สืบเนื่องมาจากกระทู้
http://pantip.com/topic/33536735
ที่ผมถามหาวิธีการลงทุนไป ก็ได้รับการตอบรับจาก กูรู หลายท่าน เอามาพัฒนา แต่ก็เช่นกัน
มีน้องๆ มือใหม่หลายคน หลังไมค์มาถามวิธีดูงบการเงิน ผมบอกเลย ตอนเรียนผมสอบได้เกรดเฉลี่ย 2.24
แล้วผมก็ไม่ได้เป็นเซียนแกะงบด้วย ที่ผมจะอธิบายได้ ก็แค่ อะไรที่มัน ธรรมดา มากๆนั้นแหละ
ขอเน้นย้ำ สำหรับคนที่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนจริงๆ บางคนเก่งแล้วอาจจะบอกว่า เรื่องแค่นี้ใครๆก็รู้
ผมขอบอกเลยนะครับ มีคนที่ยังไม่รู้อีกเยอะครับ ถ้าคุณรู้แล้วแค่ผ่านไป
ส่วนใครมีวิธีที่ดีกว่า อยากจะสอนผมก็ไม่ว่า เอาเป็นว่ามาดูกันดีกว่า
คำถามแรก สำหรับมือใหม่ที่กำลังจะเล่นหุ้นคือ ราคาหุ้นของบริษัทสักแห่งจะขึ้นจะลง มันขึ้นอยู่กับอะไร ถ้าไม่นับ
การปั่นหุ้นของเจ้ามือ หรือ การผันผวน ตามอารมณ์ตลาด
คำตอบ คือ ผลกำไรของบริษัทครับ (คหสต) ถ้ากำไรเพิ่มขึ้น ราคาหุ้นย่อมเพิ่มขึ้นด้วย ตามหลักการง่ายๆแบบเด็กๆของผมเนี้ยแหละ
ผมเลยคิดว่า เราควรให้ความสนใจที่ EPS เป็นอันดับแรก
ขั้นแรกก็ไปที่
http://www.set.or.th/
แล้วก็ดูบริษัทที่เราสนใจมาครับ ผมขอยกตัวอย่าง Jmart ละกัน ไหนๆก็เป็นตัวที่ผมเคยถือได้ถึง 800% ละ
จากรูป อยากให้ดูบรรทัด กำไรต่อหุ้น (EPS) นะครับ
ผมใช้สูตรขำๆของผมในการหาราคาหุ้นด้วย
สูตรนี้ครับ EPS*PE = ราคาที่คิดว่าน่าจะเป็น เช่น 0.96(EPS)*20(PE) = 19.2(ราคาที่น่าจะเป็น)
สังเกตุได้ว่า EPS เพิ่มขึ้นจากปี 54 ไป 55 ถึง 60%+ ราคาก็ขึ้นจาก 5.95 ไป 13.90
ส่วนในปี 55 ไป 56 กำไรไม่โตขึ้นเลย แต่ราคายังคงขึ้นอยู่ จาก 13.90 ไป 20.10 (ในตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกว่ามันราคามันแพงไปแล้ว)
ส่วนในปี 56 ไป 57 EPS กลับลดลง เหลือ 0.71 การที่กำไรไม่โตแล้วยังลดลง ทำให้ราคาหุ้นนั้นตกลงอย่างน่าใจหายครับ
ทีนี้การตัดสินใจ ถ้ามองแบบรายปีแบบนี้มันก็อาจจะดูช้าเกินไปกว่าจะตัดสินใจ ผมว่า เป็น VI อย่างน้อยก็ต้องติดตามกันทุกไตรมาสครับ
เช่น ใน Q1 ของปีนี้ ให้เทียบกับ Q1 ของปีที่แล้วว่าโตขึ้นคิดเป็นกี่ % แล้วถ้าเอาไป เทียบกับ PE มากน้อยกว่ากันเท่าไร
ถ้า EPS โตขึ้น 15% แล้ว PE อยู่ที่ 20 ผมว่ายังพอจะรับได้
ปล. ถ้าผิดพลาดประการได้บอกได้นะครับ ผมก็ไม่อยากจะสอนอะไรที่มันผิด
**หมายเหตุ** จากสูตรในการหาราคาที่น่าจะเป็นนี้เป็นเพียงแค่การเดานะครับ แต่การที่ EPS เพิ่มขึ้นนั้นเป็นตัว confirm ว่ากิจการเติบโตจริง และ บางครั้งกำไรอาจจะมาครั้งเดียว อันนี้ต้องศึกษาในส่วนลึกให้มากขึ้น
สอนวิธีดูงบการเงิน สำหรับมือใหม่ แบบ "ง่าย"
ที่ผมถามหาวิธีการลงทุนไป ก็ได้รับการตอบรับจาก กูรู หลายท่าน เอามาพัฒนา แต่ก็เช่นกัน
มีน้องๆ มือใหม่หลายคน หลังไมค์มาถามวิธีดูงบการเงิน ผมบอกเลย ตอนเรียนผมสอบได้เกรดเฉลี่ย 2.24
แล้วผมก็ไม่ได้เป็นเซียนแกะงบด้วย ที่ผมจะอธิบายได้ ก็แค่ อะไรที่มัน ธรรมดา มากๆนั้นแหละ
ขอเน้นย้ำ สำหรับคนที่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนจริงๆ บางคนเก่งแล้วอาจจะบอกว่า เรื่องแค่นี้ใครๆก็รู้
ผมขอบอกเลยนะครับ มีคนที่ยังไม่รู้อีกเยอะครับ ถ้าคุณรู้แล้วแค่ผ่านไป
ส่วนใครมีวิธีที่ดีกว่า อยากจะสอนผมก็ไม่ว่า เอาเป็นว่ามาดูกันดีกว่า
คำถามแรก สำหรับมือใหม่ที่กำลังจะเล่นหุ้นคือ ราคาหุ้นของบริษัทสักแห่งจะขึ้นจะลง มันขึ้นอยู่กับอะไร ถ้าไม่นับ
การปั่นหุ้นของเจ้ามือ หรือ การผันผวน ตามอารมณ์ตลาด
คำตอบ คือ ผลกำไรของบริษัทครับ (คหสต) ถ้ากำไรเพิ่มขึ้น ราคาหุ้นย่อมเพิ่มขึ้นด้วย ตามหลักการง่ายๆแบบเด็กๆของผมเนี้ยแหละ
ผมเลยคิดว่า เราควรให้ความสนใจที่ EPS เป็นอันดับแรก
ขั้นแรกก็ไปที่ http://www.set.or.th/
แล้วก็ดูบริษัทที่เราสนใจมาครับ ผมขอยกตัวอย่าง Jmart ละกัน ไหนๆก็เป็นตัวที่ผมเคยถือได้ถึง 800% ละ
จากรูป อยากให้ดูบรรทัด กำไรต่อหุ้น (EPS) นะครับ
ผมใช้สูตรขำๆของผมในการหาราคาหุ้นด้วย
สูตรนี้ครับ EPS*PE = ราคาที่คิดว่าน่าจะเป็น เช่น 0.96(EPS)*20(PE) = 19.2(ราคาที่น่าจะเป็น)
สังเกตุได้ว่า EPS เพิ่มขึ้นจากปี 54 ไป 55 ถึง 60%+ ราคาก็ขึ้นจาก 5.95 ไป 13.90
ส่วนในปี 55 ไป 56 กำไรไม่โตขึ้นเลย แต่ราคายังคงขึ้นอยู่ จาก 13.90 ไป 20.10 (ในตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกว่ามันราคามันแพงไปแล้ว)
ส่วนในปี 56 ไป 57 EPS กลับลดลง เหลือ 0.71 การที่กำไรไม่โตแล้วยังลดลง ทำให้ราคาหุ้นนั้นตกลงอย่างน่าใจหายครับ
ทีนี้การตัดสินใจ ถ้ามองแบบรายปีแบบนี้มันก็อาจจะดูช้าเกินไปกว่าจะตัดสินใจ ผมว่า เป็น VI อย่างน้อยก็ต้องติดตามกันทุกไตรมาสครับ
เช่น ใน Q1 ของปีนี้ ให้เทียบกับ Q1 ของปีที่แล้วว่าโตขึ้นคิดเป็นกี่ % แล้วถ้าเอาไป เทียบกับ PE มากน้อยกว่ากันเท่าไร
ถ้า EPS โตขึ้น 15% แล้ว PE อยู่ที่ 20 ผมว่ายังพอจะรับได้
ปล. ถ้าผิดพลาดประการได้บอกได้นะครับ ผมก็ไม่อยากจะสอนอะไรที่มันผิด
**หมายเหตุ** จากสูตรในการหาราคาที่น่าจะเป็นนี้เป็นเพียงแค่การเดานะครับ แต่การที่ EPS เพิ่มขึ้นนั้นเป็นตัว confirm ว่ากิจการเติบโตจริง และ บางครั้งกำไรอาจจะมาครั้งเดียว อันนี้ต้องศึกษาในส่วนลึกให้มากขึ้น