เมื่อนึกถึงหนังไซไฟ มันก็มีอยู่หลายเรื่องหลายหมวดหมู่ มีทั้งหนังยอดเยี่ยมและยอดแย่ บทความนี้เราจะมาดู 10 อันดับหนังไซไฟข้ามเวลา ไม่ได้ดูที่เยี่ยมหรือแย่ แต่เราจะมาดูที่มันเป็นหนังสุดโปรดของเรา
(บทความนี้ค่อนข้างมีความคิดเห็นส่วนตัว ซึ่ง 10 อันดับที่รวบรวมมา เป็นหนังโปรดของผู้เขียนเอง โปรดใช้จักรยานในการอ่าน ถถถถถ) เราคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าหนังแนวเดินทางข้ามเวลาเป็นอย่างไร แม้ในหนังจะมีเนื้อหาการข้ามเวลามากน้อยแค่ไหน หรือมาเป็นเพียงแค่หนังเดินทางในอวกาศอย่าง Contact ผมก็นับให้มันอยู่ในหมวดหมู่นี้…ผมว่าเราเข้าเรื่องกันเลยครับ “สิบหนังเล่นกับเวลาสูดโปรด”
ขอแปะเพจนิดนึงครับ ติดตามได้ที่
https://www.facebook.com/thetimelab

10 | MEN IN BLACK 3 (2012)
ไหนๆก็ไหนๆและ ขอทำภาพแบบคลาสสิคขาวดำย้อนยุคเลยละกัน 555 มาเริ่มที่อันดับ 10 กันเลยครับ , สุดยอดภาพยนตร์เกินจินตนาการ กับองค์กรปกป้องโลกจากมนุษย์ต่างดาวในชุดดำ มันคือภาพยนตร์ที่เราคุ้นเคยมาแต่เด็ก เนื้อเรื่องนี้ดำเนินยาวมาถึงภาค 3 ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการเดินทางข้ามเวลาเพื่อปกป้องโลก
ในเรื่องนี้ผมชอบตัวละครตัวหนึ่ง ที่สามารถมองเห็นทุกช่วงเวลาที่เกิดขึ้นหรือเป็นแค่ทางเลือกแต่ไม่ได้เกิดขึ้น เค้ามองเห็นหมด “กริฟฟิน” มนุษย์ต่างดาว สิ่งมีชีวิตในมิติที่ 5 สามารถมองเห็นเหตุการณ์ทุกช่วงเวลาไม่ว่าจะอดีต ปัจจุบันหรืออนาคต (ตัวสปอยล์ดีๆนี่เอง) ซึ่งในเนื้อเรื่องเขาก็มีบทบาทสำคัญในการช่วยปกป้องโลกด้วย
กลับมาที่คู่หูเอกฮาเก๋าของเราดีกว่า J (Will Smith) และ K (Tommy Lee Jones) โดยในเรื่อง (ขอสปอยล์เลยละกัน หนังนานแล้ว) K โดนเอเลี่ยนที่ชื่อบอริสย้อนเวลากลับไปฆ่าในอดีต และ J ก็ต้องย้อนเวลากลับไปช่วยคู่หูของเขา และการย้อนเวลาครังนี้ัทำให้ J รู้ที่มาของตัวเขาก่อนจะเข้า MIB ว่าทำไม K ถึงเลือก J
ส่วนตัวภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ทำค่อนข้างดีแล้วครับ สำหรับคนชอบไซไฟข้ามเวลาอย่างผม และด้วยความที่เป็นหนังที่ชอบมาตั้งแต่เด็ก ภาคนี้ผมก็เลยไม่ควรจะพลาด แม้เรทติ้งจะไม่ค่อยดีมากนัก แต่มันก็อยู่ใน 10 เรื่องที่ผมชอบ…
“หน่วยจารชนพิทักษ์จักรวาล”

9 | EDGE OF TOMORROW
“All you need is kill” สายนิยาย คงจะเคยได้ยินชื่อนี้ใช่มั๊ยครับ ใช่แล้วว Edge of tomorrow ถูกดัดแปลงมาจากนิยายนี้นี่เอง และก็มีมังงะด้วย วาดโดยอาจารย์ ทาเคชิ โอบาตะ ผู้วาด Death Note ซึ่งตัวเอกใน All you need is kill ในเวอร์ชั่นมังงะนี่มันไลท์ชัดๆ 555 หน้าเหมือนมาก จากที่ผมได้อ่านมังงะจบแล้ว ผมคิดว่ามังงะมันส์กว่าหนังมาก บางคนอาจบอกว่าหนังที่สร้างจากการ์ตูนญี่ปุ่นมักจะไม่ค่อยดี แต่ไม่ใช่กับเรื่องนี้แน่ครับ (ถึงผมจะบอกว่ามังงะมันส์กว่าก็ตาม555)
ผมเป็นคนไม่ชอบดูหนังสงคราม (ยกเว้น Fury ที่ผมเผลอไปหลงดู แล้วมันโดนใจจริงๆ) ซึ่งในเรื่อง Edge of tomorrow ก็มีการย้อนเวลา และมันก็ทำให้ผมดูเรื่องนี้จนได้ โดยโลกถูกเอเลี่ยนบุกที่เรียกว่า “มิมิค” จึงเกิดสงครามขึ้น และเพราะความโชคร้ายของพระเอกตาขาวของเรา William Cage (Tom Cruise) ทำให้เขาเข้าร่วมแนวหน้ากองทัพติดอาวุธทันสมัย และรบในสงคราม แต่ทว่าเขาตามในสนามรบ และจู่ๆก็พบว่าตัวเองย้อนเวลากลับมาเมื่อ 1 วันที่แล้วก่อนออกรบ เคจตายและย้อนเวลากลับมาที่เดิมทุกครั้ง (Loop) เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไรจนกระทั่งเจอกับนางเองของเรา Rita Vrataski (Emily Blunt) ผู้ซึ่งเคยผ่าน loop อย่างนี้เหมือนกัน ริต้าก็อธิบายว่าเพราะอะไรถึงติดอยู่ในลูป และต้องทำอย่างไรถึงจะหลุดจากลูป…
ฮอลลีวูดมักจะแป๊กกับหนังที่ดัดแปลงจากฝั่งเอเชีย แต่เรื่องนี้ไม่ใช่แน่นอน ยิ่งแนวไซไฟ เอเลี่ยนบุกโลกแล้ว ไม่พลาด ส่วนผมก็ชอบเรื่องนี้พอสมควร ติดอย่างเดียวไม่ค่อยปลื้มกับลุคของพระเอกสักเท่าไหร่ ผมกำลังคิดอยู่ว่าถ้าพระเอกออกชั่วๆนิดๆเหมือนมังงะจะเป็นยังไง 555
“ซูเปอร์นักรบดับทัพอสูร”
– เกิด ตาย วนเวียน…

8 | THE BUTTERFLY EFFECT (2004)
มาถึงหนังในดวงใจของใครหลายคน ถ้าถามว่ารู้จักหนังเกี่ยวกับการเดินทางข้ามเวลาเรื่องไหนบ้าง คำตอบที่จะได้มาซะส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องนี้ The butterfly effect หนังหลอนจิตหน่อย ออกแนวดาร์คๆ ที่จะทำให้เราได้เห็นความเห็นแก่ตัวของคน ที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆให้ได้ตามที่เราต้องการ…
ท้องเรื่อง (สปอยล์) อีแวน (Ashton Kutcher) มีความสามารถในการข้ามเวลาจากความทรงจำโดยมีไดอารี่เป็นตัวช่วยในการกระตุ้นอดีต ความสามารถนี้ได้มาจากพ่อของเขา เพราะว่าพ่อของเขาก็สามารถทำได้เหมือนกัน เมื่ออีแวนรู้ตัวว่าตนมีความสามารถนี้ เขาก็คิดที่จะเปลี่ยนอนาคตเพื่อที่จะได้อยู่กับนางเอก เคย์ลี่ (Amy Smart) แต่ทุกครั้งที่เปลี่ยน ตัวอีแวนเองหรือเคย์ลี่ จะแย่ลงเรื่อยๆ (คือแบบไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขซักที) เมื่อคนหนึ่งมีความสุข อีกคนหนึ่งจะทุกข์ ยิ่งเปลี่ยนอนาคตยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ อีแวนตระหนักถึงเรื่องนี้ จึงข้ามเวลาครั้งสุดท้ายไปตอนเด็ก และตัดปัญหาโดยการไม่ขอพบเจอเคย์ลี่อีกเลย ต่างคนต่างเดินทางตามของตัวเอง เอ็นดิ้ง…
หนังเรื่องนี้มีถึง 3 ภาค แต่ไม่แนะนำภาค 2-3 เป็นหนังแผ่น เนื้อเรื่องไม่ต่อกัน ภาคแรกดีที่สุดแล้วครับ ส่วนตัวปลื้มเรื่องนี้มากเลยทีเดียว (แต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่ปลื้มมากกว่า 555) มันสอนอะไรหลายๆอย่าง แฝงความตลกร้ายนิดๆ แนะนำหนังหลอนจิตเรื่องนี้เลย…
“เปลี่ยนตาย ไม่ให้ตาย”

7 | STAR TREK
เอาล่ะครับ ! ถึงคราวหนังคลาสสิคอย่าง ” star Trek ” ถ้าพูดถึงหนังที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเดินทางข้ามเวลาเรื่องนี้ผมก็จัดอยู่ในหมวดนั้นเหมือนกันครับ
เรื่องนี้มีเนื้อเรื่องที่ยาวมากครับ เพราะพี่แกควบทั้งซีรี่ส์ที่ฉายในทีวี 700 กว่าตอน และหนังอีก 12 ภาค โอ้แม้เจ้า !! แบบว่าถ้าคิดจะเสพตั้งแต่เนื้อเรื่องแรกๆ แนะนำให้หาอ่านเรื่องย่อดีกว่าครับ แต่ถ้าใครขยันและชอบก็ให้ดูไปเลยครับ ได้อรรถรสดี ฮ่าๆ
Star trek กล่าวถึงเหตุการณ์ในอนาคต ในปี ค.ศ.2063 เมื่อมนุษย์สามารถสร้างยาน ที่ท่องไปในอวกาศด้วยความเร็วแสง หรือการ “วาร์ป” นั่นเอง ทำให้มนุษย์สามารถติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวหลายเผ่าพันธ์ และได้มีการรวมตัวจัดตั้งเป็น “สหพันธ์ดวงดาว (United Federation of Planets)” ขึ้นเพื่อพิทักษ์จักรวาล (เว่อร์ๆ เอาเป็นรักษาสันติภาพดีกว่าครับ ) และแน่นอนครับ อุตส่าห์ วาร์ปได้แล้ว ไม่พลาดเรื่องการสำรวจอวกาศ และอารยธรรมต่างดาว…
โดยในซีรี่ส์นี้ก็น่าจะมีอยู่ 2 ภาคที่มีการเดินทาข้ามเวลาคือ Star Trek IV: The Voyage Home (1986) และ Star Trek (2009) นอกจากนั้นอาจจะมีอีก เพราะผมยังดูไม่ครบทุกภาคเลย ต้องขออภัย (ใครเป็นแฟนบอยก็ช่วยบอกหน่อยนะครับ) ส่วนตัวชอบเรื่องนี้มากๆครับ ถ้าจัดอันดับไซไฟข้ามอวกาศ เรื่องนี้คงเป็นอันดับต้นๆสำหรับผม
“Live long and Prosper”

6 | LOOPER (2012)
การเดินทางข้ามเวลายังไม่ถูกสร้างขึ้น แต่อีก 30 ปีจากนี้ มันจะถูกสร้างขึ้นแน่นอน มันจะกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมายในทันที มีแต่องค์กรอาชญากรรมระดับใหญ่ ที่แอบใช้บริการ ในอนาคตการกำจัดศพแทบจะทำไม่ได้เลย เพราะมีอุปกรณ์ติดตามตัวและกฎมากมาย พวกองค์กรอาชญากรรมเหล่านี้จะกำจัดใคร จึงจำเป็นต้องใช้นักฆ่าอาชีพยุคนี้ ที่เรียกกันว่า “Looper”
Looper รับจ้างฆ่าคนจากโลกอนาคต นั่นรวมถึงตัวเองจากโลกอนาคตอีกด้วย เมื่อตัวเองจากโลกอนาคตถูกส่งมาให้ตัวเองจากโลกอดีตฆ่า ตนจากโลกอดีตจะได้รับเงินก้อนโต แล้วใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในอีก 30 ปีข้างหน้า จากนั้นก็จะถูกส่งมาให้ตัวเองในอดีตฆ่าอีกที เกิดเป็นลูปไปเรื่อยๆ
หนังสะท้อนความเห็นแก่ตัวของคนที่ต้องการจะปกป้องคนรัก แต่มันอาจจะมอบความเลวร้ายให้ใครอีกคน และมันจะกลับมาทำร้ายตัวเราเอง ถ้าใครชอบหนังของพ่อคนอึด เรื่องนี้ไม่ควรพลาดนะครับ ส่วนตัวไม่ค่อยชอบภาพ มุมกล้องสักเท่าไหร่ แต่ก็ ok ดีครับ พล็อตเรื่องแปลกๆตามสไตล์ของหนังข้ามเวลา…
“ผมเห็นแม่ที่ยอมตายเพื่อลูก ชายที่ยอมฆ่าเพื่อเมีย เด็กน้อยที่โกรธเกรี้ยวและว้าเหว่ เส้นทางเลวร้ายปูรอเค้าอยู่ แล้วเส้นทางก็หมุนวนเป็นวัฏจักร ผมเลยเปลี่ยนมันซะ”
สิบหนังข้ามเวลาสุดโปรดของฉัน
เมื่อนึกถึงหนังไซไฟ มันก็มีอยู่หลายเรื่องหลายหมวดหมู่ มีทั้งหนังยอดเยี่ยมและยอดแย่ บทความนี้เราจะมาดู 10 อันดับหนังไซไฟข้ามเวลา ไม่ได้ดูที่เยี่ยมหรือแย่ แต่เราจะมาดูที่มันเป็นหนังสุดโปรดของเรา (บทความนี้ค่อนข้างมีความคิดเห็นส่วนตัว ซึ่ง 10 อันดับที่รวบรวมมา เป็นหนังโปรดของผู้เขียนเอง โปรดใช้จักรยานในการอ่าน ถถถถถ) เราคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าหนังแนวเดินทางข้ามเวลาเป็นอย่างไร แม้ในหนังจะมีเนื้อหาการข้ามเวลามากน้อยแค่ไหน หรือมาเป็นเพียงแค่หนังเดินทางในอวกาศอย่าง Contact ผมก็นับให้มันอยู่ในหมวดหมู่นี้…ผมว่าเราเข้าเรื่องกันเลยครับ “สิบหนังเล่นกับเวลาสูดโปรด”
ขอแปะเพจนิดนึงครับ ติดตามได้ที่ https://www.facebook.com/thetimelab
10 | MEN IN BLACK 3 (2012)
ไหนๆก็ไหนๆและ ขอทำภาพแบบคลาสสิคขาวดำย้อนยุคเลยละกัน 555 มาเริ่มที่อันดับ 10 กันเลยครับ , สุดยอดภาพยนตร์เกินจินตนาการ กับองค์กรปกป้องโลกจากมนุษย์ต่างดาวในชุดดำ มันคือภาพยนตร์ที่เราคุ้นเคยมาแต่เด็ก เนื้อเรื่องนี้ดำเนินยาวมาถึงภาค 3 ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการเดินทางข้ามเวลาเพื่อปกป้องโลก
ในเรื่องนี้ผมชอบตัวละครตัวหนึ่ง ที่สามารถมองเห็นทุกช่วงเวลาที่เกิดขึ้นหรือเป็นแค่ทางเลือกแต่ไม่ได้เกิดขึ้น เค้ามองเห็นหมด “กริฟฟิน” มนุษย์ต่างดาว สิ่งมีชีวิตในมิติที่ 5 สามารถมองเห็นเหตุการณ์ทุกช่วงเวลาไม่ว่าจะอดีต ปัจจุบันหรืออนาคต (ตัวสปอยล์ดีๆนี่เอง) ซึ่งในเนื้อเรื่องเขาก็มีบทบาทสำคัญในการช่วยปกป้องโลกด้วย
กลับมาที่คู่หูเอกฮาเก๋าของเราดีกว่า J (Will Smith) และ K (Tommy Lee Jones) โดยในเรื่อง (ขอสปอยล์เลยละกัน หนังนานแล้ว) K โดนเอเลี่ยนที่ชื่อบอริสย้อนเวลากลับไปฆ่าในอดีต และ J ก็ต้องย้อนเวลากลับไปช่วยคู่หูของเขา และการย้อนเวลาครังนี้ัทำให้ J รู้ที่มาของตัวเขาก่อนจะเข้า MIB ว่าทำไม K ถึงเลือก J
ส่วนตัวภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ทำค่อนข้างดีแล้วครับ สำหรับคนชอบไซไฟข้ามเวลาอย่างผม และด้วยความที่เป็นหนังที่ชอบมาตั้งแต่เด็ก ภาคนี้ผมก็เลยไม่ควรจะพลาด แม้เรทติ้งจะไม่ค่อยดีมากนัก แต่มันก็อยู่ใน 10 เรื่องที่ผมชอบ…
“หน่วยจารชนพิทักษ์จักรวาล”
9 | EDGE OF TOMORROW
“All you need is kill” สายนิยาย คงจะเคยได้ยินชื่อนี้ใช่มั๊ยครับ ใช่แล้วว Edge of tomorrow ถูกดัดแปลงมาจากนิยายนี้นี่เอง และก็มีมังงะด้วย วาดโดยอาจารย์ ทาเคชิ โอบาตะ ผู้วาด Death Note ซึ่งตัวเอกใน All you need is kill ในเวอร์ชั่นมังงะนี่มันไลท์ชัดๆ 555 หน้าเหมือนมาก จากที่ผมได้อ่านมังงะจบแล้ว ผมคิดว่ามังงะมันส์กว่าหนังมาก บางคนอาจบอกว่าหนังที่สร้างจากการ์ตูนญี่ปุ่นมักจะไม่ค่อยดี แต่ไม่ใช่กับเรื่องนี้แน่ครับ (ถึงผมจะบอกว่ามังงะมันส์กว่าก็ตาม555)
ผมเป็นคนไม่ชอบดูหนังสงคราม (ยกเว้น Fury ที่ผมเผลอไปหลงดู แล้วมันโดนใจจริงๆ) ซึ่งในเรื่อง Edge of tomorrow ก็มีการย้อนเวลา และมันก็ทำให้ผมดูเรื่องนี้จนได้ โดยโลกถูกเอเลี่ยนบุกที่เรียกว่า “มิมิค” จึงเกิดสงครามขึ้น และเพราะความโชคร้ายของพระเอกตาขาวของเรา William Cage (Tom Cruise) ทำให้เขาเข้าร่วมแนวหน้ากองทัพติดอาวุธทันสมัย และรบในสงคราม แต่ทว่าเขาตามในสนามรบ และจู่ๆก็พบว่าตัวเองย้อนเวลากลับมาเมื่อ 1 วันที่แล้วก่อนออกรบ เคจตายและย้อนเวลากลับมาที่เดิมทุกครั้ง (Loop) เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไรจนกระทั่งเจอกับนางเองของเรา Rita Vrataski (Emily Blunt) ผู้ซึ่งเคยผ่าน loop อย่างนี้เหมือนกัน ริต้าก็อธิบายว่าเพราะอะไรถึงติดอยู่ในลูป และต้องทำอย่างไรถึงจะหลุดจากลูป…
ฮอลลีวูดมักจะแป๊กกับหนังที่ดัดแปลงจากฝั่งเอเชีย แต่เรื่องนี้ไม่ใช่แน่นอน ยิ่งแนวไซไฟ เอเลี่ยนบุกโลกแล้ว ไม่พลาด ส่วนผมก็ชอบเรื่องนี้พอสมควร ติดอย่างเดียวไม่ค่อยปลื้มกับลุคของพระเอกสักเท่าไหร่ ผมกำลังคิดอยู่ว่าถ้าพระเอกออกชั่วๆนิดๆเหมือนมังงะจะเป็นยังไง 555
“ซูเปอร์นักรบดับทัพอสูร”
– เกิด ตาย วนเวียน…
8 | THE BUTTERFLY EFFECT (2004)
มาถึงหนังในดวงใจของใครหลายคน ถ้าถามว่ารู้จักหนังเกี่ยวกับการเดินทางข้ามเวลาเรื่องไหนบ้าง คำตอบที่จะได้มาซะส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องนี้ The butterfly effect หนังหลอนจิตหน่อย ออกแนวดาร์คๆ ที่จะทำให้เราได้เห็นความเห็นแก่ตัวของคน ที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆให้ได้ตามที่เราต้องการ…
ท้องเรื่อง (สปอยล์) อีแวน (Ashton Kutcher) มีความสามารถในการข้ามเวลาจากความทรงจำโดยมีไดอารี่เป็นตัวช่วยในการกระตุ้นอดีต ความสามารถนี้ได้มาจากพ่อของเขา เพราะว่าพ่อของเขาก็สามารถทำได้เหมือนกัน เมื่ออีแวนรู้ตัวว่าตนมีความสามารถนี้ เขาก็คิดที่จะเปลี่ยนอนาคตเพื่อที่จะได้อยู่กับนางเอก เคย์ลี่ (Amy Smart) แต่ทุกครั้งที่เปลี่ยน ตัวอีแวนเองหรือเคย์ลี่ จะแย่ลงเรื่อยๆ (คือแบบไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขซักที) เมื่อคนหนึ่งมีความสุข อีกคนหนึ่งจะทุกข์ ยิ่งเปลี่ยนอนาคตยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ อีแวนตระหนักถึงเรื่องนี้ จึงข้ามเวลาครั้งสุดท้ายไปตอนเด็ก และตัดปัญหาโดยการไม่ขอพบเจอเคย์ลี่อีกเลย ต่างคนต่างเดินทางตามของตัวเอง เอ็นดิ้ง…
หนังเรื่องนี้มีถึง 3 ภาค แต่ไม่แนะนำภาค 2-3 เป็นหนังแผ่น เนื้อเรื่องไม่ต่อกัน ภาคแรกดีที่สุดแล้วครับ ส่วนตัวปลื้มเรื่องนี้มากเลยทีเดียว (แต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่ปลื้มมากกว่า 555) มันสอนอะไรหลายๆอย่าง แฝงความตลกร้ายนิดๆ แนะนำหนังหลอนจิตเรื่องนี้เลย…
“เปลี่ยนตาย ไม่ให้ตาย”
7 | STAR TREK
เอาล่ะครับ ! ถึงคราวหนังคลาสสิคอย่าง ” star Trek ” ถ้าพูดถึงหนังที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเดินทางข้ามเวลาเรื่องนี้ผมก็จัดอยู่ในหมวดนั้นเหมือนกันครับ
เรื่องนี้มีเนื้อเรื่องที่ยาวมากครับ เพราะพี่แกควบทั้งซีรี่ส์ที่ฉายในทีวี 700 กว่าตอน และหนังอีก 12 ภาค โอ้แม้เจ้า !! แบบว่าถ้าคิดจะเสพตั้งแต่เนื้อเรื่องแรกๆ แนะนำให้หาอ่านเรื่องย่อดีกว่าครับ แต่ถ้าใครขยันและชอบก็ให้ดูไปเลยครับ ได้อรรถรสดี ฮ่าๆ
Star trek กล่าวถึงเหตุการณ์ในอนาคต ในปี ค.ศ.2063 เมื่อมนุษย์สามารถสร้างยาน ที่ท่องไปในอวกาศด้วยความเร็วแสง หรือการ “วาร์ป” นั่นเอง ทำให้มนุษย์สามารถติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวหลายเผ่าพันธ์ และได้มีการรวมตัวจัดตั้งเป็น “สหพันธ์ดวงดาว (United Federation of Planets)” ขึ้นเพื่อพิทักษ์จักรวาล (เว่อร์ๆ เอาเป็นรักษาสันติภาพดีกว่าครับ ) และแน่นอนครับ อุตส่าห์ วาร์ปได้แล้ว ไม่พลาดเรื่องการสำรวจอวกาศ และอารยธรรมต่างดาว…
โดยในซีรี่ส์นี้ก็น่าจะมีอยู่ 2 ภาคที่มีการเดินทาข้ามเวลาคือ Star Trek IV: The Voyage Home (1986) และ Star Trek (2009) นอกจากนั้นอาจจะมีอีก เพราะผมยังดูไม่ครบทุกภาคเลย ต้องขออภัย (ใครเป็นแฟนบอยก็ช่วยบอกหน่อยนะครับ) ส่วนตัวชอบเรื่องนี้มากๆครับ ถ้าจัดอันดับไซไฟข้ามอวกาศ เรื่องนี้คงเป็นอันดับต้นๆสำหรับผม
“Live long and Prosper”
6 | LOOPER (2012)
การเดินทางข้ามเวลายังไม่ถูกสร้างขึ้น แต่อีก 30 ปีจากนี้ มันจะถูกสร้างขึ้นแน่นอน มันจะกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมายในทันที มีแต่องค์กรอาชญากรรมระดับใหญ่ ที่แอบใช้บริการ ในอนาคตการกำจัดศพแทบจะทำไม่ได้เลย เพราะมีอุปกรณ์ติดตามตัวและกฎมากมาย พวกองค์กรอาชญากรรมเหล่านี้จะกำจัดใคร จึงจำเป็นต้องใช้นักฆ่าอาชีพยุคนี้ ที่เรียกกันว่า “Looper”
Looper รับจ้างฆ่าคนจากโลกอนาคต นั่นรวมถึงตัวเองจากโลกอนาคตอีกด้วย เมื่อตัวเองจากโลกอนาคตถูกส่งมาให้ตัวเองจากโลกอดีตฆ่า ตนจากโลกอดีตจะได้รับเงินก้อนโต แล้วใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในอีก 30 ปีข้างหน้า จากนั้นก็จะถูกส่งมาให้ตัวเองในอดีตฆ่าอีกที เกิดเป็นลูปไปเรื่อยๆ
หนังสะท้อนความเห็นแก่ตัวของคนที่ต้องการจะปกป้องคนรัก แต่มันอาจจะมอบความเลวร้ายให้ใครอีกคน และมันจะกลับมาทำร้ายตัวเราเอง ถ้าใครชอบหนังของพ่อคนอึด เรื่องนี้ไม่ควรพลาดนะครับ ส่วนตัวไม่ค่อยชอบภาพ มุมกล้องสักเท่าไหร่ แต่ก็ ok ดีครับ พล็อตเรื่องแปลกๆตามสไตล์ของหนังข้ามเวลา…
“ผมเห็นแม่ที่ยอมตายเพื่อลูก ชายที่ยอมฆ่าเพื่อเมีย เด็กน้อยที่โกรธเกรี้ยวและว้าเหว่ เส้นทางเลวร้ายปูรอเค้าอยู่ แล้วเส้นทางก็หมุนวนเป็นวัฏจักร ผมเลยเปลี่ยนมันซะ”