คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
1) ก็เน้นลดหย่อนภาษีเป็นหลักกันไงคะ แล้วไม่ใช่ทุกคนที่จะดูเรโชเป็น พื้นฐานความรู้ทางด้านการลงทุนก็ไม่เท่ากัน ตัวผลตอบแทนมันก็เป็นสิ่งกระตุ้น เรื่องความคาดหวังว่า perfomance กองมันจะดีไปจนถึงตอนที่เราจะขายด้วย
***ความเห็นส่วนตัวหมดเลยค่ะ อย่าเชื่อมาก ข้อนี้ไม่รู้เหมือนกัน***
2) ลองดูเว็บ Wealthmagik รึยังคะ น่าจะใช้ได้นะ
3) ค่าใช้จ่ายมี 2 ส่วน คือ
1.หักโดยตรงจากผู้ถือหน่วย
2.เรียกเก็บจากกองทุน ดูตรง total expense ซึ่งเลข NAV ที่โชว์หน้าเว็บ มันรวมค่าทำเนียนไปแล้วค่ะ 555+
รวมๆที่เราต้องจ่ายก็คงประมาณนั้น
4) ขึ้นกับตลาดที่กองไปลงทุนค่ะ ไม่มีกองไหนดีเลิศตลอดไปหรอก ไม่มีใครรู้อนาคตด้วย เพราะงั้นดูกองที่มัน perform แล้วนโยบายลงทุนถูกใจตามความเสี่ยงที่รับได้ดีกว่า
เราสามารถสับเปลี่ยนกองที่ถือไปกองอื่นในประเภทเดียวกันได้ แล้วก็โอนย้าย บลจ.ได้ หรือขายไปซื้อกองใหม่ก็ได้ คืออย่าทำให้ผิดเงื่อนไขลดหย่อนเท่านั้น
5) ก็มันเป็นเครื่องมือลดหย่อน ถ้าคุณไม่ซื้อ คุณก็ไม่ได้ลดหย่อนถูกมั้ย? แล้ว P/E มันก็ไม่ใช่ทั้งหมดของการเลือกหุ้นเข้าพอร์ตค่ะ ผจก.กองทุน เขามีเครื่องไม้เครื่องมือ+กลยุทธ์ที่ใช้คัดเลือกหุ้นมากกว่าการดูแค่ P/E อยู่แล้ว โฟกัสกับ P/E มากไป คุณอาจจะพลาดอะไรดีๆไปมากมายก็เป็นได้
6) asset allocation มันคือการจัดสัดส่วนพอร์ตลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนตามที่ต้องการ ผ่านสินทรัพย์หลายๆตัว ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่มีตัวไหนที่จะทำผลตอบแทนเปรี้ยงตลอดทุกปี มันแล้วแต่ปี แล้วแต่เทรนด์เศรษฐกิจโลกค่ะ และมันยากตรงนี้แหละว่าจะจัดพอร์ตยังไงให้ผลตอบแทนได้ตามที่ต้องการ
สรุป...จัดพอร์ตแยกดีมั้ยคะ พอร์ตนึงเป็น L/R ไปเลย อีกพอร์ตก็เป็น asset อย่างอื่น อันนี้ลองเสนอความเห็นเฉยๆ
จริงๆถ้าคิดเองคนเดียวไม่ตก ให้นักวางแผนการเงินส่วนบุคคลช่วยคิดอีกแรงก็น่าจะดีนะคะ
***ความเห็นส่วนตัวหมดเลยค่ะ อย่าเชื่อมาก ข้อนี้ไม่รู้เหมือนกัน***
2) ลองดูเว็บ Wealthmagik รึยังคะ น่าจะใช้ได้นะ
3) ค่าใช้จ่ายมี 2 ส่วน คือ
1.หักโดยตรงจากผู้ถือหน่วย
2.เรียกเก็บจากกองทุน ดูตรง total expense ซึ่งเลข NAV ที่โชว์หน้าเว็บ มันรวมค่าทำเนียนไปแล้วค่ะ 555+
รวมๆที่เราต้องจ่ายก็คงประมาณนั้น
4) ขึ้นกับตลาดที่กองไปลงทุนค่ะ ไม่มีกองไหนดีเลิศตลอดไปหรอก ไม่มีใครรู้อนาคตด้วย เพราะงั้นดูกองที่มัน perform แล้วนโยบายลงทุนถูกใจตามความเสี่ยงที่รับได้ดีกว่า
เราสามารถสับเปลี่ยนกองที่ถือไปกองอื่นในประเภทเดียวกันได้ แล้วก็โอนย้าย บลจ.ได้ หรือขายไปซื้อกองใหม่ก็ได้ คืออย่าทำให้ผิดเงื่อนไขลดหย่อนเท่านั้น
5) ก็มันเป็นเครื่องมือลดหย่อน ถ้าคุณไม่ซื้อ คุณก็ไม่ได้ลดหย่อนถูกมั้ย? แล้ว P/E มันก็ไม่ใช่ทั้งหมดของการเลือกหุ้นเข้าพอร์ตค่ะ ผจก.กองทุน เขามีเครื่องไม้เครื่องมือ+กลยุทธ์ที่ใช้คัดเลือกหุ้นมากกว่าการดูแค่ P/E อยู่แล้ว โฟกัสกับ P/E มากไป คุณอาจจะพลาดอะไรดีๆไปมากมายก็เป็นได้
6) asset allocation มันคือการจัดสัดส่วนพอร์ตลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนตามที่ต้องการ ผ่านสินทรัพย์หลายๆตัว ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่มีตัวไหนที่จะทำผลตอบแทนเปรี้ยงตลอดทุกปี มันแล้วแต่ปี แล้วแต่เทรนด์เศรษฐกิจโลกค่ะ และมันยากตรงนี้แหละว่าจะจัดพอร์ตยังไงให้ผลตอบแทนได้ตามที่ต้องการ
สรุป...จัดพอร์ตแยกดีมั้ยคะ พอร์ตนึงเป็น L/R ไปเลย อีกพอร์ตก็เป็น asset อย่างอื่น อันนี้ลองเสนอความเห็นเฉยๆ
จริงๆถ้าคิดเองคนเดียวไม่ตก ให้นักวางแผนการเงินส่วนบุคคลช่วยคิดอีกแรงก็น่าจะดีนะคะ

แสดงความคิดเห็น
หลักการเลือกซื้อ LTF-RMF ผมเข้าใจอะไรผิด ?
1) ทำไมคนส่วนมากถึงดูอัตราผลตอบแทนของกองทุนในระยะสั้นครับ ? เช่น 6 เดือน 1 ปี 3 ปี ซึ่งผมมีปัญหากับเรื่องนี้มาก เพราะ
a) ทุกบลจ. มีหมายเหตุไว้ข้างล่างว่า "ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต"
b) ตัวเลขผลตอบแทนไม่ได้บอกถึงความเสี่ยงที่กองทุนแบกรับ ... ทำไมคนถึงไม่ดูผลตอบแทนเมื่อเทียบกับความเสี่ยง อาทิ information ratio และ/หรือ sharpe ratio ?
2) ผมสามารถประเมินและเปรียบเทียบผลการดำเนินงานอย่างละเอียดของกองทุนไทยหลายๆกองทุนพร้อมๆกันได้ที่ไหนบ้างครับ โดยผมอยากเปรียบเทียบ absolute return, excess return, standard deviation, sharpe ratio, information ratio
3) กองทุนไทยส่วนมากเก็บค่าบริหารจัดการประมาณ 2-3% ของ NAV ต่อปี ใช่มั้ยครับ? (เป็นตัวเลขที่ไม่น้อยเลย...)
4) LTF - RMF กองไหนดีครับ ? คำถามสุดคลาสสิค แต่ผมยังหาคำตอบไม่ได้ สาเหตุที่ผมอยากวิเคราะห์ละเอียด เพราะส่วนตัวมีกรอบการลงทุนที่นานมาก ราว 25-30 ปี จึงรู้สึกว่าคำถามพื้นฐานเหล่านี้จะมีผลอย่างมากครับ...
5) สำหรับท่านที่มีมุมมองส่วนตัว....ถามกันจริงๆ การซื้อ LTF-RMF ตอนนี้มัน make sense มั้ยครับ ในเมื่อ
a) หุ้นทั่วโลกมันเทรดกันแพงขนาดนี้ ตลาดเกิดใหม่ P/E 15-20x ตลาดพัฒนาแล้วอย่างดาวโจนส์ 16x ถ้าผมซื้อตอนนี้แล้ว 20-30ปี ตอนผมเกษียณ หุ้นมันลงมาเทรดแค่ 10x ผลตอบแทนผมคงหายไปไม่ใช่น้อย
6) ในมุมมองของ asset allocation ตอนนี้ asset ไหนน่าลงทุนมั้ยครับ ? ในชอทยาวๆเลยนะครับ เท่าที่เห็นตอนนี้ บลจ. ต่างๆก็มีกองทุนสินทรัพย์ทางเลือกในรูปแบบ RMF อยู่เหมือนกัน ...
ถ้าให้สรุปสิ่งที่ต้องการ....ตอนนี้จุดประสงค์หลักยังเป็นเรื่องภาษี (ฐาน 30% แต่ไม่ต้องการกู้ซื้ออสังหาฯ...เพราะไม่อยากแบกรับต้นทุนดอกเบี้ย....และไม่ต้องการซื้อประกันบำนาญ...เพราะ IRR ต่ำเตี้ยติดดิน) แต่รองลงมา ก็อยากได้ผลตอบแทนที่ดีครับ ผมนั่งคิดดู ถ้าผมลงทุน 30 ปี ได้ผลตอบแทน 8% ต่อปี เท่ากับว่าทุก 1 บาทที่เซฟได้ มีค่าเท่ากับ 10 บาท ณ วันเกษียณเลยทีเดียว...