สวัสดีครับครับวันนี้ผมจะสวนกระแส Holiday วันหยุดแรงงาน 5 วันที่ผ่านมา แต่เนื่องจากติดภารกิจธุรกิจเลยได้หยุดแค่ 2 วัน คือ 4-5/5/58 แต่ก็ไม่วายไปเที่ยวกัน ซึ่งจากการสอบถามคนรอบข้างส่วนใหญ่จะไปทะเลกัน คือ ผมคิดว่าจะไปให้เมี้ยมเพื่อ ... (เกรียม) ไปน้ำตกดีกว่ามั้ย อากาศร้อนสาสขนาดนี้ ไปทะเลบ้าไปแล้ว ร้อนจะตาย หาที่เย็น ๆ ร่ม ๆ ดีกว่าป่าว เลยคิดว่าน้ำตกใกล้กรุงเทพ น้ำใส สวย ราคาไม่แพง จึงตั้งเป้าไปที่สวนผึ้งทันที เพราะไปกี่ครั้งก็ประทับใจ แต่ปกติจะไปหน้าหนาว งวดนี้ไปหน้าร้อน อิอิ จึงมา Review ให้ครับ เผื่อเป็นอีกตัวเลือกหากใครจะวางแผนเที่ยว โดยใช้เวลา 2 วัน 1 คืน ราคาไม่แพงมาก และใช้เวลาเดินทางไม่นาน
1. หาที่พัก 1 คืน
ก็จัดหาที่พักก่อนเลยอันดับแรก เคยไปพักมาแล้วหลายที่ La Toscana, Swiss Valley Hip Resort, The Scenery Resort & Farm ทั้ง 3 ที่นี่เคยไปมาแล้ว แพงไปหน่อย ส่วนอิงหมอก ก็เคยพาครอบครัวไปเที่ยวยกแก๊งค์บรรยากาศดี เจ้าของแต่งตัวอาร์ตมาก ลองไปหาแกดูได้ เจอครั้งแรกนึกว่าคนสวน 555 สวนผึ้งรีสอร์ท ก็เอิ่มโดนทุบไปแล้ว (ไปเจอมากับตา บ้านชุดมนุษย์หิน Flintstone โดนทุบไปแล้ว เสียดายจังเคยไปเที่ยวหลายรอบ แต่ยังไม่มีโอกาสได้เข้าพัก เพราะจองไม่ทัน อิอิ) เลยไปเจอรีสอร์ทแนว ๆ เก๋ ๆ ออกแบบเป็นรูปต้นไม้ ขอนไม้ ชื่อ Theerama Cottage Natural Resort เห็นใน Agoda นี่อยากไปเลย ดูราคา 2,300 บาทต่อคืนรวมอาหารเช้า แพงเหมือนกันแต่ใจไปแล้ว 90% ส่วนรูปลองเข้าไปดูใน
http://www.agoda.com/th-th/theerama-cottage-natural-resort/hotel/ratchaburi-th.html?asq=v0rS0a1OqoRQ7bXy1Mh94p2kCzVRB2sXBxqcn4ezepFozvPhdPOUT08nHla2fPuM ... เสร็จสิครับพี่น้องรออะไร กดจอง จ่ายผ่านบัตรเครดิตเรียบร้อย อิอิ (จองล่วงหน้าก่อนเข้าพักประมาณอาทิตย์นึง) จากนั้นก็วางแผนเที่ยว และรอกันไป
2. อาหารเช้าวันแรกที่ครัวม่อนไข่
ผมยุที่สมุทรสาครครับ ห่างจากกรุงเทพนิดเดียวเอง (45 นาที) ดูจาก Google Map มันบอกใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง พอดีผมใช้รถยนต์ส่วนตัวเก่าแล้ว แต่ยังแรงอยู่ Mazda 323 Protege 2.0GT ติดแก๊ส LPG ก็ซัดไปเลย 600 บาทค่าแก๊ส เดินทางกับคุณนายตื่นสาย ออกจากบ้าน 7 โมงเช้า ตอนแรกจะออก 6 โมงเช้าด้วยซ้ำ เพราะกลัวร้อน อิอิ แต่ออก 7 โมงนิด ๆ ก็เริ่มร้อนแล้ว อีกอย่างจะได้ไม่หิวมากด้วย (กะไปกินที่สวนผึ้งเลย) แต่ผมขับไงไม่รุใช้เวลาชั่วโมงเดียว อิอิ ประกอบกับถนนโล่ง ไม่ติดเลย สบาย ๆ ชิว ๆ แต่อากาศร้อนสาส ถึงประมาณ 9 โมงนิด ๆ ผ่านโมอายคอฟฟี่นะ แต่ร้านปิดยุ สงสัยเจ้าของตื่นสาย 555 คุณนาย Want ชาเขียวนมตั้งแต่ออกจากบ้านแล้ว ก็ลองไปดูที่พัก เผื่อฟลุ๊คไม่มีคนพักจะได้เอากระเป๋าไปเก็บ ปรากฎเค้าบอก Check in ได้บ่ายสองค่ะ เราก็เอิ่ม โอเคค่ะ ไปเที่ยวก่อนก็ได้
แต่ก่อนอื่นเลยกองทัพจะเดินได้ต้องสลายผู้ชุมนุมในท้องก่อน ก็ไปร้านประจำเลยครัวม่อนไข่ อาหารสด ราคาถูกมาก ผมสั่งอาหารทะเลที่สมุทรสาครว่าถูกแล้ว ไหงที่นี่ถูกว่าแถมสดกว่าได้ งงเลย ก็สั่งยำผักกูดทรงเครื่อง (อาหารประจำชาติสวนผึ้งสำหรับผม มาทีไรไม่สั่งเมนูนี้ ถือว่ามาไม่ถึง รสชาติยังเสมอต้นเสมอปลาย นี่ถ้ามีบริการส่งถึงที่ ผมจะให้มาส่งที่บ้านเลยเอา พูดแล้วหิว อิอิ), ต้มยำปลาคัง (เนื้อแบบนุ่มมาก ไม่คาว แต่รสเปรี้ยวยังไม่ถึงควรปรับปรุง), ทอดมันหัวปลี (ตอนแรกพนักงานแนะนำ คุยกันคุณนาย เอิ่มมันดูไม่มีไรป่าวอ่ะ แต่เค้าบอกสรรพคุณอะไรไม่รุ หน้ามืด ตามัว หูอื้อ เลยตกลงเอา (ไปได้ไงหว่า) พอเห็นแล้วก็เอิ่ม เสียดายตังค์ทันมั้ยเนี่ย แต่พอกินเข้าไป เห้ยอร่อยอ่ะ ปรากฏหมดจานเป็นอันดับสองรองจากยำผักกูด ถ้ามาแนะนำลองดูครับ ไม่อร่อยให้ไปกระทืบพนักงานนะ ผมไม่เกี่ยว 555), ข้าวสองจาน (เคยสั่งแบบโถแล้ว กินไม่หมด เพราะคุณนายชอบกินแต่กับ ข้าวจะแบ่ง 3/4 มาให้ผมยุดี เสมือนกินข้าว 2 จาน 555), ชานม และนมสดคาราเมลปั่น ที่อามันเต้คอฟฟี่ อยู่ในร้านครัวม่อนไข่นั่นแหละ ราคาแรงมาก ไม่อร่อยเลย เสียดายตังค์ รุงี้สั่ง Pepsi ก็พอ อีกอย่างคุณสั่งชาเขียวนม ดันเอาชานม แบบชาโบราณมาให้ แล้วเดินกลับรังทันทียังไม่ทันได้พูดไรเลย เอิ่ม นิสัยไม่ดีอ่ะ คุณนายอารมณ์เสียหนักเลยคราวนี้ งานงอก ดีอาหารอร่อยไม่งั้นบรรยากาศมาคุแน่เลย 555
รูปภาพอาหารที่ผมสั่งไม่ได้ถ่ายรูปไว้นะครับ เพราะตอนนั้นหน้ามืด ตามัว กินจนหมดแล้วเพิ่งนึกขึ้นได้ ลืมถ่าย อิอิ เลยขอใช้รูปภาพจากที่อื่นประกอบการยั่วน้ำลายแทนนะครับ โดยเครดิตรูปอาหารมาจาก
http://2g.pantip.com/cafe/food/topic/D13033382/D13033382.html นะครับ
3. ฝึกวิชาเย็นชาที่น้ำตกโจน (น้ำตกเก้าชั้น)
หลังจากกินกันหนำแล้ว ก็ไปหาที่เย็น ๆ นอนย่อยดีกว่า ก็ตรงดิ่งไปจุดหมายน้ำตกเก้าชั้น จอดรถเท่านั้นแหละมีคนขับรถคันมาทีหลังมาถาม "พี่ ๆ ไปน้ำตกมายังครับ มีน้ำตกให้เล่นป่าว" ผมบอกว่าไม่รุเหมือนกันพึ่งมาถึง เอาแล้วไป มาตั้งไกลน้ำไม่มีนี่จบเลยนะ ก็เอานะไม่สนเฟ้ย ก็ไปทำเสียค่าบัตรผ่านเข้าประตูคนละ 10 บาท (ถูกอ่ะ) เอ้อ! ลืมบอกอย่าไปเสียรู้เรื่องที่จอดรถนะครับ ที่นี่เค้าจอดรถฟรี ที่ลานจอดรถสุดทางหน้าทางขึ้นน้ำตก มันจะมีคนกวักเข้าลานจอดรถมัน อันนั้นเสียตังค์นะครับ ผมไม่เคยโดนลูกไม้นี้หรอก แต่เผื่อคนไม่รุ) แนะนำก่อนไปที่นี่เตรียมชุดสำหรับลงน้ำ 1 ชุด, เสื้อผ้าที่จะต้องเปลี่ยน 1 ชุด, ร่ม (ไม่ต้องเอาไปก็ได้ ไม่ได้ใช้ ไม่ร้อนอย่างที่คิด เกะกะ), รองเท้าแนะนำรองเท้ายางแบบรัดส้นนะครับ (ผมลากแตะไปกันทั้งคู่ คุณนายเดินเท้าเปล่าเลย ผมไม่ใจกลัวหินบาด รองเท้าหลุดตามเก็บเกือบไม่ทัน คือ ตอนมันหลุดอยู่ชั้น 3 ถ้าไหลไปนี่ ถือว่าได้คู่ใหม่ทันที ไม่มีวันเก็บทันหรอก แต่เผอิญมันไปติดหินใหญ่ก้อนนึง โชคดีไป อิอิ) แต่ถ้าไม่คิดจะลงน้ำแนะนำรองเท้าผ้าใบเหมาะสุด เพราะทางขึ้นค่อนข้างชัน และไม่เรียบ,
ที่สำคัญขาดไม่ได้ คือ น้ำเปล่า เพราะถ้าหลุดจากหน้าทางขึ้นน้ำตกแล้ว ไม่มีขายนะครับข้างบน ยิ่งถ้าขึ้นไปชั้นบนสูง ๆ สักชั้น 4 ขึ้นไปจะลงมานี่ไกลเหมือนกันนะครับ ผมจบที่ชั้น 3 พอ เพราะเจอที่พำนักโอเค มาถ้ำเล็ก ๆ น้ำตกใส่หัวพอดีพอนั่งนอนได้ หลับได้ตื่นมาคงไม่สบายเพราะน้ำเย็นชื่นใจ ผิดกับอากาศที่ค่อนข้างร้อน คุณนายยึดถ้ำดังกล่าวในบัดดล ส่วนตัวเราก็นอนแผ่หราในน้ำมีหมอนเป็นก้อนหิน ปลาตัวเล็ก ๆ ตอดเท้าไประยะ ๆ ฟินสุด ๆ แต่ถ้าใครอยากไปพิชิตเทือกเขา Everest 9 ชั้นก็ตามสบายครับเป็นกิโลผมว่า อีกอย่างดูจากป้ายหน้าทางขึ้นแล้วชั้นสูง ๆ ไม่สวยเท่าชั้นกลาง ๆ ชั้นล่าง ๆ คนเล่นเยอะ น้ำค่อนข้างขุ่น น้ำไม่ลึกมาก แต่เด็กตัวเล็ก ๆ ต้องมีผู้ใหญ่ดูแลนะครับ เพราะบางจุดน้ำค่อนข้างเชี่ยวยุเหมือนกัน และหินค่อนข้างคม
4. ว่าจะไปจับแกะที่ The Scenery Resort & Farm
หลังจากเล่นน้ำกันจนหนำแล้วก็ไปจับแกะที่ The Scenery Resort & Farm ต่อ แต่พอดูจากข้างนอกเงียบมากกกกกกกก เลยตัดสินใจไม่เข้าไป จึงไปจอดรถหลังรั้วที่ฝั่งตรงข้ามขายตุ๊กตาแกะหลาย ๆ ร้าน มีคนเอาสับประรดมาล่อแกะของ Swiss Valley Hip Resort มากินเต็มรั้วเลย ๆ ได้อานิสงส์จับแกะ และถ่ายรูปแทบจะประชิดตัวเซเลบสมใจคุณนาย แบบฟรี ๆ เออดีเหมือนกัน 555 ส่วนตุ๊กตาเล็งแกะ Alpaca ไว้ตัวขนาดกลาง 250 บาท แต่ไม่ซื้อเพราะคุณนายไม่ชอบ อยากได้หมา (เอิ่ม เมืองแกะ อยากได้หมา 555)
5. บ้านหอมเทียน
หลังจากจับแกะกันจนหนำแล้วก็ไปต่อบ้านหอมเทียน (ทางผ่านก่อนถึงรีสอร์ท) ผมมาที่นี่เป็นครั้งที่สองเนื่องจากคุณนายยังไม่เคยมาเลยพามา จะบอกว่าที่นี่ไม่มีอะไรเลยจริง ๆ นะของแพง ที่ถ่ายรูปก็โอเค แต่ไม่เยอะเท่าไหร่ ค่าผ่านประตูคนละ 50 บาท (ถือว่าแพงมาก หากเทียบกับความสุขที่ได้รับ) บัตรผ่านสามารถนำไปแลกเทียนหอมได้ (คือไม่ได้อยากได้นะเทียนน่ะ ต้นทุนไม่กี่บาท อยากได้ซื้อเองได้ เหมือนบังคับซื้อ) แต่มางวดนี้คุ้มอยู่อย่างเดียวได้รูปถ่ายพร้อมกรอบตาม Style ของบ้านหอมเทียนสวนผึ้ง ก็เก๋ดี ตกกรอบละ 120 บาทก็ไม่แพงมาก เพราะแต่ก่อนที่ผมมาไม่มีจุดนี้ มีอีกอย่างหลังจากที่คุณนายพลาดการโซ้ยชาเขียวนมที่ Want มาตั้งแต่เมื่อเช้ามาก็อยากกินอีก ก็เลยซื้อให้ร้านอยู่เลยจุดถ่ายรูปนิดเดียวทางขวามือ ราคา 60 บาท แพงเอาเรื่องเหมือนกัน แก้วทำเก๋ดี เป็นกระบอกไม่ไผ่ แต่รสชาติห่วยแตก หวานนำ และขมแปลก ๆ ทำก็นาน คุณนายบ่นตามเคย TT
6. นอนพักเอาแรงก่อนไปต่อที่ Theerama Cottage Natural Resort
ใกล้เวลา Check in ก็กลับกันไปนอนพักเอาแรงก่อนสักหน่อยที่ Theerama Cottage Natural Resort รีสอร์ทหาไม่ยากอยู่ติดถนนเส้นหลักเลย ก็มา Check in ได้ใบเสร็จมาใบนึง และคูปองทานอาหารเช้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พาไปยังบ้านพัก ค่อนข้างร่มรื่นหากดูจากภายนอก และดูเหมือนไม่ใหญ่ แต่พอเข้ามาข้างในใหญ่ใช้ได้เหมือนกัน แต่อากาศแบบนี้ไม่น่าเดินเล่นตามสวนหย่อม ก็ตรงดิ่งเข้าที่พักเลย มีที่จอดรถอยู่ข้างที่พักเลย ของผมพักบ้านต้นไม้ ชื่อจามจุรี แบบว่าเก๋อ่ะ อยากมีบ้านแบบนี้สักหลัง ทั้งหลังทำด้วยปูนแต่ทำเลียนแบบลายไม้และสีได้เหมือนมาก มี 2 ชั้น ๆ ล่างประกอบด้วยห้องนอน เตียง King Size ทีวี แอร์ ตู้เย็น ไดร์เป่าผม กาต้มนำ ไม้แขวนเสื้อ 2 อัน (อยากจะขอสัก 10 อันทีหลังจัดมาให้เยอะ ๆ เลยนะครับ เผื่อเอาไว้ตากผ้า) โทรศัพท์ เมนูอาหาร (แพงโคตร ไม่ได้แอ้มหรอก อิอิ) ห้องน้ำทีอ่างอาบน้ำพร้อมฝักบัว มีระบบก๊อกผสมน้ำร้อน-เย็น และทีเด็ดเลยมีเทียนหอม Aroma Therapy รอบห้อง แต่ไม่มีไม้ขีดหรือไฟแช็คให้ (เอิ่ม ... แล้วจะให้ผมใช้อะไรจุดครับพี่น้อง) ส่วนชั้นบนเป็นดาดฟ้าที่มีหลังคากันสาด + ที่นั่งสังสรรค์เสร็จสรรพ์ หรือใครจะไว้ดูดวงสร้างความ Romantic แบบใจบุญสุนทานบริจาคเลือดให้กับยุงผู้ยากไร้ก็ตามสบายครับ (และเหมือนเดิมไม่มียาจุดกันยุง + ไฟแช็กให้ แล้วใครจะไปนั่งครับข้างบนเนี่ยตอนกลางคืน ถ้าไม่มีอุปกรณ์ที่ว่า เพราะรีสอร์ทนี้ติดภูเขาเลย ยุงแต่ละตัวนี่อย่างกับนักเพาะกลายหิวโซ แบบโดนตัวเดียวนี่รุเรื่องเลยครับ 555) ก็พักผ่อนตามอัธยาศัย
[CR] 2 วัน 1 คืน @ Theerama Cottage Natural Resort สวนผึ้ง ในหน้าร้อน (4-5/5/58)
1. หาที่พัก 1 คืน
ก็จัดหาที่พักก่อนเลยอันดับแรก เคยไปพักมาแล้วหลายที่ La Toscana, Swiss Valley Hip Resort, The Scenery Resort & Farm ทั้ง 3 ที่นี่เคยไปมาแล้ว แพงไปหน่อย ส่วนอิงหมอก ก็เคยพาครอบครัวไปเที่ยวยกแก๊งค์บรรยากาศดี เจ้าของแต่งตัวอาร์ตมาก ลองไปหาแกดูได้ เจอครั้งแรกนึกว่าคนสวน 555 สวนผึ้งรีสอร์ท ก็เอิ่มโดนทุบไปแล้ว (ไปเจอมากับตา บ้านชุดมนุษย์หิน Flintstone โดนทุบไปแล้ว เสียดายจังเคยไปเที่ยวหลายรอบ แต่ยังไม่มีโอกาสได้เข้าพัก เพราะจองไม่ทัน อิอิ) เลยไปเจอรีสอร์ทแนว ๆ เก๋ ๆ ออกแบบเป็นรูปต้นไม้ ขอนไม้ ชื่อ Theerama Cottage Natural Resort เห็นใน Agoda นี่อยากไปเลย ดูราคา 2,300 บาทต่อคืนรวมอาหารเช้า แพงเหมือนกันแต่ใจไปแล้ว 90% ส่วนรูปลองเข้าไปดูใน http://www.agoda.com/th-th/theerama-cottage-natural-resort/hotel/ratchaburi-th.html?asq=v0rS0a1OqoRQ7bXy1Mh94p2kCzVRB2sXBxqcn4ezepFozvPhdPOUT08nHla2fPuM ... เสร็จสิครับพี่น้องรออะไร กดจอง จ่ายผ่านบัตรเครดิตเรียบร้อย อิอิ (จองล่วงหน้าก่อนเข้าพักประมาณอาทิตย์นึง) จากนั้นก็วางแผนเที่ยว และรอกันไป
2. อาหารเช้าวันแรกที่ครัวม่อนไข่
ผมยุที่สมุทรสาครครับ ห่างจากกรุงเทพนิดเดียวเอง (45 นาที) ดูจาก Google Map มันบอกใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง พอดีผมใช้รถยนต์ส่วนตัวเก่าแล้ว แต่ยังแรงอยู่ Mazda 323 Protege 2.0GT ติดแก๊ส LPG ก็ซัดไปเลย 600 บาทค่าแก๊ส เดินทางกับคุณนายตื่นสาย ออกจากบ้าน 7 โมงเช้า ตอนแรกจะออก 6 โมงเช้าด้วยซ้ำ เพราะกลัวร้อน อิอิ แต่ออก 7 โมงนิด ๆ ก็เริ่มร้อนแล้ว อีกอย่างจะได้ไม่หิวมากด้วย (กะไปกินที่สวนผึ้งเลย) แต่ผมขับไงไม่รุใช้เวลาชั่วโมงเดียว อิอิ ประกอบกับถนนโล่ง ไม่ติดเลย สบาย ๆ ชิว ๆ แต่อากาศร้อนสาส ถึงประมาณ 9 โมงนิด ๆ ผ่านโมอายคอฟฟี่นะ แต่ร้านปิดยุ สงสัยเจ้าของตื่นสาย 555 คุณนาย Want ชาเขียวนมตั้งแต่ออกจากบ้านแล้ว ก็ลองไปดูที่พัก เผื่อฟลุ๊คไม่มีคนพักจะได้เอากระเป๋าไปเก็บ ปรากฎเค้าบอก Check in ได้บ่ายสองค่ะ เราก็เอิ่ม โอเคค่ะ ไปเที่ยวก่อนก็ได้
แต่ก่อนอื่นเลยกองทัพจะเดินได้ต้องสลายผู้ชุมนุมในท้องก่อน ก็ไปร้านประจำเลยครัวม่อนไข่ อาหารสด ราคาถูกมาก ผมสั่งอาหารทะเลที่สมุทรสาครว่าถูกแล้ว ไหงที่นี่ถูกว่าแถมสดกว่าได้ งงเลย ก็สั่งยำผักกูดทรงเครื่อง (อาหารประจำชาติสวนผึ้งสำหรับผม มาทีไรไม่สั่งเมนูนี้ ถือว่ามาไม่ถึง รสชาติยังเสมอต้นเสมอปลาย นี่ถ้ามีบริการส่งถึงที่ ผมจะให้มาส่งที่บ้านเลยเอา พูดแล้วหิว อิอิ), ต้มยำปลาคัง (เนื้อแบบนุ่มมาก ไม่คาว แต่รสเปรี้ยวยังไม่ถึงควรปรับปรุง), ทอดมันหัวปลี (ตอนแรกพนักงานแนะนำ คุยกันคุณนาย เอิ่มมันดูไม่มีไรป่าวอ่ะ แต่เค้าบอกสรรพคุณอะไรไม่รุ หน้ามืด ตามัว หูอื้อ เลยตกลงเอา (ไปได้ไงหว่า) พอเห็นแล้วก็เอิ่ม เสียดายตังค์ทันมั้ยเนี่ย แต่พอกินเข้าไป เห้ยอร่อยอ่ะ ปรากฏหมดจานเป็นอันดับสองรองจากยำผักกูด ถ้ามาแนะนำลองดูครับ ไม่อร่อยให้ไปกระทืบพนักงานนะ ผมไม่เกี่ยว 555), ข้าวสองจาน (เคยสั่งแบบโถแล้ว กินไม่หมด เพราะคุณนายชอบกินแต่กับ ข้าวจะแบ่ง 3/4 มาให้ผมยุดี เสมือนกินข้าว 2 จาน 555), ชานม และนมสดคาราเมลปั่น ที่อามันเต้คอฟฟี่ อยู่ในร้านครัวม่อนไข่นั่นแหละ ราคาแรงมาก ไม่อร่อยเลย เสียดายตังค์ รุงี้สั่ง Pepsi ก็พอ อีกอย่างคุณสั่งชาเขียวนม ดันเอาชานม แบบชาโบราณมาให้ แล้วเดินกลับรังทันทียังไม่ทันได้พูดไรเลย เอิ่ม นิสัยไม่ดีอ่ะ คุณนายอารมณ์เสียหนักเลยคราวนี้ งานงอก ดีอาหารอร่อยไม่งั้นบรรยากาศมาคุแน่เลย 555
รูปภาพอาหารที่ผมสั่งไม่ได้ถ่ายรูปไว้นะครับ เพราะตอนนั้นหน้ามืด ตามัว กินจนหมดแล้วเพิ่งนึกขึ้นได้ ลืมถ่าย อิอิ เลยขอใช้รูปภาพจากที่อื่นประกอบการยั่วน้ำลายแทนนะครับ โดยเครดิตรูปอาหารมาจาก http://2g.pantip.com/cafe/food/topic/D13033382/D13033382.html นะครับ
3. ฝึกวิชาเย็นชาที่น้ำตกโจน (น้ำตกเก้าชั้น)
หลังจากกินกันหนำแล้ว ก็ไปหาที่เย็น ๆ นอนย่อยดีกว่า ก็ตรงดิ่งไปจุดหมายน้ำตกเก้าชั้น จอดรถเท่านั้นแหละมีคนขับรถคันมาทีหลังมาถาม "พี่ ๆ ไปน้ำตกมายังครับ มีน้ำตกให้เล่นป่าว" ผมบอกว่าไม่รุเหมือนกันพึ่งมาถึง เอาแล้วไป มาตั้งไกลน้ำไม่มีนี่จบเลยนะ ก็เอานะไม่สนเฟ้ย ก็ไปทำเสียค่าบัตรผ่านเข้าประตูคนละ 10 บาท (ถูกอ่ะ) เอ้อ! ลืมบอกอย่าไปเสียรู้เรื่องที่จอดรถนะครับ ที่นี่เค้าจอดรถฟรี ที่ลานจอดรถสุดทางหน้าทางขึ้นน้ำตก มันจะมีคนกวักเข้าลานจอดรถมัน อันนั้นเสียตังค์นะครับ ผมไม่เคยโดนลูกไม้นี้หรอก แต่เผื่อคนไม่รุ) แนะนำก่อนไปที่นี่เตรียมชุดสำหรับลงน้ำ 1 ชุด, เสื้อผ้าที่จะต้องเปลี่ยน 1 ชุด, ร่ม (ไม่ต้องเอาไปก็ได้ ไม่ได้ใช้ ไม่ร้อนอย่างที่คิด เกะกะ), รองเท้าแนะนำรองเท้ายางแบบรัดส้นนะครับ (ผมลากแตะไปกันทั้งคู่ คุณนายเดินเท้าเปล่าเลย ผมไม่ใจกลัวหินบาด รองเท้าหลุดตามเก็บเกือบไม่ทัน คือ ตอนมันหลุดอยู่ชั้น 3 ถ้าไหลไปนี่ ถือว่าได้คู่ใหม่ทันที ไม่มีวันเก็บทันหรอก แต่เผอิญมันไปติดหินใหญ่ก้อนนึง โชคดีไป อิอิ) แต่ถ้าไม่คิดจะลงน้ำแนะนำรองเท้าผ้าใบเหมาะสุด เพราะทางขึ้นค่อนข้างชัน และไม่เรียบ,
ที่สำคัญขาดไม่ได้ คือ น้ำเปล่า เพราะถ้าหลุดจากหน้าทางขึ้นน้ำตกแล้ว ไม่มีขายนะครับข้างบน ยิ่งถ้าขึ้นไปชั้นบนสูง ๆ สักชั้น 4 ขึ้นไปจะลงมานี่ไกลเหมือนกันนะครับ ผมจบที่ชั้น 3 พอ เพราะเจอที่พำนักโอเค มาถ้ำเล็ก ๆ น้ำตกใส่หัวพอดีพอนั่งนอนได้ หลับได้ตื่นมาคงไม่สบายเพราะน้ำเย็นชื่นใจ ผิดกับอากาศที่ค่อนข้างร้อน คุณนายยึดถ้ำดังกล่าวในบัดดล ส่วนตัวเราก็นอนแผ่หราในน้ำมีหมอนเป็นก้อนหิน ปลาตัวเล็ก ๆ ตอดเท้าไประยะ ๆ ฟินสุด ๆ แต่ถ้าใครอยากไปพิชิตเทือกเขา Everest 9 ชั้นก็ตามสบายครับเป็นกิโลผมว่า อีกอย่างดูจากป้ายหน้าทางขึ้นแล้วชั้นสูง ๆ ไม่สวยเท่าชั้นกลาง ๆ ชั้นล่าง ๆ คนเล่นเยอะ น้ำค่อนข้างขุ่น น้ำไม่ลึกมาก แต่เด็กตัวเล็ก ๆ ต้องมีผู้ใหญ่ดูแลนะครับ เพราะบางจุดน้ำค่อนข้างเชี่ยวยุเหมือนกัน และหินค่อนข้างคม
4. ว่าจะไปจับแกะที่ The Scenery Resort & Farm
หลังจากเล่นน้ำกันจนหนำแล้วก็ไปจับแกะที่ The Scenery Resort & Farm ต่อ แต่พอดูจากข้างนอกเงียบมากกกกกกกก เลยตัดสินใจไม่เข้าไป จึงไปจอดรถหลังรั้วที่ฝั่งตรงข้ามขายตุ๊กตาแกะหลาย ๆ ร้าน มีคนเอาสับประรดมาล่อแกะของ Swiss Valley Hip Resort มากินเต็มรั้วเลย ๆ ได้อานิสงส์จับแกะ และถ่ายรูปแทบจะประชิดตัวเซเลบสมใจคุณนาย แบบฟรี ๆ เออดีเหมือนกัน 555 ส่วนตุ๊กตาเล็งแกะ Alpaca ไว้ตัวขนาดกลาง 250 บาท แต่ไม่ซื้อเพราะคุณนายไม่ชอบ อยากได้หมา (เอิ่ม เมืองแกะ อยากได้หมา 555)
5. บ้านหอมเทียน
หลังจากจับแกะกันจนหนำแล้วก็ไปต่อบ้านหอมเทียน (ทางผ่านก่อนถึงรีสอร์ท) ผมมาที่นี่เป็นครั้งที่สองเนื่องจากคุณนายยังไม่เคยมาเลยพามา จะบอกว่าที่นี่ไม่มีอะไรเลยจริง ๆ นะของแพง ที่ถ่ายรูปก็โอเค แต่ไม่เยอะเท่าไหร่ ค่าผ่านประตูคนละ 50 บาท (ถือว่าแพงมาก หากเทียบกับความสุขที่ได้รับ) บัตรผ่านสามารถนำไปแลกเทียนหอมได้ (คือไม่ได้อยากได้นะเทียนน่ะ ต้นทุนไม่กี่บาท อยากได้ซื้อเองได้ เหมือนบังคับซื้อ) แต่มางวดนี้คุ้มอยู่อย่างเดียวได้รูปถ่ายพร้อมกรอบตาม Style ของบ้านหอมเทียนสวนผึ้ง ก็เก๋ดี ตกกรอบละ 120 บาทก็ไม่แพงมาก เพราะแต่ก่อนที่ผมมาไม่มีจุดนี้ มีอีกอย่างหลังจากที่คุณนายพลาดการโซ้ยชาเขียวนมที่ Want มาตั้งแต่เมื่อเช้ามาก็อยากกินอีก ก็เลยซื้อให้ร้านอยู่เลยจุดถ่ายรูปนิดเดียวทางขวามือ ราคา 60 บาท แพงเอาเรื่องเหมือนกัน แก้วทำเก๋ดี เป็นกระบอกไม่ไผ่ แต่รสชาติห่วยแตก หวานนำ และขมแปลก ๆ ทำก็นาน คุณนายบ่นตามเคย TT
6. นอนพักเอาแรงก่อนไปต่อที่ Theerama Cottage Natural Resort
ใกล้เวลา Check in ก็กลับกันไปนอนพักเอาแรงก่อนสักหน่อยที่ Theerama Cottage Natural Resort รีสอร์ทหาไม่ยากอยู่ติดถนนเส้นหลักเลย ก็มา Check in ได้ใบเสร็จมาใบนึง และคูปองทานอาหารเช้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พาไปยังบ้านพัก ค่อนข้างร่มรื่นหากดูจากภายนอก และดูเหมือนไม่ใหญ่ แต่พอเข้ามาข้างในใหญ่ใช้ได้เหมือนกัน แต่อากาศแบบนี้ไม่น่าเดินเล่นตามสวนหย่อม ก็ตรงดิ่งเข้าที่พักเลย มีที่จอดรถอยู่ข้างที่พักเลย ของผมพักบ้านต้นไม้ ชื่อจามจุรี แบบว่าเก๋อ่ะ อยากมีบ้านแบบนี้สักหลัง ทั้งหลังทำด้วยปูนแต่ทำเลียนแบบลายไม้และสีได้เหมือนมาก มี 2 ชั้น ๆ ล่างประกอบด้วยห้องนอน เตียง King Size ทีวี แอร์ ตู้เย็น ไดร์เป่าผม กาต้มนำ ไม้แขวนเสื้อ 2 อัน (อยากจะขอสัก 10 อันทีหลังจัดมาให้เยอะ ๆ เลยนะครับ เผื่อเอาไว้ตากผ้า) โทรศัพท์ เมนูอาหาร (แพงโคตร ไม่ได้แอ้มหรอก อิอิ) ห้องน้ำทีอ่างอาบน้ำพร้อมฝักบัว มีระบบก๊อกผสมน้ำร้อน-เย็น และทีเด็ดเลยมีเทียนหอม Aroma Therapy รอบห้อง แต่ไม่มีไม้ขีดหรือไฟแช็คให้ (เอิ่ม ... แล้วจะให้ผมใช้อะไรจุดครับพี่น้อง) ส่วนชั้นบนเป็นดาดฟ้าที่มีหลังคากันสาด + ที่นั่งสังสรรค์เสร็จสรรพ์ หรือใครจะไว้ดูดวงสร้างความ Romantic แบบใจบุญสุนทานบริจาคเลือดให้กับยุงผู้ยากไร้ก็ตามสบายครับ (และเหมือนเดิมไม่มียาจุดกันยุง + ไฟแช็กให้ แล้วใครจะไปนั่งครับข้างบนเนี่ยตอนกลางคืน ถ้าไม่มีอุปกรณ์ที่ว่า เพราะรีสอร์ทนี้ติดภูเขาเลย ยุงแต่ละตัวนี่อย่างกับนักเพาะกลายหิวโซ แบบโดนตัวเดียวนี่รุเรื่องเลยครับ 555) ก็พักผ่อนตามอัธยาศัย
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น