สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
ช่วงแรกที่พอร์ตโตเร็ว อาจจะเพราะ พอร์ตที่โต ส่วนหนึ่งมาจากคุณเติมเงินทุกเดือน ทีนี้ ไม่ว่าหุ้นจะขึ้นเท่าไหร่ก็ตาม แต่ลำพังเงินที่เติมเดือนละ 2 แสน บวกกับ capital gain ของหุ้น ก็ทำให้เป็น 10 ล้านไม่ยากเท่าไหร่
แต่การจะให้กลายเป็น 100 ล้าน คราวนี้ต้องพึ่งการเติบโตของราคาหุ้นแทบจะล้วนๆ เพราะเงินที่เติมเข้าไป เป็นอัตราส่วนไม่มากแล้ว
หุ้นที่ราคาขึ้นมาซัก 5-10 เด้งแล้ว จะโตต่อยาก ถ้าจะให้พอร์ตโตต่อแบบก้าวกระโดด จะต้องเอาเงินส่วนใหญ่ หาหุ้นตีแตก ที่จะขึ้นหลายๆเท่าต่อไป และต้องซื้อในจำนวนมากด้วย ถึงจะสามารถทำให้พอร์ตโตหลายเท่าได้ โดยเปลี่ยนตัวไปเรื่อยๆเมื่อหุ้นที่ถืออยู่ เริ่มจะโตช้าแล้ว ความยากมันก็อยู่ตรงนี้ เพราะเท่ากับต้องรับความเสี่ยงมากขึ้นหากผลไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เท่ากับว่า หากพลาด คุณก็ต้องสูญเสียเม็ดเงินไปในจำนวนมากตามขนาดของพอร์ตที่โตขึ้นเช่นกัน
อันนี้เท่าที่เห็นจากคนรู้จัก 2 ราย ที่มีพอร์ตเริ่มที่หลักแสน หลักล้าน แล้วปั้นจนเป็น 200 กับ 2000 ล้านตามลำดับนะ ( ไม่ง่ายเลย ต้องอาศัยทั้งฝีมือ โชค และจังหวะจริงๆ)
เท่าที่เห็น คนเหล่านี้ จะซื้อหุ้นน้อยตัว แบบไม่ต้องกระจายความเสี่ยง แต่ลงแต่ละตัวเยอะๆ เลย ส่วนใหญ่ ได้จากหุ้น turnaround ค่ะ
ปล. 2 รายที่ว่ามา เป็นหมอทั้งคู่ค่ะ รายแรกเป็นเพื่อนเราเอง อีกรายเอ่ยชื่อก็คงรู้จักกันทั้งนั้น แต่หมอส่วนใหญ่ที่เล่นหุ้น เท่าที่เห็นจะขาดทุนหรือแค่เสมอตัว ไม่ก็ได้นิดๆหน่อยๆนะ อิอิ
แต่การจะให้กลายเป็น 100 ล้าน คราวนี้ต้องพึ่งการเติบโตของราคาหุ้นแทบจะล้วนๆ เพราะเงินที่เติมเข้าไป เป็นอัตราส่วนไม่มากแล้ว
หุ้นที่ราคาขึ้นมาซัก 5-10 เด้งแล้ว จะโตต่อยาก ถ้าจะให้พอร์ตโตต่อแบบก้าวกระโดด จะต้องเอาเงินส่วนใหญ่ หาหุ้นตีแตก ที่จะขึ้นหลายๆเท่าต่อไป และต้องซื้อในจำนวนมากด้วย ถึงจะสามารถทำให้พอร์ตโตหลายเท่าได้ โดยเปลี่ยนตัวไปเรื่อยๆเมื่อหุ้นที่ถืออยู่ เริ่มจะโตช้าแล้ว ความยากมันก็อยู่ตรงนี้ เพราะเท่ากับต้องรับความเสี่ยงมากขึ้นหากผลไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เท่ากับว่า หากพลาด คุณก็ต้องสูญเสียเม็ดเงินไปในจำนวนมากตามขนาดของพอร์ตที่โตขึ้นเช่นกัน
อันนี้เท่าที่เห็นจากคนรู้จัก 2 ราย ที่มีพอร์ตเริ่มที่หลักแสน หลักล้าน แล้วปั้นจนเป็น 200 กับ 2000 ล้านตามลำดับนะ ( ไม่ง่ายเลย ต้องอาศัยทั้งฝีมือ โชค และจังหวะจริงๆ)
เท่าที่เห็น คนเหล่านี้ จะซื้อหุ้นน้อยตัว แบบไม่ต้องกระจายความเสี่ยง แต่ลงแต่ละตัวเยอะๆ เลย ส่วนใหญ่ ได้จากหุ้น turnaround ค่ะ
ปล. 2 รายที่ว่ามา เป็นหมอทั้งคู่ค่ะ รายแรกเป็นเพื่อนเราเอง อีกรายเอ่ยชื่อก็คงรู้จักกันทั้งนั้น แต่หมอส่วนใหญ่ที่เล่นหุ้น เท่าที่เห็นจะขาดทุนหรือแค่เสมอตัว ไม่ก็ได้นิดๆหน่อยๆนะ อิอิ
แสดงความคิดเห็น
ลงทุนจาก 7 หลักไป 8 หลักได้ แต่ ข้ามไป 9 หลักไม่ได้สักที จุดเปลี่ยนอยู่ที่ไหนครับ ?
(ใช้เวลาเกือบ 25 ปี)
หลังจากนั้นผมก็ลงทุนในหุ้น ช่วงset 1000+
แผนการลงทุน ณ ช่วงนั้น
1. ซื้อหุ้นพื้นฐานดีหลายๆตัวแล้วก็ถือยาวตามแบบ VI (เพราะอ่านตีแตกของ ดร.นิเวศน์)
หลายๆตัวกำไรขึ้นไปหลายร้อย% บางตัวถือจนกำไร 700%-800% ก็มี
2. ช่วงนั้นรายได้ อยู่ประมาณ 70,000-80,000 บาท ซื้อหุ้นทันที 50,000 บาท ทุกเดือน
ใช้เวลา 2-3 ปี ไม่เกินนี้
พอร์ทเพิ่มขึ้น 1 หลัก จาก 7หลักไป 8หลัก
แต่ปัจจุบัน หุ้นหลายๆตัวที่เคยขึ้นแรงๆ ตอนนี้ไม่ค่อยขยับ หลายๆตัวโตมีการเติบโตช้าลง
แผนการลงทุน ณ ตอนนี้
1. ดอกเบี้ยทบต้นเอา โดยที่ผมไม่เอาปันผลออกมาใช้เลย พอได้มาก็ซื้อทับตัวเดิมซ้ำเข้าไปอีก
2. แล้วก็ใช้หลักการ DCA หุ้น โดยการซื้อเพิ่มเข้าไปทุกเดือน ในหุ้นพื้นฐานดี
3. ทำงานเสริมเพิ่ม
(ใช้เวลา 2-3 ปี ผ่านไป)
รายได้ปัจจุบัน รวมงานเสริมที่ไปทำ เฉลี่ย 280,000 บาท ซื้อหุ้นทันที 200,000 บาท ทุกเดือน
พอร์ทโตขึ้นอีกเท่าตัวแต่ยังห่างไกลจากการเพิ่มหลักอีกเยอะเลยครับ
คำถาม คือ อะไรคือจุดเปลี่ยนที่จะทำให้พอร์ทเพิ่มขึ้น 10 เท่า ได้อีกครั้ง
1. ผมต้องรอจนเกิด วิกฤตเหมือนกับช่วงแรกที่ผมเล่นหุ้นแล้ว ถือยาวข้ามมันไปใช่รึเปล่า??
2. ผมถือหุ้น Market Cap. แสนล้าน พวกนี้โตยากแล้วหรือไม่ ?? ควรเสี่ยงมาเล่นหุ้น turn around หรือ หุ้นปั่นหรือไม่
*(ปล มีความรู้เรื่องกราฟอยู่บ้างแต่ไม่ถึงขั้นเทพ)
3. การ DCA ในหุ้นต้องใช้เวลามากกว่านี้ เพราะ 5-6 ปีถือว่ายังน้อยเกินไปที่จะเห็นผล ??
4. อัตราส่วนรายได้ผมน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับเป้าหมายใหม่
5. หรือ ใครมีความเห็นว่ายังไงบ้างครับ ??
นี้เป็นกระทู้แรกไม่ทราบว่า แท็กผิดห้องประการใดขออภัยครับ