[CR] ສະບາຍດີ 2015 เลย-หลวงพระบาง-เวียงจันทร์

      ສະບາຍດີ 2015 เลย-หลวงพระบาง-เวียงจันทร์




[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/CameraPaPai/

      หลังจากแอบใช้ข้อมูลคนอื่นใน pantip ในการเดินทางมามาก เลยเลยขอรีวิวแบ่งปันการเดินทางกับเขาบ้าง เริ่มจากการเดินทางไปหลวงพระบางที่เพิ่งกลับมา รีวิวครั้งแรกผิดพลาดยังไงต้องขออภัยด้วย
      รีวิวนี้ขอเน้นเรื่องวิธีเดินทางกับเกร็ดเล็กๆน้อยที่หลวงพระบางเป็นหลักนะครับ อาจไม่ได้เรียงตามเวลาที่เดินทาง ความจริงไปหลวงพระบางมาหลายครั้งแล้วเลยอยากลองหาวิธีเดินทางในเส้นทางที่ยังไม่เคยไปดูบ้าง ครั้งนี้หวยเลยมาออกที่ ไปทางเลย-หลวงพระบาง-เวียงจันทร์ ลองไปทางนี้ดูดีกว่าและเป็นเส้นทางที่ยังไม่มีคนเขียนถึงมากนัก
      
**โดยแพลนคร่าวๆไว้ว่า จะไปค้างหลวงพระบาง 3 คืนแล้วค้างเวียงจันทร์ 2 คืน บนรถอีก 2คืน(ชม-เลย/หลวงพระบาง-เวียงจันทร์)


เชียงใหม่-เลย
       ผมเริ่มเดินทางจากเชียงใหม่เพราะบ้านอยู่ที่นี่นี่เอง และจากเชียงใหม่ไปเลยนี่ก็ไม่มีรถทัวร์โดยตรง เลยต้องอาศัยการไปด้วยรถ เชียงใหม่-อุดร หรือเชียงใหม่-นครพนม เพื่อไปลงระหว่างทางที่เลย ครั้งนี้ได้ตั๋วรถ เชียงใหม่-นครพนม ในราคา 485 บาท รถออก 19.30 น.(ซึ่งเร็วเกินไป) มาถึงขนส่งเลยตอนตี 3 รอกันหงิกเลยกว่าจะเช้า

เลย-หลวงพระบาง

       ถึงสถานีขนส่งเลยตอนตีสาม โชคดีไม่ต้องนั่งรอที่ขนส่งจนเช้า เพราะน้องชายของแฟนทำงานอยู่ที่เลย มารับไปนอนที่บ้านและมาส่งที่ขนส่งตอนเช้า 7.30 น. กลับมาเอาตั๋วที่ขนส่ง(ที่จองไว้ทางโทรศัพท์)คนเยอะทีเดียว ขั้นตอนก็ไม่มีอะไรมากยื่นPassport แล้วรอรับตั๋วได้เลย เจอพี่ๆหลายๆคนไม่ได้จองตั๋วมาก่อนต้องนั่งเก้าอี้เสริมไปจนถึงหลวงพระบาง(เก้าอี้พลาสติกกลมๆ) เห็นแล้วเมื่อยแทนเลยเพราะรถ เลย-หลวงพระบางมีแค่รอบ 8.00 น.รอบเดียวเท่านั้น แนะนำเลยว่าถ้ามาช่วงหยุดยาวควรโทรจองตั๋วไว้ก่อน (เบอร์สำหรับจองตั๋ว 042-811-706)

  
          ได้ตั๋วขึ้นรถเสร็จกว่ารถจะได้ออกจริงๆก็ปาเข้าไป 9.00 น. แถมผู้โดยสารตั๋วเสริมเต็มคัน ทั้งนั่งโต๊ะพลาสติกและนั่งกับพื้น ชั่วโมงนึงรถก็วิ่งมาถึงด่านที่ท่าลี่ทำเรื่องผ่านแดนตามปกติ คนที่ด่านน้อยมากแม้จะเป็นวันหยุดยาว แต่เจ้าหน้าที่ทั้งฝั่งไทยและลาวก็ทำงานช้ามากเช่นกัน คือช้าสุดตั้งแต่เคยเจอมาทีเดียว รถขับมาเรื่อยๆทางช่วงแรกค่อนข้างดีเลยทีเดียวท่าเทียบกับถนนเส้นไปวังเวียง
          14.30 ก็แวะพักให้ทานข้าวที่ อ.น้ำปุย เอาตั๋วแลกอาหารได้ 1 จาน ข้าวหรือเฝอก็ได้ เส้นทางนี้ถือว่าโค้งไม่เยอะมากคนที่เมารถง่ายๆมาทางนี้จะสะดวกเลย รถแวะส่งคนที่ ไชยะบุรี แล้วก็มาถึงขนส่ง (ระหว่างประเทศ) หลวงพระบางตอน 19.00 น. พอดี 10 ชั่วโมงเต็มๆ 555+

หลวงพระบาง

            ลงจากรถก็เหมือนทุกที่พี่ๆสามล้อก็มารุมเหมือนคนดัง ต่อราคาเข้าเมืองได้คนละ 15,000 กีบ (60บาท) มีคนอื่นๆนั่งมาด้วยทั้งหมด 8 คน ** คนที่มีเวลาน้อยและจะกลับทางเดิมควรรีบเดินมาซื้อตั๋วไว้ก่อนนะครับ ที่ขายตั๋วก็อยู่หน้าขนส่งที่มาลงติดกับถนนนั่นเอง ส่วนคนที่จะซื้อตั๋วไปวังเวียงหรือเวียงจันทร์ก็ข้ามถนนไปซื้อที่ขนส่งฝั่งตรงข้ามได้เลย ถูกกว่าไปซื้อในเมืองแน่นอน (ขนส่งในประเทศ / ระหว่างประเทศ อยู่ตรงข้ามฝั่งถนนกัน)**
            นั่งสามล้อมาลงหน้าร้าน joma หาที่พักเอาแถวๆนี้  ซึ่งที่พักนี่สไตล์ใครสไตล์มันเลยนะครับมีให้เลือกหลากหลายราคา ปกติผมก็พักราคา 500-800 นี่ละ แนะนำว่ามาหลวงพระบางนี่ถ้าไม่ใช่ ปีใหม่/สงกรานต์ ไม่ต้องจองที่พักมาหรอกครับเพราะราคาที่จองในเว็บแพงกว่า เดินเลือกและขอดูห้องเอาได้

มุมมองจากบนพูสี


เที่ยวหลวงพระบาง

ที่เที่ยวหลักๆในหลวงพระบางก็แบ่งหลักๆ เป็นนอกเมืองกับในเมือง ละกันน่าจะนึกภาพได้ง่าย

ในเมือง
       สำหรับที่เที่ยวในเมืองก็จะเป็นพวกตลาดเช้า วัดวาอารามต่างๆ ซึ่งสามารถเดินเที่ยว/ขี่จักรยาน เที่ยวได้สบายๆ **ค่าเช่าจักรยานวันละ 15,000 กีบ (60 บาท) ***ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซต์วันละ 110,000 (440 บาท +) ขึ้นไปแล้วแต่ขนาด ซึ่งที่เที่ยวและกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด แบบมาถึงหลวงพระบางแล้วต้องมาก็คือ
-    วัดเชียงทอง 20,000 กีบ (80 บาท) **เข้าได้หลายรอบใน 1 วัน** วัดอื่นๆในเมือง ยกเว้นวัดใหม่ฯ วัดวิชุน เข้าชมได้ไม่เสียค่าเข้า
-    พิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง 30,000 กีบ (120 บาท)
-    พระธาตุพูสี ค่าเข้า 20,000 กีบ (80 บาท)
-    ตลาดเช้า / ตลาดกลางคืน (กาดมืด)
-    ใส่บาตรข้าวเหนียว

บรรยากาศตลาดตอนเช้า


ตลาดกลางคืน


วัดเชียงทอง
          
       สร้างราว พ.ศ.2102 – 2103 โดยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช พระมหากษัตริย์ผู้ครองอาณาจักรล้านนา และ ล้านช้าง โดยสร้างก่อนที่พระองค์จะย้ายเมืองหลวงไปยังเมืองเวียงจันทร์ไม่นานนัก วัดนี้ยังเป็นวัดที่ไม่ถูกเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ ในพ.ศ.2430
           วัดเชียงทองเป็นวัดที่งดงาม ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นอัญมณีแห่งสถาปัตยกรรมลาว สิม (วิหาร) ของของวัดเชียงทองเป็นสิมแบบหลวงพระบางแท้ ๆ หลังคาซ้อน 3 ตับ ดัดอ่อนลาดต่ำมาก กลางสันหลังคามีช่อฟ้า รูปเขาพระสุเมรุและเขาสัตบริภัณฑ์ล้อมรอบ 7 ชั้น บนหลังปลาอานท์ เป็นรูปแบบกาจำลองจักรวาลคติทางพุทธศาสนา ผนังของสิม ประดับลายฟอกคำ (ลายรดน้ำปิดทองบนพื้นสีดำ) ด้านหลังสิม เป็นภาพประดับกระจกสีชิ้นเล็ก ๆ รูปต้นทอง
       หอไหว้น้อย อยู่ด้านขวาของสิม ด้านในประดิษฐานพระพุทธรูปปางห้ามญาติที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานให้แก่เจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ เมื่อ พ.ศ. 2502 องค์พระสูงพอดีกับหลังคาหอไหว้ เนื่องจากมีการวัดและคำนวนในการหล่อพระเพื่อมาประดิษฐานที่หอไหว้แห่งนี้เป็นอย่างดี
       หอไหว้สีกุหลาบ ผนังด้านนอกประดับกระจกสี เป็นวรรณกรรม เรื่อง ท้าวเสียวสวาท (เนื้อเรื่องคล้ายคลึงกับเรื่องศรีธนญชัย) ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปหลายองค์ องค์ที่เก่าแก่มากที่สุดคือ พระสำริดปางไสยาสน์ อายุกว่า 400 ปี ที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช
       หอไหว้ใหญ่ด้านหลังสิม ผนังด้านนอกประดับกระจกสีอย่างสวยงามเช่นเดียวกับหอไหว้สีกุหลาบและด้านหลังสิม ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญอีกองค์หนึ่งของหลวงพระบาง คือ “พระม่าน” หอไหว้หลังนี้จะปิดกุญแจไว้ตลอดเวลา โดยจะนำพระม่านออกมาปีละ 1 ครั้งในวันสงกรานต์ แต่สามารถชมพระม่านได้ผ่านช่องเล็ก ๆ ที่บานประตู โดยพระม่านคือ พระองค์เล็ก ปางห้ามญาติที่อยู่ด้านหน้าสุด
       หอราชโกสเจ้ามหาชีวิต สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2505 ผนังประดับด้านลวดลายแกะสลักเรื่อง รามเกียรติ์ ที่งดงามมากโดยเฉพาะบานประตูทางเข้าที่แกะสลักเป็นรูปนางสีดาลุยไฟ เป็นผลงานของ เพียตัน (เพีย แปลว่าพระยา) นายช่างใหญ่ประจำราชสำนัก

วัดเชียงทอง
ชื่อสินค้า:   หลวงพระบาง-เวียงจันทร์
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่