"มูลนิธิป้องกันอุบัติเหตุฯ" เสนอ "กทม." กำหนดให้หมวกกันน็อคเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแบบนักเรียน เหตุมีเด็กตายจากอุบัติเหตุรถ ปีละ 2,600 คน โดยเกิดจากรถจักรยานยนต์มากสุด
http://www.dailynews.co.th/bangkok/319324
วันพุธที่ 6 พฤษภาคม 2558 เวลา 20:01 น.
เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 6 พ.ค. มูลนิธิป้องกันอุบัติเหตุแห่งเอเชีย และองค์การช่วยเหลือเด็ก ได้ยื่นรายชื่อนักเรียน ผู้ปกครองและประชาชน จำนวน 12,000 รายชื่อ ต่อม.ร.ว.สุขุมพันธุ์บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.)เพื่อรณรงค์การลดอุบัติเหตุและส่งเสริมให้โรงเรียนมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมให้เด็กสวมหมวกนิรภัย
นางรัตนวดี เหมนิธิ วินเธอร์ ประธานกรรมการมูลนิธิป้องกันอุบัติภัยแห่งเอเชียประเทศไทย กล่าวว่า ปัญหาอุบัติเหตุทางถนน ถือเป็นปัญหาอันดับหนึ่งที่ทำให้เด็กและเยาวชนบาดเจ็บ พิการ และเสียชีวิต โดยประเทศไทยมีจำนวนเด็กที่ได้รับบาดเจ็บและพิการจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ถึงปีละ 72,680 คน และมีจำนวนเด็กที่เสียชีวิตบนท้องถนน ปีละกว่า 2,600 คน ทั้งนี้อุบัติเหตุบนท้องถนนที่มีความรุนแรงและส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บเสียชีวิตได้มากที่สุด คืออุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์ ซึ่งจากการสำรวจพบว่า มีเด็กไทยต้องซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์จำนวนถึง 1,300,000 คน แต่มีเพียง 7 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่มีการสวมหมวกนิรภัยเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ดังนั้นมูลนิธิฯจึงได้ดำเนินโครงการเด็กไทยซ้อนท้ายใส่หมวก เพื่อเป็นการรณรงค์และสนันสนุนให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการสวมหมวกนิรภัยให้แก่บุตรหลาน อีกทั้งมูลนิธิฯจะร่วมมือกับกทม.เพื่อดำเนินการเปลี่ยนพฤติกรรมการสวมหมวกนิรภัยของเด็กนักเรียนและวางแนวทางกำหนดให้หมวกนิรภัยเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแบบนักเรียน โดยจะนำร่องเบื้องต้นในโรงเรียนสังกัดกทม.จำนวน 6 โรงเรียน
ด้านม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า กทม.มีนักเรียนจากโรงเรียนในสังกัด ทั้งสิ้น 438 โรงเรียน มีเด็กกว่า 300,000 คน ที่ต้องดูแล ซึ่งเด็กนักเรียนในสังกัดกทม.ส่วนใหญ่จะต้องเดินทางโดยรถจักรยานยนต์ เพราะผู้ปกครองสะดวกในการรับส่งบุตรหลานด้วยวิธีดังกล่าวมากที่สุด อย่างไรก็ตาม การเดินทางโดยรถจักรยานยนต์ ถึงแม้จะมีความสะดวกรวดเร็ว แต่ก็ทำให้เกิดอันตรายได้มากที่สุดเช่นกัน ซึ่งกทม.ก็ได้มีโครงการแจกหมวกนิรภัยแก่นักเรียนจำนวนกว่า 120,000 ใบ เพื่อให้นักเรียนใช้งานในการเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์อย่างปลอดภัยมากที่สุด แต่ด้วยงบประมาณที่มีจำกัด ทำให้โครงการดังกล่าวอาจไม่ได้ดำเนินการต่อเนื่อง ซึ่งกทม.ก็จะใช้การรณงรค์ โดยการร่วมมือกับภาคเอกชนและภาคประชาชนให้ผู้ปกครองตระหนักถึงความสำคัญของการสวมหมวกนิรภัยแก่นักเรียน เพื่อลดอุบัติเหตุและความสูญเสียในอนาคตต่อไป.
ชงเด็กนร.ใส่หมวกกันน็อค ดันเป็นเครื่องแบบนักเรียน
http://www.dailynews.co.th/bangkok/319324
วันพุธที่ 6 พฤษภาคม 2558 เวลา 20:01 น.
เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 6 พ.ค. มูลนิธิป้องกันอุบัติเหตุแห่งเอเชีย และองค์การช่วยเหลือเด็ก ได้ยื่นรายชื่อนักเรียน ผู้ปกครองและประชาชน จำนวน 12,000 รายชื่อ ต่อม.ร.ว.สุขุมพันธุ์บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.)เพื่อรณรงค์การลดอุบัติเหตุและส่งเสริมให้โรงเรียนมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมให้เด็กสวมหมวกนิรภัย
นางรัตนวดี เหมนิธิ วินเธอร์ ประธานกรรมการมูลนิธิป้องกันอุบัติภัยแห่งเอเชียประเทศไทย กล่าวว่า ปัญหาอุบัติเหตุทางถนน ถือเป็นปัญหาอันดับหนึ่งที่ทำให้เด็กและเยาวชนบาดเจ็บ พิการ และเสียชีวิต โดยประเทศไทยมีจำนวนเด็กที่ได้รับบาดเจ็บและพิการจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ถึงปีละ 72,680 คน และมีจำนวนเด็กที่เสียชีวิตบนท้องถนน ปีละกว่า 2,600 คน ทั้งนี้อุบัติเหตุบนท้องถนนที่มีความรุนแรงและส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บเสียชีวิตได้มากที่สุด คืออุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์ ซึ่งจากการสำรวจพบว่า มีเด็กไทยต้องซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์จำนวนถึง 1,300,000 คน แต่มีเพียง 7 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่มีการสวมหมวกนิรภัยเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ดังนั้นมูลนิธิฯจึงได้ดำเนินโครงการเด็กไทยซ้อนท้ายใส่หมวก เพื่อเป็นการรณรงค์และสนันสนุนให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการสวมหมวกนิรภัยให้แก่บุตรหลาน อีกทั้งมูลนิธิฯจะร่วมมือกับกทม.เพื่อดำเนินการเปลี่ยนพฤติกรรมการสวมหมวกนิรภัยของเด็กนักเรียนและวางแนวทางกำหนดให้หมวกนิรภัยเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแบบนักเรียน โดยจะนำร่องเบื้องต้นในโรงเรียนสังกัดกทม.จำนวน 6 โรงเรียน
ด้านม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า กทม.มีนักเรียนจากโรงเรียนในสังกัด ทั้งสิ้น 438 โรงเรียน มีเด็กกว่า 300,000 คน ที่ต้องดูแล ซึ่งเด็กนักเรียนในสังกัดกทม.ส่วนใหญ่จะต้องเดินทางโดยรถจักรยานยนต์ เพราะผู้ปกครองสะดวกในการรับส่งบุตรหลานด้วยวิธีดังกล่าวมากที่สุด อย่างไรก็ตาม การเดินทางโดยรถจักรยานยนต์ ถึงแม้จะมีความสะดวกรวดเร็ว แต่ก็ทำให้เกิดอันตรายได้มากที่สุดเช่นกัน ซึ่งกทม.ก็ได้มีโครงการแจกหมวกนิรภัยแก่นักเรียนจำนวนกว่า 120,000 ใบ เพื่อให้นักเรียนใช้งานในการเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์อย่างปลอดภัยมากที่สุด แต่ด้วยงบประมาณที่มีจำกัด ทำให้โครงการดังกล่าวอาจไม่ได้ดำเนินการต่อเนื่อง ซึ่งกทม.ก็จะใช้การรณงรค์ โดยการร่วมมือกับภาคเอกชนและภาคประชาชนให้ผู้ปกครองตระหนักถึงความสำคัญของการสวมหมวกนิรภัยแก่นักเรียน เพื่อลดอุบัติเหตุและความสูญเสียในอนาคตต่อไป.