กำลังจะแต่งงานค่ะ ขอคำปรึกษานิดนึงนะคะ ใครที่แต่งแล้วหรือกำลังจะแต่งแชร์ข้อมูลกันค่ะ ><

เราจะแต่งงานปีหน้าค่ะ อยากรู้ว่าควรจะเริ่มอะไรยังไง
ตอนนี้หาสถานที่กับร้านเช่าชุด   เรามีคำถามเยอะมากค่ะะ
1 เราสนใจสถานที่จัดงานที่นึง รวมค่าอาหารแบบบุฟเฟ่แล้วเราต้องถามว่า
- ค่าบุฟเฟ่หัวละเท่าไหร่ ?
- เวลาจัดงานกี่โมง ถึงกี่โมง ?
- อาหารมีอะไรบ้าง ?
- มัดจำเท่าไหร่ ?
- มีบริการอะไรบ้าง ?
- เครื่องดื่มคิดยังไง ?
** แล้วเราต้องถามข้อมูลอะไรเพิ่มอีกมั้ยคะ เวลาเพื่อนๆได้สถานที่แล้วได้สอบถามอะไรเพิ่มเติมอีกมั้ยที่เราจำเป็นต้องรู้ ก่อนจ่ายเงิน**

2 เรื่องชุดแต่งงานค่ะ
- เราลองชุดที่ร้านแล้วถ้าไม่ถูกใจมีวิธีพูดยังไงให้ดูไม่น่าเกลียดคะ
- แล้วเราจะได้ชุดวันไหน ได้ก่อนวันงานกี่วันคะ
- ควรจะไปลองชุดก่อนถึงวันแต่งกี่วันหรือกี่เดือนคะ
- เพื่อนๆเช่าชุดกันราคาเท่าไหร่คะ เราไม่รู้เลยว่ามันควรจะราคาเท่าไหร่ชุดแต่งงานชุดนึง 5555
** ถ้าเราเจอชุดที่ใช่ถูกใจแล้ว เราต้องทราบข้อมูลอะไรบ้างคะก่อนจ่ายเงิน

3 เรื่องถ่ายภาพวันงาน
- คนถ่ายภาพเค้าจะส่งไฟล์ให้เราทั้งหมดมั้ยคะ
- ส่วนใหญ่เค้าจะแต่งรูปให้เราปะคะหรือเราต้องมาแต่งเอง
- มีช่างภาพแนะนำหลังไมค์มาได้ค่ะ

รบกวนหน่อยนะคะอาจจะถามงงๆ เพราะเรากลัวอะค่ะ กลัวจ่ายเงินแล้วพลาดอะไรที่ไม่รู้ อยากได้ข้อมูลแน่นๆค่ะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ขอตอบในฐานะช่างภาพเวดดิ้งนะครับ

ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่าคุณมาถูกทางแล้วครับที่เริ่มต้นหาข้อมูลแต่เนิ่น ๆ แนะนำว่าหลัก ๆ ที่ควรติดต่อไว้ก่อนเลยอย่างน้อย 3-4 เดือนก่อนวันจัดงานคือ
1.สถานที่และอาหาร
2.การ์ดและของชำร่วย
3.หากใช้ออการไนซ์หรือแพลนเนอร์ในการจัดงานควรคุยรายละเอียดและสอบถามความคืบหน้าเป็นระยะ ๆ
4.หากให้ความสำคัญกับช่างภาพและช่างวิดีโอควรเริ่มต้นขอดูพอร์ทงานและคุยรายละเอียด ยิ่งหากต้องการถ่ายภาพพรีเวดดิ้งควรเตรียมถ่ายแต่เนิ่น ๆ ครับ

ทั้งนี้หากจัดงานในช่วงที่เป็นมหาฤกษ์แล้ว ทั้ง 4 สิ่งที่กล่าวมาหากไม่มีการเตรียมการจองไว้แต่ล่วงหน้าอาจไม่ได้ถูกใจ หรือสะดวกสบายเท่าที่ควรครับ(ช่วงฤกษ์มงคลที่คนนิยมจัดงานสมรสมักอยู่ในช่วงปลายปี-ต้นปี และช่วงเดือนพฤษภาคมครับ)

มาถึงคำถามที่ถามมาบ้าง
1. เรื่องสถานที่จัดและอาหาร
     ต้องดูว่าที่ไหนครับ ส่วนใหญ่มักเลือกจัดในสถานที่ใกล้บ้านหรือเดินทางสะดวก หากเป็นโรงแรมจะมีฝ่ายจัดเลี้ยงและสถานที่พร้อมสรรพตามระดับของโรงแรมซึ่งสามารถคุยรายละเอียดกับเซลของทางโรงแรมได้เลยครับ
     หากเป็นพวกร้านอาหารต้องคุยเรื่องเมนู จำนวน ซึ่งจะมีให้เลือกตามงบประมาณ และความเหมาะสม
     หรือหากเป็นพวกสโมสร ห้องจัดเลี้ยง เรือนไทยให้เช่า ต่าง ๆ พวกนี้จะมีรายละเอียดให้อยู่แล้วครับ

สิ่งที่ต้องคุยรายละเอียดคือ(ขอแยกเรื่องสถานที่และอาหารออกจากกันนะครับ เพราะบางกรณีใช้คนจะเจ้ากัน)
   -สถานที่ ควรพิจารณาจาก
1.ทำเลที่ตั้ง ที่จอดรถ (ควรพิจารณาเรื่องกลางแจ้งหรือในร่มด้วยครับ หากเป็นกลางแจ้งควรมีแผนสำรองในกรณีฝนตกไว้เผื่อด้วย)
2.พื้นที่ในการจัดงานต่อปริมาณของแขกที่จะมาร่วมงาน
3.การประดับตกแต่งในงาน(บางที่จะมีส่วนของการทำแบ็คดรอปหรือซุ้มถ่ายภาพให้ด้วย บางที่ไม่มีครับ) วงดนตรี ฯลฯ
4.ห้องน้ำ(อาจเป็นเรื่องเล็ก ๆ แต่ส่งผลต่อความรู้สึกค่อนข้างมากครับ จากที่เห็นมาในหลาย ๆ งาน)
5.ประสบการณ์จัดงานแต่ง บางสถานที่จัดงานแต่งค่อนข้างบ่อย พนักงานจะมีความคุ้นเคยในเรื่องการบริการเป็นอย่างดี บางสถานที่เพิ่งเคยจัดอาจบริการไม่ทั่วถึง

     เมื่อพิจารณาข้อมูลข้างต้นแล้ว จะตัดตัวเลือกออกไปจนเหลือเพียง 1-3 ตัวเลือก ให้เข้าไปคุยรายละเอียดต่าง ๆ ครับ เช่นเวลาในการใช้ บริการอื่น ๆ อย่างพวกดนตรี การประดับตกแต่ง อาหาร หรืออื่น ๆ ซึ่งหากใช้บริการของสถานที่เองอาจต่อรองเรื่องราคาค่าใช้จ่ายได้ค่อนข้างง่ายกว่าครับ

   -อาหารและเครื่องดื่ม หากจัดแบบบุฟเฟ่ ควรพิจารณาดังนี้ครับ
1.รสชาติ อันนี้ต้องลองชิมเอง ว่าถูกปากถูกใจหรือไม่
2.รายการอาหาร มีอะไรบ้าง กี่เมนู
3.ปริมาณอาหารต่อจำนวนแขก สถานที่ๆมีการจัดงานเลัยงบ่อยๆ จะมีการคำนวนปริมาณอาหารที่ค่อนข้างเหมาะสมกับจำนวนแขกที่แจ้งไว้ครับ แต่สถานที่ที่เพิ่งเปิดใหม่ ๆ อาจคำนวนไม่ค่อยถูก(เคยเจอบางงานทำอาหารขาดไปเป็นจำนวนมาก) ตรงจุดนี้ต้องคุยรายละเอียดด้วยครับว่าหากแขกมาเกินจากจำนวนที่แจ้งไว้ จะสามารถเพิ่มเติมได้ขนาดไหน ใช้งบประมาณเท่าไหร่
4.ระยะเวลาในการเสริฟอาหาร เริ่มกี่โมง จบกี่โมง ทิ้งช่วงเวลาต่อเมนูนานแค่ไหน (ตรงจุดนี้เราสามารถปรับเปลี่ยนได้แต่ต้องมีการตกลงกับทางคนทำก่อน)

     ทั้งสองเรื่องหากให้บริการจากเจ้าเดียวกันจะสามารถลงรายละเอียดและต่อรองราคาได้ง่ายกว่าใช้คนละเจ้า แต่อาจไม่ได้ถูกใจไปซะหมดครับ และหากใช้บริการคนละเจ้ากันต้องคอยคุมเรื่องรายละเอียดต่าง ๆ ให้ดี เพราะบางทีอาจมีกรณีสื่อสารผิดพลาดได้ครับ

2. ชุดแต่งงาน
     
     เรื่องชุดนี่สามารถหาดูได้ตามร้านเลยครับ ทั้งแบบ งบประมาณ จะเป็นเช่าตัด เช่าซื้อ หรือสั่งตัดก็ตามสะดวกได้เลยครับ
สำหรับรายละเอียดเรื่องชุดควรพิจารณาตามนี้ครับ

1.ตัดสินใจก่อนว่าจะเป็นชุดแบบไหน ชุดไทย จีน สากล บางครั้งอาจเป็น งานพิธีเช้าชุดนึง งานฉลองมงคลสมรสเย็นอีกชุดนึง ปาร์ตี้อีกชุดนึง หรืออาจจบแค่ชุดสากลชุดเดียวก็ได้หากเป็นงานที่เรียบง่ายกระทัดรัด
2.ตัดสินใจให้ได้ว่าจะใช้แบบไหน เช่าซื้อ เช่าตัด หรือสั่งตัด หากเป็นแบบที่นิยมทั่ว ๆ ไป และบ่าวสาวมีขนาดร่างกายตามมาตรฐานเฉลี่ยของคนไทยก็หาได้ไม่ยากครับ ขึ้นอยู่กับความพอใจเลย แต่หากตัวเล็กหรือใหญ่กว่าปกติ อาจต้องวัดตัวตัดหรืออาจต้องวิ่งหาจากหลายที่หน่อยในกรณีเช่า
3.แบบ อันนี้ตามชอบใจและงบประมาณเลยครับ แต่ส่วนใหญ่ถ้าเป็นชุดไทยกับชุดสากลจะค่อนข้างคล้ายคลึงกัน ต่างกันที่เนื้อผ้าและราคา ที่แต่ละที่อาจมีความแตกต่างกันไป ต้องลองหาข้อมูลหรือไปลองดูเองครับ

     เมื่อมีทั้งสามข้อที่คิดไว้ในใจแล้วก็ต้องเริ่มหาครับ ตามร้านต่าง ๆ ให้เข้าไปคุยได้เลยครับ หากถูกใจก็คุยรายละเอียดกันได้เลย
เรื่องลองชุดและไม่พอใจก็สามารถบอกได้เลยครับ เพราะหากเกรงใจอาจไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ ที่สำคัญควรทำใจให้แน่วแน่ เพราะหลาย ๆ ร้านจะมีการเชิญชวน หว่านล้อมพอสมควร

     เมื่อได้ร้านที่ถูกใจแล้ว ให้คุยรายละเอียดก่อนเซ็นสัญญาและมัดจำครับ จะให้ดีรายละเอียดพวกนี้ควรมีในสัญญาด้วยยิ่งดี
1. หากเป็นกรณีเช่าตัดหรือสั่งตัด ควรมีรายละเอียดในการแก้ไข ขนาด/แบบ ของชุด ทั้งเรื่องของระยะเวลาในการแก้ไข และรายละเอียดในการแก้ไขแต่ละครั้ง
2.การลองชุดควรลองตั้งแต่ 1-2 เดือนก่อนวันงานหากเป็นกรณีเช่าตัดหรือสั่งตัดอาจต้องเผื่อเวลามากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับทางร้านด้วยครับ แต่ละร้านมีมาตรฐานไม่เท่ากัน ทั้งนี้ทั้งนั้นการแก้ไข(หากมี) ครั้งสมบูรณ์ ควรเสร็จสิ้นก่อนวันงานอย่างน้อย 2 สัปดาห์ครับเผื่อมีเหตุสุดวิสัยเกิดขึ้น และเวลาที่ควรไปรับชุดได้ควรอยู่ที่ 1-2 สัปดาห์ก่อนวันงาน
3. ราคาชุด มีหลายราคามากครับ ขึ้นอยู่กับธีม แบบ เนื้อผ้า และร้าน จากประสบการณ์เคยเจอทั้งแบบราคาหลักร้อย(ซื้อผ้ามาตัดเย็บเอง) ถึงหลักแสนครับ ควรเข้าไปลองดูจากหลาย ๆ ที่ หลาย ๆ ร้านแล้วทำการเลือกตามความเหมาะสมกับตัวคุณเอง
4.เมื่อครบถ้วนหมดทุกอย่างตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้วก็คุยเรื่องสัญญาเลยครับ ทั้งเรื่องการวางมัดจำ การจ่ายเงิน การแก้ไข ระยะเวลาที่ได้ชุด ระยะเวลาที่ต้องส่งคืนชุด ตามนี้ครับ

3. เรื่องการถ่ายภาพวันงาน

จุดนี้ หากมีการถ่ายพรีเวดดิ้งกับร้าน ส่วนใหญ่จะมีแพคเกจให้นะครับ บางแพคเกจจะรวมการถ่ายภาพวันงานไว้ด้วย แต่อาจมีการสอดไส้ หมกเม็ด โดยการส่งช่างภาพคนอื่นมาแทน ไม่ใช่คนที่เลือกไว้ หรือลดต้นทุนโดยการจ้างเด็กหัดถ่ายมาดังเคสที่เคยเป็นกรณีในพันทิพย์นี้หลาย ๆ เคส (ไม่ใช่ทุกร้านนะครับ ร้านดี ๆ บริการดี ราคาคุ้มค่าก็มีเยอะ) ซึ่งในแพคเกจพวกนี้จะบอกรายละเอียดไว้ค่อนข้างมาก ต้องไล่อ่านให้ละเอียดครับ จะได้ถูกใจ

     หากเป็นช่างภาพฟรีแลนต์ที่รับงานทั่วไป ก็ให้ลองเลือกจากผลงานดูครับ อาจจะหาได้ตามเว็บบอร์ด หรือเฟสบุ๊คหรือถามเอาจากคนที่รู้จัก(มักจะแน่นอนกว่า เพราะจะเคยเห็นวิธีการทำงานและผลงานกันมาแล้ว) อาจขอดูพอร์ทงาน นัดคุยรายละเอียด ค่าใช้จ่าย ระยะเวลาส่งงาน สิ่งที่จะได้กับช่างภาพได้โดยตรงครับ

- คนถ่ายภาพเค้าจะส่งไฟล์ให้เราทั้งหมดมั้ยคะ
     ในกรณีวันงานคงไม่ทั้งหมดทุกรูปที่กดชัตเตอร์ครับ เพราะมันมีจังหวะที่ควบคุมไม่ได้อย่างกรณีแสงฟอลโลว์ จังหวะกระพริบตา อ้าปาก ซึ่งตรงจุดนี้หากเป็นช่างภาพที่มีประสบการณ์จะมีการเก็บภาพเผื่อ แต่สำคัญคือรูปที่ได้จะต้องครบตามลำดับเหตุการณ์ครับ ไม่มีหายไปช่วงใดช่วงหนึ่ง

- ส่วนใหญ่เค้าจะแต่งรูปให้เราปะคะหรือเราต้องมาแต่งเอง
     ถ้าเป็นจากแพคเกจของสตูฯ อาจมีการแต่งแบบพิเศษหรือไม่มีก็ได้ครับ แต่ส่วนใหญ่ช่างภาพจะไม่แต่งให้จะแค่ปรับแสงสีให้ดูดีและ/หรือใกล้เคียงกับความเป็นจริงที่สุดครับ

     หากเป็นช่างภาพอิสระก็จะมีรูปแบบของตัวเองหรือของทีม ในการแต่งภาพครับ หรืออย่างน้อยที่สุดภาพที่ได้ควรมีการปรับแสง สี ขั้นพื้นฐานมาให้ ไม่มืดไปหรือสว่างไป ตรงจุดนี้เป็นความรับผิดชอบขั้นต้นของช่างภาพครับ ส่วนโทนสีแบบพิเศษ ขึ้นอยู่กับแต่ละคน

ข้อแนะนำ หากมีงบประมาณเพียงพออยากให้จ้างอย่างน้อยสัก 2 คนครับ สำหรับภาพนิ่ง จะได้มุมภาพที่ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นมุมพิธีการ หรือมุมแคนดิด เพราะช่างภาพต่อให้เก่งหรือขยันแค่ไหน คนเดียวก็ไม่อาจแยกถ่ายในสองมุมได้ในเวลาเดียวกันครับ

ป.ล. ยาวหน่อย แต่ก็มาจากประสบการณ์จริงที่ผมผ่านมาหลักร้อยคู่ ทั้งจากมุมมองของช่างภาพและคนช่วยวางแผนจัดงานครับ ขอบคุณที่อ่านจนจบ หากมีอะไรสงสัย สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้หลังไมค์นะครับ ยินดีตอบเท่าที่มีความรู้และประสบการณ์ครับผม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่