจ้าของร้านบอกว่า “พี่จบ ’ถาปัตย์มา เชื่อพี่ คนส่วนใหญ่ มักจะมอง 2/3 บนของใบหน้า พี่แนะนำว่าเอ็งควรไปทำจมูก ถ้าเอ็งไป พี่จะออกตังค์ให้ก่อน แล้วก็มาร้องใช้คืนพี่”
โหยยยยยย offer ขนาดนี้ ทำจมูกก็ได้ เจ้านายดี๊ย์ดี
เลยตัดสินใจไปทำจมูกที่ คลิกนิกในห้าง Fortune ครับ ตอนนั้นราคา2x,xxx บาท ผลเป็นที่พอใจนะครับ แต่มันเบี้ยวนิดนึง แต่ไม่ได้ซีเรียสไปดูกันๆ
อันนี้ตอนออกจาคลินิก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อันนี้ตอนบวม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มาดูตอนเข้าที่เลยดีก่า
ประมาณ 1 เดือนครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ปีที่แล้วครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอเวลาผ่านไป เมื่อปีที่แล้วก็รู้สึกว่า เรายังคาใจกับปากแองเจลิน่าของเราอยู่ พอดี๊ย์ ติดตาม Social Cam ของกลุ่มสาวประเภทสอง กลุ่มนึง
เขาไปทำศัลยกรรมปากบางที่คลินิกเปิดใหม่แถว รามอินทรา แล้วออกมาสวยมาก แถม ตอนนั้นคลินิกมี Promotion ในราคา 1x,xxx บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่เราพอใจ รับไหว
เลยตัดสินใจไปจองคิวแล้วไปทำเลย บอกเลยว่าเป็นการทำศัลยกรรมที่เลือดออกเยอะมาก เพราะต้องตัดชิ้นเนื้อริมฝีปากออกไป และเป็นการทำศัลยกรรมที่ ใช้เวลาเข้าที่นานมาก ร่วมๆ 6 เดือนเลยทีเดียว ผลออกมาไม่ค่อยชอบนิดหน่อย ผมว่า จงอยตรงกลางมันแหลมไป แต่เพื่อนคนอื่นกลับชอบแฮะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จนเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ชั้นตาสติ๊กเกอร์ที่ค้ำเอาไว้ ก็เสื่อมถอยไปตามกาลเวลาครับ คือในระหว่างนั้นเนี่ย ตามันก็มีกลับมาเป็นชั้นเดียวบ้างนะครับ ในวันที่หน้ามันมากๆ หรือ ตื่นนอนมาแล้วตาบวมๆ แต่พอตกค่ำ หรือบ่าย ก็กลับไปเป็นอย่างเดิม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่พออายุเริ่มมากขึ้น ชั้นตามันเริ่มไม่กลับครับ บางทีเดินๆอยู่หันไปมองกระจกอีกที ตาข้างซ้ายกลายเป็นชั้นเดียวไปเลย (ตาผมไม่เท่ากัน) ทำให้เราความมั่นใจลดลง แถมยังระแวงคอยส่องกระจก บ่อยๆ ว่าตาเราเป็นชั้นเดียวหรือเปล่า เลยตัดสินใจไปทำตาสองชั้น ด้วยวิธีเย็บสามจุดที่คลินิกแถว นนทบุรี ที่ใช้ถ่ายละครเรื่องแรงเงา กับโปรโมชั่นราคา 14,xxx บาท ผลออกมา ผมก็พอใจนะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ปัจจุบัน ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สรุปคือ ที่ทำไปทั้งหมด ก็เกือบจะครบทั้งหน้าแล้ว นี่ไม่รวมสักคิ้ว 3 มิติ Botox Filler อันนั้นยิบย่อยไม่ได้เปลี่ยนเยอะ 55555
คางไม่ได้ทำนะครับ ผมเป็นคนมีคางแหลมอยู่แล้ว แต่คนชอบมาถามว่าไปทำคางที่ไหน 55555 บอกเลยว่า สมพรคลินิก (ชื่อแม่...)
ผิวขาวขึ้นนิดหน่อยเพราะพอมาทำงานกลางคืนก็ไม่ค่อยโดนแดดครับ แต่ไม่ได้ทาครีมอะไร ผมขี้ร้อน ผิวมัน เหนอะหนะง่าย (จริงๆไม่ใช่ข้อดีเท่าไหร่นะครับ) แต่ผมจะใช้ครีมอาบน้ำที่มีความชุ่มชื้นสูงๆ อาบแทน ก็พอช่วยได้บ้าง
สิ่งที่อยากได้ตอนนี้คือ อยากหุ่นดีครับ แต่อาจจะต้องใช้เวลาและวินัยพอสมควร ผมเพิ่งเริ่มเล่น เวทเทรนนิ่ง จริงๆจังๆ ได้แค่ 2ปี กินอาหารไม่ค่อยมีวินัยเท่าไหร่ แต่ก็ทำให้ใส่เสื้อผ้ามั่นใจขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะครับ
ก็หวังว่ากระทู้พลีชีพหนนี้ของผม จะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆคนที่อยากจะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง นะครับ ผมบอกก่อนว่า เงินจากการทำศัลยกรรมของผม ผมได้จัดสรร ไว้เรียบร้อยแล้ว เป็นเงินเก็บต่างหากที่มาจากการทำงานร้องเพลง แต่งหน้า ถ่ายโฆษณาเล็กๆน้อยๆ และ job พิเศษจากรายการทีวี นะครับ
ไม่ได้ขอพ่อแม่ แล้วก็มีเงินเก็บ เงินจุนเจือครอบครัว ไม่ได้เดือดร้อนตัวเอง และผู้อื่น ไม่ได้กู้ยืมเงินใครมาด้วย
น้องๆคนไหนที่อยากดูดีขึ้น แล้วยังไม่มีเงินมากพอ หรืออยู่ในวัยเรียนแล้วไม่มีรายได้ของตัวเอง รอเวลานะครับ ไม่ต้องใจร้อน มีงานทำ พร้อมเมื่อไหร่ สวยตอนไหนก็เหมือนกัน แต่ถ้าที่บ้านมีกำลังส่งสบายๆก็ ลุย!!!!!
จงศัลยกรรมอย่างมีสตินะครับ
จนกว่าจะพบกันใหม่ในกระทู้ต่อไป
สวัสดีครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้