เป้า 127-134
นารี อภิเศวตกานต์ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล.ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยว่า บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เผยแผนการดำเนินงาน 5 ปี เงินลงทุนทั้งสิ้น 33,279 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็นรายจ่ายลงทุน (Capital Expenditure) 20,732 ล้านเหรียญสหรัฐ และรายจ่ายดำเนินงาน (Operating Expenditure) 12,547 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนปริมาณขาย คาดอัตราเติบโตเฉลี่ย (CAGR) (2025-2030) +3.5% ต่อปี ซึ่งหลัก ๆ จะมาจากแหล่งผลิตในไทย, เมียนมาร์, มาเลเซีย, โอมาน และตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ แนวโน้มไตรมาส 4/68 คาดปริมาณขายเพิ่มหลังรับรู้โครงการใหม่ ๆ เต็มไตรมาส เช่นโครงการ A18 และ Touat ขณะที่ในไทยคาดไม่มีการหยุดซ่อมอย่างไตรมาสก่อนหน้า เช่นเดียวกับปริมาณขายในแอฟริกาคาดเพิ่มขึ้นจากปัจจัยฤดูกาล
อย่างไรก็ตาม ราคาขายเฉลี่ยอาจอ่อนลง q-q ตามราคาน้ำมันที่ลดลง เบื้องต้นเรามีปรับลดประมาณการลงจากเดิมจากการปรับลดสมมติฐานราคาขายลงตามราคาน้ำมันดิบที่ลดลง แต่มีปรับปริมาณขายเพิ่มเป็น 508.6 KBOED และราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 5.7 เหรียญ/ MMBTU ภายใต้ราคาน้ำมันดิบดูไบ 69.75 เหรียญ/บาร์เรล ทำให้เราปรับกำไรสุทธิลงเหลือ 52,373 ล้านบาท หด -33% y-y
อย่างไรก็ตาม คงแนะนำ “ซื้อ” แต่ปรับใช้ราคาเหมาะสมเป็นปี 2569 และปรับราคาลงเหลือ 127.50 บาท/หุ้น จากการปรับลดประมาณการตามสมมติฐานใหม่
“จากการแจ้งแผนการดำเนินงาน 5 ปีข้างหน้า ประกอบกับแนวโน้มราคาน้ำมันที่ปรับลง แม้ปริมาณขายจะเพิ่มขึ้น q-q แต่การดำเนินงานอาจไม่เด่นนักตามราคาน้ำมันที่ปรับลง ปัจจัยต้องติดตามคือแนวโน้มราคาน้ำมันที่อาจเป็นปัจจัยกดดันการดำเนินงานจากการเข้าสู่ช่วงปรับราคาอีกครั้งในช่วงไตรมาส 4/68 กลยุทธ์การลงทุน ยังคงแนะนำให้ซื้อขายเล่นรอบตามแนวโน้มราคาน้ำมันขาขึ้นเป็นหลัก”
อ่านต่อ:
https://www.bangkokbiznews.com/finance/stock/1211355
PTTEP เปิดแผนลงทุน 5 ปี ทุ่ม 3.3 หมื่นล้านดอลลาร์ คาดยอดขายปลายปีโต ท่ามกลางแรงกดดันราคาน้ำมัน
นารี อภิเศวตกานต์ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล.ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยว่า บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เผยแผนการดำเนินงาน 5 ปี เงินลงทุนทั้งสิ้น 33,279 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็นรายจ่ายลงทุน (Capital Expenditure) 20,732 ล้านเหรียญสหรัฐ และรายจ่ายดำเนินงาน (Operating Expenditure) 12,547 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนปริมาณขาย คาดอัตราเติบโตเฉลี่ย (CAGR) (2025-2030) +3.5% ต่อปี ซึ่งหลัก ๆ จะมาจากแหล่งผลิตในไทย, เมียนมาร์, มาเลเซีย, โอมาน และตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ แนวโน้มไตรมาส 4/68 คาดปริมาณขายเพิ่มหลังรับรู้โครงการใหม่ ๆ เต็มไตรมาส เช่นโครงการ A18 และ Touat ขณะที่ในไทยคาดไม่มีการหยุดซ่อมอย่างไตรมาสก่อนหน้า เช่นเดียวกับปริมาณขายในแอฟริกาคาดเพิ่มขึ้นจากปัจจัยฤดูกาล
อย่างไรก็ตาม ราคาขายเฉลี่ยอาจอ่อนลง q-q ตามราคาน้ำมันที่ลดลง เบื้องต้นเรามีปรับลดประมาณการลงจากเดิมจากการปรับลดสมมติฐานราคาขายลงตามราคาน้ำมันดิบที่ลดลง แต่มีปรับปริมาณขายเพิ่มเป็น 508.6 KBOED และราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 5.7 เหรียญ/ MMBTU ภายใต้ราคาน้ำมันดิบดูไบ 69.75 เหรียญ/บาร์เรล ทำให้เราปรับกำไรสุทธิลงเหลือ 52,373 ล้านบาท หด -33% y-y
อย่างไรก็ตาม คงแนะนำ “ซื้อ” แต่ปรับใช้ราคาเหมาะสมเป็นปี 2569 และปรับราคาลงเหลือ 127.50 บาท/หุ้น จากการปรับลดประมาณการตามสมมติฐานใหม่
“จากการแจ้งแผนการดำเนินงาน 5 ปีข้างหน้า ประกอบกับแนวโน้มราคาน้ำมันที่ปรับลง แม้ปริมาณขายจะเพิ่มขึ้น q-q แต่การดำเนินงานอาจไม่เด่นนักตามราคาน้ำมันที่ปรับลง ปัจจัยต้องติดตามคือแนวโน้มราคาน้ำมันที่อาจเป็นปัจจัยกดดันการดำเนินงานจากการเข้าสู่ช่วงปรับราคาอีกครั้งในช่วงไตรมาส 4/68 กลยุทธ์การลงทุน ยังคงแนะนำให้ซื้อขายเล่นรอบตามแนวโน้มราคาน้ำมันขาขึ้นเป็นหลัก”
อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/finance/stock/1211355